ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การผจญภัยที่ไม่ต้องการ
            นิวาตลืมตาขึ้นมา เขาทบทวนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อวานนี้ เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตัวเขาเองหลับไป หรือสลบไป ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้าเช่นเคย เขามองมันแบบเดิมเพียงแต่
เขาไม่มีบ้านแล้ว ไม่มีแม่ที่คอยเรียกเขาไปกินข้าวเช้า เขาครุ่นคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เขาเคยมี น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
            “ขอให้ลูกเข้มแข็ง” เสียงหนึ่งดังมาจากสมองของนิวาต ใช่แล้ว มันเป็นเสียงของพ่อเขาเอง เป็นพรที่เขาควรจะกระทำตลอดไป การร้องไห้เมื่อวานนี้ ควรจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา นับแต่นี้เป็นต้นไป คงเป็นการผจญภัย ซึ่งเขาไม่เคยจะต้องการมันเลย
            นิวาตเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง ตอนนี้ความคิดของเขาเป็นอย่างนี้
            “ตอนนี้ไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว ใช่สิ ก็ไอ้ชายบ้า ๆ สองคนนั้น มันทำลายบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ควรทำอะไรดี ถ้าไม่มีบ้านอยู่แล้ว ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ ยังไงก็ไม่มีอะไรเสียแล้วนี่ ออกเดินทางเลยสิ ออกเดินทางเลย” เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว นิวาตก็ลุกขึ้น เขาไม่รอช้ารีบเดินไปตามถนนทันที โดยที่ไม่มีอะไรพกติดตัวไปเลย
           
            “บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะเริ่มสร้างสันถันดรกัปป์(ช่วงเวลาที่มีแต่การฆ่าฟันกันไม่หยุดไม่หย่อน) เราจะสร้างสงครามอันโหดร้าย เวลานั้นจะมีแต่เสียงกรีดร้องระงม ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะรอด และได้มาเป็นพวกเรา กับจอมมาร”เสียงของชายผู้หนึ่ง ในสถานที่ที่ไม่อาจจะรู้ได้
            “แน่ใจหรือนิศากร ว่านายจะทำให้เกิดกัปป์แห่งความบ้าคลั่งแบบนั้นได้” หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยดูถูก
            “หุบปากไปเถอะน่าวิมน เธอไม่ได้ช่วยอะไรก็เงียบซะ” นิศากรตะคอกใส่อย่างโมโห
            “เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร” วิมนพูดเรียบ ๆ ดูเธอจะไม่กลัวเขาเลยซักนิด
            “ไม่ยากเลย” นิศากรลดเสียงลง “เพียงแค่คนเกิดความโลภ ที่จะแก่งแย่งความเป็นใหญ่ มันจะทำให้เกิดความสูญเสีย ยิ่งฝ่ายสูญเสียก็จะโกรธแค้น การแก้แค้นก็จะมีขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นวนไปวนมา นั่นแหละที่เรียกว่า สันถันดรกัปป์ พวกเราและจอมมารปฤษฎ์ก็จะอยู่เบื้องหลัง เมื่อจบกัปป์นี้เราก็จะยึดครองโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย จริง ๆ แล้วมันเริ่มขึ้นแล้วด้วย เธอได้ยินหรือเปล่าที่มีชายลึกลับสองคนบุกทำลายหมู่บ้าน และชิงอัญมณีต่าง ๆ มา
            “อ้อ แน่นอน และฉันก็รู้จักพวกนั้นดีเสียด้วย”
            “นั่นแหละเป็นกลุ่มแรกที่เปิดเผยตัว มันเป็นการก่อตัวเล็ก ๆ และจะขยายใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นผู้รู้จักไปทั่ว มีอีกสองกลุ่ม แต่ตอนนี้พวกนั้นยังไม่เปิดเผยตัว อาจจะกำลังวางแผนอยู่ก็ได้นะ และเมื่อเปิดเผยครบสามกลุ่ม สงครามก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง สามอาณาจักรจะรบพุ่งกันไม่หยุดไม่หย่อน แต่อีกหนึ่งอาณาจักรก็จะคงความสงบไว้” เมื่อพูดจบนิศากรก็สะบัดผ้าคลุม และเขาก็หายไป ส่วนวิมัน เธอก็เรียก ทีฆชาติ(เป็นชื่อของงูยักษ์ชนิดหนึ่ง) แล้วเธอก็หายไปพร้อมกับมัน
            นิวาตเดินทางอย่างทุลักทุเลมาเรื่อย ๆ ข้างทางพอจะมีอาหารอยู่บ้าง เขาเลือกเก็บเฉพาะที่เขารู้จัก แน่นอนการเดินทางมันไม่มีความสุขเท่าอยู่ที่บ้านหรอก นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบการเดินทาง ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว หลังจากหมู่บ้านได้ถูกทำลาย สิ่งที่เขาผ่านมาก็มีแต่ป่า ป่า และป่า แต่วันนี้คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเขาได้เดินทางมาถึงเมืองแห่งหนึ่งแล้ว
            “เย้ ถึงแล้ว” นิวาตตะโกนอย่างมีความสุข แล้วเขาก็รีบวิ่งลงจากภูเขา เพื่อไปที่เมืองนั้น จุดหมายที่เขาต้องการ เขาได้พบมันแล้ว
            นิวาตหยุดทันทีเมื่อถึงหน้าเมือง เขาลืมคิดไปว่า เขาจะอยู่เมืองนี้ได้อย่างไร เขาไม่รู้จักใครซักหน่อย และที่สำคัญ เขาไม่มีเงินติดตัวเลยซักจีด เหมือนเทพสงสารเขา มีเสียงคนหนึ่งเรียกเขา
            “เฮ้นายมาใหม่เรอะ” เด็กชายคนนั้นถาม สภาพร่างกายเขาไม่ต่างจากนิวาตมาก อายุน่าจะพอ ๆ กัน “ฉันชื่อวิจักษณ์ แล้วนายล่ะ” เขาดูร้อนรนที่จะทำความรู้จักกับนิวาตมาก
            “เอ่อ ฉันชื่อนิวาตน่ะ” นิวาตยังงง ๆ อยู่แน่ละที่อยู่ ก็มีคนมาทัก
            “ดีเลย ฉันจะพานายไปรู้จักกับอาจารย์ของฉันในเมือง” แล้วเขาก็พานิวาตเข้าไปในตัวเมือง
            สภาพของเมืองนี้ก็ไม่แตกต่างจากหมู่บ้านของนิวาตมากนัก อาจจะมีแตกต่างบ้างเล็กน้อย เพราะมีร้านค้า และที่พักมากกว่าที่หมู่บ้านของเขา ยิ่งเห็นบรรยากาศแบบนี้มากเท่าไหร่ มันก็ทำให้เขาคิดถึงบ้านของเขามากเท่านั้น ขณะที่เขากำลังคิดเพลิน ๆ วิจักษณ์ก็มาหยุดที่ซอกบ้านที่หนึ่ง
            “ถึงแล้วล่ะ ที่นี่เลย” วิจักษณ์บอก แล้วเขาก็เดินเข้าไปในนั้น นิวาตยังงง ๆ อยู่ เพราะที่นี่มีแต่ขยะ
            “อาจารย์อยู่ในที่แบบนี้หรือ” นิวาตคิด  วิจักษณ์เอาเท้าของเขาเขี่ยขยะ ที่กองอยู่ มันมีสัญลักษณ์วงกลมแบบหนึ่ง เขียนไว้อยู่ที่พื้น
            “นี่คือวงกลมเคลื่อนย้ายน่ะครับ มันเป็นเวทมนตร์ที่ผนึกติดกับที่ใดที่หนึ่งไว้ เพียงพูดคำของวงกลมนี้(กำหนดโดยผู้สร้าง) มันก็จะพาเราไปยังจุดหมาย” วิจักษณ์ค่อย ๆ เดินไปยืนบนวงกลมนั้น “จำคำพูดให้ดี ๆ นะครับ แล้วทำตาม      จงพาข้าไปยังที่ของเจ้า” สิ้นเสียงวิจักษณ์ ก็มีแสงวาบหนึ่ง แล้วเขาก็หายไป
            นิวาตไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขายังอ่อนประสบการณ์ต่อโลกภายนอกยิ่งนัก นิวาตลองไปยืนบนวงกลมนั้นบ้าง “จงพาข้าไปยังที่ของเจ้า”
            “วาบบบบบบบ” นิวาตได้โผล่มาในที่แห่งหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นห้อง พอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่ดิน
            “นิวาต ทางนี้”เสียงของวิจักษณ์ดังมาจากสุดทาง นิวาตเดินไปที่ต้นเสียง  นิวาตดูพอรู้ว่าที่นี่เป็นห้องโถงใหญ่ แล้วเขาก็พบชายร่างใหญ่คนหนึ่งยืนคู่อยู่กับวิจักษณ์ ท่าทางเขาดูแข็งแกร่งมาก
            “นี่อาจารย์ของฉันเอง อาจารย์อุชุน่ะ” วิจักษณ์แนะนำ
            “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” นิวาตตอบรับ
            “อืม” อาจารย์อุชุยืนพิจารณานิวาตอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ามาจากไหนล่ะ”
            “ผมมาจากหมู่บ้านปฏิญญาครับ แต่ตอนนี้หมู่บ้านผมถูกทำลายไปแล้ว”
            “งั้นเหรอ ถ้างั้นเธอก็ต้องเคารพเทพปฏิญญาน่ะสิ เอ้าเอานี่ไปก่อน” อาจารย์อุชุยื่นผลึกเล็ก ๆ ให้นิวาต “เอาไปบูชา ให้มันแทนอัญมณีประจำหมู่บ้าน แล้วเจ้าจำบทบูชาเทพได้หรือเปล่า”
            “ไม่ได้หรอกครับ แต่ผมมีบทบูชาอยู่” นิวาตล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอาบทบูชาให้ดู
            “ดีแล้ว นำผลึกนี่ไป สวดบูชาเทพทุกอาทิตย์ มันจะเป็นแหล่งรวมพลังเวทมนตร์ของเจ้า ซักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นอัญมณีที่เก็บพลังเวทมนตร์สุดยอดได้ และต่อไปมันจะเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า ทีนี้แหละใครจะเอาไปไม่ได้แล้ว พลังเวทมนตร์ของเจ้าคงจะเป็นสายธรรมชาติสินะ”คราวนี้อาจารย์อุชุหันไปหาวิจักษณ์ “ดูแลเพื่อนให้ดี  ๆ นะ” เขายิ้ม แล้วเขาก็เดินไปยืนบนวงกลมเวทมนตร์ ที่มีสัญลักษณ์อีกแบบหนึ่ง เขาทำปากขมุบขมิบ มีแสงวาบเหมือนเดิม แล้วเขาก็หายไป
            “นิวาต ตามมานี่ก่อนเดี๋ยวฉันจะพาไปห้องก่อน” วิจักษณ์สะกิดนิวาตที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสภาพของที่นี่
            “อะ เอ้อ” นิวาตถึงกับสะดุ้ง เขาเปลี่ยนท่าทีใหม่ แล้วเดินตามวิจักษณ์ไป “ฉันอยากรู้นะ ว่าทำไมนายถึงช่วยเหลือฉัน ทั้ง ๆ ทีเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นายไม่กลัวฉันเหรอ”
            “ไม่หรอก ตอนที่ฉันมาเมืองนี้ใหม่ ๆ น่ะ ฉันก็เหมือนนายน่ะแหละ ฉันเดินทางออกมาจากหมู่บ้านที่ถูกทำลาย เดินมาแบบสะบักสะบอม ฉันได้รับความเมตตาจากอาจารย์อุชุ เหมือนนาย อ้าว ถึงห้องพักแล้ว” วิจักษณ์ไขประตู แล้วพานิวาตเข้าห้อง
            “ขะ ขอบคุณมาก”นิวาตตะกุกตะกัก เขาเห็นสภาพห้องมันช่างใหญ่เสียจริง มีอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างดีเสียด้วย ไม่ต่างอะไรกับโรงแรมหรูเลย
            “ตามสบายนะ อ้อ อย่าลืมสวดบูชาเทพด้วยล่ะ เดี๋ยวเวลาอาจารย์สอนเวทมนตร์จะได้พอมีพลังบ้าง” แล้ววิจักษณ์ก็เดินออกไปจากห้อง
            “ขอให้ลูกเข้มแข็ง” เสียงหนึ่งดังมาจากสมองของนิวาต ใช่แล้ว มันเป็นเสียงของพ่อเขาเอง เป็นพรที่เขาควรจะกระทำตลอดไป การร้องไห้เมื่อวานนี้ ควรจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขา นับแต่นี้เป็นต้นไป คงเป็นการผจญภัย ซึ่งเขาไม่เคยจะต้องการมันเลย
            นิวาตเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง ตอนนี้ความคิดของเขาเป็นอย่างนี้
            “ตอนนี้ไม่มีบ้านจะอยู่แล้ว ใช่สิ ก็ไอ้ชายบ้า ๆ สองคนนั้น มันทำลายบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว ควรทำอะไรดี ถ้าไม่มีบ้านอยู่แล้ว ก็ต้องหาที่อยู่ใหม่ ยังไงก็ไม่มีอะไรเสียแล้วนี่ ออกเดินทางเลยสิ ออกเดินทางเลย” เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว นิวาตก็ลุกขึ้น เขาไม่รอช้ารีบเดินไปตามถนนทันที โดยที่ไม่มีอะไรพกติดตัวไปเลย
           
            “บัดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะเริ่มสร้างสันถันดรกัปป์(ช่วงเวลาที่มีแต่การฆ่าฟันกันไม่หยุดไม่หย่อน) เราจะสร้างสงครามอันโหดร้าย เวลานั้นจะมีแต่เสียงกรีดร้องระงม ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่จะรอด และได้มาเป็นพวกเรา กับจอมมาร”เสียงของชายผู้หนึ่ง ในสถานที่ที่ไม่อาจจะรู้ได้
            “แน่ใจหรือนิศากร ว่านายจะทำให้เกิดกัปป์แห่งความบ้าคลั่งแบบนั้นได้” หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยดูถูก
            “หุบปากไปเถอะน่าวิมน เธอไม่ได้ช่วยอะไรก็เงียบซะ” นิศากรตะคอกใส่อย่างโมโห
            “เปล่า ฉันแค่อยากรู้ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร” วิมนพูดเรียบ ๆ ดูเธอจะไม่กลัวเขาเลยซักนิด
            “ไม่ยากเลย” นิศากรลดเสียงลง “เพียงแค่คนเกิดความโลภ ที่จะแก่งแย่งความเป็นใหญ่ มันจะทำให้เกิดความสูญเสีย ยิ่งฝ่ายสูญเสียก็จะโกรธแค้น การแก้แค้นก็จะมีขึ้น สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นวนไปวนมา นั่นแหละที่เรียกว่า สันถันดรกัปป์ พวกเราและจอมมารปฤษฎ์ก็จะอยู่เบื้องหลัง เมื่อจบกัปป์นี้เราก็จะยึดครองโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย จริง ๆ แล้วมันเริ่มขึ้นแล้วด้วย เธอได้ยินหรือเปล่าที่มีชายลึกลับสองคนบุกทำลายหมู่บ้าน และชิงอัญมณีต่าง ๆ มา
            “อ้อ แน่นอน และฉันก็รู้จักพวกนั้นดีเสียด้วย”
            “นั่นแหละเป็นกลุ่มแรกที่เปิดเผยตัว มันเป็นการก่อตัวเล็ก ๆ และจะขยายใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นผู้รู้จักไปทั่ว มีอีกสองกลุ่ม แต่ตอนนี้พวกนั้นยังไม่เปิดเผยตัว อาจจะกำลังวางแผนอยู่ก็ได้นะ และเมื่อเปิดเผยครบสามกลุ่ม สงครามก็จะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง สามอาณาจักรจะรบพุ่งกันไม่หยุดไม่หย่อน แต่อีกหนึ่งอาณาจักรก็จะคงความสงบไว้” เมื่อพูดจบนิศากรก็สะบัดผ้าคลุม และเขาก็หายไป ส่วนวิมัน เธอก็เรียก ทีฆชาติ(เป็นชื่อของงูยักษ์ชนิดหนึ่ง) แล้วเธอก็หายไปพร้อมกับมัน
            นิวาตเดินทางอย่างทุลักทุเลมาเรื่อย ๆ ข้างทางพอจะมีอาหารอยู่บ้าง เขาเลือกเก็บเฉพาะที่เขารู้จัก แน่นอนการเดินทางมันไม่มีความสุขเท่าอยู่ที่บ้านหรอก นั่นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่ชอบการเดินทาง ตอนนี้ก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว หลังจากหมู่บ้านได้ถูกทำลาย สิ่งที่เขาผ่านมาก็มีแต่ป่า ป่า และป่า แต่วันนี้คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเขาได้เดินทางมาถึงเมืองแห่งหนึ่งแล้ว
            “เย้ ถึงแล้ว” นิวาตตะโกนอย่างมีความสุข แล้วเขาก็รีบวิ่งลงจากภูเขา เพื่อไปที่เมืองนั้น จุดหมายที่เขาต้องการ เขาได้พบมันแล้ว
            นิวาตหยุดทันทีเมื่อถึงหน้าเมือง เขาลืมคิดไปว่า เขาจะอยู่เมืองนี้ได้อย่างไร เขาไม่รู้จักใครซักหน่อย และที่สำคัญ เขาไม่มีเงินติดตัวเลยซักจีด เหมือนเทพสงสารเขา มีเสียงคนหนึ่งเรียกเขา
            “เฮ้นายมาใหม่เรอะ” เด็กชายคนนั้นถาม สภาพร่างกายเขาไม่ต่างจากนิวาตมาก อายุน่าจะพอ ๆ กัน “ฉันชื่อวิจักษณ์ แล้วนายล่ะ” เขาดูร้อนรนที่จะทำความรู้จักกับนิวาตมาก
            “เอ่อ ฉันชื่อนิวาตน่ะ” นิวาตยังงง ๆ อยู่แน่ละที่อยู่ ก็มีคนมาทัก
            “ดีเลย ฉันจะพานายไปรู้จักกับอาจารย์ของฉันในเมือง” แล้วเขาก็พานิวาตเข้าไปในตัวเมือง
            สภาพของเมืองนี้ก็ไม่แตกต่างจากหมู่บ้านของนิวาตมากนัก อาจจะมีแตกต่างบ้างเล็กน้อย เพราะมีร้านค้า และที่พักมากกว่าที่หมู่บ้านของเขา ยิ่งเห็นบรรยากาศแบบนี้มากเท่าไหร่ มันก็ทำให้เขาคิดถึงบ้านของเขามากเท่านั้น ขณะที่เขากำลังคิดเพลิน ๆ วิจักษณ์ก็มาหยุดที่ซอกบ้านที่หนึ่ง
            “ถึงแล้วล่ะ ที่นี่เลย” วิจักษณ์บอก แล้วเขาก็เดินเข้าไปในนั้น นิวาตยังงง ๆ อยู่ เพราะที่นี่มีแต่ขยะ
            “อาจารย์อยู่ในที่แบบนี้หรือ” นิวาตคิด  วิจักษณ์เอาเท้าของเขาเขี่ยขยะ ที่กองอยู่ มันมีสัญลักษณ์วงกลมแบบหนึ่ง เขียนไว้อยู่ที่พื้น
            “นี่คือวงกลมเคลื่อนย้ายน่ะครับ มันเป็นเวทมนตร์ที่ผนึกติดกับที่ใดที่หนึ่งไว้ เพียงพูดคำของวงกลมนี้(กำหนดโดยผู้สร้าง) มันก็จะพาเราไปยังจุดหมาย” วิจักษณ์ค่อย ๆ เดินไปยืนบนวงกลมนั้น “จำคำพูดให้ดี ๆ นะครับ แล้วทำตาม      จงพาข้าไปยังที่ของเจ้า” สิ้นเสียงวิจักษณ์ ก็มีแสงวาบหนึ่ง แล้วเขาก็หายไป
            นิวาตไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก เขายังอ่อนประสบการณ์ต่อโลกภายนอกยิ่งนัก นิวาตลองไปยืนบนวงกลมนั้นบ้าง “จงพาข้าไปยังที่ของเจ้า”
            “วาบบบบบบบ” นิวาตได้โผล่มาในที่แห่งหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นห้อง พอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นแต่ดิน
            “นิวาต ทางนี้”เสียงของวิจักษณ์ดังมาจากสุดทาง นิวาตเดินไปที่ต้นเสียง  นิวาตดูพอรู้ว่าที่นี่เป็นห้องโถงใหญ่ แล้วเขาก็พบชายร่างใหญ่คนหนึ่งยืนคู่อยู่กับวิจักษณ์ ท่าทางเขาดูแข็งแกร่งมาก
            “นี่อาจารย์ของฉันเอง อาจารย์อุชุน่ะ” วิจักษณ์แนะนำ
            “ยินดีที่ได้รู้จักครับ” นิวาตตอบรับ
            “อืม” อาจารย์อุชุยืนพิจารณานิวาตอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ามาจากไหนล่ะ”
            “ผมมาจากหมู่บ้านปฏิญญาครับ แต่ตอนนี้หมู่บ้านผมถูกทำลายไปแล้ว”
            “งั้นเหรอ ถ้างั้นเธอก็ต้องเคารพเทพปฏิญญาน่ะสิ เอ้าเอานี่ไปก่อน” อาจารย์อุชุยื่นผลึกเล็ก ๆ ให้นิวาต “เอาไปบูชา ให้มันแทนอัญมณีประจำหมู่บ้าน แล้วเจ้าจำบทบูชาเทพได้หรือเปล่า”
            “ไม่ได้หรอกครับ แต่ผมมีบทบูชาอยู่” นิวาตล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอาบทบูชาให้ดู
            “ดีแล้ว นำผลึกนี่ไป สวดบูชาเทพทุกอาทิตย์ มันจะเป็นแหล่งรวมพลังเวทมนตร์ของเจ้า ซักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นอัญมณีที่เก็บพลังเวทมนตร์สุดยอดได้ และต่อไปมันจะเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้า ทีนี้แหละใครจะเอาไปไม่ได้แล้ว พลังเวทมนตร์ของเจ้าคงจะเป็นสายธรรมชาติสินะ”คราวนี้อาจารย์อุชุหันไปหาวิจักษณ์ “ดูแลเพื่อนให้ดี  ๆ นะ” เขายิ้ม แล้วเขาก็เดินไปยืนบนวงกลมเวทมนตร์ ที่มีสัญลักษณ์อีกแบบหนึ่ง เขาทำปากขมุบขมิบ มีแสงวาบเหมือนเดิม แล้วเขาก็หายไป
            “นิวาต ตามมานี่ก่อนเดี๋ยวฉันจะพาไปห้องก่อน” วิจักษณ์สะกิดนิวาตที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับสภาพของที่นี่
            “อะ เอ้อ” นิวาตถึงกับสะดุ้ง เขาเปลี่ยนท่าทีใหม่ แล้วเดินตามวิจักษณ์ไป “ฉันอยากรู้นะ ว่าทำไมนายถึงช่วยเหลือฉัน ทั้ง ๆ ทีเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นายไม่กลัวฉันเหรอ”
            “ไม่หรอก ตอนที่ฉันมาเมืองนี้ใหม่ ๆ น่ะ ฉันก็เหมือนนายน่ะแหละ ฉันเดินทางออกมาจากหมู่บ้านที่ถูกทำลาย เดินมาแบบสะบักสะบอม ฉันได้รับความเมตตาจากอาจารย์อุชุ เหมือนนาย อ้าว ถึงห้องพักแล้ว” วิจักษณ์ไขประตู แล้วพานิวาตเข้าห้อง
            “ขะ ขอบคุณมาก”นิวาตตะกุกตะกัก เขาเห็นสภาพห้องมันช่างใหญ่เสียจริง มีอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างดีเสียด้วย ไม่ต่างอะไรกับโรงแรมหรูเลย
            “ตามสบายนะ อ้อ อย่าลืมสวดบูชาเทพด้วยล่ะ เดี๋ยวเวลาอาจารย์สอนเวทมนตร์จะได้พอมีพลังบ้าง” แล้ววิจักษณ์ก็เดินออกไปจากห้อง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น