ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จะรักได้ไหมถ้าหัวใจตรงกัน

    ลำดับตอนที่ #3 : บท 2 ความขัดแย้งเมื่อแรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ธ.ค. 49


    บท  2 ความขัดแย้งเมื่อแรกพบ

     

    เสียงออดหน้าบ้านลั่นครวญ  รบกวนเวลาคัดกรองมันสมองคิดผลงานประพันธ์ของรติ.....เธอผละออกจากเจ้าคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเพื่อเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน   ขณะนี้กำลังคุยอยู่กับออดหน้าบ้าน  ยังไงซะไม่น่าเป็นใครอื่นนอกจากเพื่อนรักเธอซึ่งโทรมาหาเธอเมื่อครู่  บอกให้รู้ว่ากำลังจะเข้ามาพบเพื่อคุยธุระบางอย่าง    คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแพรพิมล   เธอตัดขาดจากโลกวุ่นวายภายนอกมาช้านานจะมีใครสนใจย่างกรายมาเยี่ยมเธอ   นอกเสียจากพ่อกับแม่  หรืออีกคนคือน้องสาวคนสวยของเธอ  แต่รายนั้นอย่าไปนึกเลยว่าจะมีกะจิตกะใจแวะเวียนเยี่ยมพี่สาวผู้เดียวดาย  เธอเบื่อพี่สาวคนนี้ยิ่งกว่าอะไรดี  แต่ถ้าให้มาขอเงินเธอถนัดกว่า

     

    เจ้าบ้านอย่างรติ     เดินดุ่มออกจากออกจากคฤหาสห์  ไม่ใช่สิเรียกคฤหาสน์ไม่ได้แน่นอน  ถ้าคฤหาสห์คงหมายถึงบ้านหลังตรงข้าม.....ซึ่งเธอแหงนมองมันราวหมามองเครื่องบินมาแรมปี  เธอไม่ตื่นเต้นสักนิดกับการมาเยือนของเพื่อนสาว   นอกจากเธอจะหาเรื่องวุ่นมาให้  อีกประเด็นคงจะเรื่องรักวุ่นวายของเจ้าหล่อนกับคนรักหนุ่ม   หล่อนกำลังยืนส่งยิ้มตาหยีเพราะแสงแดดกำลังแผดเผาใบหน้าขาวนวลเนียนซึ่งลึกลงในใบหน้านั้นคือเครื่องสำอางค์แบลนด์ดังจากต่างประเทศเธอขยันไปหอบซื้อมาอยู่บ่อยครั้ง

     

    ยัยรติรีบๆ  เปิดประตูเร็วสิ...ฉันร้อนจะละลายไปกองอยู่ที่พื้นอยู่แล้ว  ผิวอันสวยงามของฉันถ้ามีอันต้องแปดเปื้อนฉันจะถือว่ามันเป็นความของแก.....เร็วเข้า

    เสียงสูงบาดแก้วหูเร่งให้เจ้าของบ้านต้องทำตามแบบไม่เต็มใจ   ก่อนที่เธอจะกระโดดกัดคอ

     

    เพื่อนสาวสุดสวย  หัวนอกผู้ซึ่งพิศมัยสินค้าชั้นดีแบลนด์ดังหลากหลายจากต่างประเทศ          เพิ่มโวลลุมโวยวายเสียงลั่นซอย    มืออีกข้างซึ่งว่างจากการเกี่ยวเกาะกระเป๋าคู่ใจสุดหวง...ถูกยกขึ้นบังแดดซึ่งกำลังส่องเจิดจ้าบาดผิวเจ้าหล่อน   เธอทนไม่ได้เลยหากต้องโดนรังสีอัลต้าไวโอเรตเล่นจู่โจม

     

    มาแล้วๆ...แกจะบ่นอะไรนักหนาวะอยู่เมืองไทยนานจนจะจากโลกไปแล้วทำเป็นทนไม่ได้กับอากาศร้อน.... แกน่ะมันสบายซะเคยร้อนนิดร้อนหน่อยทนไม่ได้

    อะไรเสียไม่ว่านะเว้ย....ถ้าผิวฉันมีอันต้องหม่นหมองเสียความผ่องใสเนี่ยไม่ได้เลย....ขอบอก

    ยัยเพื่อนบ้าเอ๊ยวันๆ แกทำอะไรวะ  ช๊อปปิ้ง   เที่ยว  ควงผู้ชายคนเดิม  งานแกมีเท่านี้เองรึไง

    มันเรื่องความชอบส่วนตัวเว้ย.....ว่าแต่เถอะวันนี้ไม่ออกไปส่งต้นฉบับหรือวิ่งเข้าห้องสมุดหาข้อมูลหรอกรึ

    จะไปไหนได้ก็แกบอกว่าจะมา

    เออ...เออ...ใช่ๆ ฉันลืมไปว่าบอกให้แกรอ

    แล้วไอ้ธุระของแกมันใช่เรื่องนั้นหรือเปล่าล่ะ

    เรื่องนั้นเรื่องไหน

    แพรพิมลทำโยกโย้เพราะรู้ทั้งรู้ว่าจะต้องมาหาเพื่อนด้วยเรื่องสำคัญอะไร

    แหมเพื่อนรติ    ตอนนี้ฉันก็มีเรื่องกลุ้มอยู่เรื่องเดียวแค่นั้นล่ะ

    เรื่องพี่ต้นจอมเจ้าชู้ของแกรึ

    บ้าแกพูดอย่างนั้นได้ไง  พี่ต้นเขารักฉันยะ   เจ้าชู้อะไรกันเขาเรียกว่ามีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามต่างหาก

    เอาเหอะไอ้เสน่ห์น่ะมีให้มันน้อยลงก็น่าจะดีนะ  เดี๋ยวรักเดี๋ยวร้องแบบนี้ฉันเซ็งวะ

    อะไรของแกเดี๋ยวรักเดี๋ยวร้อง

    อ้าวก็เดี๋ยวรักเดี๋ยวแกก็ร้องไห้มาหาฉัน...พอดีกันเมือ่ไหร่ก็ทิ้งฉัน

    น้อยใจเพื่อนว่างั้น

    เปล๊า.... 

    สุ้มเสียงเหมือนตัดพ้อเลยนะเพื่อนรัก...  แพรพิมลเชยคางเพื่อนสาวเพื่อเป็นการปลอบประโลมและยอกเย้าในที

    พอๆ  ฉันไม่ได้ถ่อมาหาแกเพื่อจะคุยเรื่องพี่ต้น  คนรักของฉันเดี๋ยวฉันคุมเอง

    ว่าแต่ยัยนักเขียนอย่างแกพร้อมจะรับภาระหนักอึ้งที่ฉันจะประทานมาให้ยัง

    ภาระหนักอึ้ง  รู้ว่าหนักเลยชิ่งซะงั้นทิ้งให้เพื่อนแทน

    เออน่า...ถือว่าช่วยชิวิตเพื่อน  และชีวิตเด็กตาดำๆมัน  ถ้าแกไม่รับเขาไว้ฉันก็ตาย  คนที่จะตายตามมาคือเด็กคนนั้น

    ถึงขนาดต้องตายเลยรึไง  พ่อแม่ที่ไหนเขาจะยอมให้ลูกตายกันจ๊ะ

    ฉันน่ะไม่ชอบให้ใครมาบังคับจิตใจ โดยเฉพาะเรื่องคู่ครอง

    แกเลยอาสาช่วยเขาอย่างเต็มที่ว่างั้น   แล้วนี่อีตาเด็กคนนั้นไม่มาด้วยเหรอ

    มาสิ ฉันให้เขานั่งรอในรถ

    หน้าบาง  ผิวบางพอกับแกเลยนะ

    แหมแกพูดซะฉันเสียเลยนะ

    จริงๆ แล้วเขาก็เรียนที่เมืองไทยตั้ง 4 ปี ก็น่าจะชินกับเมืองไทยแล้วนะ

    เรียนก็เรียนนานาชาตินะแก  กลับบ้านหรือจะไปไหนมีราชรถเกย ประมาณเด็กคุณหนูอยากหนีออกจากกรงทองที่ห้อมล้อม

    แต่อย่างนี้เขาเรียกออกมาเผชิญโลกอย่างไม่มีแก่นสารมากกว่า....อยู่ดีกินดีแล้วยังอยากจะลำบากซะงั้น  คนรวยเนี่ยเขาก็คิดกันแปลกๆ นะ

    ตกลงแก่จะยืนคุยกับฉันอยู่หน้าบ้านแบบนี้ใช่ไม๊  ดีเหมือนกันฉันจะไม่ต้องเข้าไปเห็นเพื่อนๆ หนังสือกองมหึมาเต็มบ้านแก  ให้ฉันอยู่กับเจ้าพวกหนังสือแบบนั้น  ฉันขอเป็นพวกหนังสือแฟชั่นดีกว่า

    จ้ายัยนางแบบ  ยัยลูกผู้ดี  แกกับฉันมันต่างกันนี่หว่า ฉันอยู่ได้เพราะหนังสือ แต่แกอยู่ได้เพราะการช๊อป

    สองสาวสนทนาถึงบุคคลที่สามโดยลืมไปว่าเขารออยู่นานแล้ว

    เอาอย่างนี้แล้วกันฉันจะพาเขาเข้ามาพบแก  และฉันก็ฝากเขาไว้กับแกเลยดีไม๊"

    เอ้า...ทำไมแกทำแบบนั้นล่ะ  แกไม่คิดรึไงว่าปล่อยเพื่อนไว้กับผู้ชายแปลกหน้า

    โถ...มีหน้าตาเป็นอายุธอย่างแกปลอดภัยจากภัยผู้หญิงชัวร์

    ไม่รู้ล่ะ  อย่ามาทำกับฉันแบบนี้นะ  เอาภาระมาให้ฉันยังจะหนีฉันไปอีก

    ฉันรับรองแกจะไม่มีทางเป็นอันตราย เพราะอย่างแกคงไม่ใช่สิ่งที่เกิดมาเพื่อเขาอย่างแน่นอน

    น่า..นะ  รอฉันแป๊บเดียวฉันขอไปยกพัสดุกล่องโตแถมพัสดุดิ้นได้อีกต่างหากมาไว้ให้แกครอบครองเอ้ย....ดูแล

     

    แพรพิมลหมุนตัวกลับออกไปเพื่อนำพาบุคคลที่รออยู่ภายในรถ  ป่านนี้เขาคนนั้นคงรอนานจนเซ็งแล้วกระมัง    เพราะตั้งแต่มาถึงบ้านเพื่อนรักสุดสวาท  ยังไม่หยุดเสวนากันเลย  อุตส่าผู้ปกครองคนใหม่ให้กับเขาได้แล้ว  เธอหายไปไม่นานนักก็พาใครคนนั้นกลับมาด้วย  ปรอยผมซึ่งโผล่พ้นหมวกแก๊บใบพอดีกับศรีษะทำให้รู้ว่าเขาไม่ใส่ผู้ชายผมเกรียน  แต่หากเขาเป็นผู้ชายผมสวยเอาการแต่ผมสวยของเขาถูกสีน้ำตาลของสารเคมีปกปิดไว้ 

     

    แพรพิมลถือโอกาสหลบฉากออกมาจากตรงนั้นเพราะเธอมีนัดกับแฟนหนุ่มขี้หึงสุดจะบรรยายหากไปช้ากว่ากำหนดนัดหมายแพรพิมลมีหวังโดนเขาสวดยับแน่ 

     

    รติ  ฝากนายคิมอินวอน    ด้วยนะนึกว่าสงสารลูกหมาตัวเล็กพลัดถิ่นมาขอที่พึ่งนะ

    ลูกหมาตัวเล็กๆ  เล็กบ้าเตี่ยแกสิ  แถวบ้านฉันไม่เรียกตัวเล็กนะขนาดนี้

    เอาเถอะน่า  ยังไงเขาก็เด็กกว่าเรา

     ช่าย.....นายคิมอินวอน  หนุ่มน้อยที่ฉันมาฝากแกเลี้ยง....เอ้ย...ฝากให้อยู่กับแกเลยละกันพอดีฉันมีธุระด่วนจริ๊งจริง

     

    คิมอินวอน  เข้ามาสิ  พี่จะแนะนำผู้ปกครองคนใหม่ให้รู้จัก

    บ้าแก....ว่าฉันเป็นผู้ปกครองเขาได้ไง

    อ้าวก็แกอายุมากกว่า...แก่กว่านายคิมอินวอน    แกน่ะอุตส่าทำหน้าอ่อนๆ ให้แก่ได้น่านับถือจะตาย

    ให้ตายสิ.....แค่ Room Mate ก็พอไม่ต้องให้เกียรติเป็นถึงผู้ปกครองหรอกน่า

    อะ....ก็ได้กลัวแก่ล่ะสิแก

    พอๆ  หยุดพูดฉันไม่มีอารมย์ต่อล้อต่อเถียงกับแกแล้ว  ยัยจอมหาเรื่อง

    ได้....เอางี้ฉันฝากให้แกดูแลเขาเลยละกัน  ฉันมีธุระนัดกับพี่ต้นดูหนังเดี๋ยวไปช้าพ่อมีหวังงอนฉันตายเลย

    อ้าว...มาส่งแล้วทิ้งกันซะหน้าตาเฉย

    เออ...แกจะกลัวทำไมวะแค่เด็ก  แกก็ทำตัวแก่มาซะนานแล้วนี่  เปลี่ยนเป็นแม่คนใหม่เขาเลยสิ

    หนอย...ยัยแพม....หันก้นมาให้ฉันเตะซะดี

    ใครจะอยู่ให้แกเตะวะ  ไปดีกว่าเดี๋ยวพี่ต้นรอนาน  บ๊ายบายเพื่อนฝากลูกคนใหม่ด้วยนะ

     

    แพรพิมล  วิ่งปู๊ดออกจากบ้านเมื่อรติเตรียมจะยกบาทาฟาดลงไปที่ก้นเธอ

    แพรพิมลสามารถพึ่งพาเพื่อนคนนี้ได้เสมอแม้ในยามคับขันเช่นหลายครั้งแม้กระทั่งครั้งนี้ด้วย   เพื่อนรักของเธอคนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังสักครา    แต่เธอก็รู้ดีว่าอาจจะเป็นการนำปัญหาใหญ่หลวงมาให้เพื่อน  หากพ่อแม่ของเด็กคนนี้ตามตัวเขาพบ  เพื่อนของเธออาจจะซวยรับความผิดให้ที่อยู่อาศัย

      

    รติ   และแพรพิมลรู้จักกันสนิทกัน   เมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน รติเรียนเก่งโกยคะแนวิชาวรรณกรรม    ทุกครั้งเมื่อมีการสอบรติมักจะติดหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่สอบได้คะแนนดี  ส่วนแพรพิมลไม่ได้เรื่องสักวิชาแต่สามารถพึ่งพาเพื่อนได้ทุกครั้งจึงเป็นสาเหตุให้เธอรักและคบค้าสมาคมกับรติเรื่อยมา

     

    เธอรู้ว่าคราวนี้เธอยกปัญหาหนักมาฝากให้เพื่อนรักดูแล  แต่เธอก็ไม่สามารถจะรับภาระนั้นมาดูแลไว้เอง  ด้วยเหตุผลบางอย่าง

    เดี๋ยวสิยัยแพม...เดี๋ยวก่อน

     

    ช้าเกินไปแพรพิมลวิ่งปู๊ดถึงหน้าบ้าน  เพราะระหว่างหน้าบ้านกับตัวบ้านมันไม่ห่างกันเลยสำหรับบ้านรตินาถ

    หาเรื่องมาให้เสร็จทิ้งกันเลยนะยัยตัวแสบ  แทนที่จะอยู่คุยกันให้รู้เรื่องก่อนให้ฉันอยู่รับหน้านายคนนี้คนเดียวซะอย่างนั้น  โอ๊ย...นี่มันเรื่องอะไรของฉันเนี่ย

     

    รติ   เหลือบมองภาระซึ่งเพื่อนรักนำมาวางให้ถึงที่  เขาคือผู้ชาย  ผู้ชายตัวโตๆ  แต่เธอตัวเล็กๆ จากการกะประมาณด้วยสายตาเขาน่าจะสูงราว 185 หรือมากกว่านั้น  เธอสูงแค่ 168 เซนฯ  ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอยังภูมิในตัวเองว่าเธอได้รับมาตรฐานหญิงไทย  ครั้นพบนายโย่งแดนกิมจิคนนี้เข้าเธอกลายเป็นลูกหมาตัวเล็ก  แคระแกรนไปในพริบตา 

    ต่างคนต่างจ้องมอง  สายตาทั้งคู่ที่จ้องมองกันคือสายตาของคนแปลกหน้า  รติ   เตรียมอ้าปากจะเอ่ยคำทักทายเขา

     

    เอ๋อ...หวะ...หวัดดี

    เขาพยักหน้า  ทักทายกลับในเวลาต่อมา

    ฮะ...หวัดดีฮะ

     

    คิมอินวอน   ทักกลับไปบ้างแต่ยังลังเลกับการใช้สรรพนามเรียกหญิงสาวตรงหน้า  ภาพลักษณ์เธอตอนที่แพรพิมลหรือแพม...เล่าให้ฟังน่าจะดูแก่กว่านี้ เพราะแพมบอกกับเขาว่าคนที่เขาจะต้องมาอยู่ด้วยเป็นเพื่อนสมัยเรียนและเป็นนักเขียนพวกนวนิยายประโลมโลก  เขาเคยสัมผัสนักเขียนมาพอสมควร  ไม่ว่านักเขียนไทยหรือชาวเกาหลีอายุอานามค่อนข้างมากด้วยเหตุที่ว่า คนอาชีพนี้มักคร่ำเคร่งกับการอ่าน  และคิดอยู่ตลอดเวลาเพื่อคลอดงานชิ้นใหม่ออกสู้สายตาหมู่มวล   แต่สำหรับเธอหน้าตาท่าทางอายุยังไม่มาก  แต่สามารถทำตัวให้แก่ได้ตามคอนเซ็ปของนักเขียนรุ่นเก่า  ดวงตากลมโตถูกซ่อนไว้ภายใต้เจ้าแว่นหนาๆ    สวมอยู่บนใบหนาขาวซี๊ด  เพียงเพราะขาดการแต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาดของเครื่องสำอางค์  ทำให้หน้าตาเธอราวไก่ต้มรอการวางบนจานข้าว

     

    คือ....เธอเดินทางมาเหนื่อยไม๊  นั่นคือคำถามซึ่งรติยิงไป  เธออึดอัดไม่แพ้เขา  อย่างน้อยคนที่พามาส่งควรจะแนะนำตัวให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการก่อนจะชิ่งหนีไป

    เขาทำหน้ายียวน  โดยการยักไหล่เล็กน้อยใส่หน้าเธอ

     

    อ๋อ...เก๊าะ....## เหนื่อยนิดหน่อยฮะ

     

    แต่สายยังสำรวจรอบๆ บริเวณบ้านหลังเล็กของเธออย่างไม่ละสายตาและไม่ใส่ใจคนถามนัก ว่าจะรู้สึกหรือคิดอย่างไร  กับท่าทางกวนเอ๊ย   สีสันแสบซ่าของผม   ความกวนเริ่มก่อตัวเมื่อเพื่อนตัวร้ายของเธอทิ้งเขาและเธอให้อยู่เพียงลำพัง  ไม่ว่าจะ...สายตา  รวมทั้งท่าทางกวนประสาท  เช่นรองเท้าไม่ยอมถอดเมื่อเดินเข้าบ้าน  ซึ่งเรื่องนี้คนไทยเขาถือมากเพราะเป็นการไม่ให้เกียรติเจ้าของบ้าน  ด้วยนิสัยส่วนของคิมอินวอน  แสบซ่า  ยียวนกวนประสาทอยู่มาก  แต่วันนี้เขายังเกรงใจ  ไม่หลุดปากลิงๆ ของเขาออกไป  วีรกรรมของเขาสมัยเรียนหากรู้กันคงจะรับกันไม่ได้ฉะนั้นเขาจะสงบปากสงบคำไว้ก่อน  แต่คนอย่างเขาถ้าเงียบได้สักครึ่งนาทีถือว่าเก่ง

     

    แม้ความหล่อเหลาของเขาจะสามารถดึงดูดผู้หญิงให้คลั่งใคล้ได้ไม่ยาก  แต่สำหรับเธอถือว่าเรื่องนี้ไม่มีทางทำให้ใจหวั่นไหวได้  เธอไม่ชอบคนหน้าตาดีระดับเขา  เธอถือว่าการร้องไห้และสูญเสียน้ำตาจากความรักได้สิ้นสุดลงตรงนายกันตวิชญ์    ซึ่งเขาคือผู้ชายหล่อราวเทพบุตร  ร่ำรวยล้นเหลือ  นี่คือสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา   เมื่อก่อนเธอก็คือหนึ่งในนั้น  จนแล้วจนรอดความรักซึ่งแตกต่าง  ก็ไม่สามารถพากันไปถึงฝั่ง  เพราะมีเรือลำใหญ่เสริมด้วยกำแพงหนาขวางกั้นการเดินเรือเข้าถึงฝั่ง

     

    รติเริ่มไม่พอใจกับอากัปกิริยาของแขกผู้ไม่เต็มใจให้มาเยือน.....แสดงให้เธอเห็นว่าเขาไม่ค่อยพอใจที่อยู่ใหม่เท่าใดนัก   หากเป็นคนไทยถ้าบังอาจแสดงอาการคล้ายดูถูกลังนอนเขาแบบนี้มีหวังคงตั้นหน้ากันให้แหลกไปข้างหนึ่งแน่

     

    เขายังคงสำรวจที่อยู่ใหม่อย่างไม่แยแสสายตาเจ้าของสถานที่แม้แต่น้อย.....ขณะที่บนหลังยังมีเป้ใบใหญ่แบกอยู่  เมื่อสำรวจได้สักพัก   ท่าทางอวดดีแบบผู้ดีมีตังค์แสดงออกมาให้เห็นต่อหน้าเจ้าของบ้านอย่างรติ  จมูกย่นพร้อมส่งเสียงฟุดฟิตเริ่มกระดิกและหันเหใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองมาทางนักเขียนสาว

     

    โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๊ะ เขาเริ่มส่งเสียงคล้ายเสียงไอ  สองสามทีบอกให้เจ้าของบ้านรู้ได้ทันทีว่าเขารังเกลียดบ้านหลังน้อยของเธอ

     

    สาบานได้ไม๊ว่าที่นี่คือบ้าน  ทั้งรกทั้งเล็ก  ผมจะอยู่ได้ไม๊เนี่ย

     

    รติ  เริ่มขมวดคิ้วเรียวงามเข้าหากันราวกับผูกโบว์.....แต่ยังพยายามสะกดกลั้นไม่ติดใจกับปฏิกิริยาของแขกผู้อ่อนวัยกว่า   คิดไว้เพียงว่านี่คือแขกซึ่งเพื่อนรักฝากให้ดูแล  ขืนพูดอะไรรุนแรงไปอาจจะทำให้เพื่อนรักเดือดร้อน  แต่ถ้าขืนนายคนนี้ไม่หยุดพฤติกรรมน่าตบกระบาล   เธออาจจะจัดการอะไรสักอย่างก็ได้

     

    เขายังไม่หยุดการสำรวจคฤหาสน์ส่วนตัวของเธอ  หรือไม่มีวี่แววของการสงบนิ่งได้เลย   จนในที่สุดเจ้าบ้านต้องเอ่ยถาม

    นี่นาย...จะเดินอีกนานไม๊พระเจ้าไม่ประทานก้นให้นายนั่งรึ

    ช่างผม  บ้านโกโลโกโสแบบนี้ผมคงนั่งไม่ลงหรอก และอีกอย่างไม่รู้จะหาที่นั่งได้หรือเปล่า  มองไปมุมไหนมันดูรกไปหมด  คุณเคยเก็บกวาดให้มันสะอาดบ้างไม๊

     

    โห...นี่นายเป็นใครถือดียังไง....ว่าฉันฉอดๆ ตั้งแรกวินาทีแรก .....มันเกินจะให้อภัยซะแล้ว

    รติได้แต่บ่นอุบอิบคนเดียว  คิดเพียงอย่างเดียวในหัวเวลานี้ต้องจัดการกับนายตัวดีนี้ให้หายซ่า

     

    เขาได้แต่เอียงหน้ากวนๆ  มองรติ  หมวกแก๊บซึ่งสวมอยู่ที่ศรีษะก็ยังไม่ถูกถอดให้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นชัดๆ   เขาแยกเขี้ยวขาวใส่หน้าเธอราวกับตัวเองเป็นราชสีกำลังขู่กวางน้อย  แต่เธอก็ยังสามารถสะกดอารมย์ให้เยือกเย็นอยู่ได้

     

    ขอโทษนะมีอะไรหายมิทราบถึงได้เดินหาไม่ยอมหยุด  บ้านฉันมันมีของอะไรที่นายกำลังหาช่วยบอกฉันให้ชื่นใจได้ไม๊

    แขกผู้มาเยือนไม่ตอบตามเคยยังคงแสดงสีหน้ากวนๆใส่หน้าเธออีกครั้ง

    เอ...หรือว่าเขาฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง  เราพูดศัพท์ยากไปมั๊ง แต่เขาก็พูดไทยได้นี่นาเพียงแต่ไม่ชัดเท่านั้นเอง

    ถ้านายยังไม่หยุดทำนิสัยนักสำรวจอยู่ในบ้านฉัน  ฉันขอเชิญให้นายใสหัวออกไปจากบ้านฉัน

    เอ๋  !!”  เขามองมายังต้นเสียงสูงปี๊ดเมื่อครู่ด้วยสายตาเอาเรื่องไม่ต่างกัน

     

    เอาแล้วสิแม่เสือหลับกำลังจะตื่นนายคนนี้ท่าทางจะแย่แล้วสิ  รติไม่เคยอารมย์เกรี่ยวกราดกับใครเธอคือมนุษย์ใจเย็นระดับโลก   นายคิมอินวอน  ผู้มาเยือนจากแดนโสมทำให้หินผามีอันสั่นคลอน 

    แต่เขากลับไม่แยแสพฤติกรรมแม่สาวผีดิบ  ฉายาซึ่งเขาอุตส่าสรรหาให้เธอเมื่อกี้นี่เอง

    เมื่อกี้ว่าไงนะป้าผีดิบไล่ผมใช่ไม๊

    ช่าย...นายได้ยินไม่ผิด  เด็กแสบซ่าอย่างนายมิน่าล่ะถึงไม่มีใครต้องการ

     

    เขาทำท่าจะกระโจนขย่ำเธอ  รติตกใจไม่น้อย  กับท่าทางห่ามๆ ของเด็กแยงกี้ ยากูซ่า  มาเฟีย  เธอไม่รู้จะบัญญัติศัพท์ที่ลงตัวให้เขาได้อย่างไร  เพราะเขารวมทุกอย่างไว้ในตัวเองเสร็จสรรพ  มีอย่างเดียวที่สามารถจะโอเค   นอกจากหน้าตาหล่อหล่อ   เท่  บาดใจ   ในแบบฉบับวัยรุ่นเกาหลีซึ่งสาวไทยกำลังคลั่งก็เท่านั้น  อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรพอจะให้อภัยกับพฤติกรรมแย่ๆ 

     

    ยัยแพมนะยัยแพมส่งอะไรมาให้ฉันเนี่ย  ฉันจะฆ่าแกยัยเพื่อนบ้า

    เธอต่อว่าเพื่อนและคาดโทษอย่างไม่ยอมให้อภัย  และตั้งหน้าเล่นงานแขกผู้มาเยือนต่อ

     

     นายน่ะมันแยงกี้ชัดๆ  หรือพวกยากูซ่าขาโจ๋   ไอ้ท่าทางกวนประสาทนั่นด้วยไม่ต่างอะไรกับพวกมาเฟียซะเท่าไหร่

    ว่าไงนะยัยป้าผีดิบ....

    เขาโกรธจัดกับคำด่ารวมพลพวกอันธพาลหลายชาติ

     

    ว่าไงน๊า  รติเสียงสูงปี๊ดแสดงให้รู้ว่าเธอโกรธจัดจนสามารถผลิตควันออกจากปล่องหูได้  กำหมัดแน่นหวังจะต่อยโครมสักตั้งเข้าหน้าไอ้เจ้าแยงกี้แดนโสมนี่สักตั้ง  แต่ดูๆ ไปแล้วเธอคงต่อยไม่โดนแม้แต่ติ่งหูของเขาแน่

     

    นี่นายตัวแสบ  มันจะมากไปแล้ว  ซ่ามากนักเดี๋ยวให้นอนข้างถนนหรอกถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันก็ฝึกเอาเอาเข็มมาเย็บปากให้มันอยู่นิ่งๆ  จะดีกว่านะ

    เธอเท้าสะเอวเข่นเขี้ยวขู่แกมดุด่าเพื่อให้นายบ้านี้นิ่งหรือสงบลงซะบ้าง

     

    อ้าว...ก็มันจริงนี่นา  ป้าใส่แว่นหนาเตอะ  ราวกับยัยป้าจอมแก่วิชา  แต่งตัวเก่าๆ แก่ๆ  ทั้งที่อายุก็แค่ 25  ทำราวกับตัวเองเป็นผีดิบ

    ว๊าย !!!นายรู้ได้ไงฉันอายุเท่าไหร่ทำมาสู่รู้ประวัติคนอื่น

    ผมต้องรู้บ้างจะมาอยู่กับใครไม่รู้จักเลยเท่ากับผมเดินทางสู้เหวนรก

    อ้าว...แบบนี้เห็นบ้านเป็นนรก  พูดแบบนี้ใสหัวไปเลย

    ผมไม่ไป...ยังไงผมก็จะยึดที่นี่ไม่มีทางยกทัพกลับ

    แล้วนายคิดว่าคนอย่างฉันจะใจดีกับคนปากหมาอย่างนายรึไง

    ปากหมาตรงไหนสิ่งที่ผมพูดความจริงทั้งนั้นเขาเรียกปากหมา มันคือความจริงล้วนๆ หัดส่องกระจกดูสาระรูปตัวเองบ้าง   หรือป้ายอมรับความจริงไม่ได้  ไม่มีใครเคยบอกป้าบ้างเลยหรือป้าน่ะเป็นผีดิบตายซาก

    โอ๊ย....นี่มันอะไรกันฉันซักจะทนไม่ได้ไหวแล้วนะ  นี่นายถือดียังไงว่าฉันแบบนี้  นายอยากอยู่ที่นี่หรืออยากไปนอนข้างถนนบอกมา...

     

    ตอนนี้หูของรติกลายเป็นป่องไฟให้ซานตาครอสหย่อนของขวัญตอนคริสมาสต์ไปซะแล้ว  หน้าแดงด้วยไฟอาฆาตแผ่ซ่านทั่วใบหน้า

    ก็...มันจริงนี่นา  ดูสิตอนโกรธยิ่งไปกันใหญ่  ดูได้ที่ไหน  ป้าแก่ผีดิบ

    นี่...ปากน่ะร้ายนักนะ  ขอซะทีเถอะ

     

    รติ รัวกำปั่นทุบลงยังตัวเขาแบบไม่ยั้ง  ด้วยความโกรธจัดที่โดนว่าตั้งแต่คุยกันประโยคแรก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×