คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่3
บทที่3
“นี้ยูเรจิน ไม่ได้ไปโรงเรียนหรอ?” เด็กชายผมสีบลอนด์ครีมอ่อนที่ได้ฉายาว่าไมค์กี้ เอ่ยถามเด็กสาวข้างๆ ที่กำลังนั่งโยกเยกเก้าอี้ไม้อยู่
“ไปทำไม? ฉันไม่มีเงินสักหน่อย”
“งั้นจะอยู่ที่นี้จนตายเลยรึไง?” เด็กชายร่างสูงมีรอยสักลายมังกรตรงขมับฉายาว่าดราเค่น นั่งยองๆ ถาม
“ก็ตอนเย็นเดี๋ยวฉันก็ต้องไปต่อยตีกับแก๊งอื่นอีก” ดราเค่นหน้าเหว๋อ
“อย่างเธอน่ะทำได้แน่นอน ก็เพราะหลบลูกเตะของฉันได้นี้หน่า” ไมค์กี้ยิ้มให้เธอ
“อ่า ขอบคุณ…จะถือว่าเป็นคำชมนะ”
ปี๊ดๆ!!
ปี๊ดดดดดดด!!
ในช่วงเวลากลางคืนนั้น เสียงแตรรถก็ได้ดังขึ้นตรงหน้าของเด็กสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้างสรรพสินค้า และเธอก็ได้ตายลงในวันนั้น
ไมค์กี้และดราเค่น ถึงจะรู้จักกับเธอได้ครึ่งปี แต่เธอก็เป็นเพื่อนคนสำคัญของพวกเขา ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ก็ขอแค่ช่วยชีวิตเธอได้สักครั้ง
…
..
.
ยามาริจากแต่ก่อนที่เป็นคนปั่นจักรยาน ตอนนี้ก็มานั่งซ้อนท้ายหัวหน้าแก๊งโตมันแทน และทางที่พวกเขากำลังจะไปนั้นมันผ่านบ้านของเธอไปเป็นร้อยเมตรแล้ว
“ดะ เดี๋ยวสิซาโนะ! มันเลยบ้านของฉันแล้วนะ!”
“ก็เธอมีธุระไม่ใช่หรอ? เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”
“อ๋อ เรื่องนั้นฉันต้องไปเอาของที่บ้านก่อน และค่อยไปทำธุระน่ะ”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนเล่า!” ซาโนะหันมาทางเธอด้วยใบหน้าที่เหว๋อเล็กน้อย
“เฮ้ยไมค์กี้! ข้างหน้า!” ดราเค่นชี้นิ้วที่ข้างหน้าจักรยานที่ซาโนะขับกำลังจะชนเข้าเสาไฟ แต่ยามาริก็ใช้เท้าเบรคไว้ได้ทัน
“เฮ้อ…ขอกลับบ้านอย่างสงบสุขได้ไหมเนี้ย…?”
จากที่กล่าวมาคือเรื่องราวก่อนที่ยามาริจะมาอยู่ที่สนามฟุตบอลแห่งหนึ่งในตอนกลางคืน ด้วยหน้ากากสีขาวที่เป็นรูปรอยยิ้มอยู่
“แล้วยามะจินมาทำอะไรที่นี้หรอ?” ไมค์กี้เอ่ยขึ้น พลางลงจากรถมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งจอดส่งยามาริ
“ไม่เกี่ยวกับนายหรอก ไม่สิ…ฉันไม่อยากให้พวกนายมายุ่งเกี่ยว”
“งั้นฉันขอรอเธอได้ไหม?”
“ขอปฏิเสธ นายน่ะรีบออกไปจากที่นี้ได้แล้ว” ยามาริหยิบโทรศัพทมือถือแบบพับขึ้นมา เปิดดูข้อความที่เพิ่งส่งมาเมื่อครู่
“ไม่ล่ะ ฉันจะรอยามะจินอยู่ที่นี้!”
“เฮ้ไมค์กี้ ไปกันได้แล้วน่า เดี๋ยวพวกฉันจะมารับตอน5ทุ่ม อย่าเพิ่งตายซะล่ะ” ริวงูจิลากตัวซาโนะขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซต์และขับออกไป แม้ไมค์กี้จะอยากรอเธอ แต่เพราะริวงูจิเป็นคนบอกก็ต้องทำตาม
“เฮ้อ…” เธอมองตามแสงมอเตอร์ไซค์นั่น ก่อนจะกลับมาตอบข้อความในโทรศัพท์
[โอโตรุ] : อีก5นาทีจะถึง
[ยามาริ] : ฉันมาถึงแล้วนะ เป็นคนชวนแท้ๆ ชักช้า
[โอโตรุ] : โทษทีๆ งั้นช่วยรอก่อนนะ
‘ให้ตายสิ ไอ้ไม้ไผ่เฮ็งซวยเอ้ย…!’ ภายใต้หน้ากากยิ้มแสยะ ยามาริทำหน้าบู้บึิ้งแบะปากเล็กน้อย
บรืนนนน!! เอี๊ยดดด!!
รถมอเตอร์ไซค์คันนึงเลี้ยวโค้งเข้ามาจอดตรงหน้า ร่างสูงเกือบ2เมตรลงจากรถ ผมสีดำคลับ กับใบหน้าที่ถูกปิดด้วยหน้ากากรูปใบหน้าบึ้งตึง พร้อมกับถือไม้ไผ่ที่เป็นอาวุธของเขา
“มาแล้วๆ ขอโทษทีให้รอ~” โอโตรุโบกมือทักทายเธอด้วยความเป็นมิตร ผิดกับหน้ากากของเขาที่ทำหน้าบึ้ง
“แล้วเรียกฉันมาที่นี้ทำไม?”
“แค่มีคนห้าวตีนอยากเจอเธอน่ะ หัวหน้ามันชื่อซาวะกิริ รินตะ” ภาพของชายผมทองยาวร่างกำยำสูงกว่าโอโตรุเข้ามาในหัวของเธอทันที
“เรื่องแค่นี้นายก็จัดการมันไปเลยสิ บอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องต่อยตี”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ เธอใส่หน้ากากแล้วไม่ใช่หรอ? ไม่มีใครรู้หรอก^^” ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ๆ เธอ พร้อมเอื้อมมือถอดหน้ากากของยามาริ ให้เห็นเพียงริมฝีปากอมชมพู
เธอปัดมือเขาออก ก่อนจะกลับมาใส่หน้ากากดั่งเดิม แม้โอโตรุจะแซวเธอเล็กน้อยแต่ก็ไม่สะทบสะท้านสักนิด และแล้วเหล่าแก๊งอันธพาลรถซิ่งก็มาตามที่สัญญากันเอาไว้
21:44
กลุ่มเด็กวัยรุ่นได้บุกตีกันในสนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง โดยที่ฝ่ายหนึ่งที่มีพวกเป็น100คน กับอีกฝ่ายที่เป็นแค่เด็กมัธยมต้น2คนเท่านั้น และฝ่าย100คนก็ตะลุมบอนเข้ามาทาง2เด็กมัธยมอยู่ฝ่ายเดียว แต่แค่นี้ไม่ได้ขนามือพวกเขาหรอก
22:30
จาก100คนตอนนี้ถูกเก็บกวาดเรียบเหลือเพียง10กว่าคนเท่านั้น ทั้งหมดนี้คือฝีมือของ ‘หน้ากาก2อารมณ์’ ที่หน้ากากแสยะยิ้มมักเป็นคนเก็บได้เยอะที่สุด และบ้าเลือดที่สุด ตามข่าวลือของสมัยก่อน
22:56
แก๊งของซาวะกิริ รินตะ ทั้งหมด100คน ถูกจัดการลงเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น โดยหน้ากาก2อารมณ์ ที่หน้าแสยะยิ้มนั่งชมพระจันทร์อยู่บนกองซากผู้คนที่หมดสติเป็นกองภูเขา
…
..
.
“ว่าแต่นะเคนจิน ยามะจินนี้เธอไปทำอะไรหรอ?” ซาโนะที่นั่งซ้อนท้ายริวงูจิก็เอ่ยขึ้น เพราะในตอนนี้พวกเขากำลังจะไปรับยามาริตามสัญญา
“ก็ไม่รู้สินะ ดูเหมือนเธอจะไม่อยากบอกเรา” ริวงูจิเอ่ยขึ้น ก่อนจะซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ตรงไปยังสนามฟุตบอลแห่งนั้น
และเมื่อพวกเขามาถึงก็ต่างตกตะลึ่งกับร่างของชายอันธพาลมากมายกองพะเนินเป็นภูเขา แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบร่างของยามาริที่นั่งอยู่ข้างบน
“เฮ้! ยามะจิน!” ซาโนะโบกมือให้เธออยู่ข้างล่าง ยามาริที่ได้ยินเสียงของซาโนะก็แทบจะร้องกรีด เพราะเธอไม่อยากให้พวกเขามาเห็นเธอในสภาพแบบนี้
“นี้พวกนายมากันเร็วไปแล้วนะ!” เธอรีบลงจากซากกองพะเนินนั้น
“เห้~ ไอ้พวกนี้ยามะจินจัดการหมดเลยหรอ?”
“ม่ะ ไม่ใช่สักหน่อย…ฉันแค่เห็นว่ามีใครไม่รู้ว่าทิ้งไว้ ตอนที่ฉันอยากดูดวงจันทร์น่ะ” เธอหาข้ออ้างประหลาดๆ มาอีกแล้ว ทำให้ริวงูจิหลุดขำออกมาอีกรอบ
“อะ เอาเป็นว่าไปกันเถอะ! เดี๋ยวมีคนมาเห็นแล้วเข้าใจผิด--” ตัวของยามาริถูกดันมาให้ซบไหล่ของโอโตรุ ชายสวมหน้ากากบึ้งที่อยู่ข้างหลัง
“หา? อะไรของแก…?” ริวงูจิมองเขม่งมาทางโอโตรุ
“พวกนายคือหัวหน้าและรองของโตมันสิท่า พวกแกน่ะ อย่ามายุ่งกับยามาริเด็ดขาด” โอโตรุชี้ด้ามไม้ไผ่มาทางซาโนะ
‘ไอ้บ้าไม้ไผ่เอ้ย!! ฉันไม่ได้อยากมีเรื่องกับพวกนีี้สักหน่อย!!’
“หา? ยามะจินเป็นเพื่อนของฉันนะ” ซาโนะทำหน้าไม่พอใจนัก แต่ก็เก็บอารมณ์และทำตัวสุขุมไว้
“เพื่อน? โทษทีนะ นี้ก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน-- หา?” ซาโนะเดินเข้ามาใกล้โอโตรุและยิ้มให้
“นายชื่ออะไร?”
“โอโตรุ ถามก่อนจะฆ่าฉันรึไง--”
“มาเป็นเพื่อนกับฉันเถอะนะ โอโตะจิน”
‘อะไรล่ะเนี้ยไอ้พวกนีี้…’ ในขณะที่โอโตรุกำลังสับสนกับสถานการณ์อยู่นั้น ยามาริก็ออกให้ห่างจากคู่สนทนานั้นและไปรอที่รถมอเตอร์ไซค์กับริวงูจิ
“อะไรของแก? ฉันชื่อโอโต--”
“ไมค์กี้พูดแบบนั้นก็ถูกแล้ว เข้าใจไหม? โอโตะจิน” ริวงูจิเอ่ยเหมือนที่เอ่ยกับเธอเมื่อตอนนั้น
‘ไอ้ไม้ไผ่เอ้ย! อยู่นิ่งๆ เงียบๆ ไม่ได้รึไง?!!’ ในตอนนี้เธออยากจะวิ่งเข้าไปซัดหน้าโอโตรุเต็มทีแล้ว แต่เพราะมีซาโนะและริวงูจิอยู่ด้วยน่ะสิ เธอจึงทำได้แค่ดูสถานการณ์และเก็บอารมณ์เอาไว้
“งั้นไว้เจอกันนะ โอโตะจิน^^” ซาโนะและริวงูจิกลับขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไป และก็ทักยามาริที่ยืนนิ่งอยู่ แต่เบาะรถมันมีพื้นที่ไม่พอน่ะสิ
“ขึ้นมาเถอะน่า ไมค์กี้นายนั่งซ้อนท้ายยามะจินได้รึเปล่า?”
“ได้สิ ก็เคนจินเป็นคนขอนิ” ซาโนะลงเบาะและให้เธอเป็นคนนั่งก่อน แต่ว่านะ…นี้เธอดันไปนั่งประกบข้างของตัวอันตรายซะได้สิ!! แต่ในเมื่อไม่มีที่ให้เธอนั่งก็ต้องอัดสามไปแทน
…
..
.
เพราะทั้งตลอดทางมีแต่เสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์ ทำให้ทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดทาง แต่เพราะแบบนั้นทำให้ยามาริเกรงและอึดอัดในเวลาเดียวกัน บางทีก็แทบจะหยุดหายใจไปเลยล่ะ
ไมใช่เพราะรังเกียจอะไรสักหน่อย แค่ระแวงคนพวกนี้เท่านั้น
“นี้ยามะจิน” ซาโนะที่นั่งซ้อนท้ายเธอเรียก “เธอเนี้ยสุดยอดเลยนะ จัดการคนพวกนั้นได้ไม่กี่ชั่วโมงเนี้ย”
“ก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไรไง! แค่เห็นว่า--”
“เลิกหาข้ออ้างได้แล้วน่า ความมันแตกหมดแล้ว” ริวงูจิที่ขับรถอยู่ก็พูดขึ้น แต่นั้นมันก็จริง ใครมันจะไปเชื่อข้ออ้างพวกนี้ล่ะ
“อะ อืม…” เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย และในจังหวะนั่นซาโนะก็ถอดหน้ากากรูปแสยะยิ้มของเธอออก
“ทำอะไรน่ะ?!”
“ก็ฉันอยากเห็นหน้าของยามะจินนีี้หน่า”
“อะไรเล่า ก็เห็นทุกวันไม่ใช่รึไง?”
“ก็จริง แต่เธอใส่แบบนี้และมันไม่สมกับเป็นเธอเลยนะ ฉันชอบแบบนี้มากกว่า” ซาโนะยิ้มอ่อนให้ แทบจะทุกครั้งที่เจอกับเธอเลย หรือว่าเขาจะยิ้มแบบนี้ทุกวันเป็นคนบ้าเลยรึเปล่า?
และในคืนนั้นที่ริวงูจิขับรถอยู่ และมียามาริและซาโนะซ้อนท้ายอยู่ อาการที่กินแล้วหลับของซาโนะก็ออกอาการทำให้เขานั่งซบไหล่ยามาริตลอดทาง แต่เพิ่งรู้ก็ตอนนี้แหละที่ซาโนะละเมอกอดยามาริจนมาถึงหน้าบ้านเลยด้วย
ให้ตายสิ ริวงูจิเขาอยู่กับซาโนะมานานยังไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้มาก่อนเลย หรือที่ทำไปเพราะอ้อนยามาริ หรือขอโทษเธอกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เขาจะไม่ไปเป็นก้างคว้างคอเจ้าสองคนนีี้แน่
TBC.
ซาโนะคุงง จะอ้อนหรือขอโทษเขาก็เลือกมาสักอย่าง(สองอย่าง)สิคะะ ทำแบบนี้ริวงูจิเขาไม่มีส่วนรวมเลยนะ5555
ความคิดเห็น