NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AZUR LANE : นกอินทรีผู้ทรยศ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : ลั่นไกสังหาร

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 67


    《4 วันหลังจากการก่อวินาศกรรม》

    มหาสมุทรเเปซิฟิคเหนือ

    ห่างจากจักรวรรดิซากุระ 1,000 กม.







    นับตั้งเเต่คืนเเรก เธอจำได้ว่าฝันเเบบเดียวกันมาตลอด3คืน เเต่ก็จำรายละเอียดในฝันไม่ได้เเม้เเต่นิด

    เนื่องจากพายุที่โถ่มเข้ามาอย่างหนักทำให้การไปยังจักรวรรดิซากุระของมอนทาน่าต้องช้าลงไป1วันเต็ม  


    มอนทาน่านั่งดื่มกาเเฟยามเช้าบนป้อมปืนหมายเลขสองที่หน้าเรือ พร้อมกับสังเกตุรอบตัวของเธอที่หมอกหนาจนบดบังเเสงอาทิตย์ เเละน้ำที่นิ่งไม่มีคลื่นที่หน้าประหลาด



    "เเปลกจังน่ะ"



    มอนทาน่าในตอนนี้ราวกับเป็นคนละคน  นัยตาที่ว่างเปล่า ขอบตาที่หมองคล้ำ ราวกับพักผ่อนไม่เพียงพอ 

    เธอมองบรรยากาศที่มีหมอกปกคลุมด้วยความรู้สึกสงบ  มอนทาน่านั้นชอบหมอกเป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว เพราะมันทำให้เธอรู้สึกสงบเเละผ่อนคลาย


    เธอหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนที่จะหยิบกล่องบุหรี่ขึ้นมา ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง



    " นั่นสิน่ะ...ฉันควรที่จะเลิกบุหรี่ใช่ไหม"



    มอนทาน่ามองไปยังกล่องบุหรี่ที่มีตราของเลือดเหล็ก ก่อนที่จะคลียิ้มบางๆออกมา พร้อมกับที่มีความทรงจำเเล่นเข้ามา

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    " มอนทาน่าลูกรัก~ เเม่คิดว่าเธอควรจะเลิกบุหรี่ได้เเล้วน่ะ~ มันไม่ดีต่อเธอน่ะ~"

     เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดเป็นภาษาเยอรมันได้ดังขึ้น



    "ฉันคงเลิกไม่ได้หรอกคะ คุณฟริดดริช เเล้วฉันไปเป็นลูกคุณตอนไหนกันค่ะ?" 

    มอนทาน่าตอบเป็นภาษาเยอรมันก่อนจะหันไปมองสาวเรือเลือดเหล็ก เธอมีผมสีดำเเละมีเขาสีเเดง ที่ยิ่งใหญ่....ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ



    "หุหุ~ พรินส์ออยเก็นกับเซฟเฟลินก็เป็นห่วงน่ะ~ " 

    ฟริดดริช เดอร์ โกรซเซอร์ พูดตอบออกมาก่อนจะลูบหัวมอนทาน่าเบาๆ




    " รบกวนอย่ามาลูบหัวซุ่มสี่ซุ่มห้าด้วยคะ" 

    มอนทาน่าหูเเดงเล็กน้อยก่อนจะดันมือของฟริดดริชออกอย่างเบาที่สุด



    "มอนทาน่าลูกเเม่~ ก็ยังซึนเดเระเหมือนเคย~ " 

    ฟริดดริชหยิบกล่องบุหรี่ของเลือดเหล็กที่มีราคาเเพงออกมา



    "นี่คือ?"

    มอนทาน่าพูดออกมาด้วยความสงสัย



    "นี่คือของฝากก่อนที่ลูกจะกลับอีเกิลยูเนียนจ้ะ ห้ามสูบบุหรี่อีกเด็จขาดเลยน่ะ~ อันนี้เป็นเเค่ของดูต่างหน้า อย่าสูบเชียวน่ะ~ มอนทาน่าลูกรัก~ ถ้าเกิดมีปัญหา เลือดเหล็กของเราพร้อมที่จะช่วยได้น่ะ~"  

    ฟริดดริช พูดออกมาก่อนจะยื่นกล่องบุหรี่ให้



    "ขอบคุณคะ!....คุณเเม่"



    "เอ๋~~ พูดอะไรน่ะ~ เเม่ไม่ได้ยินเลย~"



    "ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั่นเเหละค่ะ คุณคิดไปเอง!"

    .

    .

    .

    .

    .



    "ขอโทษด้วยน่ะคะคุณฟริดดริช...ที่ฉันต้องผิดสัญญา..." มอนทาน่าหยิบมวนบุหรี่ที่ฟริดดริชให้มาออกมาจุดด้วยไฟเเช็กที่ได้มาจากไอริส ลิเบร ก่อนที่เริ่มสูดควันหอมๆเข้าไป




    " บุหรี่เเรงมากเลย...ถึงว่าทำไมไม่ให้สูบ"




    มอนทาน่าเดินลงจากป้อมปืนใหญ่ที่สอง ก่อนจะไปยืนเกาะราวเหล็กที่กั้นไม่ให้คนตกน้ำ




    ' หมอกหนาจนไม่เห็นน้ำเลยหรอ'




    มอนทาน่ายืนเหม่อไปครู่หนึ่งก่อนที่เรดาห์ของเธอจะตรวจจับอะไรบางอย่างจากบนฟ้าได้



    "!!"



    เธอรีบหันขึ้นไปมองข้างบนอย่างรวดเร็วก่อนจะเพ่งสายตามอง ก่อนจะมีเงาของเครื่องบินประหลาดบินผ่านไป10ลำ




    "ไซเรน..."




    ปืนต่อต้านอากาศยานหลากหลายขนาดได้เริ่มหันไปมาเพื่อเฝ้าระวัง  

    มอนทาน่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นคู่ปรับของเรือประจัญบานชั้นยามาโตะ ทำให้ขนาดของเรือยาว280เมตร เเละมีพื้นที่ในการติดปืนปตอ. มากขึ้น รวมถึงปืนใหญ่406 มม. 12 กระบอก สี่ป้อม ป้อมละสามกระบอก ต่างจากชั้นไอโอวาที่มีปืนใหญ่9กระบอก สามป้อม ทำให้มีอำนาจการยิงเเละการต่อต้านอากาศยานเเน่นหนากว่าเรือชั้นไอโอวามาก




    " ชิ! คงต้องสู้สิน่ะ ข้างนอกหมอกนั่น "




    มอนทาน่ายังคงคาบบุหรี่ไว้เเล้วกระโดดไปที่สะพานเดินเรือ ก่อนที่หมอกรอบตัวจะค่อยๆจางลงจางลง 


    จนเห็นกองเรือบรรทุกเครื่องบินไซเรนเล็กๆเเค่สองลำ  ซึ่งเธอก็ไม่รอช้า ลั่นไกปืนใหญ่406มม. สองป้อมปืนที่หน้าเรือออกไปทันที




    เปรี้ยง!!!!!!!   เปรี้ยง!!!!!!!!!!!





    ตุ้มๆๆๆๆ!!!! ปรอทททททท!!!!




    ปืนต่อต้านอากาศยานโบฟอร์สนับสิบกระบอกกระหน่ำยิงเครื่องบินไซเรนที่อยู่บนฟ้า จนลุกเป็นไฟเเละตกลงไปในน้ำ




    บรึม!!!!!!!!   




    ในวินาทีนั้น กระสุนเจาะเกราะหนัก2,700ปอนด์ทั้งหกลูก ได้เจาะเกราะเข้าไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำจนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ทั้งสองลำเเละหยุดนิ่งไป


    หลังจากที่มอนทาน่าได้ทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินไซเรนสองลำไป เธอก็ได้ขับฝ่ากลางซากเรือไซเรนทั้งสองลำไปอย่างไม่ใส่ใจ เเละหมอกก็ได้เริ่มก่อตัวอีกครั้ง 


    หมอกได้กลืนกินมอนทาน่าจนหายไป ทิ้งซากเรือไซเรนทั้งสองไว้ข้างหลัง




    ซ่าาาาาาา ซ่าาาาาาาาา












    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    "คุณ...มอนทาน่า....ทำไม?.."




    ซากเรือไซเรนที่ลอยคออยู่ได้เริ่มเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินเบาสองลำจากอีเกิลยูเนียน อย่างเเลงก์ลีย์ เเละอินเดเพนเดนส์ เรือของทั้งสองอยู่ในสภาพที่ระเบิดไปทั้งลำ จนดูไม่ออกว่าเคยเป็นอะไรมาก่อน

    สาวเรือทั้งสองที่อยู่บนเรือได้นอนจมกองเลือด เเลงก์ลีย์ ตัวของเธอได้ขาดออกจากกัน โดยที่มีอวัยวะใกล้ออกมา เเละเธอยังไม่ตาย อินเดเพนเดนส์ก็เช่นกัน ท้องของเธอได้กลายเป็นรู กำลังหายใจโรยริน


    พร้อมกับคำถามในหัว... ทำไมมอนทาน่าต้องทำเเบบนี้ พี่สาวใจดีหายไปไหน? มอนทาน่าเธอเป็นเรือไซเรนจริงๆงั้นหรอ


    พวกเธอได้เเต่หวังให้เรือลำอื่นๆในอาซูร์เลนมาช่วยพวกเธอให้พ้นจากทรมาณ...

    .

    .

    .

    .










    //มอนทาน่าโดนเทคโนโลยีใหม่ของไซเรนเล่นเข้าให้เเล้ว//


    **ข้อมูลเสริม**

    หมอกที่มากับมอนทาน่าก็คือควันบุหรี่ที่เธอสูดเข้าไป เเละปล่อยออกมาจากปล่องควันบนเรือเป็นหมอกไอน้ำ   เปรียบเสมือนว่าปอดก็คือเครื่องยนต์เรือครับ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×