คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เกล็ดแก้ว แวววับ
เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มไปทั่ว ผู้คนที่เริ่มรู้เรื่องหลายสิบคนที่มามุงดูต่างตกอกตกใจเสียงฟ้าร้องกันยกใหญ่ขยับตัวเข้ามาให้ชิดกันมากยิ่งขึ้นบางคนวิ่งหนีไปเลยก็มี มีเพียงผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่สนใจอะไรเลยเธอได้แต่นั่งร้องให้แทบเป็นแทบตาย คร่ำครวญถึงลูกชายสุดที่รักอันเป็นดวงใจของเธอ
“ลูกแม่.. ทำไมลูกทำกับแม่อย่างนี้ ลูกอย่าทิ้งแม่ให้อยู่คนเดียวเลย”
เสียงร่ำให้โอดครวญด้วยความโศกเศร้าอย่างไม่หยุดหย่อนของผู้เป็นมารดาของเด็ก ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
ขวัญเรือนมองไปที่ผืนน้ำ วัตถุหรือว่าอะไรสักอย่างหนึ่งกำลังลอยเข้าฝั่งมาเรื่อยๆจนกระทั้งลอยเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น
ร่างของเด็กชายคนหนึ่งลอยเข้ามาเข้าสู่ฝั่งอย่างไม่น่าเชื่อ ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เขื่อนกักเก็บน้ำแห่งนี้ รีบวิ่งกระโจนลงน้ำแล้วอุ้มเด็กคนนั้นเข้าฝั่งทันที แล้วรีบปฐมพยาบาลเป็นการด่วน จนกระทั้งเด็กชายสำลักน้ำออกมา ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ก็ดีอกดีใจเมื่อเห็นภาพแม่กำลังกอดลูกด้วยความรักและห่วงใย
แม่ของเด็กยกมือไหว้ขอบคุณขวัญเรือนหลายสิบรอบ หากแต่เธอกลับไม่สนใจใดใดทั้งสิ้น ได้แต่ยืนชะเง้อมองไปที่ผืนน้ำที่ปราศจากร่างของเพื่อนสาว
“นาคี..ขึ้นมาสิ” ขวัญเรือนพูดในใจ หันหน้าไปที่สองแม่ลูก ผู้เป็นแม่ไหว้กราบเธอเป็นการใหญ่
“ไม่ต้องมาไหว้ฉันเลยนะ และก็ไม่ต้องมาขอบคงขอบคุณอะไรฉันหรอก เป็นแม่คนก็ต้องรู้จักอบรมสั่งสอนในสิ่งที่ถูกต้องสิ่งที่ควรกระทำไม่ใช่ปล่อยปละละเลย แล้วสุดท้ายคนที่เสียใจก็คือตัวเธอเอง และฉันเองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเธอและลูกของเธอเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมฉันจะต้องมาเสียใจกับเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วย”
เธอตวาดใส่สองแม่ลูกด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนสาวสุดหัวใจ เลยระบายออกมาเป็นอารมณ์โมโห แม่ของเด็กขอโทษขอโพยขวัญเรือนเป็นการใหญ่ หญิงสาวทรุดตัวนั่งลงมากุมมือเธอไว้ แล้วมองตาผู้หญิงคนดังกล่าว
“ฉันขอโทษที่พูดแรงไป คุณรักลูกคุณมาก ฉันก็รักเพื่อนของฉันเหมือนกัน” ขวัญเรือนพูด ในขณะที่พวงแก้มของผู้หญิงสองคนต่างเปียกปอนไปด้วยน้ำตา
“พาลูกคุณกลับบ้านก่อนเถอะนะค่ะ แล้วพาไปโรงพยาบาลหรือคลินิก ลูกคุณเจอทั้งน้ำ ทั้งฝน ทั้งลม ทั้งอากาศที่หนาว เดี่ยวจะไม่สบายเอา”
ขวัญเรือนลุกขึ้นยืนชะเง้อมองลงไปในน้ำ นี้ก็นานเกือบชั่วโมงแล้วที่นาคีหายไป ท้องฟ้าสว่างสดใสเช่นเดิม ฝนที่ตกลงมาอยู่ดีดีก็หยุดตกแบบไม่เป็นปี่เป็นขลุ่ย น้ำตาของขวัญเรือนไหลลงมาอาบแก้มนวลเมื่อชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้นมา
ขวัญเรือนวิ่งพรวดลงไปในน้ำหวังจะไปช่วยเพื่อนรัก แต่เจ้าหน้าที่คว้าตัวเธอไว้ซะก่อน มือของเธอตีน้ำลงไปอย่างเคียดแค้นที่บังอาจมาพรากชีวิตของนาคีเพื่อนรัก เพื่อนแท้ เพื่อนตาย คนเดียวของเธอ
“ยายนาคี...อีบ้าเอ้ย...ฮื้อๆๆ...อยู่ๆก็หนีฉันไป...แล้วฉันจะมีเพื่อนคนไหนที่ดีอย่างเธอ..”
ขวัญเรือนโอดครวญร้องให้เป็นการใหญ่ เป็นที่น่าเวทนาสงสารเหลือเกิน ครู่หนึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ขับเรือไปสำรวจและกลับเข้าฝั่งด้วยคำตอบคือความผิดหวัง
หลายคนพยามยามปลอบใจแต่ก็ต้องหน้าหงายกลับมา เมื่อขวัญเรือนไม่ยอมรับว่านาคีเสียชีวิตแล้ว
เธอเอาแต่ร้องให้ฟูมฟาย ร้องเรียกเพื่อนสาวให้ขึ้นมาอยู่นานแสนนาน
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
หลังจากที่รู้ว่าเด็กชายคนนั้นปลอดภัยดีแล้ว นาคีก็ถูกผีพรายดึงร่างบางของหญิงสาวให้จมดิ่งสู่ก้นน้ำลึกลงไปมากยิ่งขึ้น
“ผีพรายน้ำเลิกทำแบบนี้เถอะนะ...ถ้าขืนผีพรายน้ำยังพรากชีวิตคนฆ่าคนอีก...ผีพรายน้ำก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่ใต้น้ำแห่งนี้ตลอดไป...ไม่มีวันได้ไปผุดไปเกิด..แต่ถ้าผีพรายน้ำหยุด..ความดีอาจจะช่วยได้นะค่ะ”
“อย่ามาหลอกข้าให้เสียเวลาเลย นังหนู”
นาคีมองไปที่ร่างกายของผีพรายในสภาพของหญิงชรา สีหน้าที่เต็มไปด้วยกิเลศเข้าครอบงำ
“ยายจ๋า ยายหยุดเถอะนะ..หนูสงสารยายจังเลย”
“แกมาสงสารฉันทำไมรึ สงสารตัวเองซะก่อนเถอะ แกจะตกเป็นตัวตายตัวแทนของข้าวิญญาณของแกจะถูกจองจำอยู่ที่นี่ตลอดไป ใครหน้าไหนก็ช่วยแกไม่ได้” พูดจบเสียงร้องโหยหวนของเธอก็ดังก้องไปทั่วท้องน้ำอย่างสะใจ
“ฉันรอเวลานี้มานาน รอมานานเหลือเกิน แล้ววันนี้ก็มาถึง หุหุ”
“ถ้าเช่นนั้น ฉันก็พร้อมที่จะทำตามคำพูดที่สัญญาไว้กับพรายน้ำแล้ว” นาคียืนนิ่งยินยอมแต่โดยดีด้วยกิริยาท่าทางที่สงบ
เตรียมตัวพร้อมรับชะตากรรมของตนเอง
ทันใดนั้นผีพรายน้ำก็แปรสภาพตัวเองอยู่ในรูปกายของหญิงสาวที่สวยงาม หน้าตาของผีพรายน้ำไม่แตกต่างอะไรไปกับนาคีเลย “ดูให้เต็มตาซะ นังหน้าโง่นี้คือตัวตนของเจ้าแต่ไม่นานเจ้าก็จะต้องเป็นเช่นเดียวกับข้า”
พูดจบผีพรายน้ำก็กลับเข้าสู่สภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวอีกครั้ง แต่แล้วพรายน้ำก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นสิ่งสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติไปจากมนุษย์คนอื่น ผู้หญิงคนนี้มีเลือดมนุษย์อยู่ส่วนหนึ่งแล้วเลือดอีกส่วนนั้นละคืออะไร
“แกเป็นใคร..ทำไมอยู่ใต้น้ำได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย..บอกข้ามาเดี่ยวนี้นะ” ผีพรายสยายผมแผ่กว้างด้วยความโกรธ
“ทำไมหรือผีพราย จะฆ่าฉันก็จัดการซะสิ”
“ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการบัดเดียวนี้”
ผีพรายน้ำพยายามที่จะสูบเลือดและวิญญาณของนาคี แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
“นี้แกไม่ใช่มนุษย์หรอกหรือนี้” ผีพรายน้ำพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่เสียดาย เสียเวลา เสียใจเป็นที่สุด
นาคีได้ยินก็ตกใจเช่นเดียวกัน เธอรู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวไม่แตกต่างกับตอนที่อยู่บนบก แล้วที่สำคัญเธอหายใจได้ยังไงในเมื่อเธออยู่ในน้ำ ความคิดบางอย่างเข้ามาในสมอง
“ฉันตายแล้วหรือนี้...ฉันตายแล้ว”
นาคีร้องให้ออกมาเมื่อเข้าใจว่าตัวเองได้เสียชีวิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แก..ยังไม่ตาย..นังหนู”
“แต่ช่างเถอะ แกจะเป็นมนุษย์พิเศษมาจากไหนก็ช่าง ดีเหมือนกันข้าจะได้มีอำนาจมากยิ่งขึ้น”
พรายน้ำยื่นมือมาบีบคอของหญิงสาว แล้วก็กรี๊ดร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อสัมผัสถูกปานรูปดวงแก้วที่กลางหน้าอกของนาคีเข้า นาคีไม่รู้ว่าทำไมพรายน้ำต้องเจ็บปวดมากมายขนาดนั้น แววตาสีหน้าที่แสดงออกมาซึ่งความเจ็บปวดทรมาน
“โอ๊ย... นังปีศาจแกเองก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากฉัน แกมันเป็นปีศาจ”
“ไม่จริง”
“แล้วทำไมแกถึงอยู่ในน้ำได้ ทำไมแกถึงพูดกับข้าได้ ทำไมแกหายใจได้เป็นปกติ”
ผีพรายน้ำส่องกระแสจิตพินิจตรวจตราว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกันแน่
“กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผีพรายน้ำลืมตาขึ้นมาก็กรีดร้องโหยหวนเมื่อเห็นความจริงที่ปรากฏในนิมิต
“ที่แท้เจ้าก็เป็นคนที่ทุกทุกคนต่างตามหา กันมานานแสนนาน ความจริงได้ปรากฏเป็นที่เรียบร้อย”
นาคีสายหน้าไปมา เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ผีพรายพูด จนกระทั้งเห็นสิ่งๆหนึ่งก็ตกใจอย่างมาก สิ่งนั้นคล้ายกับรูปปั้นที่อยู่ในวัดทั่วๆไป ตามปราสาทเขาพนมรุ้งที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตามโบสถ์ หรือสถานที่อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธ ที่ชาวบ้านเรียกขานกันว่า“พนานาคราช”หรือ “พญานาค”นั้นเอง สัตว์วิเศษที่โบราณกล่าวขานไว้มีจริงหรือนี้ หญิงสาวคิดในใจ
แต่เมื่อนาคีมองไปที่ร่างกายของตนเธอก็ยิ่งตกใจมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว ร่างกายของตนเองในตอนนี้กลับกลายเป็นสิ่งๆนั้นแทน เป็นสิ่งๆนั้น “พญานาค”นั้นเอง
พวงครีบหางเป็นสีทองลายไทยพลิ้วไสวอ่อนช้อยสวยงาม ลำตัวที่เรียวกลมยาวสวยได้สัดส่วนที่พอดีพอเหมาะ ผิวกายเป็นเกล็ดแก้วแววใสประกายเพชรลักษณะคล้ายดอกบัวปทุมที่ตูมเต็มที่ใกล้จะเบ่งบานเรียงรายกระจายลงไปอย่างเป็นระเบียบไปทั้งตัว ยามที่เคลื่อนกายไปมาเกล็ดแก้วจะส่องแสงแวววับราวกับเพชรงามชั้นดีที่มีอยู่ทั่วตัวนั้นเอง นาคีมองไม่เห็นส่วนที่เป็นหัวของตัวเองแต่ก็รู้สึกได้ถึงลักษณะพิเศษที่มี ไม่ว่าจะเป็นหงอนสีทองอร่าม และสิ่งที่นูนขึ้นมาเหนือศีรษะคล้ายกับเป็นเครื่องประดับที่เรียกว่า “ชฏา”
หญิงสาวตกใจเป็นอย่างมากทำอะไรไม่ถูก มัวแต่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกระทั้งได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในกระแสจิต
“ลูกพ่อ...เจ้าอย่าได้เกรงกลัว...ตั้งจิตให้เป็นสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล แล้วแสงทิพย์ในตัวลูกจะช่วยลูกได้”
“ใคร...ใครพูด” นาคีคิดในใจ หากแต่ความคิดของหญิงสาวส่งกระแสจิตไปถึงผู้เป็นบิดรมารดา
“นาคี...ลูกแม่..ทำตามที่ท่านพ่อบอกสิลูก...”
นาคีรีบทำตามเสียงแปลกประหลาดบอกทันที จิตที่เป็นสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลและพระคาถาชินบัญชร ทำให้แสงทิพย์ออกมาจากปากของเธอพุ่งไปครอบคลุมกักขังผีพรายตนนั้น ไม่ให้สามารถหนีหายไปไหนได้ แล้วเริ่มลดขนาดเล็กลงบีบอัดวิญญาณชั่วร้าย ผีพรายตนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วค่อยๆจางหายไป
หญิงสาวได้แต่ตื่นเต้นตกใจกับสิ่งที่พบเห็น ไม่คิดว่าจะมีจริงๆในยุคสมัยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นนี้
นาคีมองไปเห็นผู้คนจำนวนมากแต่งกายแตกต่างกันหลายยุคหลายสมัย สิ่งที่พบเห็นนี้คงเป็นวิญญาณที่ถูกผีพรายกักขังไว้ไม่ให้ไปผุดไปเกิดนับร้อยปี ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า แต่ละคนล้วนมีความสุขซะเหลือเกิน บ้างคนก็ก้มกราบไหว้เธอ ก่อนที่วิญญาณจะล่องลอยหายไป นาคีคิดได้ทันทีว่าวิญญาณเหล่านี้คงเป็นฝีมือของพรายน้ำที่ถูกจองจำมานับร้อยปี
“เก่งมากลูกแม่...บุญกุศลครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก...”
“ใครพูดนะ” นาคีถามหาคนที่พูด คำตอบที่ได้คือความเงียบ ส่งผลให้เครื่องหมายคำถามเต็มไปทั่วหัวสมอง แวบหนึ่งเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นเสียงเรียกของขวัญเรือนนั้นเอง
นาคีรีบพุ่งขึ้นสู่เหนือผิวน้ำโผล่ขึ้นมา ปรากฏว่าเธอมาอยู่ใจกลางน้ำ เธอมองไปที่ชายฝั่งที่อยู่ไกลเป็นกิโล มันช่างไกลเหลือเกินแล้วเธอจะว่ายไปถึงฝั่งไหมหนอ ดังนั้นนาคีจึงตั้งจิตอธิฐานถึงเสียงที่เธอได้ยิน สองคนนั้นคงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องคุ้มครองคนดี หรือไม่ก็อาจจะเป็นพ่อกับแม่ของเธอก็เป็นไปได้
จากนั้นนาคีก็ว่ายน้ำไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่กลับมีความสุขยามที่ผิวกายได้สัมผัสน้ำและแหวกว่ายน้ำเล่นอย่างสุขใจ
ความคิดเห็น