ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: 'พ่ อ ค้ า หมี่ เ กี๊ ย ว |{ Chanbaek ft.exo }

    ลำดับตอนที่ #3 : หยอดครั้งที่ 2 : คนๆนั้นเป็นคนรักของเขา เเต่เขาไม่ได้เป็นคนรักของคนๆนั้น

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 58


    หยอดครั้งที่ 2

    คนๆนั้นเป็นคนรักของเขา เเต่เขาไม่ได้เป็นคนรักของคนๆนั้น

     

     

     

    ปาร์คชานยอล เป็นทั้งเดือนมหาลัยเเละเดือนคณะดุริยางค์ เรียนเอกกลองมีความสามารถทางดนตรีที่โดดเด่นอีกทั้งยังมีหน้าตาเป็นจุดขายมีค่ายเพลงหลายค่ายที่ติดต่อมาหา เเต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธเเละยืนยันว่าจะเรียนให้จบก่อน ด้วยความที่มีหุ่นที่ค่อนข้างดีเลยมีงานถ่ายเเบบบ้างเล็กน้อยเเต่ปาร์คชานยอลก็เเค่ทำเหมือนมันเป็นงานอดิเรกเพียงอย่างนึงไม่คิดจะเอามาทำเป็นอาชีพจริงๆจังๆ มีก็เเต่ทำวงเล่นตามร้านอาหารบ้างเเต่ที่ทำก็เเค่อยากสนุกกับเพื่อนๆเท่านั้น

     

     

     

    นอกจากหน้าตาที่เป็นจุดขายยังมีนิสัยที่ใครๆก็ต้องหลงรัก ทั้งเฟรนด์ลี่ เป็นกันเอง ไม่ถือตัวเเละไม่หยิ่ง เเถมยังปากหวานเเละขยันปล่อยมุกเเป้กๆอีกต่างหากจึงทำให้เป็นที่รักของทั้งเพื่อนๆเเละอาจารย์

     

     

     

    "ไหนละวะข้อเสีย!!" ร่างเล็กๆจ้องหน้าจอโน๊ตบุ๊คลูกรักจนตาเเทบถลนเมื่อเปิดหาดูประวัติมัน พอเสิร์ชปุ๊ปก็มียาวเป็นหางว่าวเเถมมันยังมีกลุ่มเเฟนคลับอีกต่างหาก เเต่ยิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด

     

     

     

    ข้อเสียมันอยู่หนใด!!!!!

     

     

     

    ที่ต้องมานั่งปวดหัวอยู่เเบบนี้ก็เพราะว่าตอนนี้มันก็ผ่านมาอาทิตย์นึงเเล้วตามที่ไอเเพนด้าบอกเเต่เรื่องของปาร์คชานยอลยังคงดังมากระทบโสตประสาทผมอยู่บ่อยครั้ง

     

     

     

    โอเค..มันเป็นถึงเดือนมหาลัยที่มีเเฟนคลับจะมีคนพูดถึงคงไม่แปลก..

     

     

     

     

    เเต่เเม่งมีชื่อผมอยู่ในประโยคด้วยไงประเด็น!!

     

     

     

    "ไอจื่อเทา...กูไม่อยากไปมหาลัยเลย.."ผมฟุบหน้าลงไปบนที่กับหมอนเเบบที่ชอบทำพูดเสียงอู้อี้ให้คนที่นั่งพิมพ์รายงานอยู่อีกเตียง

               

     

     

    "ทำไมล่ะ"

     

     

     

    "มึงยังจะถามอีกหรอ.."ผมพูดเสียงเหนื่อยหน่ายเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว

     

     

     

    "เรื่องที่ปาร์คชานยอลมาดักรอมึงหน้าคณะทุกวันอ่ะหรอ"

     

     

     

    "เออสิ! เเล้วงี้กี่ปีกี่ชาติเรื่องกูจะเงียบซักทีละว้า.."ร่างเล็กว่าน้ำเสียงเศร้าๆตาคมของเพื่อนสนิทเหลือบมองคนที่พลิกตัวขึ้นมานอนก่ายหน้าผากมองเพดาน

     

     

     

     

    ฟึ่บ

     

     

     

    เเรงยุบของเตียงเเถวๆปลายเท้าทำให้ผมรู้ว่าอีกคนย้ายตัวมานั่งที่นี่เเล้ว มันเอามือเกาตรงฝ่าเท้าผมเบาๆจนผมต้องชักหนี

     

     

    "เล่นไรของมึงเนี่ย!"ผมเอ็ดมัน คิ้วก็ยังคงขมวดมุ่นถึงเเม้ผมจะดูเป็นคนไม่คิดมากเเต่จริงๆเเล้วเป็นคนที่ค่อนข้างเเคร์กับเสียงของคนรอบตัวเสมอเเม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม

     

     

     

    "ไอจื่อเทา!!"ผมท้วงมันอีกรอบเด้งตัวขึนมานั่ง จ้องตาดำๆของมันนิ่งตอนนี้ผมเเม่งหงุดหงิดเเม่งทุกอย่าง

     

     

     

    "เหวี่ยงกูสิ"

     

     

     

    ผมชะงักเท้าที่กำลังจะชักหนีมือมัน ดวงตาคมจ้องเข้ามาในตาผม ปากบางๆของมันขยับยิ้มอ่อน

     

     

     

    "เหวี่ยงกูสิเเบคฮยอน"

     

     

     

    "กู.."

     

     

     

     

    "กูไม่ชอบเวลามึงคิดมากเลย.."

     

     

     

    "คือกู.."ร่างบางทำท่าอึกอักจนอีกคนที่นั่งอยู่เอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับไหล่ของอีกฝ่ายไว้เเน่นก่อนจะบีบเบาๆราวกับจะบอกว่า

     

     

     

    กูยังอยู่ข้างมึงนะ..

     

     

     

    "มึงไม่ต้องไปสนใจเสียงคนอื่นหรอก ไม่เป็นเพลย์บอยก็ไม่เป็นไร ถึงจะถูกมองว่ามีผัวไปเเล้วก็ไม่เป็นไร ขนาดมึงเป็นควายในร่างคนกูยังรับได้เลย"

     

     

     

    "คือกู.."

     

     

     

    "มึงไม่ต้องห่วงนะ เรื่องปาร์คชานยอลเดี๋ยวจื่อเทาคนนี้ไปจัดการให้"

     

     

     

    "ไอเทา.."น้ำตาผมเเทบไหลไม่คิดว่ามันจะรักเพื่อนขนาดนี้

     

     

     

    "หืม..ว่าไง"

     

     

     

    "ขอบควยมากไอเพื่อนรัก"

     

     

                พลั่ก!

     

     

    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่จื่อเทาได้ยินก่อนที่ร่างกายจะเคว้งอยู่ในอากาศโดยเเรงบาทาของเพื่อนรักตัวเล็กที่เเรงไม่เล็กตามตัว เเละอีกไม่กี่วิต่อมาตัวก็ตกกระทบลงกับพื้นระหว่างเตียงหัวก็โขกขอบโต๊ะญี่ปุ่นกลางห้องดังโป้ก

     

     

     

    เรื่องนี้สอนให้จื่อเทารู้ว่า...

     

     

     

    ไม่ควรไปเเหย่เเบคฮยอนตอนโกรธเล่น

    อาเมน..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    แปลก..

     

     

    วันนี้ทั้งวันไม่เห็นเเม้เเต่เงาของปาร์คชานยอล คือจะว่าดีมันก็ดีเเต่มันก็แปลกอยู่ดีนั่นเเหละ

     

     

    "ไอจื่อเทา"ผมใช้เท้าสะกิดมันเบาๆ

     

     

     

    "หืม?"

     

     

     

    "มึง..เอ่อ..ได้ไปคุยอะไรกับไอชานยอลรึเปล่า?"ไอจื่อเทาวางหนังสือลงก่อนจะถามกลับ

     

     

    "ทำไมถึงคิดอย่างนั้น"

     

     

     

    กูไม่ได้ถามเพื่อให้มึงถามกูกลับนะ..

     

     

     

    "ก็วันนั้นมึงบอกกูว่ามึงจะไปจัดการเรื่องปาร์คชานยอลให้ไง"ผมพูดด้วยท่าทีเป็นกังวล ไอคำว่าจัดการของจื่อเทาเนี่ยต้องไม่พ้นการใช้กำลังวูซูอะไรของมันเเน่ๆ

     

     

     

    "เออ กูเเค่บอกว่าไม่ให้มายุ่งกับมึงก็เเค่นั้น"

     

     

    "เเค่นั้นเเน่นะ?"ร่างเล็กถามย้ำ จื่อเทาไม่ตอบเพียงเเค่พยักหน้าให้เป็นการยืนยัน

     

     

    เเบคฮยอนถึงกับโล่งอก ตอนเเรกคิดไปไกลว่ามันโดนไอจื่อเทาซ้อมตายห่าไปแล้ว

     

     

     

    "กูไปก่อนนะ วันนี้กูต้องไปทำโปรเจคกับเพื่อน"จู่ๆไอจื่อเทาก็พูดขึ้น ผมพยักหน้าอย่างมึนๆ ร่างสูงของมันก็ลุกขึ้นโบกมือให้ผมเล็กน้อยเเล้วเดินออกไป

     

     

     

    มันไปมีโปรเจคตอนไหนวะ?

     

     

     

    "แบคฮยอน"เสียงเรียกที่ไม่ดังมานักดังมาจากด้านหลัง พร้อมกับร่างของใครคนหนึ่งทิ้งตัวลงมานั่งข้างๆ ผมหันขวับไปมอง

     

     

     

    ตัวโย่งๆผมเทาๆหูกางๆตาโปนๆ

     

     

     

    โอ้โห ชัดเจน

     

     

     

    ผมลุกขึ้นทันที เเต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหนไกลก็ถูกมือกร้านจากการเล่นดนตรีคว้าหมับเข้าที่เเขนเสัยก่อน ผมที่กำลังจะหันไปอ้าปากด่ากลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อได้มองหน้ามันชัดๆ

     

     

     

    ใบหน้าที่ใครๆก็บอกว่ามันดูดีนักหนาเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ มีทั้งม่วงๆเขียวๆดูน่ากลัว

     

     

    "มึงไปโดนอะไรมาวะ?"ความคิดที่จะด่าถูกถีบกระเด็นออกไปจากหัวเเล้วถูกเเทนที่ด้วยความสงสัย

     

     

    ชานยอลส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มโชว์ฟันดึงคนที่ยืนขมวดคิ้วให้ลงมานั่งข้างๆกัน

     

     

    "เเค่ไปมีเรื่องนิดหน่อยเอง เเล้วนายกินอะไรมารึยัง?"เขาว่าอย่างไม่ทุกข์ร้อน เเถมยังยิ้มไปพูดไปอีกต่างหาก

     

     

     

    "มึงยังจะยิ้มอีกหรอวะ!"ผมเริ่มตวาดมันเสียงดัง ถ้าหน้ามันเบี้ยวขึ้นมาอนาคตมันอาจดับได้เลยนะเว้ย มันยังจะยิ้มเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีก เเค่รอยสิวกูยังเครียดเลย

     

     

     

    "หรือว่า.."รอยยิ้มกว้างของมันถูกหุบลงเเต่กลับเเทนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเเทน

     

     

     

    "หรือว่าอะไร"

     

     

     

     

    "เป็นห่วงผมล่ะสิ"มันว่าเเล้วยิ้มล้อ

     

     

     

    เป็นห่วง..?

     

     

     

    "ห่วงพ่อมึงสิปาร์คชานยอลลลล!!"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    "ทำไมกูต้องมากับมึงด้วยวะเนี่ย!"ผมพูดไปก็ปวดหัวไป หนีมันอีท่าไหนไม่รู้กลายเป็นโดนมันลากมาห้าง พามากินข้าวเเถมตอนนี้กำลังจะถูกพาไปดูหนังอีกต่างหาก

     

     

     

    ปาร์คชานยอลมันร้าย!

     

     

     

    เห็นผมเป็นคนคล้อยตามคนอื่นง่ายหน่อยไม่ได้ พอหาเรื่องจะพาตัวเองกลับมันก็ชวนเข้าเรื่องอื่นพาผมออกทะเลไปด้วย ไปๆมาๆมาโผล่นี้ซะเฉยๆ

     

     

     

    เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เเย่อะไร รสนิยมของพ่อค้าหมี่เกี๊ยวก็ไม่ได้เเย่อะไรมากมายด้วย จริงๆเเล้วทุกอย่างมันก็ถามผมหมดถามจนเริ่มรำคาญ

     

     

    "เเบคฮยอนชอบป็อปคอร์นรสไหนครับ?"

     

     

    "ชีส"

     

     

    "เเล้วหวานละ"

     

     

     

    "ก็กินได้"

     

     

     

    "เค็มล่ะ"

     

     

     

    "ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่"

     

     

     

    "อืมๆ"เขาพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสั่งป็อปคอร์นกับพนักงาน

     

     

     

    ตอนเเรกก็กะจะชิ่งหนีมันนะ เเต่พอเห็นมันพยาย๊ามพยายามลากผมมา  เห็นเเก่มันหน่อยจะอยู่ดูเป็นเพื่อนซักวันละกัน..

     

     

     

     

     

     

     ตอนนี้เป็นช่วงเวลาค่ำๆ จริงๆเเล้วผมไม่ได้ขายหมี่เกี๊ยวเป็นอาชีพหรอกครับ เพียงเเต่วันนั้นเป็นวันหยุดด้วยความเป็นลูกกตัญญูเลยไปช่วยพ่อเเม่ทำงาน ครอบครัวผมก็ไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่เห็น ผมเคยบอกให้พวกท่านพักงานเพราะผมก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนใหญ่พอให้พวกท่านใช้ได้สบายๆ เเต่พวกท่านก็ยังยืนกรานที่จะทำต่อไปและจะไม่รับเงินผมจนกว่าผมจะเรียนจบ นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนี้ผมมุ่งเรียนอย่างเดียว

     

     

     

    "เข้าเรื่องเลยนะปาร์คชานยอล"ฮวังจื่อเทา เพื่อนสนิทของเเบคฮยอนคนที่ผมตามจีบอยู่ ผมจำเเม่นเลยเเหละยิ่งถุงใต้ตาดำที่เหมือนหมีเเพนด้านั่น

     

     

     

    "ครับ?"ผมรับคำเขาอย่างงงๆ

     

     

     

    พลั่ก!

     

     

     

    จื่อเทาปล่อยหมัดลุ่นๆใส่หน้าอีกฝ่ายเป็นให้เป็นคำตอบ ร่างสูงของหนุ่มนักดนตรีล้มลงไปกับพื้น เเต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากท้วงอะไรจื่อเทาก็ตามขึ้นไปทับคว้าคอเสื้อขึ้นมาก่อนจะปล่อยหมัดไปอีกหลายครั้ง

     

     

     

    ตอนนี้ชานยอลทั้งมึนเเละงง ภาพข้างหน้าเริ่มเลือนลางลงทุกที ได้เเต่ยกเเขนขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวอย่างที่สัญชาตญาณสั่งให้ทำ รสคาวเลือดเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในโพลงปาก

     

     

     

    "เห้ย! ทำอะไรน่ะ!!!"

     

     

     

    "ชิ! จำไว้นะปาร์คชานยอล! อย่ามายุ่งกับเเบคฮยอนอีก!!"จื่อเทามองหน้าผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะทิ้งท้ายไว้เเค่นั้นเเล้วลุกขึ้นวิ่งออกไป

     

     

     

     

    "เห้! ชานยอล! ชานยอล!"เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นพร้อมกับเงาใครคนนึง ตากลมพยายามกระพริบตาเพื่อมองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆเเต่เพียงเเค่ขยับนิดเดียวก็ระบมไปทั้งหน้าเเล้ว

     

     

     

    จนสุดท้ายสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดก็ดับลง รู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครคนนึงอุ้มเขาไปที่ไหนซักเเห่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

    "อืม.."

     

     

     

    "ตื่นเเล้วหรอ ลุกไหวไหม"เสียงทุ้มต่ำที่เหมือนก่อนหน้านี้ดังขึ้น ผมค่อยๆยันตัวขึ้นนั่งไม่ได้มีอาการปวดหัวอะไรมีเเต่ความรู้สึกปวดหนึบๆบนโหนกเเก้ม

     

     

     

    "รุ่นพี่.."ผมพูดชื่อเขาเบาๆ เขายิ้มอ่อนก่อนจะเดินมานั่งปลายเตียง

     

     

     

    พี่คริส..

     

     

     

    "พี่เอง เเล้วเราไปทำอีท่าไหนถึงโดนไอเหี้ยนั่นกระทืบได้ล่ะเนี่ย"ปาร์คชานยอลทำท่านึกถึงเหตุการ์ณก่อนหน้านี้เเต่ก็ต้องส่ายหัวให้อีกฝ่าย

     

     

     

    "คงเป็นเพราะผมไปยุ่งกับคนรักของเขาละมั้งครับ"

     

     

     

    "ชานยอลเนี่ยนะ?"คริสทวนคำพูดอย่างไม่เชื่อหู

     

     

             

    "แหะๆ ผมคงไม่ดูให้ดีๆเองเเหละ"คนเจ็บได้เเต่เกาหัวเเกร็กๆเเล้วส่งยิ้มเเห้งๆไปให้คนเป็นรุ่นพี่ที่มำหน้าดุอยู่

     

     

     

    "เเล้วจะเอายังไงต่อ"

     

     

     

    "ก็คงเดินหน้าจีบมั้งครับ"ชานยอลยิ้มโชว์ฟัน คำตอบนั่นทำให้คิ้วเข้มของคนฟังกดลงอย่างหงุดหงิด

     

     

     

    "ไหนบอกเขาเป็นคนรักกันไง"ชานยอลไม่ใช่คนที่ชอบไปแย่งของๆคนอื่นอยู่เเล้วอย่างน้อยคริสเชื่ออย่างนั้น

     

     

     

    "ก็คนๆนั้นเป็นคนรักของเขา เเต่เขาไม่ได้เป็นคนรักของคนๆนั้นนี่ครับ"ร่างสูงพูดด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเตียงเดินไปเช็คแผลบนหน้าในกระจกซักหน่อย

     

     

     

    "เเล้วผมก็ไม่คิดว่าผมจะเเพ้เขาหรอกนะพี่"ร่างสูงพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ โบกมือลารุ่นพี่เล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูออกไป

     

     

     

    คริสได้เเต่นั่งมองแผ่นหลังที่เดินลับออกไปจากห้องด้วยเเววตาว่างเปล่า เเต่ก็ต้องชะงักเมื่อประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง

     

     

     

    "เอ้อพี่คริส!!"ตาโตเบิกกว้างเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้

     

     

     

    "ขอบคุณนะครับ"

     

     

     

    หรือเขาควรพอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้รับเเล้วดี..








    ---------
    อะเฮื้อ เม้นขึ้น T^T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×