ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Flowers in Your Garden | VKOOK

    ลำดับตอนที่ #3 : 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 61





    2





              ตั้งแต่ที่แทฮยองจำความได้ เวลานอนของเขาจะเดียวดายอยู่เสมอ แต่ก็มีคืนแห่งความทรงจำอยู่คืนหนึ่งที่เขาได้แชร์เตียงกับเด็กชายอีกคน 



              และมันทำให้เขารู้สึกถึงไออุ่นที่เขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเขาต้องการ 







              เสียงเคาะประตูกลางดึกที่ผิดปกติปลุกแทฮยองให้ตื่นขึ้น ความฉงนแทรกผ่านความสะลึมสะลือในหัวขององค์ชายใหญ่ก่อนจะนึกกลัวไปว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจึงรีบไปเปิดประตูทันที 



              "ฮยองงี่..." 



              เด็กน้อยที่กอดตุ๊กตากระต่ายสีชมพูแน่นกำลังร้องไห้เรียกหาเขา แทฮยองไม่เข้าใจอะไรสักอย่างจนกระทั่งร่างเล็กสะดุ้งเพราะเสียงฟ้าผ่าเกรี้ยวกราดที่ดังมาจากด้านนอก 



              "ฮึก!" 



              เขาดึงมือจองกุกให้เข้ามาในห้อง ชโลมเด็กตัวเล็กด้วยความอุ่นใจ ประตูถูกปิดลงอย่างเบาเสียงเพื่อไม่ให้เด็กเสียขวัญไปมากกว่านี้ 



              "กลัวเหรอ?" 



              "งือ..." 



              "ทำไมไม่ไปหาท่านพ่อท่านแม่ล่ะ?" 



              "ตาหวานไม่รู้ว่าพวกท่านอยู่ไหน ข้างนอกมันมืด มันน่าก-กลัว แต่ตาหวานจำได้ว่าฮยองงี่เข้ามาในห้องนี้ ก็เลย..." น่าตกใจที่จองกุกไม่ได้สนใจว่าบิดามารดาของตัวเองไปไหน แต่กลับมองแทฮยองอยู่ตลอดจนรู้ว่านี่คือห้องนอนของเขา 



              "ให้พี่พาไปไหม?" 



              แทฮยองเอียงคอเมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้า 



              "ตาหวานอยากนอนกับฮยองงี่มากกว่า" 







              "ฮยองงี่...ไม่กลัวบ้างเหรอ?" เสียงเด็กเอ่ยถามในขณะที่คนพี่ลูบศีรษะกลมอย่างปลอบประโลม คนน้องยังคงสะดุ้งอยู่เป็นระยะเมื่อได้ยินเสียงคำรามอันโหดร้ายจากฟากฟ้า แต่น้ำตาได้หายไปจากดวงตากลมใสแล้ว 



              "กลัวทำไมล่ะ ก็แค่ก้อนเมฆทะเลาะกัน" 



              "จริงเหรอ?!" 



              "จริงสิ แล้วก้อนเมฆก้อนหนึ่งที่โดนตะคอกใส่ก็เสียใจจนร้องไห้ตกลงมาเป็นฝนไง" 



              "ก้อนเมฆอีกก้อนใจร้ายจัง" แทฮยองหัวเราะให้กับความใสซื่อของเด็กน้อยและเรื่องที่เขาเคยเชื่อเมื่อตอนที่เขายังเด็กเท่าจองกุก 



              เขาอยากให้จองกุกได้มีประสบการณ์วัยเยาว์แบบเดียวกับเขาโดยการแบ่งปันส่วนหนึ่งของตัวเขาเองให้อีกฝ่าย 



              "เดี๋ยวพวกเขาก็ดีกัน พอดีกันแล้วท้องฟ้าก็จะยิ้มอย่างแจ่มใสเองแหละ" องค์ชายใหญ่กอดเด็กตัวนุ่มนิ่มแน่นพร้อมตบหลังบางเบา ๆ ให้จองกุกรู้สึกปลอดภัยในที่ตรงนี้ ในแขนของเขา 



              "นี่ ๆ ฮยองงี่" ดูท่าทางเจ้าชายน้อยจะร่าเริงขึ้นมากแตกต่างจากก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิง 



              เพราะเวทมนตร์ในเรื่องเล่าของแทฮยองหรือเปล่านะ 



              "อะไรครับ" 



              "เล่านิทานให้ฟังหน่อยได้มั้ย?" 







              แทฮยองมีนิทานแค่ไม่กี่เรื่องที่จะมอบให้ได้ เขาเลือกเทพนิยายคลาสสิกที่ใคร ๆ ก็รู้จักแต่ดัดแปลงและเล่าในสไตล์ของเขาจนน่าสนใจสำหรับคนฟัง เดินทางมาจนถึงตอนจบของเรื่องที่ถูกคาดเดาไว้แล้วก็เห็นเปลือกตาที่กำลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้า เสียงงัวเงียเอ่ยถามขึ้น 



              "ถ้าตาหวานกินแอปเปิลอาบยาพิษเข้าไป ฮยองงี่จะจูบตาหวานไหม?" 



              "จูบสิ" คนถูกถามตอบโดยไม่คิด อาจจะเพราะเขาแค่ต้องการบอกสิ่งที่คิดว่าอีกฝ่ายอยากฟัง 



              ไม่ได้คิดว่าในประโยคนั้นมีความหมายแอบแฝงซ่อนอยู่ที่เขาเพิ่งจะรู้ก็ตอนที่เวลาล่วงเลยไปนานแล้ว 



              "ฮยองงี่เพ้อเจ้อ ถ้าตาหวานกินยาพิษเข้าไปตาหวานก็ตายน่ะสิ จูบไปก็ไม่ฟื้นหรอก" เด็กน้อยหัวเราะคิกคักล้อเลียนคนพี่อย่างชอบอกชอบใจ แต่ในแววตาที่ระยิบระยับนั้นฉายความดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นอย่างชัดเจน 



              แทฮยองขมวดคิ้ว ก่อนที่จะได้โต้กลับก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงหาวของคนที่นอนข้าง ๆ จองกุกเขยิบเข้ามาซุกใต้คางของเขาก่อนจะนิ่งเงียบ 



              ความง่วงโจมตีคนทั้งสอง ริมฝีปากหนาวาดรอยยิ้มที่ประทับบนเรือนผมคนที่ชิงหลับไปก่อนแล้ว คำอวยพรให้นอนหลับฝันดีดังแผ่ว ก่อนที่แทฮยองจะตามอีกคนเข้าสู่แดนนิทราไป 






              แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จองกุกตื่นขึ้นมาพบเสียงนกร้อง ความอบอ้าวในยามเช้ากับผ้าห่มที่ถูกเตะจนไปกองที่ปลายเตียงอย่างยับยู่ 



              และพื้นที่ด้านข้างที่ว่างเปล่า 



              "ฮยองงี่?" 



              เด็กน้อยหยิบตุ๊กตาตัวเองมากอด หันหัวไปรอบ ๆ เพื่อมองหาร่างของอีกคนแต่ทั้งห้องสะท้อนความเงียบกลับมา ก่อนที่คนตัวเล็กจะได้ลุกจากเตียงเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นและปรากฏคนที่จองกุกตามหา 



              แทฮยองกลับมาพร้อมกับเหตุผลที่เขาหายตัวไปแต่เช้าตรู่ 



              "พี่มีของจะให้" 



              แหวนเพชรแวววาวถูกยกขึ้นมาเล่นกับแสง เด็กน้อยตาโตจับจ้องไปที่ของขวัญอย่างไม่วางตา 



              "ไปเอามาจากไหนน่ะ?" ความสงสัยลอยอยู่เต็มใบหน้าอ่อนเยาว์ วงแหวนถูกสวมที่นิ้วโป้งเนื่องจากขนาดของเครื่องประดับใหญ่เกินไปสำหรับนิ้วอื่น 



              วันนี้ตาหวานจะเดินทางกลับแคว้น เขาอยากให้ของแทนใจกับอีกฝ่ายไว้ อยากให้เป็นที่ระลึกเผื่อเวลาจองกุกคิดถึงเขา 



              เหนือสิ่งอื่นใดเขาอยากครอบครองคนตรงหน้า 



              เพราะความรักและความโง่เขลาของเขาทำให้แทฮยองไม่ได้คิดไตร่ตรองเลยว่าความสุขชั่วคราวนี้จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ฉีกหัวใจคนทั้งสองออกเป็นชิ้น ๆ 



              "ขโมยมา...จากห้องท่านแม่" 



              "ฮยองงี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ ด้วย!" ดวงตากลมฉายความไม่อยากเชื่อแต่วินาทีต่อมาเสียงหัวเราะก็เติมเต็มทั้งห้อง 



              "ตาหวานบอกพี่ว่าคนที่มีเหลือเฟือก็ควรแบ่งปันไม่ใช่หรือไง? ท่านแม่พี่มีเครื่องเพชรเยอะแยะ" 



              "แต่ฮยองงี่ซื้อเองก็ได้นี่!" 



              "เอาวงนี้ไปก่อน ไว้คราวหน้าพี่จะพาไปซื้อที่ตลาด ที่นี่มีเครื่องประดับสวย ๆ เพียบเลย" 



              "จริงนะ?!" 



              "อื้อ" 



              มือสีแทนลูบหัวคนน้องที่ดูเหมือนมีหูกระต่ายล่องหนตั้งขึ้นบนนั้นอย่างอ่อนโยน เอ่ยคำสัญญาที่ทำให้อีกฝ่ายรอที่จะกลับมาอีกในเร็ววันอย่างตื่นเต้น 



              เพชรสีขาวเม็ดเล็กเป็นประกายแพรวพราวบนมือของจองกุกตอนที่ราชวงศ์จอนกำลังขึ้นรถม้า หลังจากวันนั้นแทฮยองถามตัวเองอยู่ทุกวันว่าเมื่อไรพวกเขาจะได้เจอกันอีก 



              เพราะพอจองกุกไม่อยู่แล้ว เตียงของเขาก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 



              เพราะตอนที่จองกุกจากไป จองกุกเอาหัวใจของเขาไปด้วย 







              จดหมายที่ถูกอ่านแล้วถูกพับเก็บใส่ซองไว้อย่างเดิม แทฮยองระบายยิ้มก่อนจะวางมันลงบนกองจดหมายที่มีรูปร่างแบบเดียวกันที่เขาสะสมไว้ 



              จากผู้ส่งคนเดียวกัน 



              พวกเขาแลกเปลี่ยนจดหมายกันตั้งแต่วันนั้น ส่งมอบความคิดถึงให้กันและกันตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา ช่วงแรก ๆ ตาหวานเขียนได้แค่คำง่าย ๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นแค่ชื่อของเขาที่มีหัวใจล้อมรอบหรือแค่ข้อความสั้น ๆ ที่ว่า 'ตาหวานไม่กลัวฟ้าร้องแล้วนะ' ลายมือขยุกขยิกของเด็กน้อยที่บอกเล่าเรื่องราวก็ทำให้แทฮยองอมยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็น 



              คราวนี้จองกุกเขียนว่าจะมาหาเขาวันนี้ เป็นเหตุที่ทำให้แทฮยองอารมณ์ดีกว่าทุกวัน 



              เด็กชายที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นเดินไปที่ห้องสมุดเพื่อเตรียมหนังสือเล่มโปรดของเขาแต่ระหว่างทางกลับถูกตามตัวโดยทหารองครักษ์นายหนึ่ง 



              "องค์ชายครับ ราชวงศ์ปาร์คจากแคว้นเทียร์มาขอเข้าพบท่านครับ" 







              เจ้าชายวัยแปดปีค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อถูกเรียก เขามองไปนอกหน้าต่างของรถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ แยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นปราสาทอันคุ้นตาอยู่ใกล้ ๆ 



              เขาและแทฮยองไม่ค่อยได้เจอกันมากนักเนื่องจากพระราชาไม่อยากให้ลูกชายไปรบกวนเจ้าชายของอีกแคว้นถึงแม้ทางนั้นจะต้อนรับดีแค่ไหนก็ตาม บวกกับระยะทางที่ห่างไกลต้องใช้เวลาเป็นวันในการเดินทางทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้บ่อย ๆ แต่จองกุกก็อ้อนวอนขอพ่อแม่มาเยี่ยมแทฮยองได้สำเร็จหลังจากที่เพิ่งมาหาอีกฝ่ายเมื่อเดือนที่แล้ว 



              ซอกจินพาเขาลงจากรถม้าเมื่อยานพาหนะจอดอยู่กับที่ เด็กน้อยรีบวิ่งนำหน้าไปก่อนเพราะอยากเจอพี่ชายใจดีจะแย่ แต่เท้าเล็กทั้งสองต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนที่เขาอยากพบยืนอยู่กับท่านลุงและท่านป้ากับเด็กผู้หญิงอีกคนที่มีผู้ใหญ่สองคนยืนอยู่ด้านหลัง 



              จองกุกรู้จักคนพวกนั้น เพราะพวกเขามาทำความรู้จักกับจองกุกก่อนหน้านี้ พระราชากับพระราชินีของแคว้นเพื่อนบ้าน 



              แล้วก็เจ้าหญิงปาร์คจีซูที่เป็นพระธิดา 



              ดวงตาใสแอบสอดส่องอยู่ห่าง ๆ มีเสียงแว่วเข้าหูว่าผู้มาเยือนกำลังจะกลับถิ่นของตน 



              หากแต่ไฟริษยาถูกจุดขึ้นในใจด้วยมือของเจ้าหญิงที่ถูกยกขึ้นจุมพิตโดยคนโปรดของเขา สายตาและรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทั้งคู่ส่งไปมาทำให้เด็กน้อยเบือนหน้าหนีเพราะทนมองต่อไปไม่ได้ 







              "ตาหวาน เป็นอะไร..." 



              เมื่อมีแค่พวกเขาสองคนตามลำพัง สิ่งที่คาใจก็ถูกพูดออกไป จองกุกทำหน้าบูดบึ้งมาตลอดตั้งแต่ที่เห็นหน้าเขาและเขาเดาไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายควรจะดีใจที่ได้เจอกันแท้ ๆ 



              "ฮยองงี่ชอบเจ้าหญิงเหรอ?" 



              เด็กน้อยที่นั่งยอง ๆ หันหลังให้เขาขณะเด็ดดอกไม้ไปด้วยบอกความในใจ ใบหน้าของแทฮยองฉายความมึนงง หัวสมองเชื่อมโยงคำถามกับเรื่องที่เขาสงสัยเข้าไม่ได้ราวกับจิ๊กซอว์สองตัวที่ไม่เข้ากัน 



              "ทำไมถึงถามแบบนั้น?" 



              "ตาหวานเห็นฮยองงี่จูบมือเจ้าหญิง" 



              เสียงหัวเราะถูกควบคุมไม่ให้หลุดออกมาหลังจากที่ใบหน้าเศร้าสร้อยหันมาทางเขา 



              "มันเป็นมารยาท" 



              "เจ้าหญิงก็มาหาตาหวานเหมือนกัน ตาหวานไม่เห็นต้องทำเลย!" 



              และต่อให้เขาโตขึ้น เขาก็จะไม่ทำ จองกุกคิดในใจ 



              เพราะเขาจะจูบแค่คนที่เขาชอบเท่านั้น 



              "เป็นเด็กเป็นเล็กหัดหึงเหรอเราน่ะ" 



              แทฮยองย่อตัวลงนั่งข้าง ๆ คนน้อง จองกุกไม่เข้าใจว่าแทฮยองหมายถึงอะไรแต่คงจะเป็นความรู้สึกของเขาในตอนนี้กระมัง 



              "หึง คืออะไร?" 



              "ก็...ประมาณว่าหวง" 



              จองกุกไม่เคยรู้สึกหวงของมาก่อน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการที่ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องของของเขามันเป็นอย่างไร 



              แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว 



              และเขาไม่ชอบเลย 



              ถ้าจะให้เขาใช้คำที่ฮยองงี่ใช้ เขาก็จะบอกว่า 



              "ใช่ หึง! หึงมาก" 



              รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูถูกกลั้นไว้ไม่อยู่ แทฮยองยกมือไปยีผมทุย ๆ ของจองกุกจนยุ่งในขณะที่อีกฝ่ายเอียงหัวหนี 



              "พี่ไม่ได้ชอบเจ้าหญิง" 



              องค์ชายเล็กหรี่ตามองคนพี่อย่างระแวง 



              "แต่พี่ชอบตาหวานนะ 



              "ไม่เชื่อหรอก!" 



              จองกุกพรวดพราดลุกขึ้นพร้อมกับออกตัววิ่ง แทฮยองส่ายหน้าแต่ก็หุบยิ้มไม่ได้ 



              เพราะเขาเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ อะไรที่จองกุกพยายามกลบเกลื่อนไม่ให้เขาเห็น 



              ก่อนจะลุกยืนและวิ่งตามคนเด็กกว่าไป 







              "จับตัวได้แล้ว" 



              "ฮิๆ" 



              สองแขนที่รวบรัดตัวเด็กไว้เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกจับ ทั้งสองล้มตัวลงนอนบนสนามหญ้าด้วยความเหนื่อยจากการเล่นวิ่งไล่จับ จองกุกมองดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่รอบ ๆ กาย หลับตาสูดรับกลิ่นหอมฟุ้งทั่วบริเวณ 



              "ฮยองงี่รู้หรือเปล่า?" 



              "หือ?" 



              "ว่าการปลูกดอกไม้ทั้งสวนให้ใครสักคนหมายถึงความรักนิรันดร์" 



              "ใครบอก?" 



              "ตาหวานเองแหละ!" เสียงหัวเราะร่าของจองกุกสดใสแข่งกับแสงอาทิตย์อันอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ 



              "งั้นเหรอ..." 



              "ฮยองงี่ปลูกดอกไม้ให้ใครหรือเปล่า?" 



              "เปล่า แค่งานอดิเรกน่ะ" 



              "ลองปลูกให้ใครสักคนสิ" 



              จะให้เขาเริ่มปลูกดอกไม้ทั้งสวนใหม่ตั้งแต่ต้นน่ะเหรอ? แค่จินตนาการแทฮยองก็ไม่มีแรงแล้ว เจ้าชายเหม่อมองดอกไม้อันที่รักของเขา หวนนึกถึงวันในอดีตที่เขาเริ่มปลูกดอกไม้ทีละเล็กละน้อยตั้งแต่อายุแปดขวบเป็นเวลาสามปีกว่าจะมีดอกไม้เต็มสวนขนาดนี้ 



              "ฮยองงี่ นี่ดอกอะไรสวยจัง ตาหวานไม่เคยเห็นเลย" 



              จองกุกชูดอกไม้สีฟ้าที่กำไว้ในมือตั้งแต่ตอนที่เริ่มวิ่งให้เขาดู 



              "ไม่รู้เหมือนกัน" 



              เรียวคิ้วหนาขมวดอย่างครุ่นคิด เขาไม่เคยเห็นดอกไม้ลักษณะนี้ จำไม่ได้เลยว่าเคยปลูกมัน 



              และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีดอกไม้ในโลกนี้ที่เขาไม่รู้จัก 



              "ฮยองงี่ไม่รู้เหรอ? งั้นตาหวานขอตั้งชื่อให้มันได้ไหม?" 



              "เอาสิ" 



              จองกุกเงียบไปชั่วครู่ หมุนดอกไม้ในมือไปมาก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า 



              "สเมราลโด



              แทฮยองยิ้มตอบ 



              "งั้นก็สเมราลโด" 



              "ตาหวานเด็ดมันมาจากตรงนู้น เสียดาย...มีแค่ไม่กี่ดอกเอง" เจ้าชายน้อยยิ้มบาง ๆ พลางยกดอกไม้ขึ้นมาทัดหู สีฟ้าอ่อนกับผิวขาวเนียนทำให้เด็กชายดูบริสุทธิ์ขึ้นไปอีก 



              ในชั่ววินาทีนั้นแทฮยองคิดจะเนรมิตทั้งสวนให้เต็มไปด้วยดอกสเมราลโด 



              "เบื่อแล้ว เล่นซ่อนหากันดีกว่า ฮยองงี่!" 



              จองกุกพูดโพล่งก่อนจะยืนขึ้น มือนิ่มดึงมือของเขาให้ลุกขึ้นตาม แทฮยองตอบตกลงเพราะมันคือการละเล่นโปรดของจองกุก แม้เขาจะรู้ว่าเด็กนี่น่ะขี้โกง



              ครั้งแรกที่พวกเขาเล่นด้วยกัน แทฮยองเข้าไปหลบในบ้านไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ผ่านไปได้สักระยะก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้จ้าจนทั้งซอกจินและเขารีบมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับจองกุก 





              'เป็นอะไรไป?' 



              อ้อมกอดของคนตัวเล็กกว่ามาพร้อมกับเสียงร่ำไห้ที่ดังกว่าเดิม 



              'ฮยองงี่ไปอยู่ไหนมา?! ตาหวาน—ฮึก ตาหวานหาฮยองงี่ไม่เจอ นึกว่าฮยองงี่ถูกปิศาจจับตัวไปแล้ว ฮือ...' 





              สิ่งหนึ่งที่แทฮยองไม่ชินสักทีแม้ว่าจะเห็นมันบ่อยแค่ไหนก็ตาม 

              คือน้ำตาบนใบหน้าน่ารักของจองกุก 





              ทุกครั้งที่จองกุกร้องไห้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แทฮยองจะรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกบีบและเขาอยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้หยาดน้ำหยุดไหลจากดวงตาคู่นั้น 



              เขาสาบานกับตัวเองว่าแขนของเขาจะคอยโอบอุ้มและปลอบโยนเสมอในยามที่จองกุกเสียใจ และไม่ว่าอะไรที่ทำให้คนคนนี้มีความสุขแม้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม แทฮยองก็จะทำ 





              องค์ชายใหญ่เดินผ่านกลุ่มดอกสเมราลโดที่มีอยู่เพียงสามดอก พลันนึกถึงดอกไม้ที่เสียบอยู่เหนือใบหูเล็กและสีหน้าเศร้าของจองกุกยามที่พูดว่าดอกไม้ที่ตัวเองค้นพบมีอยู่เพียงน้อยนิด 





              เขาจะเล่นซ่อนหากับจองกุกต่อให้อีกฝ่ายจะแอบดูว่าเขาไปซ่อนที่ไหน เพราะเขาไม่อยากให้จองกุกร้องไห้เหมือนเมื่อตอนที่หาเขาไม่เจอ 



              เขาจะเรียกดอกไม้สีฟ้านี้ว่าสเมราลโด ถึงมรกตมันจะเป็นสีเขียว เพราะจองกุกอยากเรียกมันว่าแบบนั้น 



              และถ้าจองกุกอยากให้เขาปลูกดอกไม้ทั้งสวนให้ แม้ว่ามันจะเหนื่อยแค่ไหน เขาก็จะปลูก 



              เพราะจองกุกคือคนที่เขาอยากมอบความรักที่ไม่มีวันสลายให้








    เรื่องยาวเราดราม่าทุกเรื่องค่ะไม่ต้องลุ้น ตอแหลไปว่าฟีลกู้ดแต่ดูก่อนว่าใครแต่ง 55555 ต้มมาม่ารอเลย
    เรื่องหน้าที่จะอัปคือ #เสพติดsexวีกุก มีคนทวงละ
    สกรีมแท็กด้วยเด้อ แห้งเหลือเกิลล

    #ficsmeraldovk



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×