ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พาทิศ ยอดนักรัก ยอดนักสืบ

    ลำดับตอนที่ #3 : เลือดล้างเลือด(จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 50


    แสงแดดอรุณรุ่งของวันใหม่แทงทะลุผ่านช่องระหว่างที่ผ้าม่านกับหน้าต่าง  กระทบกับใบหน้าผมทำให้ผมรู้สึกแสบตาจนหลับต่อไปไม่ได้ 

    วันนี้เป็นวันอาทิตย์ให้หลับยาวๆหน่อยไม่ได้เหรอ ผมรู้สึกโกรธธรรมชาติขึ้นมาในบัดดล

    พลันเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น 

    อะไรอีกเนี่ยผมรู้สึกฉุนเฉียวนิดๆแล้วในตอนนี้

    สวัสดีครับผมกดโทรศัพท์และพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ

    นี่จอยโทรมากวนหรือเปล่าค่ะพี่พาทิศปลายสายพูดอย่างตกใจหน่อยๆ

    จอยชื่อของเธอทำให้ผมหายหงุดหงิด มีแต่ความรู้สึกผิดที่พูดไปในวันนั้นเข้ามาแทน

    ไม่เป็นไรจ๊ะจอย ดีเสียอีกคือวันนี้พี่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกพอดี ผมพูดแก้เก้อไปอย่างนั้นก่อน

    คือจอยส่งอีเมล์ไปให้แล้วนะค่ะ ปลายสายเสียงหวานสดใสกลับมาดังเดิม

    ขอบใจมากนะจอย เดี๋ยวพี่ขอเปิดคอมฯดูก่อนแล้วจะโทรกลับนะ

    ค่ะ  แค่นี้นะค่ะ

    ผมดีดตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว  เดินไปยังโต๊ะทำงานซึ่งมีโน๊ตบุ๊คอยู่ตัวหนึ่ง และเศษอะไรต่อมิอะไรสุมอยู่บนโต๊ะนั้น  มันไม่น่าจะเรียกว่าโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ  เมื่อเดินไปถึงโต๊ะผมเปิดคอมพิวเตอร์ผมจัดการเปิดมันและคลิกเข้าไปดูข้อมูลที่จอยส่งมาให้ผม 

    ………………………

    ผ่านไปสองวันหลังจากที่ผมได้รับข้อมูลจากจอย  ผมพยายามวิเคราะห์ทุกบรรทัดที่เธอส่งมาให้ผม  เปรียบเทียบกับข้อมูลที่ผมมี  แต่ทำไมผมยังหาข้อเชื่อมโยงให้มันเข้าหากันไม่ได้  หรือว่าเขาสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเหมือนกับที่สารวัตรสงสัย  ไม่ซิมีอะไรบางอย่างที่เมื่อผมมองดูภาพนั้นแล้ว  เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น six saint ต้องเป็นเพราะสัมผัสที่6  ของผมจากการที่เป็นนักสืบจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมัน  ผมหยิบภาพสองคนนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง  เหมือนกับทุกครั้งที่ผมมองภาพนี้รู้สึกว่าทั้งสองคนนั้นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก โครงหน้า สายตา  หรือว่า....

    ผมลองดูข้อมูลที่มีอยู่ในมือผมอีกครั้ง ไล่ทีละช่วงเวลาของอายุของทั้งสองคน  ใช่แล้วมันหลักฐานมันชัดแล้วต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ  แต่เหลือเพียงห่วงโซ่ที่จะนำมาร้อยมันแค่นั้น

    ..........................

                ผมกับสารวัตรยืนอยู่หน้าบ้านไม่ซิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก  บ้านอนันต์ลาภไพศาลตัวหนังสือสีทองสลักบนหินอ่อนสีขาวนวลบอกผมไว้อย่างนั้น

    คุณแน่ใจแล้วเหรอหมวดสารวัตรถามผมแบบไม่มั่นใจ

    ครับท่าน

    งั้นไปกันสารวัตรพูดหลังจากถอนสูดลมหายใจเข้าเต็มๆปอด

    ภายในห้องโถงหลังใหญ่พบมีชายวัยแก่คนหนึ่งสวมชุดสีดำนั่งคู่อยู่กับผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกัน นั่นคือคุณโชควุฒิและคุณหญิงจินตนา อนันต์ลาภไพศาล ด้านข้างของเขาคือ กิรติกา ภรรยาคุณมนตรีนั่งคู่กันกับคุณวิโรจน์และคุณหญิงดารุณี วัชระมงคล  ส่วนด้านตรงกันข้ามคือ นพ.กิตติวินทร์  วงศ์วิมล  ผมพร้อมกับสารวัตรเดินเข้าไปทักทายสวัสดีกับทุกๆคน โดยที่ทุกๆคนยังคงทำหน้าตาตื่น

    เอาละครับทุกๆท่านผมเอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศอันสับสนของทุกๆคน

    ผมรู้ดีว่าทุกๆคนคงสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับที่ผมได้เชิญทุกคนมาในวันนี้ ผมมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่จะบอกให้กับทุกคนทราบเกี่ยวกับการตายของคุณมนตรี คือว่าคุณมนตรีเสียชีวิตโดยการถูกฆาตกรรมไม่ใช่ตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลันอย่างที่ทุกคนคิดไว้ในตอนแรกเมื่อผมพูดจบทุกคนในห้องโถงนั้นต่างมองหน้ากันไปมาเสียงซุบซิบต่างๆนานาพรั่งพรูออกมา

    แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าลูกฉัน คุณหญิงจินตนาหันมาถามผมพร้อมน้ำตา

    คนที่ฆ่าคุณมนตรีก็คือคุณกิรติกาภรรยาของคุณมนตรีและคุณหมอกิตติวินท์!!!!!!!”

    อย่าพูดผล่อยๆอย่างนั้นซิครับหมวดคุณหมอกิตติวินท์เอ่ยขึ้น

    ใช่...คุณมีหลักฐานอะไรคุณตำรวจคุณกิรติกาเอ่ยตามขึ้นมาด้วย

    มีแน่ครับ  แต่ก่อนอื่นขอเฉลยคำตอบข้อแรกก่อนเพราะจะได้เข้าใจในข้อต่อไปมากขึ้น  ภายในห้องนี้อาจจะมีใครบางคนยังไม่รู้ว่าคุณกิรติกากับคุณหมอกิตติวินท์เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน

    อะไรนะคุณตำรวจคุณโชควุฒิตะโกนออกมาเสียงหลง

    ใช่ครับ สองคนเป็นพี่น้องกัน หากคุณโชควุฒิยังจำเพื่อนเก่าที่ถูกคุณโกงจนหมดเนื้อหมดตัว สมัยที่ยังล้มลุกคลุกคลานในแวดวงธุรกิจได้ สองคนนี้คือลูกชายและลูกสาวของคุณกิตติกับคุณจันทร์วิไล

    เป็นไปไม่ได้ก็กิตติฆ่าครอบครัวตัวเองไปหมดแล้วนี่คุณโชควุฒิเอ่ยอย่างรู้สึกผิด

    ไม่ครับท่าน ก่อนที่คุณกิตติจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคุณจันทร์วิไลนั้นได้ฝากลูกชายคือคุณกิตติวินทร์ไว้กับญาติที่อเมริกาและฝากคุณกิรติกาไว้กับคุณวิโรจน์  และคุณวิโรจน์นี่แหละเป็นคนบงการเบื้องหลังทุกอย่างในเรื่องนี้

    คุณตำรวจคุณอย่าพูดผล่อยๆนะ เดี๋ยวผมจะให้ทนายฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทคุณวิโรจน์พูดออกมาอย่างมีอารมณ์

    เรื่องนี้มันเป็นประเด็นตรงนี้ครับทุกคน  คุณวิโรจน์ส่งคุณกิรติกาไปเรียนที่อเมริกา เพื่อที่จะให้เธอพบพี่ชายที่แท้จริงของเธอ  จากนั้นคุณก็ดำเนินตามแผนคุณที่คิดจะล้างแค้นให้เพื่อนสนิทคือคุณกิตติและทำลายธุรกิจของครอบครัวอนันต์ทรัพย์ไพศาล เพื่อตัวเองจะได้ขึ้นมาครองหุ้นทั้งหมดในธุรกิจของอนันต์ทรัพย์ไพศาล เพราะตระกูลอนันต์ทรัพย์ไพศาลมีทายาทเพียงคนเดียว สิ่งแรกที่คุณวิโรจน์ทำคือบอกความจริงกับทั้งสองคนว่าเขาและเธอเป็นพี่น้องกัน  คุณหมอคงจะจำอะไรได้แม่นกว่าเพราะตอนที่คุณกิตติเสียชีวิตคุณหมออายุ7ขวบแล้ว ใช่ไหมครับ

    ........คุณหมอเงียบ

    จากงั้นไงต่อหมวดสารวัตรเอ่ย

    จากนั้นก็ให้คุณวิโรจน์ก็จัดการให้คุณกิรติกามาแต่งงานกับคุณมนตรี  คุณกิรติกาทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนี้ไม่ยากที่จะมัดใจลูกชายติดแม่อย่างคุณมนตรีได้

    มันก็แค่เรื่องเก่านะหมวด แล้วคุณคิดว่าผมจะฆ่าคุณมนตรีไปทำไมคุณหมอเอ่ยขึ้น

    ก็เพราะว่าคุณต้องการล้างแค้นไงครับคุณหมอ เรื่องนี้แหละคือมูลเหตุสำคัญ คุณจำต้องเห็นน้องสาวของคุณอยู่กับลูกชายคนที่โกงพ่อคุณคงจะทำใจลำบากไม่น้อยนะ ในคืนวันที่คุณมนตรีจะเสียชีวิตเขาไปหาคุณเพื่อที่จะไปตรวจร่างกายตามปกติ  ในใบสั่งยาของคุณระบุไว้ชัดว่าคุณได้ฉีดยา ดิจิตาริสซึ่งเป็นยากระตุ้นหัวใจให้กับคุณมนตรี

    ผมก็ฉีดยานี้ให้คุณมนตรีเกือบทุครั้ง ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย

    แต่คืนนั้นคุณฉีดเกินขนาดไปหน่อยนี่ครับ  คุณก็รู้ว่ายาตัวนี้มันเป็นพิษง่าย หากอยู่ในร่างกายมากๆจะทำให้หัวใจวายตายได้ง่ายๆ จริงไหมครับหมอพูดเสร็จผมหันหน้าไปทางคุณหมอนิดหนึ่งไม่มีอากัปกิริยาตอบโต้ ผมจึงพูดต่อ

    หลังจากที่คุณตรวจดูแน่ชัดแล้วว่าหากคืนนั้นคุณมนตรีเกิดอาการตื่นเต้นหรือตกใจอะไรหน่อยพิษของตัวยาที่มีปริมาณในเลือดพอเหมาะก็จะออกฤทธิ์ คุณจึงบอกให้น้องสาวคุณจัดการเมคเลิฟกับคุณมนตรีจนในที่สุดคุณมนตรีก็เสียชีวิต

    …………………..

    บ่ายวันนี้ผมเดินเข้าไปที่ถนนนั้นอีกครั้ง  ช่วงกลางวันคนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนกลางคืน  คล้ายๆสถานที่แห่งนี้เป็นอีกโลกหนึ่ง  โลกแห่งราตรี แสงสี และผีเสื้อกลางคืน  แต่นั้นก็เถอะช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าหากินของผีเสื้อราตรีที่แท้จริง เพราะผีเสื้อแต่ละตัวพึ่งตื่นจากการหลับใหล ออกมาหาอะไรกินรองท้องก่อนจะกลับไปแต่งตัวเพื่อจะโบยบินอีกครั้งในคืนนี้

                ผมเดินไปถึงร้านกล้วยแขกใต้ต้นหูกวาง  พบกับเธอคนที่อยู่ในรูปนั้น เธอซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาครึ่งท่อนคือเสื้อนักศึกษาแต่กางเกงเป็นขาสั้น  กำลังง่วนอยู่กับการทอดอะไรสักอย่างในกระทะ 

    รับอะไรดีจ๊ะ เสียงดังกังวานสดใสออกมาจากเรียวปากสีชมพูเรียวบาง

    เอ่อ...โทษนะครับผมพูดขณะที่ตาจ้องอยู่ที่สร้อยบนต้นคอของเธอ 

    ไม่ซิ มันไม่ใช่สร้อยที่ผมเคยให้จอยไว้นี่ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง พลันเสียงของแม่ค้าคนสวยก็ตวาดออกมาเต็มรัก

    นี่คุณจะมากินกล้วยแขกหรือมากินแม่ค้าหา  ถ้าจะมากินฉันละก้อ บอกไว้ก่อนนะผัวฉันนะคุมซอยนี้นะเว้ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×