คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : การลักพาตัว ???
ตอนที่ 3 การลักพาตัว ???
หลังจากเหตุการณ์ชุลมุลกันอยู่พักใหญ่ได้เงียบสงบลงไป ลูซี่วิ่งกลับมาถึงรถของเธอที่มี สกั๊ดจอดรอรับเธออยู่ ลูซี่รีบวิ่งเข้าไปแล้วปิดประตู ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
“ให้ตายสิ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันนักนะ ฉันต้องขอโทษเธอนะลูซี่” สกั๊ดขับรถไปโทษตัวเองไป ขณะที่ลูซี่คิดถึงสาวเด๊บส์คนที่เธอต้องตามาตลอดทาง
“เธอเพิ่งเข้าประเทศมาแท้ แล้วดูสิ พวกนั้นหูตาไวชะมัด” สกั๊ดพึมพัมก่อนจะหันมาจับพิรุธที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มของลูซี่
“เธอเป็นอะไรน่ะ” สกั๊ดมองหน้าลูซี่ด้วยความแปลกใจ
“ฉันเจอคนๆหนึ่งน่ะ” ลูซี่หันมาคุยกับสกั๊ดอย่างเอาจริงเอาจัง เมื่อสมุนรักได้ยินดังนั้นจึงรีบเหยียบเบรคแทบไม่ทัน
“อ้อ..ฉันค่อนข้างประหลาดใจนะที่เธอกับฟินอสชิกาไปกันได้ด้วยดี..” สกั๊ดเอ่ยโดยลูซี่พูดสกัดทันควัน
“ไม่ใช่ๆ ฟีนอสชิกาไม่ได้เรื่องเลย” เธออธิบายให้สกั๊ดฟัง “เอางี้นะ เธอตั้งใจฟังฉันให้ดี เพราะฉันกลัวว่าแบบบางทีเธอก้อแสดงอาการ..” ไม่ทันที่ลูซี่เอ่ยจบ
“แล้วจะใครอีกล่ะ” สกั๊ดสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ทุกทีเวลาที่ลูซี่เริ่มมีเรื่องเข้ามาให้เค้าร่วมปวดหัวด้วย ลูซี่มองสกั๊ดยิ้ม
“อืม นายพอจะรู้จักคนที่ชื่อ เอมี่ แบรดชอร์มั้ย สกั๊ด” ลูซี่กัดปากหยั่งเชิงคู่สมุนคนสนิท
“สาวจากองค์กรโจรกรรมหรอกรึ” สกั๊ดทายออกมา
“ไม่ใช่” ลูซี่ค้าน ขณะมองดูท่าทีของเค้าไม่วางตา ขณะที่สกั๊ดใคร่ครวญอย่างหนักคิดว่าชื่อนี้เป็นใครก่อนจะเริ่มคิดออก
“โอว...พระเจ้า..!” สกั๊ดอุทานตาค้าง “ผมสีบรอนด์ กระโปรงลายสก๊อต เธอเป็นพวกเด๊บส์นะให้ตายลูซี่” สกั๊ดสบถออกมาด้วยความหนักใจ
“เอมี่ไม่ใช่เด๊บส์ธรรมดานะ เธอเป็นเฟอร์เฟค สกอร์เชียวล่ะ” สกั๊ดพยายามอธิบาย
“อะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจเลย” ลูซี่ไม่อยากรับรู้อะไรมากนักเธอแค่สนใจในตัวเอมี่มากกว่าอย่างอื่นทั้งหมด ลูซี่เปิดประตูรถออกมาโดยสกั๊ดเดินสวนมาเจอกัน
“ฟังนะลูซี่ เธอเป็นเฟอร์เฟค สกอร์ เธอสอบได้คะแนนสูงสุดใน S.A.T เป็นเด๊บส์ที่ทุกคนชื่นชม เป็นเด๊บส์ที่ทางองค์กรติดประกาศบนโปสเตอร์” สกั๊ดพยายามบอกลูซี่ให้เลิกล้มความสนใจไปซะ แต่ไม่เป็นผล
“แล้วไงล่ะสกั๊ด แต่เด็กบนโปสเตอร์นั่นก็ชอบฉันนะ เอากุญแจรถมา” ลูซี่รีบรับกุญแจรถแล้วเดินมานั่งในที่คนขับ
“แล้วนั่น เธอจะไปไหนล่ะ” สกั๊ดเอ่ยอย่างสงสัยเป็นที่สุด
“กลับไปไง กลับไป” ลูซี่จับพวงมาลัยด้วยใจที่แน่วแน่ไปหาเอมี่ ก่อนที่เธอจะเคลื่อนรถออกไปโดยทิ้งสกั๊ดยืนอยู่ลำพังกลางถนน
“เอ..มี่...ชอบผู้ชาย!” สกั๊ดตะเบงเสียงไล่หลังไปจนสุดเสียง ก่อนจะวิ่งตามรถที่ลูซี่หยุดรอเค้า
**************************************************************************************************************
ไฟของหน้าต่างบานสุดท้ายของบ้านพักพวกเด๊บส์ได้ปิดลงแล้ว เป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูซี่ขับรถมาจอดซุ่มถึงหน้าตัวบ้านหลังใหญ่นั้น
“เอาล่ะ รอที่นี่นะ” ลูซี่พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะรีบลงรถออกไป
“เดี๋ยวลูซี่ ฉันขอร้องล่ะ” เสียงที่สกั๊ดเอ่ยเรียกไม่มีความหมายใดๆเลยกับลูซี่ เมื่อจอมโจรสาวสวย เดินไปที่หน้าบ้านด้วยใจมุ่งมั่นแล้ว
เมื่อลูซี่มาหยุดยืนอยู่หน้าตัวบ้านเด๊บส์ เธอหยิบเครื่องมือสมัยใหม่ในการค้นหาห้องนอนของเอมี่
“ไหนดูหน่อยสิเด๊บส์ แสดงฝีมือหน่อย” ลูซี่พึมพำอย่างตั้งอกตั้งใจ เครื่องได้แสดงการค้นหาไปเรื่อยๆห้องต่อห้อง จนมาหยุดผลการแสกนทันทีที่เจอห้องของเอมี่ ชั้นสองด้านขวาของตัวบ้าน
ลูซี่ไม่รอช้า เธอรีบก้าวกระโดดข้ามรั้วเตี้ยๆไปทันที ก่อนจะมาหยุดลงเอาบริเวณตัวบ้านที่มีเกราะคุ้มกันอีกชั้นครอบทั้งบ้านอยู่ เธอลองเอามือเคาะเข้าไปก็ปรากฏเกราะม่านสีฟ้าลายสก็อตแว่บขึ้นมา ลูซี่รีบหยิบเอาแท่งเรืองแสงขึ้นมาจี้เป็นรอยทำลายเกราะ รอยนั้นกว้างพอที่เธอจะมุดเข้าไปได้ง่ายๆ ลูซี่ไม่รอช้า รีบจ้ำอ้าวตรงไปตำแหน่งที่เป็นห้องนอนของเอมี่ ก่อนที่จะไต่ขึ้นกำแพงไปด้วยอุปกรณ์อันทันสมัยของเธออีกเช่นเคย
เมื่อลูซี่เปิดหน้าต่างเข้าไปในห้องนอนเอมี่ เธอย่องอย่างเบากริบไปที่เตียงของเอมี่ที่นอนหลับพริ้มอยู่
“เอมี่” ลูซี่พูดเบาที่สุดพร้อมจะเอื้อมมือไปจับตัวเอมี่ แต่สาวเด๊บส์ตื่นตัวก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าถึงตัวเธอ
“โอ้ ..พระเจ้า” เอมี่อุทานออกมาด้วยความตื่นตกใจเมื่อเธอเห็นบุคคลที่ล่วงล้ำเข้ามา ก่อนจะใช้วิชาป้องกันตัวที่ฝึกมาดึงแขนลูซี่ให้ล้มหงายหลังตึงลงล่างเตียงอีกฝั่ง
“พระเจ้า ให้ตายสิ” ลูซี่ร้องด้วยความเจ็บหลังแปล๊บ ก่อนจะลุกขึ้นมาทันทีมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความแกร่งของเธอ
“เธอ..มาทำอะไรที่นี่” เอมี่ถามอย่าตื่นขณะที่เธอตั้งการ์ดรอปะทะกับอีกฝ่ายเต็มที่
“ฉัน..เอ่อ ฉันอยากเจอเธอ” ลูซี่ตื่นเต้นมากที่เธอเจอสาวที่ชื่นชม
“จะมาเจอฉันทำไม” เอมี่ไม่วายครางแคลงใจ
“ก็..ก็ ฉันนึกถึงรายงานเธอน่ะ” ลูซี่ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง
“วิทยานิพนธ์” เอมี่แก้คำพูดใหม่อย่างลนลาน
“ก็นั่นล่ะ..เอ่อ ฉันเห็นว่าไหนๆเธอก็เจอตัวฉันยากอยู่แล้ว ทำไมเธอไม่ตรงมาที่แหล่งข้อมูลโดยตรงเลยล่ะ” ลูซี่เอ่ยหยั่งเชิง
“เธอน่ะหรอ” เอมี่กระพริบตาถี่ๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ใช่ เธอมากับฉันเถอะนะ แล้วฉันจะบอกสิ่งที่เธออยากรู้ทุกอย่างเลย” ลูซี่ยิ้มถามหน้าด้านๆ ขณะที่เอมี่หันไปหยิบหน้าไม้ออกมาขู่ฝ่ายตรงข้าม ลูซี่รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่ายอมแพ้
“ฉันไปไม่ได้” เอมี่พูดเสียงหนักแน่น
“อ้าว..ทำไมล่ะ” ลูซี่พยายามเกลี้ยกล่อมหญิงสาว
“มีเหตุผลเป็นล้านอย่างเลยล่ะ” เอมี่พูดทำท่าระมัดระวังฝ่ายตรงข้ามเต็มที่ แต่ก็ช้าไปกว่าจอมโจรสาวอยู่ดีเมื่อลูซี่ เตะปัดหน้าไม้ออกไปจากมือเอมี่แล้วรีบฉวยออกมาถือไว้ที่ตัวเองในทันที ตอนนี้ลูซี่เป็นต่อเอมี่อยู่หลายขุม
“ทีนี้ เธอต้องไปกับฉันแล้ว” ลูซี่เอ่ยยิ้มยียวนอย่างสะใจ ขณะที่เอมี่ยืนงง ไม่คิดว่าลูซี่จะรวดเร็วขนาดนี้
เอมี่จำใจเดินออกมากับลูซี่ เธอเปิดประตูหน้าบ้านออกมาอย่างเงียบกริบโดยมีลูซี่ถือหน้าไม้ติดตามอยู่เบื้องหลัง
แต่ไม่ทันที่ทั้งสองจะเดินออกจากรั้วบ้านไป ลูซี่มือไวรีบหันหลังกลับยิงหน้าไม้ออกไปทันที
“ว้าย เฮ้ย..” เสียงอันตื่นตกใจของเจเน็ทดังขึ้นเมื่อลูกดอกตรึงเสื้อผ้าเธอไว้กับต้นไม้ใหญ่หน้าประตูบ้าน
“เจเน็ท!...เธอมาทำอะไรตรงนี้น่ะ” เอมี่เดินปรี่เข้ามาหาเพื่อนสาวโดยทันทีด้วยความตกใจ ขณะที่ลูซี่ยืนมองอยู่เงียบๆในมุมมืดถัดออกไป
“ให้ตายเถอะ เสื้อชั้น” เจเน็ทถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่ตรึงอยู่กับต้นไม้อย่างหัวเสีย “ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณเป็นใคร แต่คุณทำเสื้อชั้นขาด” เธอเดินกระฟัดกระเฟียดมาที่บุคคลตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่เมื่อเจเน็ทเดินไปใกล้พอที่จะเห็นหน้าลูซี่ เธอก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างมาก ขณะที่ลูซี่เองก็มองตาโตมาที่เจเน็ทอย่างเอาเรื่อง ที่เธอมาขัดแผนการของหล่อนไปหมด
***************************************************************************************************************
ในที่สุดลูซี่จำใจต้องรับเจเน็ทขึ้นรถไปด้วยอีกคน โดยที่เอมี่นั่งหน้าคู่เธอ ขณะที่เจเน็ทนั่งข้างหลังกับสกั๊ด ชายหนุ่มเหล่มองที่เจเน็ทอย่างสนใจขณะที่รถแล่นเข้าอุโมงค์ไปด้วยความเร็วคงที่
“เธอเคยไปดาลตันมั้ย” สกั๊ดเอ่ยถามเจเน็ทที่นั่งหวาดกลัวอยู่ข้างๆ เธอหันมามองที่เค้าแต่ก็ไม่พูดอะไรตอบโต้ทั้งนั้น
ขณะที่รถวิ่งเข้าอุโมงค์มาได้พักหนึ่ง โดยที่ลูซี่หันมายิ้มให้เอมี่เป็นระยะๆ
“นี่เธอกำลังจะพาเราไปไหนน่ะ” เอมี่เอ่ยถามด้วยความหงุดหงิด เธอนั่งหน้างุ้มไปตลอดทาง
“ก็แล้วเธออยากจะไปไหนล่ะ” ลูซี่เหลือบมองเอมี่อมยิ้ม
“กลับบ้าน” เจเน็ทตะโกนตอบแทนเพื่อนสาว ลูซี่แว่บมองเจเน็ทก่อนจะทำหน้าเบ้ เธอไม่ได้สนเพื่อนเอมี่คนนี้เลย แล้วเมื่อถึงจุดแยกในอุโมงค์ที่มีเครื่องกีดขวางกั้นอยู่ ลูซี่ไม่รอช้าที่จะขับเข้าไปอย่างไม่สนใจสิ่งกีดขวางนั้น เธอขับรถด้วยความเร็วขึ้นจนสองสาวเด๊บส์ถึงกับหน้าเสีย
“นี่เธอกำลังจะทำอะไรน่ะ” เอมี่ตะโกนถามด้วยความตกใจ เพราะลูซี่ขับเร็วมากเกินไปแล้ว แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา ลูซี่จงใจขับเข้าทะลุกำแพงไปยังอีกโลกหนึ่งของเธอ เจเน็ทถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดเสียว
รถของลูซี่หลุดจากอุโมงค์อันตราย โผล่ออกมาที่หน้าผับแห่งหนึ่งที่ดูเถื่อน ดูเหมือนรังโจรไม่ผิดเพี้ยน ทุกคนที่ยืนออกันอยู่นอกผับต่างแต่งตัวหลุดโลก สไตล์พั๊งค์ร็อค แล้วลูซี่ก็ขับวนมาหยุดอยู่ลานจอดรถแล้วดับเครื่อง เธอหันไปมองที่เอมี่
“เอาล่ะ ถึงแล้ว” ลูซี่เอ่ยมองเอมี่ ที่ตอนนี้เธอกำลังกอดอกทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ
“อุโมงค์นี้ยาวหลายไมล์นะ เธออาจหลงอยู่ในนั้นนานหลายวัน บางทีอาจจะเป็นอาทิตย์” ลูซี่แสร้งพูดยั่ว ขณะที่เอมี่ยังคงนั่งเงียบเมินไปอีกทาง
“งั้นก็ .ตามใจ” ลูซี่ออกมาจากรถ เธอเดินออกไปทางผับ โดยมีสกั๊ดตามไปติดๆ เอมี่มองตามพวกเค้าไปอย่างหมั่นไส้ เจเน็ทยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก
“ฉัน อยากเข้าห้องน้ำน่ะ” เจเน็ทเอ่ยออกมาทำลายความเงียบ ขณะที่เอมี่ยังคงนั่งเงียบอยู่ แล้วเพื่อนตัวดีของเธอก็ชิงเดินลงออกจากรถไป เจเน็ทเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปแล้วหยุดยืนหันมามองเอมี่อย่างหงุดหงิด เอมี่ตัดสินใจอยู่นานพอดูก่อนจะเดินตามเจเน็ทไปด้วยความไม่เต็มใจ
บรรยากาศในผับเมื่อสองสาวเข้ามา มีแต่กลิ่นควันบุหรี่และผู้คนที่เต้นกันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งจังหวะดนตรีที่เร้าใจ ปลุกให้ผับแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวามาก
สกั๊ดเมื่อเห็นสองสาวก้าวเข้ามาในผับอย่างเก้ๆกังๆ ในชุดนอนที่เอมี่ใส่อยู่ เธอรีบกระชับเสื้อคลุมรูดซิบขึ้นถึงคอหอย สกั๊ดส่งสายตาบอกลูซี่ที่ยืนหันหลังให้เอมี่ดูไปที่สองสาว
ลูซี่หันมา ก่อนที่จะยิ้มพราวเสน่ห์ให้กับเอมี่ เจเน็ทขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำในทันทีที่เข้ามาไม่นาน ทำให้เอมี่หัวเสียมากขึ้น ลูซี่สบโอกาสดังนั้นเธอไม่รอช้าที่จะเดินไปประชิดถึงตัวเอมี่ที่ยืนเก้ๆกังอยู่ โดยมีสกั๊ดมองตามหลังไป
“เอาเบียร์มะ” ลูซี่ตะโกนถามยิ้มๆแข่งกับเสียงเพลงในผับ ขณะที่เอมี่ส่ายหัว เมื่อบริกรเดินถือถาดเบียร์สองขวดผ่านพวกเธอมา ลู่ซี่ไม่รอช้าที่จะคว้าเอาเบียร์สองขวดเล็กๆมาได้ เธอไวไปหมดทุกเรื่อง ก่อนจะจับแขนเอมี่ที่ทำท่าทางไม่เต็มใจนัก พาเดินไปหาโต๊ะ พวกเธอเดินมาหยุดเอาที่โต๊ะกลมตัวเล็กตัวหนึ่งที่มีโซฟานุ่มๆสีฟ้าอ่อนมีพวกนักเที่ยวกลุ่มหนึ่งนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อพวกเค้าเห็นว่าใครเดินจะมานั่ง จึงรีบเดินออกไปด้วยความเกรงกลัวอิทธิพลของลูซี่
“นั่งสิ” ลูซี่เอ่ยขณะที่เอมี่จำใจนั่งลงตามคำสั่ง ลูซี่วางเบียร์สองขวดลงกลางโต๊ะ ก่อนจะเข้ามานั่งชันเข่าข้างๆเอมี่ แล้วส่งสายตามองหญิงสาวตลอดเวลา เอมี่ยังคงนั่งกอดอกเบือนหน้าไปทางอื่น
“เธอทำงานให้เด๊บส์มานานยัง” ลูซี่เปิดประเด็นพูดก่อน แต่เอมี่ยังคงเงียบ
“ช่างเถอะ ถึงยังไงเธอก็ต้องพูดกับฉันอยู่ดีนั่นล่ะ” ลูซี่เลียบมองมาที่เอมี่
“ฟังนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอคาดหวังอะไรจากฉัน ถึงต้องพาฉันออกมาไกลแบบนี้” เอมี่เริ่มพูดอย่างรำคาญ
“ใจเย็นนะ ฉันรู้ว่าเธอมีคำถามเยอะแยะที่อยากจะถามฉันน่ะ” ลูซี่มองเอมี่แว่บนึง “ไหนลองเล่าเรื่องวิทยานิพนธ์เธอมาสิ” ลูซี่หันกลับไปถามด้วยความใคร่รู้
“เอ่อ..มันโง่มากน่ะ” เอมี่ส่ายหัว เธอไม่รู้จะเริ่มยังไง
“ก็ลองเล่ามาซี่” ลูซี่คะยั้นคะยอ เอมี่ทำท่าเหนื่อยหน่ายก่อนจะจำใจเล่าออกมา
“สมมติฐานของฉัน ในฐานะผู้หญิงที่ทำงานอยู่ในสาขาที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เธอคงรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความอำมหิตและร้ายกาจยิ่งกว่าพวกผู้ชายยกกำลังสาม” เอมี่รัวมาเป็นชุดขณะที่ลูซี่เริ่มหน้าง้ำ
“ฉันไม่อำมหิตกว่าหรอกน่า” ลูซี่เถียงมาทันควัน
“ฉันว่าเราไม่ต้องมาเถียงกันในเรื่องนี้หรอก เช่นเรามากันที่นี่ไงล่ะ” เอมี่พูดเชิงประชด ลูซี่กลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปาก
“น่าสนใจดี” ลูซี่เอ่ยออกมา เอมี่มองที่อีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจนัก “เล่าต่อสิ” ลูซี่กลับลำพูดต่อ
“แล้วฉันก็คิดว่า แรงทางด้านจิตใจของเธอมันเชื่อมโยงกันก่อให้ เธอเกิดความรู้สึกอ้างว้าง ซึ่งทำให้เธอรักใคร หรือมีคนรักไม่เป็น” เอมี่พูดสะกิดใจลูซี่อย่างแรง
“แต่มันไม่จริงสักนิด” ลูซี่พูดตะคอกชี้นิ้วกลับมาอย่างไม่พอใจ
“อะไร” เอมี่ถามงงๆ
“ฉันเปิดใจกับความรักจริงๆ” ลูซี่อธิบาย
“ฉันขอโทษ” เอมี่หน้าเจื่อนลงทันที “มัน..เป็นเพียงทฤษฎีน่ะ” เธอพยายามแก้คำพูด
“แล้วเธอ..รู้อะไรแค่ไหนล่ะ”ลูซี่พูดประชดออกมาก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปากอีกอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่รู้เลย” เอมี่พูด “ฉันเพิ่งเลิกกับแฟนของฉัน..มาได้ห้าชั่วโมงนี้เอง” เอมี่เอ่ยเศร้าๆ ขณะที่ลูซี่ลอบสังเกตอาการคู่สนทนาก่อนจะลดดีกรีความหงุดหงิดลง
“เอ่อ..ฉันเสียใจด้วย แย่จังนะ” ลูซี่เอ่ยปลอบใจ เอมี่มองดูคู่สนทนายิ้มๆก่อนจะเอ่ยขอบใจลูซี่ไป
“ทำไมถึงเลิกกับเค้าล่ะ” ลูซี่ถามอย่างใคร่รู้
“ไม่รู้สิ มันไม่..ฉันคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่ต่อต้านไม่ได้เหมือนยา เข้าใจมั้ย ฉันคิดว่าเมื่อเรารักใคร มันควร..เราควรจะช่วยตัวเองไม่ได้ ฉันแค่อยาก..ตกหลุมรัก..”เอมี่เผลอพูดออกไป ลูซี่ฟังถึงกับยิ้มออกมาได้
“อุ๋ย..ฉันเผลอพูดอะไรออกไป มันแย่มากเลย” เอมี่อายกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง ลูซี่มองเธอไม่วางตาแล้ว
“ไม่เป็นไรนี่ ไม่เป็นไรสักนิด” ลูซี่เอ่ยอมยิ้ม
“มันประหลาดมาก..ทำไมเธอไม่ฆ่าฉันซะล่ะ” เอมี่ถามถึงสิ่งที่ข้องใจมานาน
“ก็ฉันไม่อยากฆ่านี่นะ” ลูซี่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนยกขวดเบียร์ขึ้นจิบอีกระรอก
“แต่เธอฆ่าสายลับพวกนั้นในแอนตาร์กติกา” เอมี่สงสัย
“พวกเขาตายเพราะหิมะกัดหรืออะไรสักอย่างน่ะ ฉันยังไม่เคยเจอพวกเค้าเลย” ลูซี่พูดตามจริง
“แล้วพวก เอพีเอฟ ในเปรูล่ะ” เอมี่ถามต่อ
“อีโบล่าน่ะ” ลูซี่ตอบอย่างมั่นใจ เอมี่มองลูซี่แบบไม่อยากจะเชื่อ
“เธอไม่เหมือนที่ฉันคิดไว้เลย” เอมี่เอ่ยออกมาอย่างงงงวย
“ก็ดีนี่นะ” ลูซี่ทำตาเจ้าเล่ห์จ้องตาหญิงสาว เอมี่อายหลบสายตาคมเข้มนั้น
“แล้วกับแม่ฟินอสชิกานั่นล่ะ” เอมี่แสร้งยียวนเปลี่ยนเรื่อง ลูซี่ถึงกับผงะเมื่อพูดถึงชื่อนักฆ่าสาวคนนี้
“โอ้ว ให้ตายเถอะ” ลูซี่อุทาน
“เธอไปเจอคนแบบนั้นได้ยังไงน่ะ” เอมี่แบมือสองข้างออกมาแล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งของผับ เจเน็ทกำลังเล่นเกมส์ฟุตบอลโต๊ะกับสกั๊ดอย่างสนุกสนาน และเมื่อเจเน็ทเหลือบไปมองที่เอมี่กับลูซี่ที่นั่งหยอกเอินกันอย่างกับคู่รัก ก็อดนึกแปลกใจไม่ได้
“เอ...ดูเหมือนว่าเพื่อนนายกำลังจะจีบเพื่อนฉันยังไงไม่รู้นะ” เจเน็ทถามสกั๊ดอย่างสงสัยเต็มที
“ก็ใช่น่ะสิ” สกั๊ดรับคำอย่างเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด เค้ารู้จักนิสัยใจคอลูซี่ดี
“แต่ว่า..เพื่อนฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” เจเน็ทค้านอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“งั้นหรอ” สกั๊ดทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เจเน็ท ขณะที่เธอกำลังจ้องสังเกตพฤติกรรมเอมี่เพื่อนของเธอต่อไป
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย บ๊อบบี้เค้ากัดฉันไม่ปล่อย ไม่ว่าฉันจะทำอะไรน่ะนะ มันน่าอึดอัดจะตาย” เอมี่คุยกับลูซี่อย่างออกรส
“งั้นหรอ” ลูซี่มองเอมี่ตาเชื่อม จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามเขินอาย
“ฉันจะได้เจอเธออีกมั้ย” เอมี่เอ่ยคำที่ตรงกับใจเธอออกมาคำแรก
“เธอยังอยากจะเจอกับฉันอีกงั้นหรอ” ลูซี่ลองเชิงถามยิ้มๆมาให้เอมี่ ทั้งสองสบตากันนิ่งก่อนที่เอมี่จะตื่นจากภวังค์
“เอ่อ..ฉันแหกกฎมาได้แปดข้อแล้วมั้ง ในการมาที่นี่กับเธอน่ะ” เอมี่พยายามเปลี่ยนเรื่องพูด ขณะลูซี่เองเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความเฉไฉ
“ฉันอาจจะโดนไล่ออกจากเด๊บส์ด้วยเรื่องนี้” เอมี่หรี่ตามองมาที่ลูซี่อย่างมีความหมาย
“เรื่องอะไรล่ะ” ลูซี่หันกลับมามองเอมี่อย่างมีความหมาย เธอมองตาเอมี่ก่อนจะไล่มองมาที่ริมฝีปากอันบอบบางน่าจับต้องของเอมี่ ก่อนที่ลูซี่จะค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จนเอมี่สัมผัสได้ถึงลมหายใจของฝ่ายตรงข้าม แต่เธอก็ตกอยู่ในภวังค์ เอมี่ไม่อาจต่อต้านสิ่งที่เธอกำลังจะถูกกระทำนี้ได้ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าทำไม ลูซี่เข้ามาใกล้จนริมฝีปากจวนเจียนจะประกบกับเอมี่อยู่แล้ว
“เอมี่” เสียงเจเน็ทดังมาจนทำให้ทั้งคู่ผงะออกจากกันในที่สุด “นี่เธอกำลังจะทำอะไรน่ะ เค้าจะจูบเธออยู่แล้วนะ” เจเน็ทกอดอกมองเพื่อนสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่สกัดตามมายืนข้างเจเน็ท เอมี่รู้สึกตัวรีบลุกออกจากโต๊ะ มายืนมองหน้าเพื่อนสาวอย่างตกใจและแก้ตัวไม่ถูก
“แล้วเธอก็ยอมให้เค้าจูบ” เจเน็ทมองหน้าเอมี่อย่างงงงวยที่สุด เอมี่รีบเดินออกมาจากจุดนั้นทันที ขณะที่ลูซี่รีบเดินตามเอมี่ไปอย่างไม่พอใจนัก
“เธอค้างฉันอยู่ห้าสิบเหรียญนะ” สกั๊ดบอกเจเน็ทหลังจากที่ทั้งคู่เดินออกไปแล้ว
“เดี๋ยวสิเอมี่” ลูซี่ตามไปดึงข้อมือเอมี่ไว้ทัน แต่ก็โดนเธอสะบัดออก
“พาชั้นกลับ” เอมี่พูดอย่างร้อนรน
“ไม่เป็นไรน่า” ลูซี่พยายามกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้น
“ฉันบอกให้พาชั้นกลับ!!” เอมี่ยืนยันเสียงแข็ง จนลูซี่ต้องยอมโอนอ่อนให้ด้วยความไม่เต็มใจนัก
***************************************************************************************************************
ความคิดเห็น