คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 : คอนโดคุณอาริมะ
2
คอนโดคุณอาริมะ
“อะไรนะ! งานพิเศษ?” เคนอุทานเสียงดังและเหวี่ยงกระเป๋าลงโซฟาก่อนหันไปมองน้องชายที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เข้าไปทุกทีในทุกๆครั้งที่เขาเสียงดังใส่ วันนี้หลังจากกลับมาจากมหาลัยถึงบ้าน คาเนกิก็เข้ามาบอกเขาว่าจะทำงานพิเศษเมื่อสักครู่นี่เอง...
“ทะ…ทำไมต้องเสียงดังด้วยล่ะ ผมก็แค่...อยากทำเท่านั้นเอง” เจ้าตัวว่าและก้าวถอยหลังออกห่างจากตัวเขา มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเคนเดินเข้าหาน้องในขณะที่คาเนกิถอยหลังหนี และเงยหน้ามองก่อนหลับตาปี๋เมื่อเขาเงื้อมือขึ้นสูง
และลูบหัวเจ้าตัวเบาๆพร้อมอมยิ้มให้ คาเนกิลืมตาและกระพริบปริบๆมองพี่ชายคล้ายจะสื่อว่ายังงงอยู่ ก็แน่นอนอยู่แล้วนึกว่าจะโดนตีซะอีก เด็กหนุ่มพองแก้มและปัดมือพี่ชายออก เดินหนีไปนั่งอยู่บนโซฟา เคนหัวเราะและเดินเข้าไปหาน้องที่สบัดหน้าหนีทันใดที่เขาลงมานั่งข้างๆ
“โอ๋ๆ กลัวเหรอครับคาเนกิจัง?” เคนลูบหัวและพูดแหย่อีกคนเล่น
“อย่ามาเติม ‘จัง’ ท้ายชื่อผมนะ!” แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เล่นด้วยเสียแล้ว เคนแอบคิดว่าคาเนกิเองเวลางอนก็ง้อยากอยู่เหมือนกันทว่าสำหรับเคนแล้วการง้อคาเนกิมันง่ายยิ่งกว่าหากุญแจบ้านเสียอีก เด็กหนุ่มยังคงยิ้มและใช้สองนิ้วทำเป็นขาคนเดินไต่แขนน้องจนไปถึงหัวไหล่ แต่คาเนกิก็ปัดออกถึงอย่างนั้นเคนก็ยังคงเล่นซ้ำสอง และเมื่อถึงขีดสุดคาเนกิก็หันมามองด้วยสีหน้ารำคาญทว่า จังหวะเดียวกันเคนกลับยื่นหน้าเข้าไปจูบปากน้องเบาๆและหัวเราะรวนเมื่อคาเนกิหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
เด็กหนุ่มทุบอกพี่ชายเบาๆและเข้าไปกอด มุดหน้าเข้าหน้าอกพี่ชายราวกับจะอ้อน เคนคิดอย่างไรทำไมเขาจะไม่รู้แต่ก็หลงกลจนเผลองอนทุกทีและเคนก็ไม่เคยเหนื่อยที่จะง้อเขา...แน่นอนสิก็ฝาแฝดกันนี่นาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องแม่ความรู้สึกของอีกฝ่ายทำไมเขาจะไม่รู้...
“อย่าแกล้งสิครับ…”
“ก็มันน่าแกล้งไหมล่ะ ฮึ?” เคนลูบหัวน้องเบาๆนิ้วมือสัมผัสเส้นผมสีดำตรงข้ามกับของตัวเอง เขาใช้นิ้วม้วนมันเล่นและพูดกับน้องด้วยเสียงที่อ่อนลง “จะทำอะไรฉันไม่ว่าหรอกน่า แต่มันน่าเจ็บใจไม่ชวนฉันไปด้วยนี่สิ”
“แล้วเคนจะไปไหมล่ะ?” คาเนกิผละออกจากอกเคนมานั่งจ้องตาแป๋ว
“ไม่ล่ะ ยุ่งยากจะตายฉันขออยู่แบบนี้ดีกว่า…อีกสองวันก็ไปเข้าค่ายอาสาแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่สมัครหลังกลับจากค่ายล่ะ” เคนเอนตัวลงนอนหนุนตักน้องและยังคงยื่นมือไปเล่นกับผมของคาเนกิอยู่ร่ำไป ในขณะที่น้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและยอมให้อีกคนเล่น
“ผมอยากจะลองทำดูก่อนน่ะเผื่อกลับมาจากค่ายมีเหตุสุดวิสัยอะไรก็ยืดเยื้ออีก” เคนครางตอบเบาๆและนึกขึ้นได้ว่าลืมอะไรไป
“จริงสิพี่ล่ะ บอกให้กลับมาก่อนแต่ป่านนี้แล้วยังไม่กลับสักที โทรหาเขาทีสิ” เคนว่าจึงทำให้คาเนกิต้องควานหามือถือที่อยู่ในกระเป๋าและกดโทรออกหาพี่ชายคนโตทันใดรอเพียงอึดใจปลายสายก็รับ “อ่า…พี่...ยุ่งหรือเปล่าครับเคนเขาเป็นห่วงน่ะ ทำไมกลับดึกจัง?”
“ฉันไม่ได้ห่วงเสียหน่อย” เคนว่าและย้ายมือจากที่เล่นผมน้องไปหยิกแก้มคนกล่าวหาทันที เรียกเสียงร้องโอดโอยจากอีกคนจนคนปลายสายถามว่าเป็นอะไร?
“เปล่าฮะ เคนเขาแหย่ผมน่ะแล้วตกลง…” คาเนกิรับคำอยู่สองสามประโยคและกดวางสายก่อนหน้าซีดมองเคน ถ้าเขาบอกเคนมีหวังได้บ้านแตกแน่ๆยิ่งกับพี่ชายนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้เมื่อดวงตาสีเทาหม่นนั้นได้จดจ้องมองมาทางเขาราวกับจะเค้นคำตอบเอาเสียให้ได้
“อ่า…พี่เขาบอกว่าอยู่...”
“อยู่ไหน?”
“เอ่ออยู่...” คาเนกิอึกอักกำลังตัดสินใจว่าจะบอกดีหรือไม่บอกดี และกำลังคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาในไม่ช้า...และแน่นอนว่ามีหรือคนอย่างเคนที่ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดจะยอมแพ้บอกช่างหัวมันปะไรแล้วขึ้นห้องนอนเป็นเด็กดี(?)
“อยู่ไหน” เคนกดเสียงต่ำเป็นการขู่และดุน้องนัยๆซึ่งเสียงแบบนี้แหละที่คาเนกิกลัวจนต้องยอมบอกไปในที่สุดทั้งๆที่พี่ชายคนโตย้ำไว้แล้วแท้ๆว่าอย่าบอกเคนเชียวเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง...แต่ ขอโทษนะครับพี่ผมคงรักษาสัญญาไม่ได้จริงๆ
“คะ…คอนโดคุณอาริมะครับ”
...................................................................................................
ไฮเสะย่นคิ้วมองหัวหน้าด้วยความฉงน แน่นอนเขารู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆแต่ที่สงสัยคือคุณอาริมะจะยังต้องการอะไรจากเขาแบบนั้นลดตำแหน่งไม่ง่ายกว่าเหรอ ยังจะมีข้อแม้อีก...ไฮเสะแอบบ่นเบาๆ
“อ่า...ไว้คุยกันดีกว่าฉันมีประชุมนิดหน่อย หลังเลิกงานว่างไหมล่ะ” ชายหนุ่มหรี่ตามองลูกน้องที่แสนภักดีและลุกขึ้นกวาดเอกสารบนโต๊ะลงกระเป๋าก่อนจ้องมองใบหน้ากลมหวานของอีกฝ่าย ไฮเสะกรอกตาไปมาสำหรับคาเนกิคงไม่มีปัญหาแต่กับเคนคงต้องพูดมากหน่อย...
เอาเถอะ...
“ก็ไม่ได้มีธุระอะไรครับ” กล่าวไปเช่นนั้นอาริมะระบายยิ้มและเดินจนถึงประตูก่อนเอียงใบหน้ากลับมาพูดให้อีกคนได้ยินชัดๆ
“เดี๋ยวไปคอนโดฉัน” แล้วจึงเปิดประตูเดินออกไปปล่อยไฮเสะให้นั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนเจ้าตัวเริ่มประมวลประโยคเมื่อครู่ออกมาได้เป็นความหมายแล้วจึงรู้สึกมึนอีกรอบ
คอนโด...
คุณอาริมะ...
ไปทำไม?...แล้ว...ทำไมต้องคอนโด!
ไฮเสะอยากจะบ้าตายทำไมพักนี้มีแต่เรื่องน่าปวดหัวยิ่งคิดยิ่งมึนยิ่งคิดยิ่งหาเหตุผลไม่ได้ คุณอาริมะต้องการอะไรจากสังคมไม่สิต้องการอะไรจากเขา? แล้วเย็นนี้ต้องหาเหตุผลอะไรไปโกหกเคนดีหวงพี่ยังกะ...อะไรดี ถ้ารู้ว่าเขาจะไปบ้านผู้ชา—ไปบ้านเจ้านายมีหวังโวยวายบ้านแตกแหงๆ...
เฮ้อ...
เขาถอนหายใจเป็นรอบที่ล้านแล้วนะวันนี้ ไฮเสะยกมือนวดขมับคลายอาการมึนหัวและกลับไปที่ห้องทำงานตัวเองปรากฎว่าเจอเด็กๆที่ไปก่อเรื่องเมื่อวานยืนหน้าสลดอยู่ต้อนรับเขาครบทุกคนเลย....
“มีอะไรกันเหรอ ฮื้ม? อยู่พร้อมหน้าเชียว?” ไฮเสะเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วคลิกเซฟงานลงแฟรชไดรฟ์เพื่อเอาไปพิมพ์ต่อที่บ้านขณะที่หญิงสาวที่ดูไม่เอาการเอางานวิ่งเข้ามากอดแล้วพร่ำบอกขอโทษ
“ม่าม๊า
“ไซโกะ ฉันไม่โกรธหรอก ไม่เป็นไร” ไฮเสะว่าแล้วลูบหัวเธอ ไซโกะก็เหมือนน้องสาวของเขาคนนึงไม่ดูแลก็คงเป๋ออกนอกลู่นอกทางได้ง่ายๆนั่นละนะ “อ่า แล้วพวกนายมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
หลังจากเคลียร์กับไซโกะเรียบร้อยไฮเสะก็หันไปหาพนักงานในสังกัดตัวเองอีกสามคนที่ยังคงยืนนิ่ง หน้าไม่รับบุญหนึ่ง เก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูกอีกหนึ่ง และอีกคนที่ทำถ้าจะพูดอะไรแต่ไม่กล้าพูดอีกหนึ่ง ไฮเสะถามซ้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มใจดีเหมือนทุกครั้งเพื่อให้เด็กๆหายเกร็งจนกล้ารายงานอะไรเผื่อมีเรื่องที่เขายังไม่รู้
“เอ่อคือ...พวกเราต้อง...ขอโทษด้วยครับซาซากิซัง!” ทั้งสามคนโค้งตัวลงต่ำสุดรวมถึงไซโกะด้วย ถึงแม้อีกคนจะไม่พูดและทำหน้าไม่รับแขกแต่เขาก็ยอมก้มหัวให้ราวกับยอมรับผิดโดยไม่มีข้อกังขา ไฮเสะนิ่งอึ้งไปสักพักอยู่ด้วยกันมาก็ตั้งแต่ที่เขาจบจากมหาลัย นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเรียกชื่อเขาแบบเต็มๆล่ะนะแต่ก็ยังอุส่าเติมซังคิดแล้วก็ตลกดี ไฮเสะหัวเราะเล็กน้อยและปัดมือเหมือนทุกที
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย...ความผิดพลาดของลูกน้องหัวหน้าก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่แล้ว นั่นแสดงให้เห็นถึงความไม่ได้เรื่องของหัวหน้าด้วยไม่ใช่หรือไง” ไฮเสะพูดติดตลกและนั่งลงบนเก้าอี้ยกขาขึ้นไขว้กันมองเหล่าลูกน้องที่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา “คิดซะว่าเป็นบทเรียนและจะไม่มีผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองก็พอ…แค่นั้นทำให้ฉันได้หรือเปล่า?”
หลังจากเอ่ยถามไปเช่นนั้นทั่วทั้งห้องก็ตกเข้าสู่ความเงียบอีกครั้งจนได้ยินถึงเสียงเครื่องปรับอากาศที่ติดอยู่ในห้อง สักพักเหล่าเด็กๆจึงเงยหน้าขึ้นและตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ได้ครับ/ค่ะ!” คิดไม่ผิดจริงๆหากเป็นหัวหน้าคนอื่นคงจับพวกเขาแยกไปอยู่กันคนละทีม และตัวขี้เกียจอย่างไซโกะคงโดนลดตำแหน่งก็เป็นได้ พวกเขาได้หัวหน้าที่ดีและอ่อนโยนเป็นที่หนึ่งแบบนี้ถือว่าโชคดีที่สุดแล้วและพวกเขาก็คงจะได้ยินข่าวดีในเร็วๆนี้กับหัวหน้าของเขา...
หลังจากที่ลูกทีมเดินออกจากห้องไปแล้วไฮเสะก็ถอนหายใจและเหยียดขาตรงผ่อนคลายตัวเอง ยอมรับเลยว่าตัวเองก็คิดมากเหมือนกันและเป็นพวกเก็บกดไม่ยอมแสดงสีหน้าเวลาทุกข์ใจเสียด้วยแบบนั้นคนรอบข้างจะดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ถือว่าเป็นข้อดีได้ไหมนะอย่างน้อยเด็กๆพวกนั้นก็ไม่ต้องมาคอยเป็นห่วง...
บางทีเขาก็คิดว่าควรหยุดคิดได้เสียทีกว่าคุณอาริมะจะเลิกประชุมก็คงสี่โมงเขาควรจะออกจากออฟฟิสไปนั่งทำงานต่อที่ร้านกาแฟใกล้ๆนี่ดีกว่าอยู่แต่ในห้องแบบนี้อึดอัดน่าดูอีกอย่างข้าวเที่ยงเขายังไม่ได้กินเลยด้วย...
แล้วก็ล่วงเวลามาเกือบจะสี่โมงครึ่งทำงานเพลินจนลืมดูนาฬิกาป่านนี้คุณอาริมะรอจนรากงอกเสียแล้วล่ะมั้ง ไฮเสะปิดจอโน๊ตบุ๊คลงและวางเงินไว้บนโต๊ะจำนวนพอดีราคา ก่อนเดินออกจากร้านกาแฟไปทว่าพอจะข้ามถนนก็มีมือหนักๆมาวางบนไหล่ของเขา ไฮเสะสะดุ้งและหันไปมองเจ้าของมือก็พบกับ
แว่น...
ไม่สิคุณอาริมะต่างหากดูท่าคงจะรอนานจริงๆถึงได้มาเห็นเขาจะข้ามถนนแบบนี้ ไฮเสะโค้งตัวขอโทษเล็กน้อย แต่คุณอาริมะที่รักหาได้สนใจไม่ ชายหนุ่มจ้องมองและพยักเพยิดหน้าเหมือนจะบอกว่า มากับฉันสิมีราชรถมาเกยแล้ว แน่นอนว่ามีหรือจะขัดได้ไฮเสะจึงตามคุณอาริมะไปเห็นรถจอดอยู่ใกล้ๆ
“ยืนนิ่งอยู่ทำไม...ขึ้นมาสิ เบาะหลังของเต็มนะ” เหมือนจะรู้ทันอาริมะรีบบอกไฮเสะจึงได้แต่ยิ้มและเดินมานั่งข้างๆแทนก่อนคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ เจ้าของรถก็เข้าเกียร์ใส่คันเร่งกระชากตัวรถออกไปทันที โดยไม่บอกไม่กล่าวทำเอาตกใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ขับมาสักพักก็ถึงแยกไฟแดงก่อนหน้านี้ในรถเงียบอย่างกับอะไร และตอนนี้ก็เช่นกันไฮเสะรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร ส่วนหนึ่งคงเพราะเกรงใจกลัวกวนสมาธิคนขับรถ อีกส่วนเจ้าตัวก็เหมือนจะคิดหาข้ออ้างไปโกหกเคนอยู่จนเมื่อรถจอดไฟแดงอยู่ครู่หนึ่งเจ้าขอนไม้—เจ้านายที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอ่ยปากถาม แน่นอนว่าเขาคงไม่อยากจะทำให้ไฮเสะเครียดจึงไม่ยิงประเด็นเข้าเรื่องงานทันที
“ทานอะไรมาหรือยัง?” นั่นล่ะเรื่องทั่วไปของเขา ไฮเสะสดุ้งเล็กน้อยด้วยความที่ยังตั้งตัวไม่ทันกับเสียงที่เอ่ยถาม ก็แหมอยู่ในรถเงียบๆมาเสียตั้งนาน
“เมื่อเที่ยงเพิ่งทานกาแฟกับครัวซองมาน่ะครับ” เอ่ยตอบไฟก็เขียวพอดีทั้งตัวรถจึงกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ทำให้ไฮเสะต้องหาอะไรมาถามกลับเมื่อครู่เพื่อทำลายความเงียบโดยลืมไปว่าอีกฝ่ายกำลังขับรถอยู่ “แล้วคุณอาริมะล่ะครับ”
“ฉันคงไม่ปล่อยให้ท้องว่างหรอก” ไฮเสะพยักหน้า แน่นอนว่าเขาคงจะหมายถึง ทานแล้วคร้าบ ไม่ได้ประชดอะไรหรอกเจ้านายก็ตรงไปตรงมาแบบนี้ล่ะ ข้อดีอีกหนึ่งของไฮเสะคือมักมองโลกในแง่ดีเสมอ....
เมื่อรถจอดไฮเสะก็ลงจากรถอย่างรู้งาน อาริมะปิดประตูล็อครถและลงมายืนข้างๆมองไฮเสะที่กำลังทึ่งกับคอนโดหรูตรงหน้า ทุกห้องมีกระจกใสกั้นดูสวยงามรอบๆคอนโดมีต้นไม้และพุ่มไม้สวยๆประดับราวกับเชิญชวนให้คนมาเช่าแต่ไฮเสะสงสัยอยู่อย่าง...
“คุณอาริมะเช่าคอนโดอยู่เหรอครับ...” และเผลอหลุดปากถามออกไปโดยไม่คิด เจ้าตัวยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันทีและทำหน้าอ้อนวรราวกับจะขอโทษที่ถามอะไรแปลกๆไป แต่อาริมะกลับไม่ได้สนใจและเดินนำโดยไม่ลืมตอบคำถามให้อีกต่างหาก
“เปล่า นี่คอนโดฉันซื้อไว้นานแล้ว ปกติก็อยู่ที่นี่แหละวันหยุดค่อยกลับไปที่บ้านสักที” กล่าวไปพลางเดินไปพลาง ไฮเสะก็เดินตามฟังไปเงียบๆ ทางเดินที่นี่เรียกได้ว่าสวยงามและอลังการได้อีก พรมแดงนี่ปูตั้งแต่ทางเข้ายันห้องพัก โคมไฟระย้าติดห้อยอยู่กลางห้องโถงดูหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายตั้งแต่เหยียบเข้ามาก็ดูมีราคาทุกอันไม่เว้นแม้แต่วิทยุก็ยังเป็นรุ่นล่าสุด เมื่อมาถึงห้อง อาริมะก็ไม่รอช้าที่จะหยิบคีการ์ดออกมาเปิดประตูและเชิญไฮเสะเข้าไป เมื่อเข้ามาถึงห้องได้แล้วไฮเสะก็อดสงสัยไม่ได้อีกว่า...
เจ้านายบ้านไหนมันพาลูกน้องเข้ามาคุยกันถึงในห้องพักส่วนตัววะ...
ยกเว้นเสียแต่ไอ้คุณอาริมะนี่มันไม่ปกติเหมือนชาวบ้าน...
ไฮเสะตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติ นินทาเจ้านายตัวเองนี่บาปกรรมจริงๆเดี๋ยวเดือนนี้ก็หมดเงินเดือนไปกับเคราะห์เสียหรอก ไฮเสะมองออกไปด้านนอกกระจกอีกด้านที่ฉายให้เห็นชัดเจนตั้งแต่ทางเข้าที่เชื่อมกับอีกตึกและสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่อยู่ตรงกลางซึ่งมีแสงสปอร์ดไลน์ฉายบนผิวน้ำที่กระเพื่อมเป็นลูกคลื่นจากลมที่พัดมา...
ที่นี่สวยจริงๆแหละ...
“เอ่อ…คุณอาริมะครับ คือ มีอะไรจะคุยกับผม” ไฮเสะคิดว่ารีบๆคุยซะจะได้จบๆเดี๋ยวไม่นานเคนได้โทรตามแน่ๆตอนอยู่ในรถก็โทรบอกให้กลับก่อนแล้วแต่กว่าจะถึงคอนโดคุณอาริมะก็ปาไปหนึ่งทุ่มขืนอยู่นานมีหวังเคนได้โวยบ้านแตกแหงๆ อาริมะที่กำลังถอดเสื้อโค้ดสีขาวออกแขวนหันมองลูกน้อยเล็กน้อยก่อนเดินไปหยิบเครื่องดื่มในตู้เย็นมาวางไว้ให้และนั่งลงบนโซฟาข้างๆ “ขอบคุณครับ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้นายทำหรอกนะแต่คนอื่นๆงานเก่ายังไม่เคลียร์กันเลยเลยวานให้ช่วยไม่ได้...ที่ร้านของสาขาเราขาดพนักงานน่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลเลยพากันลางานเยอะ พนักงานที่เหลืออยู่ก็แบ่งหน้าที่ทำกันไม่หวาดไม่ไหว รับลูกค้าไม่ทันน่ะ” ไฮเสะนั่งฟังนิ่งๆและยกเครื่องดื่ม ดื่มเงียบๆ
“แล้ว...”
“พอดีเลยเอางานนี้เป็นข้อแลกเปลี่ยน ให้พวกนายทำแทนแล้วกัน” ว่าไปนั่น ไฮเสะกำลังจะเอ่ยถามต่ออาริมะก็แทรกบอกซะก่อนและประโยคเมื่อครู่ก็ทำให้...
“พรวดดดด!! แค่กๆ...แค่ก แค่ก!”ไฮเสะถึงกับสำลักน้ำไอโขรกจนตัวโยน อาริมะมองหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและยื่นกระดาษชิดชู่ให้ “ขอบคุณครับ แค่ก แค่ก...แฮ่ก แฮ่ก... แต่คุณ คุณอาริมะครับ กฎบอกพนักงานที่ร้านน่ะต้องเป็นเด็กผู้หญิงไม่ใช่เหรอครับ”
“แน่นอน ฉันก็ไม่ได้บอกให้นายแต่งเป็นบ๋อยไปรับลูกค้าหรอก”
“แล้วคุณจะให้ผมไปแปลงเพศรึไงครับ!” ไฮเสะทุบโต๊ะเบาๆ
“เรื่องนั้นก็แต่งเอาสิแล้วบอกเด็กๆนายด้วย” อาริมะไม่ยอมแพ้
“แต่คุณอาริมะครับ...” ถามกูรึยังครับ...ว่าทำได้ไหม ไฮเสะอยากจะร้องไห้จริงๆความแมนและความเป็นชายจะศูนย์สิ้นดับดิ้นลงโลกาเพราะเจ้านายที่ขู่เข้นให้แต่งหญิงกันทางสายตา ให้ตายเถอะ พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาจริงๆสินะ...
“ฉันเชื่อว่านายทำได้ไฮเสะ” ให้กำลังใจอย่างมาดมั่น แล้วคุณไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนว่าผมจะทำได้วะครับ? ไฮเสะแอบเถียงในใจเบาๆ แต่ต่อรองไปก็เท่านั้นเพราะฟังดูจากเมื่อครู่ก็รู้ว่าอาริมะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพวกเขา สาขาที่พวกเขาทำอยู่ก็ใหญ่ที่สุดจะให้เสียชื่อก็ไม่ได้ คนอื่นๆก็งานยังไม่เสร็จมีแต่ทีมเขาที่ว่างงานและเพิ่งจะทำแหกมาเมื่อไม่นานนี้เองจะให้ขายหน้ารอบสองได้ยังไง...
เด็กๆเขาเชื่อใจได้อยู่ล่ะมั้ง...
“ผมจะพยายามครับ...” สุดท้ายก็รับคำจนได้สิน่า…
RRRRRRRR
ก่อนจะได้คุยอะไรกันต่อมือถือที่สั่นก็ดันมาขัดจังหวะการคุยเสียก่อน ไฮเสะยกมันขึ้นมาดู ปรากฎชื่อที่เมมไว้เด่นหราจึงเอ่ยปากขออนุญาตเจ้านายรับโทรศัพท์ อาริมะก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาตเท่านั้น
“ว่าไงคาเนกิ?...อ๋อเอ่อ...ฮัลโหลคาเนกิเป็นอะไรน่ะ!” ยังไม่ทันได้ตอบคำถามน้องก็ได้ยินเสียงน้องร้องโอดโอยจากปลายสาย เมื่อคาเนกิบอกไม่มีอะไรเคนแกล้ง ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกน้องไปว่า “พี่อยู่คอนโดคุณอาริมะ เดี๋ยวกลับแล้วล่ะอย่าบอกเคนนะมาแล้วจะเป็นเรื่อง….อยู่ใกล้ๆนี่ล่ะแถวห้างตรงมหาลัยเรานั่นแหละรออยู่นั่นนะ”
ไฮเสะคุยเรื่อยเปื่อยไปสองสามประโยคและวางสายเดินมาหาอาริมะ และหยิบกระเป๋าเตรียมกลับบ้านอันที่จริงก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้านายพามาที่นี่ทำไม แต่ก่อนจะได้ขอตัวกลับมือหนาก็เข้ามาคว้าแขนเขาไว้เสียก่อน ไฮเสะเบิกตามองเล็กน้อย
“คุณอาริมะ...”
“ขอโทษที แต่ที่มานี่ฉันมีอะไรจะให้น่ะ” ว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องที่ไฮเสะคิดว่าคงเป็นห้องนอน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับโลหะสีเงินที่ร้อยเรียงกันยื่นมาให้ตรงหน้า อาริมะเอาสร้อยนาฬิกาพกที่มีฝาพับปิดให้ไฮเสะที่ยังยืนงงอยู่...
“เอ่อ”
“ฉันอยากให้เก็บไว้...อย่าเพิ่งเปิดมันจนกว่าจะถึงเวลา” ไฮเสะมองอย่างไม่เข้าใจและกำลังอ้าปากถาม ทว่าอาริมะกลับจับมือเขาและยัดนาฬิกานั่นให้ “เวลานั้นฉันจะบอกเอง”
ไฮเสะเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่อาริมะพูดสักนิดแต่เขาก็เก็บมันลงกระเป๋าเสื้อโค้ทอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก อาริมะเห็นแบบนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อย่าให้น้องนายเห็นมันเด็ดขาด...” เขาว่าและเดินนำออกจากห้องเรียกให้ไฮเสะมองตามอย่างสงสัยอีก “เดี๋ยวฉันไปส่ง” ราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายข้องใจจึงเอ่ยบอกให้หมดเรื่องหมดราว ไฮเสะพยักหน้าเข้าใจและเดินตามอาริมะออกไป
...................................................................................................
อาริมะมาส่งอยู่หน้าบ้านเรียบร้อย ไฮเสะเกรงใจก็รีบลงจากรถและโค้งให้หนึ่งที เวลาเดียวกันเสียงโวกเวกโวยวายก็ดังออกมากในบ้าน เสียงคำรามด้วยความโมโหแว้ดดังขนาดนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าใคร ไฮเสะรีบเปิดรั้วบ้านเข้าไป เดินเกือบถึงหน้าประตู ประตูบ้านก็เปิดผัวะพร้อมกับเคนที่เดินออกมาหน้าขึงขังมือนี่ถือมีดอีโต้อันเบ่อเริ่มราวกับจะเดินออกไปฆ่าใครโดยลากคาเนกิที่เกาะเอวร้องห้ามไม่ให้ออกมา
“ปล่อยนะคาเนกิ ฉันจะไปฆ่ามัน!!”
“ไม่ได้นะเคน! เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ! ฮึบ!” คาเนกิดึงรั้งพี่ชายฝาแฝดไว้สุดแรง แต่เคนก็ยังเถียงว่าจะไปฆ่าไอ้คุณอาริมะอะไรนั่นให้ได้ แค่งานทำไมต้องไปคุยกันที่คอนโด!
“คะ..เคนใจเย็นๆก่อนสิ” ไฮเสะยืนอึ้งอยู่หน้าบ้านในขณะที่อาริมะสงสัยเลยตามออกมาดูด้วยนั่นยิ่งทำให้เคนฉุนขาดจนเกือบเอาบังตอผ่าหน้าอาริมะจนได้เรื่องหากอาริมะไม่เอียงหน้าหลบก่อนล่ะก็...
“เฮ้ย! เคนใจเย็นๆก่อน!!” ไฮเสะรีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวน้องและลากเข้าบ้านและคงไม่มีเวลามาขอโทษอาริมะที่เสียมารยาทแล้วล่ะ
.............................................................................................
“ทำอะไรของเราเนี่ย ห๊า!” เมื่อลากน้องเข้ามาในบ้านก็อธิบายทุกอย่างให้ฟังจนสถานการณ์ยอมสงบลง อาริมะก็ถูกเชิญให้เข้ามานั่งในบ้านก่อน ส่วนเคนก็โดนไฮเสะดุอยู่เนื่องๆแต่เจ้าตัวหาได้สำนึกไม่
“โอ๊ยยยยย เจ็บทำอะไรของพี่เนี่ย!” เคนร้องโอดโอยลูบแก้มตัวเองที่โดนพี่ดึงด้วยความหมั่นไส้ถึงแม้จะดุแต่ดันใจอ่อนให้อยู่เรื่อย อาริมะถอนหายใจเมื่อมองสามพี่น้องที่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้เลย โดยเฉพาะนิสัยแต่ดันดูแลและรักกันได้ถึงเพียงนี้
“ก็หยิกไง...อ่าใช่ ขอโทษด้วยนะครับ...คุณอาริมะ” ไฮเสะโค้งตัวให้ขณะที่สายตาก็มองหน้าอาริมะอย่างไม่ได้ตั้งใจและก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยจางๆสีแดงอยู่ข้างแก้มของอีกฝ่าย “คุณอาริมะ...!!”
ไฮเสะรนรานเดินเข้าไปดูแผลเหมือนโดนของบาดบนหน้าอาริมะ ก่อนหันไปค้อนใส่เคนเล็กน้อยแต่เจ้าตัวกลับยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ ในขณะที่คาเนกิเพียงหัวเราะแห้งๆเพราะไม่รู้จะแก้ตัวแทนเคนอย่างไรดี ไฮเสะเพียงถอนหายใจและถือวิสาสะจับใบหน้าอาริมะเอียงไปมาเล็กน้อยเพื่อดูว่ามีบาดแผลที่อื่นอีกหรือไม่น่าแปลกที่เขาไม่ได้ว่ากล่าวอะไร ไฮเสะเรียกให้คาเนกิไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาที และมองดูบาดแผลอีกครั้ง
เลือดไหลอีกแล้ว...
“ขอโทษนะครับ อย่าโกรธเคนเลยนะเขาก็แค่หวงผมเท่านั้นเอง” ไฮเสะว่าพลางรับกล่องปฐมพยาบาลมาจากคาเนกิ แล้วค้นเอาพลาสเตอร์ออกมาฉีกแปะบนบาดแผลให้อาริมะ เขายังคงมองไฮเสะด้วยใบหน้าเรียบนิ่งและปัดมือเจ้าตัวออกเบาๆก่อนลุกขึ้นปรายตามองเคนเล็กน้อยแน่นอนว่าเคนเองก็ส่งสายตาค้อนๆมาให้อย่างไม่ยอมแพ้ "จะกลับแล้วเหรอครับ"
“ก็คงจะอย่างนั้น...อย่าลืมงานล่ะไฮเสะ เราจะเริ่มกันภายในอาทิตย์หน้า” ว่าแล้วก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกทว่าการกระทำก่อนจากไปของอาริมะก็แทบทำเอาเคนคลั่งขึ้นมาอีกรอบ…
ไอ้แว่นขอนไม้นั่นลูบหัวพี่ชายเขา!
“เป็นอะไรเหรอเคน...” คาเนกิกระซิบถามเบาๆ เมื่อเห็นพี่ชายฝาแฝดอารมณ์ขุ่นขึ้นมาอีกแล้ว
“เปล่า!” เคนตอบกระชากเสียงแล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องด้วยความหัวเสียทำเอาไฮเสะส่ายหน้า ส่วนคาเนกิก็เพียงฝืนยิ้มให้พี่ชายที่ยิ้มเหนื่อยๆให้เช่นกัน...
........................................................................................................................
ห๊ะ อะไรนะ? เปล่าค่ะไม่ได้อู้ 5555 สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน
ขออภัยด้วยนะคะที่เราหายไปนานตั้งสองสามอาทิตย์เหตุก็ไม่ได้เพราะอู้งานหรอกค่ะ...
ป่วยดาบ...
ค่ะ นั่นแหละเหตุผล ถถถถถถว์ ใครงง? อ๋อ คือเกมน่ะค่ะ Touken ranbu เราติดเกมส์นี้อยู่นั่นเองจ้ะ
เล่นทั้งวันจนลืมแต่งต่อเบย//โดนตบตี 5555 ดูอนิเมะจบแล้ว เศร้าใจเหลือT^T ฮิเดะะะะะ ทำไมคะ ทำไม ฮืออออ
ทำร้ายพ่อเพื่อนที่แสนดีของเราได้แหม...
อ่ะๆเข้าเรื่อง
ตินิดนึงตรงนามสกุลสามพี่น้อง น่าจ่ะเป็น 'ซาซากิ' มากกว่า 'ไฮเสะ' นะคะ
เซน : จ้า นามสกุลเราเอาตามมังงะอ้างอิงจาก แปลค่ายนี้จ้ะ หากไม่ชอบใจเราก็ต้องขออภัยด้วยนะคะT^T ขอบคุณที่แสดงความเห็นนะคะ
เซน : 5555 อันนี้เราว่าลองลุ้นดูเองดีกว่าค่ะ ว่าเคนจะคู่กับใคร (เราเอนเอียงไปทางเคนเคะมากกว่าค่ะ บอกให้ชื่นใจ) 555 ขอบคุณที่คอมเม้นบอกนะคะ
เซน : วรรคในตอนนี้โอเคหรือยังคะ เราพยายามบรรยายให้มันน้อยลงแล้วนะคะT^T หากยัปวดตาอยู่ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ หรือหากตัวอักษรมันเล็กไปก็บอกได้นะคะ ขอบคุณที่ออกความเห็นค่ะ
โอเค ค่ะสามเม้นบนเราตอบคำถามให้แล้วนะคะ555 ส่วนคนอื่นไม่ต้องน้อยใจค่ะเราอ่านทุกเม้นจริงๆ เม้นมันมาซ้ำสองกล่องเราก็อ่านค่ะ5555 ขอบคุณจริงๆค่ะที่ช่วยคอมเม้นให้กำลังใจและติดตามเราค่ะ เราจะพยายามแต่งให้จบค่ะ>< หวังว่ากระแสหลุดจะยังคงตามอ่านกันอยู่นะคะ
ขอบคุณทุกท่านเลยค่ะ ไว้พบกันใหม่ในตอนหน้านะคะ
ซียู♥