ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนีTeenดันไปโผล่โลกใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : ไอ้แบบนี้มันคุ้นๆแฮะ รึว่า?

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 58



    หลังจากไอรยาจัดการหมูป่าเขี้ยวใหญ่ตัวเท่าช้างนั่นลงได้ ลุงอินทรีย์เลยจะไปแล่หมูป่าตัวนั้นเพื่อเอาไว้กินส่วนนึง ส่วนที่เหลือรวมทั้งหนังกะเขี้ยวของมัน จะเอาไปขายในตลาด ผมก็เลยอาสาช่วยลุงลุงอินทรีย์เพื่อแล่หมูป่ายักษ์นั่น แต่ก็โดนแกห้ามไว้บอกครั้งนี้ดูไปก่อนแล้วกัน เพราะถ้าแล่ไม่ดีแล่ไม่เป็นราคาหนังมันจะตกเอา ผมก็เลยได้แต่ดูอย่างเดียว ส่วนไอรยราเองก็ออกปากตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่ทำเพราะเดี๋ยวเลือดมันจะเปรอะเสื้อผ้าเอา ลุงอินทรีย์ก็เลยกลายเป็นคนลงมือแล่หมูป่านั่นคนเดียว


    ในระหว่างที่ลุงอินทรีย์แล่หนังอยู่ไอยราอีหนูล้มช้างก็เอ่ยปากถามพ่อเธอ


    “นี่พ่อยังตรวจดูบันทึกกรรมของพิชัยรึยัง”


    “เออว่ะ ข้าเองก็ลืมไปเลยมัวแต่ดีใจเรื่องฉายาจนลมสนิท” ลุงอินทรีย์พูดขณะลงมีดบนหนังหมูป่า


    “อย่างนี้ก็แย่น่ะซิ หากหมอนี่เป็นโจรหื่นกามหลบหนีมา คิดจะทำมิดีมิร้ายกับฉันขึ้นมาจะทำยอันใดพ่อ”


    ดู๊ดูพูดเข้า ต่อให้ผมเป็นโจรหื่นกามจริง หลังจากเห็นคุณหนูไอยรา ต่อยช้างเอ้ยหมูป่ายักษ์ล้มในหมัดเดียว ผมก็กลัวอุจราระขึ้นสมองแล้วจ๊ะ ออไม่นับเรื่องที่ผมเป็นหนุ่มซิง ขนาดมือผู้หญิงยังไม่เคยจับนั่นอีกนะ ซิกๆ


    “แสดงบัตรบันทึกตนของเจ้าให้ดูหน่อยเป็นไร” ไอยราสั่งผม


    บัตรบันทึกตน? หรือหมายถึงบัตรประชาชน ไม่น่าจะใช่แฮะ เพราะยุคนี้ยังไม่น่ามีอะไรแบบนั้นนะ แต่ถึงใช่ยังไงบัตรของผมก็หายไปพร้อมกับกระเป๋านั่นล่ะ


    “คือมันหายไปก่อนผมจะกระโดดลงหลุมน่ะครับ เลยเอาให้ดูไม่ได้”


    “หาย? เจ้าก็เสกมันออกมาเสียซิ”


    “เสก? เสกออกมานี่นะ เอ่อบัตรผมมันทำแบบนั้นไม่ได้น่ะครับ” บัตรประชาชนผมถึงมันจะเป็นแบบมีชิพข้อมูล และไม่เคยจะได้ใช้ไอ้ชิพที่ว่านี่ก็เถอะ แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามันเสกออกมาไม่ได้แน่ๆล่ะ


    “เสกออกมาไม่ได้? คงใช้ผลึกบันทึกตนแบบเก่าล่ะซิ ทั้งที่คำพูดคำจา ก็ดูเหมือนคนเมืองใหญ่แท้ๆ แต่กลับไม่มีบัตรบันทึกตนแบบใหม่เสียได้ เจ้านี่จริงๆแล้วคงมาจากชนบทห่างใกลความเจริญซิท่า บ้านน้อก บ้านนอก”  ไอยราพูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ


    อื้อหือแทบอยากเอาสมาร์ทโฟนปาใส่หน้า โดนคนยุคโบราณด่าว่าบ้านนอกเนี่ยะนะ. ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อไอยราก็เอามือไปวางไว้บนพื้นพร้อมกับพูดว่า


    “บัตรบันทึกตนแห่งข้าไอยราจงแสดง”


    และพอเธอพูดจบ ก็มีตัวหนังสือในกรอบสี่เหลี่ยมเรืองแสงปรากฎขึ้นมาบนพื้นดิน




    ชื่อ ไอยรา (เผ่าพันธ์ุ มนุษย์)

    สายพลัง ช้างเทพเอราวัณ ระดับ 17

    อาชีพ นักสู้มือเปล่า ระดับ 25

    บันทึกกรรม ไร้ความผิด



    “ที่จริงต้องใช้พื้นเรียบๆไม่ก็กระดาษถึงจะเหมาะ แต่เพื่อแสดงให้พวกบ้านนอกเยี่ยงเจ้าเห็นแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ออ ส่วนข้อมูลอันอื่นของข้าจะให้คนที่พึ่งจะรู้จักอย่างเจ้าดูไปก็ใช่เรื่อง เลยให้เห็นแค่นี้นะ”


    เหมือนจะเคยเห็นอะไรแบบนี้จากในหนังจีนซักเรื่องแฮะ ที่ตัวเอกเอามือสัมพัสแผ่นหินโบราณแล้วตัวหนังสือก็เรืองแสงออกมา แต่พอได้มาเห็นของจริงเลยรู้สึกตื่นตาตื่นใจน่าดู เลยเผลอพูดออกไปว่า


    “ว้าว!! นี้มันเจ๋งสุดยอดเลยครับ คุณหนูไอยรา”


    “จะ..เจ้าบ้าถึงจักพูดชมไปข้าก็มิให้เจ้าดูมากกว่านี้ดอก เชอะ!!”


    เธอพูดแบบตะกุกตะกักนิดหน่อย พร้อมทั้งสบัดหน้าหน้าหนี ซึ่งไอ้แบบนี้ก็เหมือนจะเคยเห็นในหนังไม่ซิอนิเมะเหมือนกันแฮะ ไอ้ที่เขาเรียกว่า ซึน ล่ะมั้ง น่ารักชมัด


    จะว่าไปก็เคยเห็นนัง “สมชาย” กระเทยควายเพื่อนผมที่อยู่ช่างกลด้วยกันทำท่าทางแบบนี้นะ เห็นตุ๊ดทำซึนแบบนางเอกในเมะบอกตรงๆว่าแทบอยากโดดถีบมันตกตึก แต่ก็นะไอ้เรื่องต่อยตีนี่นังสมชายมันเก่งกว่าผมที่เป็นมวยซะอีก ขึนไปโดดถีบมันจริง ผมคงโดนมันสวนกลับพร้อมเจอจับไซร์ซอกคอมรณะ ท่าไม้ตายของมันแหงๆ ไอ้ผมไม่เคยโดนหรอก แต่คนที่โดนนี่ถึงกับจับไข้เลยล่ะ อูย พูดแล้วขนลุก


    พอนึกเรื่องเพื่อนขึ้นมา ก็ได้แต่คิดในใจว่า จะได้กลับไปที่โลกเดิมอีกรึเปล่านะ สำหรับผมเรื่องนี้มันไม่ใช่ความกังวล แต่เป็นความสงสัยมากกว่า ก็ผมไม่ได้มีใครรึอะไรที่ต้องห่วงที่นั่นนี่นะ


    “เอาแบบนี้ซิไอยรา ยังไงเสียเราก็ต้องเอาเขี้ยวหมูป่าไปนี่ไปขายที่ร้านเขี้ยวตันอยู่แล้ว เอ็งก็จงพาเจ้าพิชัยไปทำบัตรแสดงตนอันใหม่ ที่สมาคมเศียรนาคาด้วยกันเสียซิ” ลุงอินทรีย์เสนอขึ้นมา หลังจากพึ่งตัดเขี้ยวหมูป่าออก


    “เอ๋……” ไอยราทำหน้าเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธพ่อเธอแต่อย่างใด


    ซึ่งผมก็กะจะช่วยเธอแบกเขี้ยวหมูป่าไปซักอันล่ะนะ แต่พอยกดูก็รู้ว่ามันน่าจะหนักข้างละ50กิโลได้ ก็ใช่ว่าจะยกไม่ไหว เพียงแต่จะเอาขึ้นบ่ายังไงนี่ซิ หลังจากเก้ๆกังๆพยายามอยู่พักนึง ไอยราคงทนดูไม่ไหว เลยยกเขี้ยวหมูป่ายักษ์ทั้ง2ข้างขึ้นไหล่ตัวเอง ราวกับเขี้ยวนั่นมันเป็นโฟมเบาๆ สมแล้วที่มีกำลังเท่าคนพันคน


    “อ่อนแอจริงๆเล้ยเจ้านี่” เธอพูดออกมาพร้อมถอนหายใจเบาๆ


    (จ๊ะแม่ก้านกล้วยใครจะไปแรงเยอะเท่าหล่อน)


    ไอยราพาผมเดินไปตามทางเดินเข้าหมู่บ้าน ซึ่งล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นานาพรรค์ มีลำธารใสมองเห็นตัวปลาแหวกว่าย มีกุ้งคล้ายกุ้งนางตัวใหญ่ๆเดินต้วมเตี้ยมอยู่ในน้ำหลายตัว สำหรับเด็กกรุงเทพแบบผม นี่เป็นภาพที่ไม่ชินตานัก จริงอยู่ว่าผมเคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนแถบชนบทมาเหมือนกัน ทว่าป่ามันก็ไม่ได้อุดมสมบูรณ์และสวยงามขนาดนี้


    พอเลยช่วงป่าไปก็เห็นนาข้าวที่พึ่งเก็บเกี่ยว เห็นวัวควายหลายสิบตัวกำลังเคี้ยวหญ้าอย่างสบายใจ ถ้าตรงส่วนนี้ ก็แทบไม่ต่างจากโลกเดิมของผมล่ะนะ


    หลังจากเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ป่ารายทางผมก็เดินมาถึงตัวหมู่บ้าน มีบ้านทรงเรือนไทยหลายหลังซึ่งส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ แต่บางหลังก็สร้างด้วยหินก็มี ดูไปแล้วก็น่าจะมีหลายสิบหลังคาเรือนนะ เป็นหมู่บ้านค่อนข้างใหญ่พอสมควร ส่วนตรงกลางลานกว้างเป็นตลาด มีชาวบ้านตั้งแผงลอยขายผักขายปลา เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขายและคนเดินจับจ่าย  และก็มีซุ้มยาดองมีอาแปะตาตี่ ไว้หนวดเครายาวเลยหน้าอกเป็นเจ้าของร้าน ส่วนในร้านก็มีชายวัยกลางคน2คน นั่งซดยาดองและก็กินลูกเขียวคล้ายมะยม ไม่ซิ มันมะยมนั่นล่ะเพียงแต่ลูกนึงค่อนข้างใหญ่ เกือบเท่าลูกมะนาวเลยมั้ง


    ถ้าไม่นับเรื่อง ยักษ์ อาคมที่เห็นมา ผมคงคิดว่าตัวเองได้ย้อนมาประเทศไทยสมัยอยุธยาแน่ๆ เอ..หรือจริงๆแล้วผมย้อนกลับมาในอดีต  ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไอยราก็นำผมมาถึงที่ๆน่าจะเรียกว่าสมาคมเศียรนาคา


    มันเป็นตึกทรงกลมค่อนข้างใหญ่มี2ชั้น ด้านข้างมีระเบียงทางเดินต่อไปยังตึกสี่เหลี่ยมหลังใหญ่มุงด้วยหลังคาไม้ทรงไทยมี3ชั้น ดูแล้วน่าจะมีห้องหลายสิบห้องในแต่ละชั้น ท่าทางคงเป็นโรงแรมล่ะมั้งนี่


    ออ แล้วทำใมผมถึงรู้ว่าเป็นสมาคมเศียรนาคาน่ะเหรอ  ก็หน้าอาคารทรงกลมบนชั้นสองมันมีหัวกระโหลกพญานาคประดับเอาไว้น่ะซิ เอาแค่หัวบวกกับหงอนไม่สิเขา ก็สูงพอๆกับไอยราแล้ว(ราวๆ150เซน) ไม่ต้องสืบเลยว่าตัวมันจะยาวขนาดใหน เคยเห็นเจ้างูอนาคอนด้าในสารคดีก็ว่ามันตัวใหญ่น่าขนลุกแล้วนะ แต่ไอ้เจ้าตัวนี้น่าจะใหญ่และยาวกว่าหลายเท่าแหงๆ


    “เจ้าเข้าไปติดต่อขอทำบัตรด้านในสมาคมแล้วกัน ข้าจะเอาเขี้ยวไปขาย ถ้าสงสัยอะไรก็ถามแม่แตงโมเจ้าหน้าที่สมาคมนั่นเอาละกัน”


    พูดจบไอยราก็เดินไปตรงไปยังร้านที่คาดว่าจะเป็นร้านเขี้ยวตันที่ว่า ดูๆไปแล้วก็เหมือนกับร้านขายของชำ เพียงแต่ในร้านไม่ไม่ได้ขายอาหารข้าวของเครื่องใช้แบบร้านขายของชำ แต่ว่ามันขายอาวุธ ขายชุดเกราะแบบที่เคยเห็นในการ์ตูน หรือเกมส์  


    ณ ตอนนี้หัวใจผมกำลังเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น ไอ้แบบนี้มันคุ้นๆแฮะ


    ผมบอกตัวเองให้ใจเย็นๆระงับความตื่นเต้น และเดินเข้าไปในสมาคมเศียรนาคา พอเข้าไปได้ก็เห็น กลุ่มคนหลายสิบคนนั่งกระจายกันอยู่เป็นกลุ่มๆตามโต๊ะอาหาร บางคนใส่เกราะใหญ่เต็มตัว บ้างก็ใส่เกราะหนังบ้างก็เกราะเหล็ก บางคนก็ไม่ได้ใส่เกราะแต่ใส่เสื้อคลุมเอาไว้


    “อยากได้ผู้มีอาคมรักษาชมัด ไม่ซิเอาแค่ผู้มีอาคมโจมตีก็ได้ เจอผีตาโขนที่อาวุธโจมตีด้วยคมหอกคมดาบไร้ผลทีไร เป็นอันต้องวิ่งหนีตาลีตาเหลือกทุกทีซิน่า” ผู้ชายตัวสูงใหญ่ผิวคล้ำใสเกราะเหล็ก (พูดออกมาฟังสำเนียงภาษาเหมือนคนในยุคผมเลย ท่าจะเป็นคนเมืองแบบที่ไอยราพูดถึง)


    “ช่วยมิได้ดอกก็ผู้มีอาคมมันหายากนี่หว่า ครั้นจักจ้างรวมกลุ่มชั่วครั้งคราวรึมันก็ได้อยู่ แต่พอรับงานล่าหรือเข้าเขาวงกตที่ต้องใช้เวลาร่วมเดือน ระยะเวลานานเยี่ยงนั้นใครจักจ่ายไหว” ชายหัวโล้นตัวผอมสวมเกราะหนังพูดออกมาพร้อมถอนหายใจ (คนนี้สำเนียงโบราณแฮะ)


    “ข้าก็มิได้คิดราคาแพงถึงปานนั้นนี่ หรือหากแม้นเจ้าไม่อยากจ้างข้า พวกเจ้าก็จักเรียนคุณไสย์เสียซิ เช่นนี้แม้ไม่ต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมดั่งเช่นเรียนอาคม เจ้าก็จักใช้ได้ ข้ายอมเป็นครูบาให้ได้นะหากเจ้าอยากศึกษาหาความ” หญิงสาวผิวเข้มใส่ชุดผ้าคลุมหน้าตาเหมือนแม่ค้าส้มตำแถวบ้าน พูดเย้าชาย2คนเมื่อครู่ (นี่ก็โบราณ)


    “หยุดเลยนังแม่มด ก่อนนี้ที่ข้าร่ำเรียนคุนไสย์กะเจ้า โดนของเข้าตัว ต้องนอนซมแช่น้ำมนต์อาจารย์คงอยู่เป็นเพลานับเดือน งานการมิได้ทำ รายได้หายหดหมด ครั้นพอไล่ของได้ผมข้าก็ร่วงหมดหัว ป่านนี้ยังมิงอกออกมาแม้เพียงเส้น พูดแล้วมันน่าแค้นใจนัก” ชายหัวโล้นต่อว่า


    “มันก็ความผิดเอ็งนี่ไอ้โล้น รู้อยู่ว่าเรียนคุณไสย์มันมีข้อห้ามเยอะแยะ ไอ้ตอนปรกติก็ละเว้นข้อห้ามได้อยู่ แต่พอเหล้าปากก็ลืมหมด ดันเอาผ้าถุงเมียมาคลุมหัวเล่น ของก็เข้าตัวซิฟะ สมน้ำหน้า” ชายร่างใหญ่ผิวคล้ำโต๊ะเดียวกันพูดออกมา


    “อ้าวไอ้ล่ำถึกควายทุยนี่จักเล่าให้ผู้อื่นฟังทำหอกหักอันใด”


    พอชายหัวโล้นพูดจบ คนอื่นๆในห้องก็พากันหัวเราะกันหมด บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความคึกครื้นและเสียงหัวเราะ ปนกับเสียงเอะอะโวยวายของคนเมา


    โอ้ นี่มันบรรยากาศในกิลด์ที่เคยเห็นในเกมส์นี่ ในการ์ตูน ในนิยายนี่ ถึงมันจะเป็นแบบไทยๆ แต่มันก็ใช่ล่ะ


    ผมรู้ตัวแล้วว่านี่ไม่ใช่อดีตสมัยอยุทยา แต่เป็นโลกต่างมิติแบบในนิยายที่ผมเคยอ่านในเน็ท ที่ตัวเอกไปผจญภัยในโลกต่างมิติ แล้วทำใมผมถึงรู้ตัวช้าน่ะเหรอ


    อย่างแรกทางเข้ามาที่โลกนี้นี่ เท่าที่เคยอ่าน ส่วนใหญ่จะใช้คอมเพื่อเป็นประตูเข้ามา ประมาณล็อกอินเล่นเกมส์อะไรเทือกนี้ บ้างก็โดนรถบรรทุกชนบ้างล่ะ ไม่ก็วาร์ปหมู่ทั้งห้องเรียนไปนั่น ไม่มีใครใช้คลองน้ำเน่าเป็นทางเข้าซักคน


    อย่างที่ 2 ตัวเอกแทบทั้งหมดเป็นคนญี่ปุ่น แหงล่ะ ก็คนญี่ปุ่นเป็นคนแต่นิยายพวกนี้นี่ ขนาดคนไทยเขียนแท้ๆบางเรื่อง ตัวเอกยังเป็นคนญี่ปุ่นเล้ย อา...นี่หรือนิยายไทย


    อย่างที่ 3 นี่ภาคบังคับเลย ต้องเป็นแฟนตาซียุคกลาง ไอ้แบบไทยสไตล์ป่าหิมพานต์นี่ พึ่งเคยเจอกะตัวเองนี่ล่ะ


    โดยส่วนตัวแล้วผมก็ค่อนข้างชอบนะนิยายเกี่ยวกับโลกต่างมิติเนี่ย โดยเฉพาะกับโลกแฟนตาซีเวทย์มนต์คาถา มันเป็นอะไรที่ปลาบปลื้มสุดๆไปเลยล่ะตัวผม การได้มาเจอมาอยู่ในโลกแบบนี้ เหมือนฝันเป็นจริงเลยก็ว่าได้ 


    ก่อนที่ผมจะกรี๊ดเป็นตุ๊ดออกมาเพราะความดีใจ ก็มีเสียงสตรีผู้นึงทักทายมาว่า


    “ยินดีต้อนรับสู่สมาคมนักผจญภัยสาขากบิลพัสด์ุค่ะ”


    เป็นหญิงสาวสวยผิวคมเข้มผมดำหยักโศกฟูฟ่องจนไม่เห็นใบหู สวมสไบแบบพันรอบหน้าอกและผ้าซิ่นยาวถึงน่อง อายุราวๆ20ปีทักทายผม พอเห็นหน้าอกหน้าใจเธอก็เข้าใจที่ไอยราเรียกว่าเธอยัยแตงโม


    น่าจะ40นิ้วขึ้นมั้ง? เอาแตงโมไปใส่ไว้ตรงนั้น2ลูกซินะ? ไม่หนักรึไงคร้าบ ใหญ่มากใหญ่โครตๆ ยิ่งรัดด้วยสใบนั่น อกคู่นั้นเบียดกันราวกับจะทลักออกมาให้ได้ พลังโจมตีมหาศาลมาก ไม่ซิๆ เลิกมองหน้าอกเธอดีกว่าเดี๋ยวเธอจะคิดว่าผมเป็นไอ้หื่นเอา


    แต่ดูท่าเธอจะรู้แล้วว่าผมเอาจ้องแต่หน้าอกเธอ เธอก็ไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มๆออกมา ส่วนไอ้ผมนี่อายแทบแทรกแผ่นดิน ทั้งที่เมื่อกี้ยังดีใจที่รู้ว่าตัวเองได้มาโลกต่างมิติแบบในนิยายแท้ๆ พอเห็นหน้าอกหน้าใจใหญ่เบิ้มแบบนั้น ไอ้ที่ดีใจลืมโม้ดเลย


    (ลามกแท้กุ)


    “ดิฉันชื่อ เรยา เป็นเจ้าหน้าที่สมาคมนักผจญภัยเศียรนาคาสาขากบิลพัสดุ์ค่ะ มีธุระอะไรรึคะคุณลูกค้า”


    เยส!! สมาคมนักผจญภัยจริงๆด้วย โอเคใจร่มๆไว้อย่าแสดงท่าทางตื่นเต้นเกินไป


    “เรียกผมว่าพิชัยแล้วกันครับ คือผมมาทำบัตรแสดงตนอันใหม่น่ะครับ พอดีว่าอันเก่าแบบผลึกผมทำหายไปเมื่อวานก่อนครับ” แน่นอนว่าโกหก


    เธอมองผมเลิกคิ้วนิดหน่อย ดูเหมือนสงสัยอยู่แฮะ ทำไม่รู้ไม่ชี้ล่ะดีที่สุด


    “รับทราบคะ ต้องการการเปลี่ยนจากออร์ปมาเป็น อาร์ติแฟค ซินะคะ”


    “ออร์ป กับ อาร์ติแฟค” ผมพูดทวนออกมา นี่มันภาษาอังกฤษนี่


    “อ๊ะ.ขอโทษค่ะ เผลอไปใช้ภาษาทางการของสมาคมซะได้ ว่าแต่คุณเข้าใจภาษา อิกดราเซียด้วยรึคะคุณพิชัย”   


    “ออ ก็เคยเรียนมาบ้างครับ” ประมาณยุโรปไม่ก็อังกฤษซินะ อิกดราเซียนี่


    “ดีเลยค่ะ ดิฉันจะได้ใช้ภาษาทางการของสมาคมอธิบายให้ฟัง เพราะศัพท์บางคำคนที่นี่ก็คิดขึ้นมาเอง อย่างในอนาจักรกบิลพัสดุ์นี่ แต่และเมืองก็เรียกคนละแบบ กรณีอาร์ทติแฟค นี่บางที่เรียกว่า บัตรบันทึกตน สมุดจดใบเรือง ศิลปะบนใบลาน” คุณเรยาเล่าให้ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


    “แต่ใช่ว่าที่อิกดราเซียจะเรียกว่าอาร์ติแฟคเหมือนกันหมดนะคะ บางที่ก็เรียกว่า กิลด์การ์ด อินเทเลเจนท์การ์ด ประมาณนี้ค่ะ”


    “เอ เรียกไม่เหมือนกันแบบนี้ แล้วเวลาร่ายคาถาเพื่อเรียกออกมาล่ะครับ” เห็นไอยราร่ายคาถาว่าบัตรบันทึกตนนี่นะ


    “ขอแค่เข้าใจว่าสิ่งที่เราเรียกออกมามันคืออะไร ไม่ว่าจะใช้ภาษาเรียกแบบใหน ก็สามารถเรียกออกมาได้ค่ะ ” พูดจบคุณเรยาก็เอากระดานไม้ทรงสี่เหลี่มผืนผ้าออกมา


    “จงออกมาอาร์ติแฟคแห่งข้า เรยา”


    ตัวอักษรเรืองแสงในกรอบสี่เหลี่ยมปรากฎออกบนกระดาษใบนั้น


    ชื่อ เรยา  เผ่าพันธุ์ พรายนิล

    สายพลัง สมิงดำนิลพัท ระดับ 25

    อาชีพที่1 เจ้าหน้าที่ธุรการขั้นกลาง ระดับ 19

    อาชีพที่2 นักดาบ2มือ ระดับ 7

    บันทึกกรรม ไร้ความผิด


    (คนนี้มี2อาชีพนี่ ว่าแต่ ไม่ใช่มนุษย์รึ พรายนิลนี่มันเผ่าอะไรหว่าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ) ถึงผมจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป


    “ในกรณีคาถาอาคมก็เช่นกัน แม้บทร่ายจะต่างกันหรือต่อให้ต่างภาษา แต่ถ้าเข้าใจและตระหนักว่าเป็นพลังรูปแบบใหน ก็จะสามารถใช้คาถาอาคมออกมาเหมือนกันได้ ออ ไม่นับกรณีแบ่งแยกรูปแบบ ตามสายพลังนะคะ”


    นั่นคือจะร่ายมนต์ไฟร์บอล เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทย มนต์ที่ปล่อยออกมาก็เป็นไฟร์บอลอยู่ดี


    “จะเริ่มทำการสร้างอาร์ติแฟคใหม่ให้คุณพิชัยนะคะ ในกรณีมาสร้างที่สมาคมนักผจญภัยเราจะไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ”


    สร้างที่สมาคมไม่คิดค่าใช้จ่ายงั้นรึ ดีเลยไม่มีเงินติดตัวซักกะแดงเดียว แต่ถ้างั้นก็แสดงว่าสร้างที่อื่นได้งั้นซิ ผมทำหน้าสงสัย


    “ในหมู่บ้านที่ไม่มีสมาคมนักผจญภัย ก็จะไปสร้างกันที่ศาลาชุมชน โดยผู้ใหญ่บ้านจะเป็นคนสร้างอาร์ติแฟคให้ค่ะ ค่าใช้จ่ายก็แล้วแต่ทางหมู่บ้านจะกำหนด ซึ่งทุกคนบนดินแดน นิวอีราจำเป็นต้องมีค่ะ มิเช่นนั้นจะกลายเป็นคนนอกกฎหมาย พอเป็นคนนอกกฏหมายก็อาจจะโดนจับไปขายเป็นทาส...” คุณเรยาหยุดพูดกลางคัน


    “ขอโทษนะคะดิฉันพูดมากเกินไปหน่อย เพราะจริงๆนี่เป็นพื้นฐานที่ทุกคนรู้อยู่แล้วน่ะค่ะ ถูกนักเดินทางตำหนิว่าเป็นแม่ปากมากประจำ แต่ก็เลิกนิสัยช่างจ้อนี่ไม่ได้ซักที แย่จริงๆเลยดิฉันเนี่ย” เธอทำหน้าเศร้านิดๆ


    ออ เข้าใจล่ะเพราะปรกติเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว เลยไม่มีใครอย่างฟังรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ เวลาเล่นเกมส์พอถึงช่วงแนะนำผู้เล่นมือใหม่หลายคนก็กดข้ามนะ สำหรับผมที่ยังใหม่กับโลกนี้ ข้อมูลจึงจำเป็นกับผมมาก


    “ผมชอบที่จะฟังนะครับ ถ้าคุณเรยาไม่รังเกียจ ช่วยอธิบายให้ผมฟังเกี่ยวกับมันตั้งแต่ต้น ให้คิดซะว่าผมไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยก็ได้ครับ”


    “ย..ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่า” คุณเรยาตอบมาด้วยสีหน้าดีใจสุดๆ


    ในรอยยิ้มได้เห็นบางสิ่งขยับดุกดิ้กอยู่ใต้ผมหยักโศกนั่น มันคือหูครับ เป็นใบหูที่ค่อนค้างยาวกว่าปรกติรูปร่างเรียวแหลม ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพรายนิลคือเผ่าอะไร


    ดูเหมือนว่าโลกใบนี้ก็ยังเป็นภาคบังคับสไตล์แฟนตาซียูโรปยุคกลางอยู่นะ เพียงแต่ไอ้ส่วนที่ผมมาโผล่นี่ มันเป็นเอเชียว่างั้น ก็น่าดีใจอยู่นะเนี่ยจะว่าไป


    “ดิฉันท่องจำข้อมูลเกี่ยวกับอาร์ติแฟคนี่จนจำขึ้นใจหมด แต่พอจะอธิบายให้นักเดินทางหรือแม้แต่เด็กที่เข้ามาออกอาร์ติแฟคเป็นครั้งแรก ก็มีแต่คนบอกว่าให้อธิบายข้ามๆไปซะ มีครั้งนี้ล่ะที่ได้ทำหน้าที่สมกับเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของสมาคมนักผจญภัยเสียที”


    “มาเริ่มกันเลยนะคะคุณพิชัย”


    “ด้วยความยินดีครับ”


    ตอนนี้ผมพร้อมจะเรียนรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้แล้ว จะเรื่องราวแบบใหนก็มาเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×