คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เลือดล้างเลือด(จบ)
แสงแดดอรุณรุ่งของวันใหม่แทงทะลุผ่านช่องระหว่างที่ผ้าม่านกับหน้าต่าง กระทบกับใบหน้าผมทำให้ผมรู้สึกแสบตาจนหลับต่อไปไม่ได้
“วันนี้เป็นวันอาทิตย์ให้หลับยาวๆหน่อยไม่ได้เหรอ” ผมรู้สึกโกรธธรรมชาติขึ้นมาในบัดดล
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น
“อะไรอีกเนี่ย”ผมรู้สึกฉุนเฉียวนิดๆแล้วในตอนนี้
“สวัสดีครับ”ผมกดโทรศัพท์และพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กๆ
“นี่จอยโทรมากวนหรือเปล่าค่ะพี่พาทิศ”ปลายสายพูดอย่างตกใจหน่อยๆ
“จอย”ชื่อของเธอทำให้ผมหายหงุดหงิด มีแต่ความรู้สึกผิดที่พูดไปในวันนั้นเข้ามาแทน
“ไม่เป็นไรจ๊ะจอย ดีเสียอีกคือวันนี้พี่ลืมตั้งนาฬิกาปลุกพอดี” ผมพูดแก้เก้อไปอย่างนั้นก่อน
“คือจอยส่งอีเมล์ไปให้แล้วนะค่ะ” ปลายสายเสียงหวานสดใสกลับมาดังเดิม
“ขอบใจมากนะจอย เดี๋ยวพี่ขอเปิดคอมฯดูก่อนแล้วจะโทรกลับนะ”
“ค่ะ แค่นี้นะค่ะ”
ผมดีดตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างรวดเร็ว เดินไปยังโต๊ะทำงานซึ่งมีโน๊ตบุ๊คอยู่ตัวหนึ่ง และเศษอะไรต่อมิอะไรสุมอยู่บนโต๊ะนั้น มันไม่น่าจะเรียกว่าโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ เมื่อเดินไปถึงโต๊ะผมเปิดคอมพิวเตอร์ผมจัดการเปิดมันและคลิกเข้าไปดูข้อมูลที่จอยส่งมาให้ผม
ผ่านไปสองวันหลังจากที่ผมได้รับข้อมูลจากจอย ผมพยายามวิเคราะห์ทุกบรรทัดที่เธอส่งมาให้ผม เปรียบเทียบกับข้อมูลที่ผมมี แต่ทำไมผมยังหาข้อเชื่อมโยงให้มันเข้าหากันไม่ได้ หรือว่าเขาสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเหมือนกับที่สารวัตรสงสัย ไม่ซิมีอะไรบางอย่างที่เมื่อผมมองดูภาพนั้นแล้ว เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น six saint ต้องเป็นเพราะสัมผัสที่6 ของผมจากการที่เป็นนักสืบจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมัน ผมหยิบภาพสองคนนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง เหมือนกับทุกครั้งที่ผมมองภาพนี้รู้สึกว่าทั้งสองคนนั้นมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมาก โครงหน้า สายตา หรือว่า....
ผมลองดูข้อมูลที่มีอยู่ในมือผมอีกครั้ง ไล่ทีละช่วงเวลาของอายุของทั้งสองคน ใช่แล้วมันหลักฐานมันชัดแล้วต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ แต่เหลือเพียงห่วงโซ่ที่จะนำมาร้อยมันแค่นั้น
..........................
ผมกับสารวัตรยืนอยู่หน้าบ้านไม่ซิต้องเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะถูก “บ้านอนันต์ลาภไพศาล”ตัวหนังสือสีทองสลักบนหินอ่อนสีขาวนวลบอกผมไว้อย่างนั้น
“คุณแน่ใจแล้วเหรอหมวด”สารวัตรถามผมแบบไม่มั่นใจ
“ครับท่าน”
“งั้นไปกัน”สารวัตรพูดหลังจากถอนสูดลมหายใจเข้าเต็มๆปอด
ภายในห้องโถงหลังใหญ่พบมีชายวัยแก่คนหนึ่งสวมชุดสีดำนั่งคู่อยู่กับผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกัน นั่นคือคุณโชควุฒิและคุณหญิง
“เอาละครับทุกๆท่าน”ผมเอ่ยขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศอันสับสนของทุกๆคน
“ผมรู้ดีว่าทุกๆคนคงสับสนเล็กน้อยเกี่ยวกับที่ผมได้เชิญทุกคนมาในวันนี้ ผมมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่จะบอกให้กับทุกคนทราบเกี่ยวกับการตายของคุณมนตรี คือว่าคุณมนตรีเสียชีวิตโดยการถูกฆาตกรรมไม่ใช่ตายเพราะหัวใจวายเฉียบพลันอย่างที่ทุกคนคิดไว้ในตอนแรก”เมื่อผมพูดจบทุกคนในห้องโถงนั้นต่างมองหน้ากันไปมาเสียงซุบซิบต่างๆนานาพรั่งพรูออกมา
“แล้วคุณรู้ไหมว่าใครเป็นคนฆ่าลูกฉัน” คุณหญิงจินตนาหันมาถามผมพร้อมน้ำตา
“คนที่ฆ่าคุณมนตรีก็คือคุณกิรติกาภรรยาของคุณมนตรีและคุณหมอกิตติวินท์!!!!!!!”
“อย่าพูดผล่อยๆอย่างนั้นซิครับหมวด”คุณหมอกิตติวินท์เอ่ยขึ้น
“ใช่...คุณมีหลักฐานอะไรคุณตำรวจ”คุณกิรติกาเอ่ยตามขึ้นมาด้วย
“มีแน่ครับ แต่ก่อนอื่นขอเฉลยคำตอบข้อแรกก่อนเพราะจะได้เข้าใจในข้อต่อไปมากขึ้น ภายในห้องนี้อาจจะมีใครบางคนยังไม่รู้ว่าคุณกิรติกากับคุณหมอกิตติวินท์เป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน”
“อะไรนะคุณตำรวจ”คุณโชควุฒิตะโกนออกมาเสียงหลง
“ใช่ครับ สองคนเป็นพี่น้องกัน หากคุณโชควุฒิยังจำเพื่อนเก่าที่ถูกคุณโกงจนหมดเนื้อหมดตัว สมัยที่ยังล้มลุกคลุกคลานในแวดวงธุรกิจได้ สองคนนี้คือลูกชายและลูกสาวของคุณกิตติกับคุณจันทร์วิไล”
“เป็นไปไม่ได้ก็กิตติฆ่าครอบครัวตัวเองไปหมดแล้วนี่”คุณโชควุฒิเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ไม่ครับท่าน ก่อนที่คุณกิตติจะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับคุณจันทร์วิไลนั้นได้ฝากลูกชายคือคุณกิตติวินทร์ไว้กับญาติที่อเมริกาและฝากคุณกิรติกาไว้กับคุณวิโรจน์ และคุณวิโรจน์นี่แหละเป็นคนบงการเบื้องหลังทุกอย่างในเรื่องนี้”
“คุณตำรวจคุณอย่าพูดผล่อยๆนะ เดี๋ยวผมจะให้ทนายฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาท”คุณวิโรจน์พูดออกมาอย่างมีอารมณ์
“เรื่องนี้มันเป็นประเด็นตรงนี้ครับทุกคน คุณวิโรจน์ส่งคุณกิรติกาไปเรียนที่อเมริกา เพื่อที่จะให้เธอพบพี่ชายที่แท้จริงของเธอ จากนั้นคุณก็ดำเนินตามแผนคุณที่คิดจะล้างแค้นให้เพื่อนสนิทคือคุณกิตติและทำลายธุรกิจของครอบครัวอนันต์ทรัพย์ไพศาล เพื่อตัวเองจะได้ขึ้นมาครองหุ้นทั้งหมดในธุรกิจของอนันต์ทรัพย์ไพศาล เพราะตระกูลอนันต์ทรัพย์ไพศาลมีทายาทเพียงคนเดียว สิ่งแรกที่คุณวิโรจน์ทำคือบอกความจริงกับทั้งสองคนว่าเขาและเธอเป็นพี่น้องกัน คุณหมอคงจะจำอะไรได้แม่นกว่าเพราะตอนที่คุณกิตติเสียชีวิตคุณหมออายุ7ขวบแล้ว ใช่ไหมครับ”
“........”คุณหมอเงียบ
“จากงั้นไงต่อหมวด”สารวัตรเอ่ย
“จากนั้นก็ให้คุณวิโรจน์ก็จัดการให้คุณกิรติกามาแต่งงานกับคุณมนตรี คุณกิรติกาทั้งสวยทั้งเก่งขนาดนี้ไม่ยากที่จะมัดใจลูกชายติดแม่อย่างคุณมนตรีได้”
“มันก็แค่เรื่องเก่านะหมวด แล้วคุณคิดว่าผมจะฆ่าคุณมนตรีไปทำไม”คุณหมอเอ่ยขึ้น
“ก็เพราะว่าคุณต้องการล้างแค้นไงครับคุณหมอ เรื่องนี้แหละคือมูลเหตุสำคัญ คุณจำต้องเห็นน้องสาวของคุณอยู่กับลูกชายคนที่โกงพ่อคุณคงจะทำใจลำบากไม่น้อยนะ ในคืนวันที่คุณมนตรีจะเสียชีวิตเขาไปหาคุณเพื่อที่จะไปตรวจร่างกายตามปกติ ในใบสั่งยาของคุณระบุไว้ชัดว่าคุณได้ฉีดยา ดิจิตาริสซึ่งเป็นยากระตุ้นหัวใจให้กับคุณมนตรี ”
“ผมก็ฉีดยานี้ให้คุณมนตรีเกือบทุครั้ง ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย”
“แต่คืนนั้นคุณฉีดเกินขนาดไปหน่อยนี่ครับ คุณก็รู้ว่ายาตัวนี้มันเป็นพิษง่าย หากอยู่ในร่างกายมากๆจะทำให้หัวใจวายตายได้ง่ายๆ จริงไหมครับหมอ”พูดเสร็จผมหันหน้าไปทางคุณหมอนิดหนึ่งไม่มีอากัปกิริยาตอบโต้ ผมจึงพูดต่อ
“หลังจากที่คุณตรวจดูแน่ชัดแล้วว่าหากคืนนั้นคุณมนตรีเกิดอาการตื่นเต้นหรือตกใจอะไรหน่อยพิษของตัวยาที่มีปริมาณในเลือดพอเหมาะก็จะออกฤทธิ์ คุณจึงบอกให้น้องสาวคุณจัดการเมคเลิฟกับคุณมนตรีจนในที่สุดคุณมนตรีก็เสียชีวิต”
..
บ่ายวันนี้ผมเดินเข้าไปที่ถนนนั้นอีกครั้ง ช่วงกลางวันคนไม่พลุกพล่านเหมือนตอนกลางคืน คล้ายๆสถานที่แห่งนี้เป็นอีกโลกหนึ่ง โลกแห่งราตรี แสงสี และผีเสื้อกลางคืน แต่นั้นก็เถอะช่วงนี้เป็นช่วงที่เรียกว่าหากินของผีเสื้อราตรีที่แท้จริง เพราะผีเสื้อแต่ละตัวพึ่งตื่นจากการหลับใหล ออกมาหาอะไรกินรองท้องก่อนจะกลับไปแต่งตัวเพื่อจะโบยบินอีกครั้งในคืนนี้
ผมเดินไปถึงร้านกล้วยแขกใต้ต้นหูกวาง พบกับเธอคนที่อยู่ในรูปนั้น เธอซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาครึ่งท่อนคือเสื้อนักศึกษาแต่กางเกงเป็นขาสั้น กำลังง่วนอยู่กับการทอดอะไรสักอย่างในกระทะ
“รับอะไรดีจ๊ะ” เสียงดังกังวานสดใสออกมาจากเรียวปากสีชมพูเรียวบาง
“เอ่อ...โทษนะครับ”ผมพูดขณะที่ตาจ้องอยู่ที่สร้อยบนต้นคอของเธอ
“ไม่ซิ มันไม่ใช่สร้อยที่ผมเคยให้จอยไว้นี่”ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง พลันเสียงของแม่ค้าคนสวยก็ตวาดออกมาเต็มรัก
“นี่คุณจะมากินกล้วยแขกหรือมากินแม่ค้าหา ถ้าจะมากินฉันละก้อ บอกไว้ก่อนนะผัวฉันนะคุมซอยนี้นะเว้ย”
ความคิดเห็น