ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NCT | เพื่อน(?)ข้างห้อง JaeMark

    ลำดับตอนที่ #3 : -03- Patient

    • อัปเดตล่าสุด 13 ธ.ค. 59


    -03-

    Patient

     

    --

     



       มาร์คตื่นเพราะนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นตอนหกโมงเช้า เป็นวันสุดท้ายของเทอมนี้ที่เขาต้องสู้กับความต้องการจะนอนซุกผ้าห่มอุ่น ๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วท้าลมหนาวด้วยการลงไปซื้ออาหารเช้าที่หน้าหอพัก

     

    เดินไปอ่านหนังสือไปจนแทบจะสะดุด โชคดีที่ร้านโจ๊กอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เพราะถ้าไกลกว่านี้ ความซุ่มซ่ามที่มีอยู่ในตัวคงพาเขาสะดุดอะไรสักอย่างล้มและเอาแผลถลอกไปสอบด้วยแน่ ๆ

     

    โชคดีที่กลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัย

     

    แต่มาร์ครู้สึกไม่ค่อยดี

     

    เขาตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับ

     

    เพราะอากาศที่เริ่มเย็นลงและพักผ่อนน้อย ทำให้เขามีอาการปวดหัวและไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ เขาไม่เคยถูกกับอากาศหนาวมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเพราะรู้แบบนั้น จึงพยายามดูแลตัวเองมาตลอดตั้งแต่สอบมา ดันพลาดท่าเพราะคนข้างห้องชวนไปดูหนังตอนที่จะสอบวิชาสุดท้ายเนี่ยนะ?

     

    พยายามผลักความคิดเหล่านี้ออกไปจากหัว แต่เพราะอาหารเช้าที่ซื้อมาสองชุดเผื่ออีกคนด้วยก็ทำให้ต้องวกกลับมาคิดเรื่องนี้ใหม่อย่างช่วยไม่ได้

     

     มาร์คลีต้องใจเย็นก่อน ต้องสอบก่อนนะ รับผิดชอบตรงนี้ก่อน

     

    เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษา ก่อนจะออกมานั่งสงบจิตสงบใจอ่านหนังสือทบทวนในระหว่างรออีกฝ่าย

     

    ไม่นานนัก เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พร้อมกับแจฮยอนที่เดินเข้ามาเพราะเจ้าของห้องไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้

     

    เขาสังเกตเห็นว่าสายตาของมาร์คยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษอย่างคร่ำเคร่ง สีหน้าของอีกคนดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่...

     

    เมื่อคืนได้นอนรึเปล่านะ?

     

    “เมื่อคืนได้นอนมั้ยเนี่ย” ถามออกไปอย่างใจคิดเมื่ออีกฝ่ายเดินตามคนสูงกว่าเข้าไปในครัวเพื่อช่วยกันเตรียมอาหารเช้า

     

    “ก็นอนไม่ค่อยหลับอะ” มาร์คตอบในระหว่างที่นั่งรอรับชามโจ๊กอยู่ที่โต๊ะทานอาหาร พยักหน้าเบา ๆ เชิงขอบคุณก่อนจะลงมือทาน

     

    “โอเครึเปล่า”

     

    “ปวดหัวนิดหน่อย กินข้าวเสร็จว่าจะกินยา” มาร์คตอบอาการของตัวเองไปตามตรง เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องโกหก

     

    แจฮยอนพยักหน้ากับคำตอบที่ได้รับ อีกคนพูดน้อยกว่าปกติ สายตาแห่งความกังวลถูกส่งไปให้กับคนที่นั่งละเลียดโจ๊กในชามตรงหน้าของเขา

     

    “ไม่อร่อยเหรอ” แจฮยอนถามอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าอีกคนทานไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ลุกออกไป

     

    มาร์คส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน สิ่งที่ติดมือออกมาคือกระปุกยาแก้ปวด หยิบออกมาหนึ่งเม็ด เข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม ก่อนจะถามเสียงเบา

     

    “อิ่มยัง”

     

    แจฮยอนพยักหน้าสองสามที แล้วคนตัวเล็กกว่าก็ยกชามของเขาออกไปวางที่อ่างล้างจาน เดินไปหยิบของใส่กระเป๋า ก่อนจะหันมาถามอีกคนที่นั่งอยู่ที่เดิม

     

    “ไปกันเลยมั้ย”

     

    “ด...ได้ดิ”

     

    แล้วมาร์คก็เดินนำไปที่ประตู แจฮยอนที่คว้ากุญแจรถที่วางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินตามหลังไป ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก เพราะเท่าที่เห็น มาร์คดูอาการไม่ดีเท่าไหร่

     

    บรรยากาศบนรถในวันนี้ดูอึมครึมมากกว่าปกติ เพราะคนนั่งข้าง ๆ นั้นหลับตาพิงพนักเก้าอี้ แจฮยอนลอบดูอยู่บ่อย ๆ ดูเหมือนจะอาการไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่นัก

     

    “หนาวเหรอ” แจฮยอนถามเมื่อสังเกตเห็นอีกคนที่ปรับให้แอร์เบี่ยงออกจากตัว

     

    “อือ” มาร์คครางออกมาจากในลำคอ พยักหน้าเบา ๆ

     

    “งั้นเราปิดแอร์นะ” เอื้อมมือปรับแอร์แล้วลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อระบายอากาศ มาร์คพึมพำขอบคุณ แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็ถึงจุดหมาย

     

    “ขอบคุณนะ” อีกคนเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่ว ก่อนจะเปิดประตูเพื่อลงจากรถ

     

    “สอบเสร็จมารอหน้าตึกนะ”

     

    แจฮยอนบอก มาร์คพยักหน้ายิ้มอ่อน ๆ ก่อนจะเดินเข้าไป คนด้านในรถมองตามอย่างเป็นกังวล ก่อนจะวนรถออกไปจากคณะของมาร์คเพื่อไปทำธุระที่คณะของตนเองต่อ

     

    --

     

    สิ้นสุดการสอบของปีสามเทอมสองแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณเหลือเกินที่ประคองสติตัวเองอยู่ได้จนถึงตอนสอบเสร็จ

     

    มาร์คออกจากห้องสอบก่อนเป็นเวลาเกือบยี่สิบนาที เพราะที่นั่งตรงที่เขานั่งนั้นแอร์ตกพอดี แถมยังดันลืมพกเสื้อคลุมกันหนาวติดตัวมาด้วยอีก อาการเลยยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิม

     

    พัง

     

    ทนหนาวจนมือแข็งไปหมด จนต้องยกมือขออนุญาตผู้คุมสอบเปลี่ยนที่นั่งไปเป็นที่อื่นที่แอร์ไม่ตก เพราะมันหนาวจนแทบจะเขียนคำตอบไม่ได้

     

    อาการปวดหัวที่ทานยาลัดไปเมื่อเช้าก็ดันมาแสดงอาการเอาก่อนหมดเวลาครึ่งชั่วโมง แต่โชคดีที่เขาทำข้อสอบเสร็จพอดี จึงตรวจทานอีกนิดหน่อย  แล้วรีบออกจากห้องสอบเพราะทนความหนาวไม่ไหว

     

    แต่พอออกมาจากห้องสอบแล้วก็ยังหนาวอยู่ ทั้งที่แดดจ้าขนาดนี้และเวลาก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ปกติมันก็หนาว เพราะนี่ฤดูหนาว แต่นี่มันหนาวเข้ากระดูก เขาไม่ค่อยได้เป็นแบบนี้ จนแอบคิดว่าตัวเองอาจจะป่วยเป็นไข้หวัดเอาเสียแล้วก็ได้

     

    มาร์คส่งข้อความบอกเพื่อนที่ยังสอบไม่เสร็จว่ากลับไปแล้ว แล้วจึงส่งข้อความหาแจฮยอนว่าขอตัวกลับก่อนเพราะรู้สึกไม่สบาย คงไปดูหนังด้วยไม่ได้ ซึ่งปลายทางก็อ่านทันที แล้วโทรกลับมา

     

    (กลับแล้วเหรอ) น้ำเสียงที่ส่งมาตามสายดูร้อนรน (อยู่ไหน)

     

    เราอยู่หน้าคณะ กำลังจะกลับ

     

    (ไม่ต้องนะ รอเราก่อน กำลังจะไปรับ อย่าออกมายืนตากแดดนะ รอเราหน้าตึก จะวนรถเข้าไปรับ)

     

    พูดรัว ๆ แล้วก็กดตัดสายไปเลยตามสไตล์เจ้าตัว ฟังดูก็รู้ว่ารีบวิ่งออกมาขนาดไหน อะไรจะขนาดนั้น

     

    ไม่เกินห้านาทีมาร์คก็สังเกตเห็นรถของแจฮยอนที่มาจอดอยู่ตรงหน้าอาคารเรียน เข้าไปนั่งในรถ แจฮยอนทำหน้าตาเครียด ๆ

     

    บนรถมีแต่ความเงียบ แจฮยอนทำหน้าจริงจังมาตลอดทาง แต่ก็ยังจำได้ว่าเขาหนาวและไม่เปิดแอร์แต่เปิดกระจกแทน แม้จะเป็นแค่ระยะทางสั้น ๆ จากคณะของมาร์คกลับมาที่หอของเขา แต่มันก็ทำให้เขาอึดอัดจนต้องพูดออกมาในช่วงที่อีกคนจอดรถเมื่อถึงที่หมายเรียบร้อยแล้ว

     

    ขอโทษนะเอ่ยเสียงแผ่ว ก้มหน้าหลบสายตาแจฮยอนด้วยความรู้สึกผิด

     

    ไม่รู้ว่าผิดอะไรแต่ขอโทษไปก่อนแล้วกัน

     

    ขอโทษทำไมอีกคนถามเสียงเรียบ ยิ่งทำให้มาร์คหงอเข้าไปอีก

     

    ก็แจฮยอนไม่ได้ไปดูหนังเลยอะ

     

    ว่าเสียงอ่อย ๆ เกิดความเงียบอยู่หนึ่งอึดใจ แล้วอีกคนหลุดหัวเราะออกมา

     

    มาร์คมองตาปริบ ๆ

     

    เราไม่ได้โกรธเลย ขอโทษทำไมแจฮยอนหัวเราะ

     

    ก็เห็นหน้าบึ้ง…”

     

    เราแค่คิดเรื่องโปรเจ็กต์เยอะไปหน่อยแค่นั้นเอง ไม่ได้เป็นอะไรเลย คิดมากหน่า

     

    อ้าวเหรอ

     

    ตอนนี้มาร์คหน้าแดงมาก คือแดงทั้งเพราะพิษไข้ และเพราะความเขินอายด้วย

     

    ถ้ามีเสียง จะดังว่าฉ่าาาา

     

    แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง แต่สิ่งที่มาร์คเห็นคือเจ้ามูมินที่นอนเล่นอยู่ตรงโซฟากลางห้องเขา

     

    ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะอุ้มแมวเจ้าปัญหาไปหาที่ห้องแจฮยอน

     

    แต่เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ทำให้คิดว่าอีกคนคงรู้แล้วว่าแมวหาย เปิดประตูออกมาพลางยื่นแมวมาให้พร้อมกับส่งยิ้มเนือย ๆ

     

    “ไหวมั้ยเนี่ย” รับมูมินมาถือไว้ด้วยมือเดียว อีกมือก็ลูบหัวพลางโยกไปมาเบา ๆ ทำให้มาร์ครู้สึกมึน ๆ เล็กน้อยเพราะอาการปวดหัวตุบ ๆ ที่ไม่ได้หายไปไหน แล้วแจฮยอนเลื่อนมือมาจับที่หน้าผากคนตรงหน้า “ตัวร้อนนะ”

     

    “แต่หนาวอะ” เอามือลูบต้นแขนตัวเองเพื่อแสดงออก “จะนอนแล้วเนี่ย”

     

    “กินข้าวกินยาก่อนมั้ย มีอะไรกินรึเปล่า”

     

    “ก็...ว่าจะกินยาแล้วนอนเลย” เพราะขี้เกียจกินแล้ว อยากนอนแล้วตอนนี้

     

    “เฮ้ย กินข้าวก่อนดิ”

     

    “ขี้เกียจอะ”

     

    “มา เดี๋ยวเราทำให้กิน ในห้องมีไรมั่ง”

     

    เดินแทรกมาร์คเข้ามาในห้องหน้าตาเฉย เจ้าของห้องมองตามไป เปิดตู้เย็นดู เหลือข้าว กับของสดเล็กน้อย แจฮยอนบอกให้มาร์คเข้าไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะจัดการทางนี้เอง

     

    พยักหน้างง ๆ ก่อนจะทำตามที่บอก เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่อุ่นสบายมากขึ้นแล้วมานั่งรอแจฮยอนทำอาหารให้เขาทาน กลิ่นหอม ๆ นั่นกระตุ้นความอยากอาหารของเขาได้เป็นอย่างดี

     

    เป็นครั้งแรกที่จะได้ทานอาหารฝีมือของคนที่เราแอบชอบ ตื่นเต้นอะ

     

    จะแอบคิดไปเองว่าอีกคนก็เป็นห่วงเราจะได้มั้ยนะ...

     

    “เสร็จแล้ว”

     

    แจฮยอนถือจานอาหารมาสองใบ สีหน้าของมาร์คดูดีขึ้นมากเมื่อได้เห็น

     

    “ข้าวผัด?”

     

    “อื้ม” พยักหน้ายิ้มเพื่อจะตอบว่าใช่ แล้วยื่นจานหนึ่งใบมาให้ตรงหน้าของมาร์ค เจ้าของห้องหยิบช้อนส้อมขึ้นมาก่อนจะตักเข้าปากเพื่อชิมหนึ่งคำ

     

    “อร่อยอะ”

     

    “ดีแล้ว กินเยอะ ๆ จะได้กินยานอน” แจฮยอนนั่งตรงกันข้าม เท้าคางมองมาร์คที่ทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ๆ แก้มใสที่เป็นสีชมพูเพราะพิษไข้ เคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างน่ารัก ก่อนที่รอยยิ้มจะเกิดขึ้นบนใบหน้าของทั้งสอง

     

    รอยยิ้มของมาร์คเกิดขึ้นเพราะข้าวผัดของแจฮยอนอร่อย

     

    รอยยิ้มของแจฮยอนเกิดขึ้นเพราะมาร์ค

     

    รอยยิ้มของทั้งคู่เกิดขึ้นเพราะกันและกัน

     

    และทั้ง ๆ ที่มีคนบอกว่าขี้เกียจกิน แต่ก็ทานไปจนเกือบหมด ทำหน้างอ จนพ่อครัวต้องถามคนป่วย

     

    “เป็นอะไร หืม”

     

    “เรากินไม่หมดอะ ขอโทษ”

     

    แจฮยอนหัวเราะคนป่วยที่ทำหน้าเป็นหมาหงอย “ก็กินไปเยอะแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”

     

    “แต่มันอร่อยนะ ขนาดลิ้นมันขม ๆ ยังอร่อยเลย”

     

    พ่อครัวจำเป็นยิ้มจาง ๆ ยื่นแก้วน้ำให้คนป่วย “แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”

     

    “นี่” แจฮยอนเรียก ทำให้มาร์คที่กำลังดื่มน้ำหันมามอง เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม “หายแล้วค่อยไปเดทกันนะ”

     

    ห...หือ?

     

    แค่ก ๆ

     

    คราวนี้สำลักน้ำ

     

    ไอ้คนชวนนี่ก็ชอบชวนตอนกินจังเลยวะ

     

    “ด...เดทเลยเหรอ” ถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

     

    คนชวนพยักหน้า ยิ้มจนตาปิด

     

    “ไปเนอะ?”

     

    “ก็...ได้”

     

    อยากจะหันหน้าหากล้องสองแล้วถามกับคนอ่านจังว่าไอ้ที่ว่าเดทเนี่ย มันหมายความว่ายังไงวะ

     

    “กินยาแล้วก็นอนนะ เดี๋ยวตอนเย็นไปกินข้าวกัน”

     

    ถ้าเป็นคนอื่นมัดมือชกเขาบ่อย ๆ แบบนี้คงมีด่ากันบ้างแหละ แต่พอเป็นแจฮยอน เขาก็ไม่เคยว่าอะไร ออกจะตามใจกันด้วยซ้ำ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจพอสมควร

     

    แต่อันนี้ไม่ได้รู้เองนะว่าเอาแต่ใจ คนอื่นบอกมา

     

    หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะป่วยจนไม่มีแรงจะเถียง หรือไม่ก็อยากจะตามใจแจฮยอน มีอยู่สองอย่างนี่แหละ

     

    มาร์คพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปหาเตียงที่เขาโหยหามาตั้งแต่เช้าที่ลุกออกมา แจฮยอนไปอุ้มมูมินที่เล่นของเล่นอยู่ตัวคนเดียว แล้วเดินมานั่งข้าง ๆ มาร์คที่ล้มตัวลงนอน

     

    “หลับสนิทไม่ฝันนะ”

     

    มาร์คยิ้มรับ หลับตาลงก่อนจะพึมพำบอกให้อีกคนล็อคห้องให้ด้วย ซึ่งแจฮยอนก็ทำตาม เพียงไม่นานเขาก็ผล็อยหลับไป

     

    --

     

    ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว คงเพราะยาที่ออกฤทธิ์ขับเหงื่อออกมา เขารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว แต่ความหนาวยังพอมีอยู่บ้าง มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเข้มมากขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา

     

    18.48 น.

     

    พร้อมกับสายไม่ได้รับ 5 สาย และข้อความอีกเกือบสิบจากแจฮยอน

     

    เขาปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ตั้งแต่สอบและลืมเปิดเสียงคืน แถมยังหลับสนิทจนไม่ได้ยินอะไรเลย กดโทรศัพท์เพื่อโทรออกหาคนที่อยู่ข้าง ๆ ห้อง ซึ่งกดรับแทบจะทันที

     

    (เป็นไรรึเปล่า)

     

    “เราเพิ่งตื่นอะ” เสียงงัวเงียยืนยันได้เป็นอย่างดี มาร์คได้ยินเสียงถอนหายใจดังออกมาจากปลายทาง

     

    (งั้นรอเปิดประตูให้เราเลย เดี๋ยวไปหา)

     

    มาร์คตอบตกลงก่อนจะกดวางสาย และไม่ถึงสิบวินาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นแทบจะพอดีกับตอนที่เขาเปิดประตูให้คนข้างห้องพร้อมกับแมวของเขาเดินเข้ามา

     

    “เป็นไงมั่ง ดีขึ้นมั้ย”

     

    ถามอาการของอีกคนเป็นอย่างแรก ก่อนจะเอามืออังหน้าผาก ไรผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แก้มที่ยังคงเป็นสีชมพูจากความร้อนในตัว ปากสีแดงขยับตอบคำถาม

     

    “ก็ดีขึ้นนะ”

     

    คนตัวสูงกว่าพยักหน้า ยิ้มตาปิดพลางชูถุงที่ภายในบรรจุไปด้วยวัตถุดิบทำอาหาร “เราซื้อของมาทำกับข้าวให้กินแหละ”

     

    มื้อนี้เป็นพาสต้าผัดแห้งแบบง่าย ๆ และแน่นอนว่าอร่อยเหมือนเดิม

     

    เป็นอีกครั้งที่มาร์คทานจนเกือบหมด และเป็นอีกครั้งเช่นกันที่พ่อครัวจำเป็นต้องยิ้มจนหน้าบานอีกครั้งเพราะเห็นอีกคนยิ้มเพราะอาหารของเขา

     

    ในตอนที่ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น แต่กลายเป็นว่าอาการไข้มันกลับมาอีกครั้ง

     

    อยู่ ๆ อาการหนาว ๆ ร้อน ๆ พร้อมกับอุณหภูมิภายในร่างกายที่ระอุขึ้นก็ทำให้มาร์คต้องรีบทานยาอีกครั้งแล้วไปคว้าเสื้อคลุมมาคลุมตัวไว้อีกชั้น

     

    “ปวดตัวด้วยรึเปล่าเนี่ย”

     

    แจฮยอนถามในระหว่างที่นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันหลังจากทานอาหารเย็นด้วยกันเสร็จ ก่อนจะเอามืออังหน้าผากของอีกคนเพื่อวัดอุณหภูมิ และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าในครั้งนี้มาร์คตัวร้อนขึ้นกว่าตอนก่อนหน้าที่เขาเคยวัดไปเมื่อตอนเย็น

     

    “ไม่นะ”

     

    มาร์คส่ายหัวยืนยันด้วยอีกทาง แล้วเอนไหลไปกับโซฟาเหมือนคนไม่มีกระดูก

     

    หมดแรงอะ

     

    เพราะโซฟาค่อนข้างตัวเล็กไปสำหรับผู้ชายที่สูงประมาณ 175 ซม.ขึ้นไปทั้งคู่ ทำให้การไหลตัวลงนอนของมาร์คนั้นค่อนข้างจะเป็นไปในทางที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ ไปเสียหน่อย คือตัวเอนแล้วแต่ขายังห้อยอยู่ และนั่นทำให้แจฮยอนหัวเราะ ก่อนจะจับขาของมาร์คให้ขึ้นมาวางไว้บนตักของตัวเอง

     

    “นอนดี ๆ สิ”

     

    จัดหมอนไว้ที่เหมาะสมแล้วดันตัวมาร์คให้นอนลงไป แต่คนป่วยดื้อแล้วขืนตัวเองไว้ พยายามจะเอาขาลงจากตักของคนข้างห้อง

     

    “จะเอาขาลงอะ”

     

    “ขาลงแล้วจะนอนได้ยังไงล่ะ อย่าดื้อดิ ง่วงก็นอนไป”

     

    พูดเสียงดุ แต่พยายามกลั้นยิ้ม จัดการจิ้มหน้าผากอุ่นไปหนึ่งที แล้วโยนผ้าห่มที่มาร์คถือติดมือมาด้วยห่มเข้าให้

     

    คนป่วยทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจเบา ๆ แล้วปล่อยเลยตามเลยไป แรงก็ไม่มี ลำพังแค่จะเถียงแจฮยอนยังไม่ได้เลย จะเดินไปหาเตียงยังไงไหว

     

    มาร์คมองแจฮยอน พึมพำบอกฝันดีกับอีกคน ก่อนที่จะคิดอะไรได้อีกก็ผล็อยหลับไปทั้งแบบนั้น...

     

    --

     

    มาร์คตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพราะมูมินที่เข้ามาปลุก

     

    ปลุกแบบที่ว่านั่งทับบนหัวจนหายใจไม่ออกอะ

     

    ลุกขึ้นมาเพราะล่าสุดที่เขาจำได้คือตัวเองนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟา...กับแจฮยอน...?

     

    แล้วมูมินมาได้ไง?

     

    คือยังไม่ได้กลับห้องทั้งคนทั้งแมวเหรอ?

     

    ก้มลงไปดูก็เห็นแจฮยอนที่นั่งหลับบนโซฟา ท่าเดียวกันกับตอนที่เขาเห็นก่อนจะหลับไป

     

    มาร์คลุกขึ้น เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้วหลังจากได้นอนเต็มอิ่มมาทั้งคืน ก่อนจะเอื้อมมือไปสะกิดแจฮยอนที่ยังนอนอยู่

     

    “เจย์”

     

    ดูท่าจะเป็นคนขี้เซาอยู่พอสมควร เขย่าตัวขนาดนี้ยังไม่ตื่นเลย แต่ครั้งนี้ยังไม่เมา ความพยายามในการปลุกของมาร์คเลยไม่ต้องมากเหมือนครั้งก่อนเท่าไหร่

     

    “อ้าว” สีหน้าแปลกใจยังเหมือนเดิม มองรอบ ๆ ห้องเหมือนเดิม แล้วหันมาทางเขาเหมือนเดิม “โทษที เราเผลอหลับไปเลยอะ”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก กลับไปนอนต่อที่ห้องมั้ย”

     

    “ไม่เป็นไรล่ะ เราตื่นแล้ว” ว่าพลางบิดขี้เกียจ แล้วเกาคางให้กับแมวของตัวเองที่ตอนนี้นอนอ้อนเจ้าของอยู่บนตัก “แล้วดีขึ้นแล้วใช่มะ”

     

    มาร์คที่กำลังยิ้มให้กับความน่ารักของมูมินกับเจ้าของก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพยักหน้า “ก็ดีขึ้นแล้วนะ ไม่ปวดหัวแล้ว”

     

    เอามือจับหน้าผากตัวเอง “ตัวก็น่าจะไม่ร้อนแล้วล่ะ”

     

    แต่แจฮยอนก็จับเอามือเขาออก แล้วใช้มืออังหน้าผากอีกคนแทน “อื้ม ก็ยังรุม ๆ อยู่นะ แต่ก็ดีกว่าเมื่อวานมากแล้วล่ะ”

     

    “ก็นอนทั้งวันเลยนี่นา”

     

    “เพราะอาหารที่เราทำมันอร่อยมากต่างหากล่ะ”

     

    แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมา

     

    “เจย์ ขอบคุณนะที่ดูแลเรา”

     

    “จริง ๆ ให้ดูแลต่อไปเรื่อย ๆ ก็ได้นะ”

     

    แล้วทุกอย่างก็เงียบไปเหมือนถูกกดปิดเสียง มีเพียงแค่ตาของมนุษย์สองคู่ที่จ้องกันปริบ ๆ

     

    แจฮยอนจ้องหน้ามาร์คด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่น “เราหมายความแบบนั้นจริง ๆ นะ”

     

    ริมฝีปากเล็กของคนป่วยค่อย ๆ คลี่รอยยิ้มออกมา ก่อนจะพูดว่า

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ไปอาบน้ำแล้วหาอะไรกินกันเถอะ”


    --


    แล้วก็ตัดภาพไปที่ตาเจย์ประคบประหงมคนป่วยเหมือนไข่ในหินจนกว่าน้องจะหาย


    5555555555555555 มาแล้วค่ะมาแล้ววว

    ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ของทุก ๆ คน ยอดวิวของทุกคนเช่นกันค่ะ

    ตอนนี้ก็เช่นเคยนะคะ สนุกไม่สนุกหรือรู้สึกยังไงหลังจากอ่านตอนนี้แล้วรบกวนบอกเราด้วยนะคะ จะได้พัฒนากันต่อไป ถือว่าช่วย ๆ กันเนอะ

    ขอบคุณมากนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×