คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สู่อียิปต์
ณ ขณะนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเปลวเพลิงของยามอัสดง พระอาทิตย์ใกล้จะลาลับไปจากขอบฟ้า
เต็มที แพทริเซียจูงมืออัศมิตาเดินช้าๆเลียบข้างแม่น้ำมุ่งหน้าไปยังเรือซึ่งเป็นที่พักของพวกเขา
"ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วล่ะ"แพทริเซียจูงอัศมิตากลับเข้าเรือ
"จำเป็นต้องทานอาหารในตอนเย็นด้วยหรือ"เด็กชายขมวดคิ้วงุนงง เวลาที่เขาหิวมากๆไม่ว่าจะ
ตอนไหนก็แค่ไปคุ้ยขยะไม่ก็จับสัตว์ตัวเล็กๆกินก็เพียงพอแล้ว
"จำเป็นสิ มนุษย์ต้องกินอาหารให้ครบสามมื้อนะ ร่างกายจะได้แข็งแรงไงล่ะ"อัศมิตาพยักหน้า
แล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง
"นี่ แพทริเซีย"
"อะไรเหรอ"
"เราขอโทษเรื่องเมื่อครู่ที่เราทำตัวแย่ๆใส่เจ้า เจ้าโกรธเราหรือไม่"โดยไม่คาดคิด แพทริเซียหันกลับมา
และกอดเด็กชายไว้อย่างแนบแน่น เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เขาเคยได้รับมา แม้แต่
มารดาของเขายังไม่เคยกอดเขาแบบนี้เลยแม้แต่สักครั้ง
"ไม่โกรธหรอก ฉันเข้าใจว่าเธอยังยึดในเรื่องธรรมเนียมนั่นบ้าง อยู่กันไปนานๆเดี๋ยวเธอก็คงปรับได้แน่
ฉันเชื่อนะ"เสียงใสเอ่ย น้ำเสียงแสดงการให้อภัยเต็มที่ เด็กหญิงพาเขาเข้ามาในห้อง
รับประทานอาหาร เด็กหญิงจูงเขาเข้าไปที่ห้องอาหารของเรือที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเพียง
โต๊ะเก้าอี้ไม้เข้าชุดกัน และของตกแต่งในห้องนิดหน่อยเท่านั้น แล้วตรงไปยังโต๊ะเก้าอี้ไม้ใจกลางห้อง
นำมือของเด็กชายไปแตะพนักเก้าอี้และให้นั่งลง
"รอฉันสักพักนะ เดี๋ยวจะทำอาหารมาให้"แล้วก็หายไปด้านหลังครัว ไม่นานเท่าไหร่ อัศมิตาได้กลิ่น
หอมหวนมาจากทางครัว สักพัก ซุปผักร้อนๆควันฉุยสองชามก็ถูกยกมาพร้อมขนมปังกรอบใหม่ๆ
แพทริเซียยกชามหนึ่งมาวางตรงหน้าอัศมิตา แต่ในขณะที่เธอจะหันไปยกชามของตัวเองนั้น....
"ร้อนนน!"อัศมิตาตะโกน เขาเอามือลงไปในชามซุปเพื่อที่จะกินตามความเข้าใจของตน
"อัศมิตา! เธอเอามือลงไปในนั้นไม่ได้นะ"แพทริเซียรีบพาเขาไปล้างมือที่พองและบวมแดงเพราะโดน
ความร้อนจากซุป"เธอต้องใช้ช้อนตักมันขึ้นมาทานนะ เอาล่ะ เธออาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ ถ้าฉันป้อน
เธอต้องทานของเหลวๆกับผักที่หั่นแล้ว แต่อย่ากัดไม้ที่อยู่ด้านล่างนะ เอ้า อ้ามม"เด็กหญิงเป่าซุปก่อน
ที่จะป้อนเขา
"อร่อยมากๆเลย เจ้าทำอาหารอร่อยขนาดนี้ได้อย่างไรกัน" เธอเขินเล็กน้อย"ฉันอยู่คนเดียว ก็เลยหัดทำ
อาหารกินเองไงล่ะ" เพียงแค่สองสามคำเขาก็เริ่มรู้วิธีกินและขอช้อนจากเธอมาเพื่อกินเอง
"แล้วก็ ถ้าเธอใส่นี่ลงไปด้วย มันจะอร่อยขึ้นมากเลยล่ะ"แพทริเซียนำขนมปังกรอบวางลงบนมือของ
อัศมิตา เขาใส่มันลงไปแล้วลองชิม "จริงด้วย!!"รสชาติของขนมปังกรอบนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับ
ซุปผัก
"ถ้าอยากจะเติมเท่าไหร่ก็บอกได้นะ เธอนะผอมอย่างกับโครงกระดูกเดินได้อยู่แล้ว" ทั้งสองคุยกันไป
เรื่อยๆ เมื่อทานเสร็จก็ไปเล่นตุ๊กตากันจนกระทั่งหน้าปัดนาฬิกาแสดงเวลาสามทุ่ม เด็กหญิงร่ายพลัง
ทำให้เรือนั้นล่องหน
"ไปนอนกันเถอะ"เด็กสาวเอ่ยแล้วพาอัศมิตาขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ห้องนอนตกแต่งด้วยโทนสีม่วงฟ้า
อ่อนๆ และลูกบอลสีขาวจากพลังของเธอที่ให้แสงสว่าง เตียงสีขาวลวดลายสีฟ้าที่ท่าทางนุ่มสบาย
มีพื้นที่พอสำหรับนอนได้สองสามคน ถัดมาคือโต๊ะเก้าอี้สำหรับอ่านและเขียนหนังสือ ด้านขวาสุด
ของห้องเป็นหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ด้วยม่านสีม่วงอ่อน ฝั่งตรงข้ามประตูเป็นกระจกและมีตู้หนังสือขนาด
ย่อมๆพร้อมกองทัพตุ๊กตาเรียงรายอยู่ ทั้งสองคนนอนลงบนเตียงนั้น
"ฝันดีนะ"แพทริเซียบอกพลางพลิกตัว เด็กหญิงหลับสนิทไปเกือบจะทันทีด้วยเหนื่อยจากการผจญภัย
มาทั้งวัน
"ราตรีสวัสดิ์"อัศมิตาเอ่ยตอบ เขาหลับสนิทในทันทีเช่นกัน เป็นคืนแรกที่หลับสนิทในที่นอนนุ่มสบาย
ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมารังแกตนในตอนดึกอีก
วันต่อมา
ท้องฟ้าวันนี้เป็นสีฟ้าครามสดใส เมฆขาวปุยดังขนแกะลอยอยู่ประปราย อากาศขณะนี้เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
จนปลุกเด็กน้อยคนหนึ่งขึ้นจากห้วงนิทรา เธอลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย
"ฮ้าว~~ เช้าแล้วเหรอเนี่ย"เอ่ยพลางบิดขี้เกียจ แต่เด็กหญิงก็พลันสะดุ้งตื่นเต็มตาเมื่อเห็นว่าคนที่
นอนข้างๆเธอ หายไปแล้ว แพทริเซียรีบลงมาอย่างร้อนรน เขาหายไปไหนกัน
ห้องนั่งเล่น
ไม่มี...
ห้องรับประทานอาหารกับห้องครัว
ไม่มี....
ห้องอาบน้ำ
ก็ไม่มี.....
เธอไปอยู่ที่ไหนของเธอกันน่ะ หรือว่า...
ความคิดเลวร้ายที่สุดแวบเข้ามาในหัวของเธอ เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ฉันทำให้เรือล่องหนตั้งแต่เมื่อคืน
แล้วนี่ คิดปลอบใจตนเองไปแต่ก็เร่งฝีเท้าออกมานอกเรือ ถ้าเขาเป็นฝ่ายออกมาเองก็คงไปได้ไม่ไกล
เท่าไหร่ ออกเดินไปรอบบริเวณใกล้ๆเพื่อตามหาแต่ก็ไม่พบวี่แววเลย
"อัศมิตา! เธออยู่ไหนน่ะ"เอ่ยชื่อนั้นออกมาด้วยความหวังว่าเขาจะได้ยินแล้วมาหาเธอ ตอนนี้เธอ
ย้อนกลับมาที่เรืออีกครั้งก่อนที่จะเห็นเงาใครบางคนอยู่ที่หัวเรือแวบๆจึงรีบขึ้นไปดู สายลมบริเวณนั้น
พัดอ่อนๆและเย็นสบายเสียเหลือเกิน เส้นผมสีม่วงอ่อนของแพทริเซียปลิวสยายไปตามแรงลม
เมื่อมาถึงก็เห็นอัศมิตานั่งขัดสมาธิอยู่ ดวงตาสีฟ้าสดใสคู่นั้นเหม่อมองไปยังท้องฟ้าเบื้องบน หากแต่
ดวงตานั้นมืดบอดจึงเห็นเพียงความมืดมิด เด็กชายตัวน้อยได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันกลับไป
"แพทริเซียงั้นหรือ เจ้าลองมาตรงนี้สิ สายลมเย็นสบายมากเลยนะ"อัศมิตาคลี่ยิ้มให้แพทริเซียแม้จะ
ไม่ถูกทิศนัก
"เธอไปไหนมาน่ะ..."เสียงสั่นๆด้วยความโล่งอกออกมาจากปากเด็กหญิง
"เราออกมานั่งอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วล่ะ ก่อนเจ้าจะตื่นเสียอีก แล้วทำไมเสียงของเจ้าจึงสั่น
เช่นนั้นกัน"เขาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงคนตรงหน้า หรือว่าเธอจะไม่สบาย
"ไม่มีอะไรหรอกนะ แต่คราวหลังถ้าเธอจะไปไหนปลุกฉันด้วยสิ ฉันนึกว่าเธอถูกจับตัวไปแล้ว ตกใจ
หมดเลย"แพทริเซียพยายามทำน้ำเสียงให้สบายๆเพื่อไม่ให้อัศมิตาคิดว่าตัวเองถูกตำหนิและ
กลับไปหดหู่อีก
"เข้าใจแล้ว.."แม้จะไม่ถึงขั้นหดหู่แต่ก็ซึมไปโดยถนัดตา เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
"ช่างมันเถอะ ว่าแต่เธอมาที่หัวเรือนี่ได้ยังไง"ถามด้วยสงสัยว่าคนตาบอดเช่นอัศมิตามาที่หัวเรือได้
เช่นไร
"เราเอามือแตะผนังไปเรื่อยๆจนไปเจอจุดที่ไม้สองด้านบรรจบกัน"ถ้อยคำนั้นแฝงไปด้วยความภาคภูมิใจ
เล็กๆที่สามารถไปที่ๆต้องการได้ด้วยตนเอง
"เก่งจังเลย!"เด็กหญิงชื่นชมด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะว่านี่เป็นความรู้ใหม่ที่เธอได้รู้มา แม้เขาจะ
ใสซื่อและอ่อนต่อโลก แต่ก็มีทักษะการสังเกตที่ยอดเยี่ยมมาก หลังจากนั้นเด็กหญิงชวนเขาไปอาบน้ำและ
ทานอาหารเช้าเป็นอกไก่ราดซอสเห็ดฝีมือเธอที่อร่อยสุดๆ
"ไปล้างจานกันเถอะ"สาวน้อยเอ่ยชักชวนเด็กชายที่ทานอาหารเสร็จและกำลังเลียคราบซอสที่อยู่
มุมปาก แล้วนำผ้าเช็ดปากเช็ดให้เขา เด็กชายพยักหน้า รวบรวมจานแล้วยื่นให้ จากนั้นก็ส่งมือให้เธอ
นำทางเขาไป แพทริเซียรวบรวมจานและอุปกรณ์ทำความสะอาดและจูงมืออัศมิตาไปที่แม่น้ำแล้ว
นั่งลงที่ริมฝั่ง
"เธอจะลองล้างจานดูไหม"ถามด้วยต้องการจะฝึกให้เขาทำอะไรด้วยตนเองเท่าที่จะทำได้ แต่ก็มิได้
บีบบังคับแต่อย่างใด
"เราทำได้..จริงๆน่ะหรือ!"ริมฝีปากน้อยๆแย้มยิ้มรู้สึกยินดีที่ได้ทำประโยชน์ให้เธอคนนี้ได้ แม้
เพียงน้อยนิดก็ยินดียิ่งนัก
"อื้ม เดี๋ยวฉันจะสอนให้นะ ตกลงหรือเปล่า"
"ตกลง" มือบางหยิบจานใบหนึ่งส่งให้เด็กชายก่อนจะเริ่มอธิบาย"เอาล่ะ ตอนนี้ถ้าเธอลูบจานดูก็จะรู้สึก
ถึงคราบซอสแล้วก็คราบไขมันใช่ไหม การล้างจานคือการกำจัดคราบพวกนั้นออกไป เธอต้องหยิบ
ฟองน้ำที่ชุ่มสบู่ไปถูกับจานจนสะอาด คำว่าสะอาดนี่คือลูบแล้วไม่รู้สึกถึงคราบบนจานนะ"
เด็กชายพยักหน้าก่อนจะเริ่มทำตามวิธีที่ได้ฟังมา เขาทำไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
"เพล้ง!"ด้วยความลื่นทำให้จานหลุดจากมือของเขาและกระแทกกับก้อนหินจนแตกเป็นเสี่ยงๆ
"เราขอโทษ..."อัศมิตากลืนน้ำลายฝืดๆลงคอไป ตลอดสองวันมานี้เขาไม่อาจช่วยอะไรเธอได้เลย การ
อยู่กับแพทริเซียก็รังแต่จะเป็นภาระให้เธอเสียเปล่า
"ไม่เป็นไรหรอกนะ พยายามได้ดีมากเลยล่ะ"มือนุ่มเนียนแตะไหล่ของเขาเพื่อปลอบใจเด็กชายตัวน้อย
ที่ท่าทางจะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้ว
"แต่ว่าตั้งแต่เราอยู่กับเจ้าก็สร้างปัญหาให้เจ้ามาโดยตลอด และในครานี้เราก็ทำจานตกแตกไปเสียแล้ว
ใบหนึ่ง"
"แต่เธอก็พยายามแล้วนี่นา แค่จานแตกน่ะไม่เป็นไรหรอก ก่อนหน้านี้ฉันเองก็ยังเคยทำจานแตก
มาแล้วเลย เรื่องผิดพลาดน่ะเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว อย่าโทษตัวเองเลยน่า"แพทริเซีย
ส่ายหัวน้อยๆแล้วจับมือของเด็กชายเอาไว้ น้ำเสียงของเธอนั้นจริงใจและหนักแน่น และในนาทีนั้นที่
อัศมิตาคิดขึ้นมาได้ว่า
ในโลกที่แสนจะมืดมิด ลำบาก และทุกข์ทน
เธอคือแสงสว่าง
ที่ชี้นำเขาออกมาจากความทุกข์
เป็นทั้งเพื่อนและผู้มีพระคุณยิ่งสำหรับตัวเขา
"ขอขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง"กล่าวถ้อยคำนั้นด้วยความรู้สึกจริงภายในใจตน เป็นถ้อยคำที่ช่างใสซื่อ
บริสุทธิ์ ไร้มลทินเจือปน
"ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกน่า เธอรู้สึกดีขึ้นหรือยัง ถ้ายังล่ะก็ลองโกโก้ร้อนสักแก้วไหม..สำหรับฉันแล้ว
ถ้าดื่มมันจะรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ"แพทริเซียเสนอแนวทางแก้ไขง่ายๆ แต่ใช้ได้ผลกับเธอจริงตามประสา
เด็กแปดขวบให้เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันฟัง
"เรารู้สึกดีขึ้นแล้ว แต่เราเองก็อยากทานโกโก้ร้อนเหมือนกัน ถ้าไม่เศร้าแล้วจะทานได้หรือไม่"
อัศมิตาพูดเจื้อยแจ้ว แม้มิได้แสดงออกทางแววตา แต่ทว่าสีหน้าของเขาบ่งบอกอาการอยากทาน
อย่างชัดเจนจนแพทริเซียหัวเราะคิก
"จริงๆแล้วจะทานตอนไหนก็ได้ แต่เธอคงอยากทานมากสินะ งั้นเรามาช่วยกันขนจานชาม
ไปเก็บกันเถอะแล้วเดี๋ยวฉันจะชงโกโก้ให้"เด็กชายพยักหน้าแล้วรวบรวมจานในบริเวณใกล้ๆที่
คนตาบอดอย่างเขาจะพอควานไปถึงได้ เมื่อทั้งสองช่วยกันเก็บจานและพักผ่อนนิดๆหน่อยๆแล้ว
ก็ได้เวลาออกเดินทาง
"จุดหมายคือที่ใดงั้นหรือ"เด็กชายถามพลางเอนหลังพิงตุ๊กตาหมีที่ตัวใหญ่กว่าเขาอย่างสบายอารมณ์
เมื่อครู่เขาได้ลิ้มลองรสชาติของโกโก้ร้อนแล้ว พบว่าเครื่องดื่มร้อนๆชนิดนี้หอมและมีรสหวานอ่อนละมุน
เจือขมนิดๆ และเพราะได้ดื่มโกโก้ร้อนที่อยากดื่มทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
"คลองสุเอช ที่อียิปต์ คืนนี้พวกเราจะไปพักที่นั่น"
"อียิปต์เป็นประเทศแบบไหนกัน"
"อ่า จากที่เคยได้ยินมา อียิปต์เป็นประเทศทะเลทราย แห้งแล้ง แล้วก็มีอูฐนะ ช่างเถอะ พอไปถึงคง
ได้รู้เองนั่นแหละว่าที่นั่นเป็นยังไง"คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อพยายามนึกถึงเรื่องที่เคยฟังมา
"เอาล่ะ ออกเดินทางได้แล้ว"เด็กหญิงพึมพำเวทย์ด้วยเสียงกระซิบ เรือเริ่มเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ไปยังจุดหมายที่มันถูกกำหนดไว้ เมื่อจัดการเรื่องการเดินทางแล้ว เด็กหญิงก็ชวนอีกฝ่ายคุยเพื่อไม่ให้
บรรยากาศอึดอัดเกินไปนัก
"นี่อัศมิตา ฉันว่าผมเธอยาวไปหน่อยนะ มันยุ่งขนาดนี้จะลองตัดผมดูไหม"จริงอย่างที่เธอว่า
ตั้งแต่อัศมิตาเกิดมาเขายังไม่เคยตัดผมหรือหวีผมเลย ทำให้ผมของเขายาวและพันกันจนรุงรัง
"ตกลง"พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แพทริเซียพาอัศมิตาไปนั่งเก้าอี้ไม่มีพนักพิงที่ขนาดพอเหมาะ
กับตัวเขาแล้วเอาผ้าสีน้ำตาลเข้มคลุมรอบตัวอัศมิตาเพื่อไม่ให้เศษผมติดเสื้อ พร้อมทั้งกำชับ
ว่าอย่าขยับมาก เพราะคมกรรไกรอาจบาดเอาได้
สองชั่วโมงผ่านไป
ผมของอัศมิตาที่เคยยาวเลยกลางหลัง บัดนี้เหลือความยาวแค่ต้นคอเท่านั้น เส้นผมสีทองคำที่ถูกตัดไป
นั้นร่วงกระจายเต็มพื้น แพทริเซียเล็มส่วนที่ยาวเกินออกมานิดหน่อยเป็นครั้งสุดท้าย
"เสร็จแล้วล่ะ ดูดีขึ้นมากเลย"เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ช่างน่าเสียดายนักที่เขามองไม่เห็น เพราะถ้าหากเขา
มองเห็นเธอก็คงจะนำกระจกมาให้เขาดูแล้วว่าเขาดูดีขึ้นขนาดไหนจากตอนก่อนที่จะตัดผม
"จริงงั้นหรือ"เด็กชายเอ่ยพลางยิ้มเล็กๆ แม้เขาไม่อาจตอบได้ว่าคนที่ดูดีนั้นจะมีลักษณะอย่างไร
แต่ฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้วมันก็คงเป็นคำชมอย่างแน่แท้
"อื้ม"ขานตอบแล้วมองไปยังนาฬิกา ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงกว่าๆ และเธอก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วด้วย
"ได้เวลามื้อเที่ยงแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะทำอาหารมาให้นะ"เด็กหญิงหันหลังกลับไปยังห้องครัว แต่อัศมิตา
ขัดขึ้นเสียก่อน"ให้เราช่วยได้หรือไม่" แพทริเซียนิ่งไปซักพักเพื่อพิจารณา การให้คนตาบอดทำอาหาร
อาจเกิดอุบัติเหตุกับตัวเขาได้ แต่หากไม่ให้เขาลองทำดู ถ้าเกิดว่า'พวกนั้น'จับตัวเธอได้ในสักวัน
เขาคงลำบากแน่ถ้าหากเธอไม่สอนเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้
"เอางั้นก็ได้ ตามมานี่สิ"พูดพลางจูงเด็กชายมายังครัว ตรงมาที่อ่างล้างจานและสอนเขาล้างผัก หั่นผัก
และทำอาหารง่ายๆ หนุ่มน้อยเรียนรู้ขั้นตอนการทำอย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียงน้อยนิดจนทำสลัดผัก
ออกมาได้หนึ่งชาม
"สิ่งที่เราทำเป็นอย่างไรบ้าง!?"ถามอย่างตื่นเต้น เพราะว่านี่เป็นอาหารอย่างแรกที่ตนเคยทำ
"อื้ม สลัดผักงั้นสินะ"แพทริเซียพยักหน้ารับก่อนที่จะตักชิมคำหนึ่ง"อร่อยดีนี่นา ไม่เลวเลยสำหรับ
คนเพิ่งทำอาหารครั้งแรก" อัศมิตายิ้มกว้างด้วยความภาคภูมิใจ ในที่สุดเขาก็ทำอะไรให้เธอได้บ้าง
โดยที่ไม่ทำพลาดล่ะนะ
"ถ้างั้นเราจะทำให้ทานทุกวันเลยดีไหมเล่า?"
"ทำให้ก็ได้นะ แต่ทำสลัดกินทุกวันก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ"แพทริเซียกระเซ้า แต่ก็ต้องรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้า
อีกฝ่าย"ฉันล้อเล่นน่า ยังไงซะช่วยกันทำดีกว่า เธอจะได้เรียนเมนูใหม่ๆด้วยไงล่ะ" แล้วมื้อกลางวันนั้น
ก็ผ่านไปโดยมีสลัดผักและโดนัทไส้เบอร์รี่ราดวิปครีมฝีมือแพทริเซียเป็นของหวาน แล้วก็ช่วยกัน
เก็บกวาดเศษผมที่กระจายอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น
ตกเย็น ขณะนี้เรือกำลังมุ่งเข้าสู่เมืองสุเอซ แพทริเซียมองวิวทิวทัศน์ที่ดูสวยแปลกตาอย่างที่
ไม่เคยเห็นมาก่อน ท้องฟ้ายามเย็นตัดกับเนินทรายกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา บนพื้นทรายมีพืชขึ้น
เพียงประปรายเท่านั้น และแล้วพวกเขาก็กำลังจะมาถึงตลาดในเมือง แพทริเซียพึมพำคำสั่งให้
เรือค่อยๆจอดช้าๆจนนิ่งสนิท ณ ริมคลองสุเอซ อัศมิตาเงยหน้าจากที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ
"ถึงที่หมายแล้วงั้นหรือ"
"ใช่ ตอนนี้เรามาถึงตลาดในเมืองสุเอซแล้ว ลงมาด้วยกันสิ ตลาดต่างเมืองอย่างนี้น่าจะมีของน่าสนใจ
ขายเยอะแยะเลยนะ"ไม่รอช้า ลากเด็กชายผมทองลงจากเรือมาด้วยทันที แพทริเซียร่ายคาถาย่อเรือ
ให้เล็กลงแล้วเก็บใส่กระเป๋า อากาศในยามเย็นอย่างนี้ไม่ร้อนสักเท่าไหร่จึงเดินเรื่อยๆไปยังตลาด
สองข้างทางของตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านรวงและผู้คนซึ่งมาจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก
แพทริเซียลากอัศมิตาไปดูสินค้าร้านนู้นร้านนี้อย่างสนุกสนานและได้เครื่องประดับอัญมณีสีสันสวยงาม
มาชุดหนึ่ง จนมาถึงร้านเสื้อผ้าเธอได้ซื้อชุดที่ดูเหมือนชนเผ่าร่อนเร่ในทะเลทรายให้กับอัศมิตาและ
ตัวเธอเองประมาณสองสามชุด ตอนนี้เด็กหญิงเริ่มหิวน้ำและเมื่อดวงตาสีม่วงกวาดมองไปรอบๆก็ได้
เจอกับสวรรค์..ร้านขายน้ำนั่นเอง แพทริเซียดีใจจนเปลี่ยนจังหวะการเดินเป็นแทบจะวิ่งเข้าไปหา
ร้านขายน้ำแล้ว
"ทำไมเจ้าจึงเร่งรีบเสียขนาดนั้น"อัศมิตาถามขณะยืนเหนื่อยหอบอยู่หน้าร้านน้ำ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคย
ได้วิ่งเลยเพราะการที่ตาบอดจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก และเมื่อครู่เขาเองก็เกือบจะล้ม
แล้วด้วย
"โทษทีๆ หิวน้ำจนลืมตัวไปหน่อยน่ะ"เด็กหญิงหัวเราะแหะๆ" เธอจะเอาน้ำอะไรด้วยหรือเปล่า"
"อืม...."อัศมิตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง"เอาแบบเดียวกับเจ้าแล้วกัน"
"น้ำมะพร้าวสองที่ค่ะ"เด็กหญิงพูดบอกคนขายอย่างฉะฉาน ชายหนุ่มผิวคล้ำแดดผู้เป็นคนขายหันไป
ใช้มีดเฉาะมะพร้าวให้เปิดออกแล้วนำหลอดใส่ลงไปก่อนจะยื่นให้แพทริเซีย "เอ้า ได้แล้ว"
แพทริเซียรับมะพร้าวทั้งสองลูกไว้และกำลังจะถามราคาแต่ก็ถูกคนขายขัดขึ้นเสียก่อน
"พี่ชายขอถามหน่อย เธอมากับน้องเหรอ"คำถามเมื่อครู่คงหมายถึงอัศมิตาเป็นแน่แท้
"มากับเพื่อนค่ะ"
"พ่อแม่ล่ะไปไหน ทำไมปล่อยเด็กสองคนมาเดินตลาดกันเอง"น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเป็นห่วง ที่จริง
เพราะแดนทะเลทรายแห่งนี้ไม่ใช่ที่ปลอดภัยเท่าไรนัก
"ตายไปแล้วค่ะ"เด็กหญิงตอบหน้านิ่ง น้ำเสียงเรียบเฉย อัศมิตาสะดุ้งนิดๆ เขาเองก็รู้สึกแปลกใจ
เหมือนกันที่ยังไม่พบผู้ปกครองของแพทริเซียเลย แต่ก็ไม่นึกว่าจะตายไปแล้ว
"แล้วใครเป็นคนดูแลพวกเธอ"
"ไม่มีค่ะ เดินทางกันสองคนนี่แหละ"
"เข้าใจล่ะ"ชายหนุ่มคนขายพยักหน้า "แล้วทั้งหมดนี่ราคาเท่าไหร่คะ"แพทริเซียถามต่อ
"ไม่เป็นไร เอาไปเถอะ พี่ชายไม่คิดเงินหรอก แล้วก็เดินทางกันให้ดีๆดูแลตัวเองด้วยล่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"เด็กหญิงยิ้มด้วยความขอบคุณแล้วพาอัศมิตาออกมา ก่อนที่จะส่งมะพร้าวหนึ่งลูกให้
เด็กชายดื่มน้ำข้างใน
"รสชาติหวานหอมดีจัง"
"นั่นสินะ"เด็กหญิงยิ้มให้ก่อนจะพูดต่อ"เธอว่าตลาดนี่เป็นยังไงบ้าง"
"ในความคิดของเรา ที่นี่คึกคักและมีชีวิตชีวามากทีเดียวล่ะ แต่ถ้าได้เห็นภาพเหล่านี้ก็คงจะดี
มิใช่น้อย"ได้แต่เพียงวาดฝันภาพในจินตนาการ หากแต่ในความจริงไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
ทั้งทิวทัศน์ ผู้คน รวมไปถึงเจ้าของเสียงสดใสและกลิ่นหอมละมุนตรงหน้า
"อื้ม ฉันเห็นด้วยกับความคิดเธอนะ"น้ำเสียงเล็กนุ่มนวลเอ่ยแสดงความคิดเห็น แล้วทั้งสองก็เดิน
คุยกันไปเรื่อยๆโดยไม่สังเกตเลยว่ามีใครบางคนจงใจเดินตามมาอยู่.....
ความคิดเห็น