ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Kimetsu no yaiba) เมื่อSekiro หลุดมาอยู่โลกอสูร

    ลำดับตอนที่ #3 : ข้ามมิติและห้วงเวลา

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 66


     

    หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว โอคามิก็เดินเข้าไปในศาลเจ้าอีกครั้ง แล้วเห็นพระพุทธรูปที่แตกอยู่ เมื่อเข้าไปสังเกตใกล้ๆ ก็พบว่าข้างในพระพุทธรูปที่แตกนั้นมีบางอย่างอยู่ภายใน

    “นี่มัน… ดาวกระจายงั้นหรอ” มีดาวกระจายอยู่ภายในพระพุทธรูปไม้ที่แตกจากการต่อสู้เมื่อครู่ โอคามิได้หยิบออกมาแล้วเก็์บเข้าไปในกระเป๋าของตน โดยไม่สังเกตุเลยว่ามีบางอย่างที่เขาพลาดไป

    เมื่อสำรวจภายในศาลเจ้าจนหมดแล้ว ตัวของโอคามิก็ได้ออกมาจากศาลเจ้าแล้วเตรียมออกเดินทาง  

    ระหว่างทางโอคามิก็เก็บของป่ามาบดเป็นยาสมุนไพรเพื่อว่าในอนาคตจะได้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ผงดับร้อน ผงแก้พิษ 

    เมื่อเดินทางมาเจอแม่น้ำโอคามิก็ได้โน้มตัวหมายจะดื่มน้ำแก้กระหาย
    แต่ทว่าระหว่างที่กำลังดื่มน้ำแก้กระหายอยู่นั้น 

    เขาก็ได้สังเกตุเห็นเงาตนเองในน้ำว่ารอยปานสีขาวที่เป็นสัญลักษณ์ของสายเลือดมังกรได้หายไป 
    ‘แสดงว่าตัดอมรณาสำเร็จสินะ’ โอคามิคิดในใจแต่ก็ยังฉงนสังสัยว่าทำไมตนถึงยังไม่ตายจากการตัดอมรณา

    ตัวของโอคามิเลิกคิดเรื่องไม่จำเป็นแล้วออกเดินทางต่อเพื่อ สืบข่าวเรื่องของบุตรแห่งสวรรค์นายของตน 

    เมื่อเดินมาสักพักหนึ่ง ก็ได้พบเข้าแปลงข้าวและเมื่อมองไกลออกไปก็พบกับหมู่บ้านแห่งหนึ่ง 

    ตัวของโอคามิไม่รอช้าเดินเข้าไปในหมู่บ้านแล้วสังเกตโดยรอบแล้วสังเกตเห็นว่า ไม่มีร่องรอยของสงครามเลย

    “นี่ เจ้าของร้าน ที่นี่คือแคว้นอาชินะหรือเปล่า” โอคามิกล่าวถามกับ เจ้าของร้านขายขนม

    “เมื่อกี้เจ้าพูดว่าแคว้นอาชินะหรอ ข้าไม่เคยได้ยินเลยแคว้นที่มีชื่อแบบนั้น” 

    ไม่ว่าโอคามิจะไปถามใครในหมู่บ้านก็ไม่มีใครรู้จักเลยสักคนเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมากเพราะ
    แคว้นอาชินะ เป็นแคว้นที่มีสงครามและมีตำนานหลายอย่าง ถึงจะเป็นสถานที่ห่างไกลก็ต้องมีคนรู้จักบ้าง

    ตอนนั้นเองที่โอคามิก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ จึงกลับมาถามเจ้าของร้านขายขนมว่าปีนี้เซ็นโกคุอะไร แต่เมื่อได้รับคำตอบถึงกับต้องตลึง

    ยุคเซ็นโกคุมันจบไป เมื่อ300ปีที่แล้ว ยุคนี้มันไทโชแล้ว"

    “แล้วเคยได้ยินเรื่องของอสูรหรือเปล่า” โอคามิถามเรื่องของอสูรเพื่อหาความเชื่อมโยง

    “เคยสิ มันเป็นตำนานที่ใครก็รู้จักเล่ากันว่า ในยามค่ำคืนอสูรจะออกมากินมนุษย์ แต่มันไม่จริงหรอกตำนานนี้มันมีเป็น 1000 ปีแล้ว… เพราะข้าก็ไม่เคยเห็นเลยสักตัวเดียว 5555" เจ้าของร้านกล่าวตกด้วยน้ำเสียงติดตลก

    เมื่อโอคามิได้ยินดังนั้นก็สรุปได้ทุกอย่าง 

    ‘ดูเหมือนว่าข้าจะมาที่ๆห่างไกล ทั้งสถานที่และเวลาเลยทีเดียว ในเมื่ออสูรมีตำนานเป็น 1000 ปี แต่ข้ากลับไม่เคยได้ยิน อีกทั้งพวกเขาก็ไม่มีใครรู้จัก แคว้นอาชินะเลย แสดงว่าข้าอาจจะอยู่ในมิติอื่นก็เป็นได้… เป็นผลจากการตัดอมรณางั้นหรอ’ โอคามิได้คิดกับตนเอง

    จงอย่าวางใจในอสรพิษ จงอย่าเชื่อสิ่งที่เจ้าไม่เห็นด้วยตา จงคิดด้วยปัญญาและเหตุผล แล้วเจ้าจะพบคำตอบ 
    โดยไม่ถูกล่อลวง

    ณ ศาลเจ้าร้าง

    ได้มีชายสองคนเดินทางมาที่ศาลเจ้าร้าง โดยที่สองคนนั้นใส่ชุดสีดำที่มีอักษรคำว่า พิฆาต อยู่ข้างหลัง และพบกับศาลเจ้าที่เละไม่เป็นชิ้นดี 

    “ที่นี่เป็นที่ๆเราได้ข่าวมาว่ามีอสูรอาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ” ชายที่มีคิ้วหนาได้กล่าวออกมา

    “… ดูเหมือนว่าจะมีคนจัดการมันไปก่อนเราแล้วสินะ แล้วก็ไม่ใช่คนของหน่วยพิฆาตอีกด้วย” ชายอีกคนที่หัวล้านได้กล่าวออกมาพร้อมกับ มองไปที่ต้นไม้ข้างศาลเจ้าที่มีรอยเหมือนถูกอะไรบางอย่างมัดกับต้นไม้ 

    “เห~~ หมายความว่าไรนะ ขี้โม้แล้วนายนะ” เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็ได้แต่ทำหน้าเหนื่อยใจแล้วเดินหนีออกมา

    “เห้ย!!! จะไปไหนมาคุยกันก่อน” ชายคิ้วหนาได้ตะโกนตามหลังพร้อมเดินตาม

    'แอ็ก!!!' อยู่ดีๆชายตรงหน้าก็หยุดทำให้คนที่เดินตามหลังมาติดๆ ชนเข้าเต็มๆ

    เมื่อมองไปข้างหน้าก็พบกับร่องรอยของกำแพงศาลเจ้าที่เป็นรูเหมือนมีอะไรบ้างอย่างทะลุออกมา แสดงให้เห็นถึงขนาดของอสูรตนนี้มีขนาดใหญ่ที่ไม่ธรรมดา 

    ตอนนั้นเองนักดาบหัวล้านได้เจอกับขนนกกาเหว่าที่มีเชือกผูกติดกันเป็นช่อเมื่อหยิบขึ้นมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั้งเมื่อเขาจับที่ปลายเชือกแล้วสะบัดมัน มันก็ไปกระตุ้นให้มันทำงาน

    ตอนนั้นเองที่ชายหัวล้าน ก็มีขนนกกาเหว่าออกมารอบตัวชั่วระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกับเกิดอาการหอบเหนื่อยอย่างมาก

    “ดูเหมือนว่าเราต้องส่งของชิ้นนี้ไปที่ศูนย์ใหญ่สินะเพื่อดูว่ามันคืออะไร” เขากล่าวออกมาพร้อมกับคุกเข่าลง

    หลังจากที่ตัวของโอคามิหาข้อมูลในหมู่บ้านเสร็จแล้ว เขาก็เข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อเติมพลัง แต่ทว่าก็พบปัญหาบางอย่าง 

    ปกติแล้วสำหรับโอคามิเขาไม่สนใจว่าจะกินอะไร ขอแค่อยู่ท้องก็เพียงพอแล้วอีกทั้งยุคที่จากมาเป็นยุคสงครามอีกด้วย ทำให้ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดีแต่ด้วยทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงกล่าวไปว่า

    “เอาอาหารที่ดีที่สุดในร้านครับ” โอคามิกล่าวพร้อมกับหน้านิ่งๆ

    “ได้เลยงั้นเอาเป็นอูด้งแล้วกัน น้ำซุปของฉันสืบทอดมาจากพ่อของผม บอกเลยว่าอร่อยสุดๆ”

    ระหว่างที่กำลังรอนั้นโอคามิก็นึกย้อนกลับไปตอนต่อสู้กับ พ่อบุญธรรม ยอดนินจาฟุคุโร่ ทำให้เขาได้ทำผิดกฎเหล็กข้อที่หนึ่งของนินจา ที่ไม่ฟังคำของพ่อบุญธรรมแล้วปกป้องนายน้อยต่อไป 

    แล้วนำไปสู่การต่อสู้กันระหว่างพ่อลูก ถึงแม้ว่าการต่อสู้นี้จะจบลงที่ตัวของเขาต้องสังหารพ่อบุญธรรมของเขาเอง แต่อย่างไรเสียเขาก็ไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือก เพราะมองว่าสิ่งนี้ถูกต้องแล้วนั้นเอง

    “อูด้งมาแล้วครับ ระวังร้อนนะครั..บ…” เจ้าของร้านพูดพร้อมกับยื่นชามมาให้ แต่ก็ต้องชะงักนิดหน่อยเพราะมือที่ยื่นมารับเป็นแขนเทียมหน้าตาประหลาด แล้วเจ้าตัวบอกว่าระวังร้อนกับแขนเทียมเนี่ยนะ

    โอคามิเมื่อรับชามมาก็กินอย่างเงียบๆ แต่ภายในใจนั้นกลับสุขยิ่งเพราะพึ่งรู้ถึงความอร่อยของอาหารในยุคนี้ 

    ปกติแล้วอาหารอร่อยๆในสงครามคงจะมีเพียงแค่ขุนนางหรือคนใหญ่คนโตเท่านั้นที่ได้กิน ไม่ต้องพูดถึงนินจาที่ต้องซ่อนตัวในเงามืดนั้นไม่เคยกินอยู่แล้ว 

    “ถึงจะกินเงียบๆ แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าท่านชอบแค่ไหน” เจ้าของร้านกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา

    เมื่อกินเสร็จโอคามิก็จ่ายเงินให้กับเจ้าของร้าน แม้ว่าแคว้นอาชินะจะไม่มีในโลกนี้ก็ตาม และดูเหมือนว่าจะยังใช้เงินในรูปแบบเดียวกันอยู่ 

    เมื่อโอคามิกำลังจะลุก เจ้าของร้านก็บอกโอคามิว่า “ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นนักเดินทางสินะ หากเดินทางตอนกลางคืนก็ระวังอสูรด้วยละ”

    เมื่อโอคามิได้ยินดังนั้นก็ได้ถามกับเจ้าของร้าน“เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับอสูรไหม” 

    “รู้สิ พ่อของผมเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยพ่อหนุ่มๆเคยเจอกับอสูรมาก่อน ตอนนั้นพ่อบอกว่าหนีหัวซุกหัวซุนเลยละ ในขณะที่อสูรกำลังจะฆ่าพ่อนั้น ก็มีนักดาบเข้ามาช่วยพ่อเอาไว้แล้วก็จัดการตัดคออสูร 
    พ่อถามเขาว่าเขาเป็นใคร นักดาบคนนั้นก็ตอบว่า ตัวเองเป็นนักดาบอยู่ในหน่วยพิฆาตอสูร 
    มีหน้าที่สังหารอสูรและปกป้องผู้คน ถ้านายท่านเดินทางไปเจออสูรให้รีบหนีเลยนะ 
    เพราะไม่มีใครฆ่าอสูรได้นอกจากคนเหล่านี้เท่านั้น” เจ้าของร้านเล่าพร้อมกล่าวเตือน

    “ขอบคุณมากที่เตือน” โอคามิกล่าวตอบพร้อมออกจากร้านไป

    โอคามิคิดทบทวนเรื่องที่เจ้าของร้านอาหารเล่าให้ฟังแล้วเดินทางต่อไป 

    เพราะตอนนี้เขามีเป้าหมายใหม่แล้ว

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×