ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 เรื่องเล่าขาน'ราชาปีศาจ'
"เซฟี่ จิลวาเนีย เจ้าจงเป็น'ราชาปีศาจ'ซะ"
"ไม่ใช่สิ เซฟี่ จิลวาเนีย เจ้าจงเป็นราชาปีศาจแล้วไปให้ผู้กล้าฆ่าซะ" ประโยคแรกที่ปีศาจชราผมขาวพูดก็ทำให้เซฟี่นิ่งค้างไปด้วยความตกใจ แต่ประโยคต่อมากลับทำให้เซฟี่ตกใจตาเบิกกว้างยิ่งกว่า
"..."
"..."
"ดะ เดี๋ยวนะครับ มะ หมายความว่ายังไงกัน ที่ว่าจะให้ผมไปเป็น เอ่อ...ราชาปีศาจ? แล้วโดนผู้กล้าฆ่าทิ้งนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ผู้กล้านี่หมายถึงมนุษย์รึเปล่าครับ แล้วทำไมผมต้องไปโดนมนุษย์ฆ่าด้วยละครับ" หลังจากที่เซฟี่ตั้งสติแล้วประมวลสิ่งที่ปีศาจชราผมขาวพูดออกมา ก็รีบถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
"อา นั่นสินะ สงสัยข้าจะรวบรัดเกินไปหน่อย คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้..." ปีศาจชราผมขาวนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้อธิบายอะไรให้อีกฝ่ายฟัง จึงคิดจะบอกถึงเหตุผลที่สภาปีศาจต้องการให้เซฟี่เป็นราชาปีศาจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาซะก่อน
"อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ"
"เดี๋ยวสิเห้ย! ข้ายังไม่ทันอธิบายอะไรเลย เจ้าเข้าใจเรื่องอะไรกัน"
"..."
"..."
"งั้นเชิญท่านผู้อาวุโสอธิบายมาเลยครับ"
"แล้วเมื่อกี้แกจะบอกว่าเข้าใจแล้วทำไมหา! ช่างเถอะ คือว่าเหตุผลที่ทางสภาต้องการให้เจ้าไปเป็นราชาปีศาจแล้วโดนผู้กล้าฆ่าทิ้ง ก็เพราะนี่เป็นธรรมเนียมของสภาปีศาจ ข้าจะให้เจ้าดูสิ่งนี้" ปีศาจชราผมขาวพูดจบ ก็ยกมือขวาขึ้นใช้นิ้วชี้จ่อขมับตัวเองพร้อมมขยับปากพึมพำบางอย่าง วินาทีต่อมาก็มีกลุ่มควันสีขาวขุ่นค่อยๆออกมาจากขมับ ลอยอยู่บนปลายนิ้ว ปีศาจชราผมขาวชี้นิ้วที่มีกลุ่มควันนั้นมายังเซฟี่ จากนั้นควันสีขาวขุ่นก็ค่อยๆลอยตรงมายังหัวของเซฟี่
"ไม่ต้องกลัว ไม่มีอันตรายอะไร นั้นคือความทรงจำเรื่องเล่าของข้า" ปีศาจชราผมขาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเซฟี่ตื่นตัวคล้ายจะขยับหนี
"อึก!" เซฟี่รู้สึกแปลกๆตอนที่ควันสีขาวขุ่นนั้นลอยเข้ามาในหัวของเขา จากนั้นก็รู้สึกปวดศีษระก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป
เซฟี่ลืมตาขึ้นเขามองไปรอบๆด้วยความตกใจ รอบตัวเขาไม่มีสิ่งใดนอกจากสีขาวขุ่นไร้ที่สิ้นสุด เขาพยายามนึกว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อๆกี้เขายังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสอยู่เลย แต่อยู่ๆเบื้องหน้าเขาก็ปรากฏภาพวัตถุกลมๆสีฟ้าลอยอยู่กลางความมืดมิด ภาพวัตถุกลมๆสีฟ้านั้นค่อยๆขยายขั้นจนกลายเป็นพื้นแผ่นดินและน้ำ พร้อมกับมีเสียงของปีศาจชราผมขาวดังขึ้นในหัวของเขา
เมื่อสามพันปีก่อน โลกในตอนนั้นมีสามทวีป เนียร์ ไรฟ์ และฟาร์ ทวีปเนียร์เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ทวีปไรฟ์เป็นที่อยู่ของพวกเอลฟ์ คนแคระ ภูติ และอมนุษย์ทั้งหลาย ส่วนทวีปฟาร์ที่ดินแดนของปีศาจ ทุกฝ่ายต่างอยู่กันด้วยความสงบไม่มีการรุกรานทวีปของอีกฝ่าย จนเมื่อมนุษย์ที่ทำสงครามแย่งชิงดินแดนกันเองจนเกิดความวุ่นวายไปทั่วเริ่มรุกรานทวีปอื่น เริ่มต้นที่ทวีปไรฟ์กษัตรย์แต่ละประเทศของมนุษย์สงบศึกสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองด้วยความคิดว่าจะมัวมาแย่งชิงพื้นที่เพียงแค่ในทวีปอยู่ทำไม สู้ร่วมมือกันแล้วแย่งชิงเอาทุกทวีปมาเป็นของพวกตนจากนั้นค่อยแบ่งพื้นที่กันอีกครั้ง เมื่อลงความเห็นชอบว่าแบบนี้แหละดี จากนั้นก็ยกทัพไปบุกทวีปไรฟ์ แม้เอลฟ์ คนแคระ ภูติ และพวกบีส จะมีร่างกายแข็งแกร่งและพลังเวทมนต์มากกว่ามนุษย์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ภายในเวลาเพียงสองปีเนื่องจากมนุษย์นั้นมีจำนวนมากกว่าหลายเท่านัก เมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องกลายเป็นทาสส่วนพวกที่รอดไปได้ก็หนีไปยังทวีปฟาร์ของปีศาจ หลังจากยึดทวีปไรฟ์ได้มนุษย์ที่โลภมากก็คิดที่จะบุกยึดทวีปฟาร์ต่อไปเพื่อให้เผ่าพันธุ์ตนเป็นที่ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุด ปีศาจที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เพราะมีราชาปีศาจที่คอยดูแลทุกข์สุขของปีศาจทุกเผ่าพันธุ์อย่างดีและคอยปราบปรามปีศาจบางเผ่าที่ชอบความรุนแรง ภาพราชาปีศาจที่ประทับบนบัลลังก์นั้นมีร่างกายกำยำส่วนสูงประมาณสามเมตร หน้าตาคมเข้ม นัยน์ตาสีแดงสดเหมือนกับเลือด ผมยาวสีเงินทอประกายเมื่อต้องแสงจันทร์ บนศีษระนั้นมีเขาสีขาวเปร่งประกายราวกับเพชรยาวประมาณสิบเซนและะปีกลักษณะคล้ายปีกค้างคาวสีเงินหนึ่งคู่บนแผ่นหลัง ราชาปีศาจขยับกายลุกขึ้นจากบัลลังก์เมื่อได้ทราบข่าวว่าราษฎรปีศาจที่อยู่ใกล้ดินแดนมนุษย์ถูกมนุษย์บุกเข้าเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายและเผ่าทำลายบ้านเรือน จึงออกคำสั่งเคลื่อนทัพไปป้องกันและสั่งอพยบปีศาจทุกตนที่อาศัยในบริเวณริมชายแดน พร้อมกับส่งทหารสิบนายไปสอบถามกับผู้นำทัพของมนุษย์ที่บุกมาว่าเหตุใด จึงต้องยกทัพมาเข่นฆ่าปีศาจด้วยทั้งๆที่พวกเราปีศาจไม่เคยแม้แต่จะข้ามไปยังดินแดนของมนุษย์ หากแต่ผู้นำทัพมนุษย์กลับสังหารทหารพวกนั้นปล่อยให้เหลือรอดกลับมาเพียงตนเดียวเพื่อนำข้อความกลับมาบอกราชาปีศาจว่า หากไม่อยากให้ปีศาจอ่อนแอตัวไหนต้องตายอีก จงยอมสยบและกลายเป็นทาสของมนุษย์ซะ
ราชาปีศาจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น จึงรับรู้ได้ว่ามนุษย์นั้นดูถูกปีศาจมากเช่นใด หรืออาจจะคิดว่าปีศาจที่อยู่อย่างสงบนั้นคงอ่อนแอเป็นแน่ไม่เช่นนั้นหากแข็งแกร่งคงบุกเข้ายึดดินแดนมนุษย์ไปนานแล้ว ราชาปีศาจรู้สึกโมโหและเวทนาพวกมนุษย์นักที่หารู้ไม้ว่าปีศาจแท้จริงแล้วแข็งแกร่งขนาดไหน จึงร่ายเวทมนต์สร้างอุกาบาตขนาดใหญ่ลงไปยังใจกลางกองทัพของมนุษย์ แล้วจึงสั่งปีศาจตนสนิททั้งสามที่เป็นนายพลว่าให้คอยตั้งทัพอยู่ที่ชายแดนนี้ หากมีมนุษย์เข้ามาในดินแดนปีศาจจงฆ่าซะอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว แล้วราชาปีศาจก็หายตัวไป หลังจากนั้นเพียงหกวันมนุษย์ทั้งหมดในทวีปได้รับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของปีศาจ เมืองทุกเมืองที่เป็นที่ตั้งปราสาทของกษัตริย์แต่ละประเทศและประชากรมนุษย์นับสามสิบล้านหายสาบสูญไปโดยไร้ร่อยรอย พื้้นที่ๆเคยเป็นที่ตั้งของเมืองนั้นๆกลายเป็นหลุมลึกประมาณห้าสิบเมตรโค้งเว้าเป็นแอ่งกระทะและกว้างประมาณห้ากิโลเมตร หลังจากวันที่เมืองหลวงทั้งหมดหายสาบสูบ ราชาปีศาจก็หายไปไม่ปรากฏกตัวในที่ใดอีก มนุษย์ได้สำเหนียกถึงความอ่อนแอของตนเองและรับรู้ว่าปีศาจน่ากลัวเพียงใดและเรียกขานเหตุการณ์นั้นว่า 'หกวันแห่งการล่มสลาย' มนุษย์ที่เหลือรอดรวมตัวกันสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ ผ่านไปได้หนึ่งปีอยู่ๆก็มีหินศิลาขนาดใหญ่ประมาณสิบเมตรร่วงลงมาจากฟ้าตกลงยังใจกลางเมือง บนหินศิลานั้นมีข้อความจารึกไว้ ข้อความที่ทำให้ชาวบ้านทุกคนในเมืองนั้นรู้สึกหวาดผวาถึงเหตุการณ์นั้นความกลัวที่ฝังลึกลงไปในจิตใจจึงสั่งสอนลูกหลานว่าอย่าได้ก่อสงครามอีกเลย
หากวันใด
มนุษย์ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี
ก่อสงครามแย่งชิงขึ้นอีกครา
ในรุ่งเช้าของวันถัดไป
ข้าจะกลับมา
หนึ่งเดือนหลังจากราชาปีศาจหายไปตัว ปีศาจคนสนิททั้งสามที่เป็นนายพลมีความเห็นว่าควรเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นระบบสภาชั่วคราวเพื่อควบคุมและดูแลปีศาจทั้งหลายในทวีป และรอวันที่ราชาปีศาจจะกลับมา แต่จนผ่านไปห้าร้อยปีราชาปีศาจก็ยังคงหายสาบสูญ แต่ทั้งสามรู้ดีว่าราชาของตนยังไม่ตาย เนื่องจากราชาปีศาจนั้นเป็นปีศาจเผ่ายักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลที่สามารถฆ่ามนุษย์นับพันได้ด้วยการสะบัดมือเพียงแค่ครั้งเดียวและเวทมนต์ที่สามารถทำลายโลกได้หากตนต้องการ แต่เผ่ายักษ์นั้นมีจำนวนน้อยนิด เพราะธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตยิ่งแข็งแกร่งเพียงใดความสามารถในการสืบพันธุ์ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ในชั่วชีวิตของปีศาจเผ่ายักษ์สามารถมีลูกได้แค่ครั้งเดียว หากแต่ชั่วชีวิตในทีนี้นั้นหมายถึงการมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีอายุขัยหากไม่ถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย หรือเพียงแค่ลืมตาดูโลกก็ต้องหมดลมหายใจ เพราะปีศาจเผ่ายักษ์คงอยู่ได้ด้วยความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญา หากมีสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญาใดมีความเชื่อว่าในโลกนี้มีปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นอยู่ ปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นๆก็ยังสามารถคงอยู่ได้เรื่อยไป แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญาลืมซึ่งตัวตนของปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นไปแล้วสิ้น ปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นก็จะสูญสลายหายไปโดยไม่มีวันกลับมาอีก และในตอนนี้ปีศาจเผ่ายักษ์เพียงตนเดียวที่เหลืออยู่ก็อยู่ราชาปีศาจ แต่ในเมื่อพวกตนยังคงจำราชาผู้ปกครองราษฎรด้วยความเมตรตาและโหดเหี้ยมกับพวกชอบความรุนแรงและสงครามได้ดีไม่มีลืม เพราะฉนั้นราชาปีศาจต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ
เวลาผ่านไปหนึ่งพันหกร้อยปีนับจากวันที่ราชาปีศาจหายตัวไป มนุษย์เริ่มก่อสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองอีกครั้ง หากแต่สงครามยังไม่ทันเริ่มเจ้าหญิงบุตรสาวของกษัตริย์ประเทศทางเหนือของทวีปเนียร์ที่เป็นที่เป็นฝ่ายยกทัพบุกประเทศใกล้เคียงกับหายตัวไปพร้อมกับปรากฏข้อความไว้ในห้องนอนว่า 'ข้ากลับมาแล้ว' เมื่อกษัตริย์องค์นั้นหวนนึกถึงศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศยิ่งใหญ่ทางภาคกลางและเรื่องเล่าขานที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินก็ต้องรู้สึกหนาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แม้ตนจะเคยคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล่าแต่หลักฐานที่เป็นหลุมแอ่งกระทะนั้นยังคงมีอยู่ แต่วันต่อมากลับปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือ สิ่งมีชีวิตรูปร่างลักษณ์คล้ายมนุษย์หากแต่มีเขาสีขาวหนึ่งคู่บนศีษะนั้นและปีกที่คล้ายปีกค้างคาวสีเงินนั้นกำลังบินอยู่เหนือปราสาท กษัตริย์องค์นั้นตื่นตกใจและนึกถึงเรื่องเล่าและลักษณะของราชาปีศาจที่เล่าขานกันมา
'จะ เจ้าเป็นใคร' กษัตริย์ถามออกไปด้วยความกลัวลึกๆในใจ
'แล้วเจ้าคิดว่าช้าคือใคร'
'ระ หรือว่า เจ้า คือ ราชาปีศาจ' กษัตริย์ถามออกไปออกด้วยน้ำเสียงสั่นครือ
'มนุษย์เอ๋ย ข้าเคยเตือนพวกเจ้าแล้ว' สิ่งมีชีวิตที่ลอยอยู่เหนือปราสาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเวทนา ก่อนจะยกมือขวาชูขึ้นแล้วปล่อยแสงประหลาดออกไป แสงประหลาดนั่นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตรจากนั้นมันก็ระเบิดขึ้น บึ้ม!! แรงระเบิดนั้นทำให้เมฆสลายหายไปและมีลมพัดรุนแรงจนเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
'และนี่คือการเตือนเพียงเล็กน้อย อย่าทำให้ข้าต้องสังหารพวกเจ้าอีกเลย'
'ข ข้าไม่คิดก่อสงครามอีกแล้ว ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ' กษัตริย์เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากแสงนั้นตกลงมาบนดินแล้วระเบิดมันจะเกิดอะไรขึ้น
'ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนั้นได้ อ้อ เรื่องลูกสาวของเจ้าหากต้องการได้คืน ก็ลองประกาศหามนุษย์ที่กล้าพอจะต่อสู้กับข้าดูสิ แล้วให้มันเดินทางมารับเจ้าหญิงที่นี่ ผู้กล้าที่ถูกใจข้าจะสามารถทำให้ข้าหลับลงได้ หากแต่วันใดมนุษย์คิดจะก่อสงคราม จงจำเอาไว้ เช้าวันรุ่งขึ้น ช้าจะกลับมา' สิ่งมีชีวิตที่อ้างว่าตนเป็นราชาปีศาจ ทิ้งกระดาษใบหนึ่งลงมาแล้วก็ค่อยๆเลือนหายไป
กษัตริย์ล้มเลิกความคิดที่จะทำสงครามแล้วประกาศคนที่กล้าพอจะต่อกรกับราชาปีศาจเพื่อไปนำเจ้าหญิงกลับมา และติดประกาศที่มีแผนที่วาดเอาไว้ไปทั่วทั้งทวีป โดยให้รางวัลเป็นการได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและทรัพย์สมบัติจำนวนมาก มีคนจำนวนไม่ใช่น้อยที่คิดว่าเรื่องเล่าราชาปีศาจนั้นคือเรื่องหลอกเด็กแต่ก็อยากได้ในสมบัติจึงออกเดินทางเข้าดินแดนปีศาจเพื่อนำเจ้าหญิงกลับมา หรือบางคนที่อยากช่วยเหลือเจ้าหญิงด้วยใจจริง
//ง่วงละ ปวดตาด้วย ยังไม่ได้เกลาภาษา สำนวน ประโยค และตรวจหาคำผิด ขอตัวไปนอนก่อนครับ ไว้ผมจะมาอ่านอีกที ราตรีสวัสดิ์ครับ Orz
"ไม่ใช่สิ เซฟี่ จิลวาเนีย เจ้าจงเป็นราชาปีศาจแล้วไปให้ผู้กล้าฆ่าซะ" ประโยคแรกที่ปีศาจชราผมขาวพูดก็ทำให้เซฟี่นิ่งค้างไปด้วยความตกใจ แต่ประโยคต่อมากลับทำให้เซฟี่ตกใจตาเบิกกว้างยิ่งกว่า
"..."
"..."
"ดะ เดี๋ยวนะครับ มะ หมายความว่ายังไงกัน ที่ว่าจะให้ผมไปเป็น เอ่อ...ราชาปีศาจ? แล้วโดนผู้กล้าฆ่าทิ้งนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ ผู้กล้านี่หมายถึงมนุษย์รึเปล่าครับ แล้วทำไมผมต้องไปโดนมนุษย์ฆ่าด้วยละครับ" หลังจากที่เซฟี่ตั้งสติแล้วประมวลสิ่งที่ปีศาจชราผมขาวพูดออกมา ก็รีบถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ
"อา นั่นสินะ สงสัยข้าจะรวบรัดเกินไปหน่อย คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้..." ปีศาจชราผมขาวนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้อธิบายอะไรให้อีกฝ่ายฟัง จึงคิดจะบอกถึงเหตุผลที่สภาปีศาจต้องการให้เซฟี่เป็นราชาปีศาจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีกฝ่ายก็พูดขึ้นมาซะก่อน
"อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ"
"เดี๋ยวสิเห้ย! ข้ายังไม่ทันอธิบายอะไรเลย เจ้าเข้าใจเรื่องอะไรกัน"
"..."
"..."
"งั้นเชิญท่านผู้อาวุโสอธิบายมาเลยครับ"
"แล้วเมื่อกี้แกจะบอกว่าเข้าใจแล้วทำไมหา! ช่างเถอะ คือว่าเหตุผลที่ทางสภาต้องการให้เจ้าไปเป็นราชาปีศาจแล้วโดนผู้กล้าฆ่าทิ้ง ก็เพราะนี่เป็นธรรมเนียมของสภาปีศาจ ข้าจะให้เจ้าดูสิ่งนี้" ปีศาจชราผมขาวพูดจบ ก็ยกมือขวาขึ้นใช้นิ้วชี้จ่อขมับตัวเองพร้อมมขยับปากพึมพำบางอย่าง วินาทีต่อมาก็มีกลุ่มควันสีขาวขุ่นค่อยๆออกมาจากขมับ ลอยอยู่บนปลายนิ้ว ปีศาจชราผมขาวชี้นิ้วที่มีกลุ่มควันนั้นมายังเซฟี่ จากนั้นควันสีขาวขุ่นก็ค่อยๆลอยตรงมายังหัวของเซฟี่
"ไม่ต้องกลัว ไม่มีอันตรายอะไร นั้นคือความทรงจำเรื่องเล่าของข้า" ปีศาจชราผมขาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเซฟี่ตื่นตัวคล้ายจะขยับหนี
"อึก!" เซฟี่รู้สึกแปลกๆตอนที่ควันสีขาวขุ่นนั้นลอยเข้ามาในหัวของเขา จากนั้นก็รู้สึกปวดศีษระก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไป
เซฟี่ลืมตาขึ้นเขามองไปรอบๆด้วยความตกใจ รอบตัวเขาไม่มีสิ่งใดนอกจากสีขาวขุ่นไร้ที่สิ้นสุด เขาพยายามนึกว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อๆกี้เขายังนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสอยู่เลย แต่อยู่ๆเบื้องหน้าเขาก็ปรากฏภาพวัตถุกลมๆสีฟ้าลอยอยู่กลางความมืดมิด ภาพวัตถุกลมๆสีฟ้านั้นค่อยๆขยายขั้นจนกลายเป็นพื้นแผ่นดินและน้ำ พร้อมกับมีเสียงของปีศาจชราผมขาวดังขึ้นในหัวของเขา
เมื่อสามพันปีก่อน โลกในตอนนั้นมีสามทวีป เนียร์ ไรฟ์ และฟาร์ ทวีปเนียร์เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ทวีปไรฟ์เป็นที่อยู่ของพวกเอลฟ์ คนแคระ ภูติ และอมนุษย์ทั้งหลาย ส่วนทวีปฟาร์ที่ดินแดนของปีศาจ ทุกฝ่ายต่างอยู่กันด้วยความสงบไม่มีการรุกรานทวีปของอีกฝ่าย จนเมื่อมนุษย์ที่ทำสงครามแย่งชิงดินแดนกันเองจนเกิดความวุ่นวายไปทั่วเริ่มรุกรานทวีปอื่น เริ่มต้นที่ทวีปไรฟ์กษัตรย์แต่ละประเทศของมนุษย์สงบศึกสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองด้วยความคิดว่าจะมัวมาแย่งชิงพื้นที่เพียงแค่ในทวีปอยู่ทำไม สู้ร่วมมือกันแล้วแย่งชิงเอาทุกทวีปมาเป็นของพวกตนจากนั้นค่อยแบ่งพื้นที่กันอีกครั้ง เมื่อลงความเห็นชอบว่าแบบนี้แหละดี จากนั้นก็ยกทัพไปบุกทวีปไรฟ์ แม้เอลฟ์ คนแคระ ภูติ และพวกบีส จะมีร่างกายแข็งแกร่งและพลังเวทมนต์มากกว่ามนุษย์ แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ภายในเวลาเพียงสองปีเนื่องจากมนุษย์นั้นมีจำนวนมากกว่าหลายเท่านัก เมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องกลายเป็นทาสส่วนพวกที่รอดไปได้ก็หนีไปยังทวีปฟาร์ของปีศาจ หลังจากยึดทวีปไรฟ์ได้มนุษย์ที่โลภมากก็คิดที่จะบุกยึดทวีปฟาร์ต่อไปเพื่อให้เผ่าพันธุ์ตนเป็นที่ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุด ปีศาจที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เพราะมีราชาปีศาจที่คอยดูแลทุกข์สุขของปีศาจทุกเผ่าพันธุ์อย่างดีและคอยปราบปรามปีศาจบางเผ่าที่ชอบความรุนแรง ภาพราชาปีศาจที่ประทับบนบัลลังก์นั้นมีร่างกายกำยำส่วนสูงประมาณสามเมตร หน้าตาคมเข้ม นัยน์ตาสีแดงสดเหมือนกับเลือด ผมยาวสีเงินทอประกายเมื่อต้องแสงจันทร์ บนศีษระนั้นมีเขาสีขาวเปร่งประกายราวกับเพชรยาวประมาณสิบเซนและะปีกลักษณะคล้ายปีกค้างคาวสีเงินหนึ่งคู่บนแผ่นหลัง ราชาปีศาจขยับกายลุกขึ้นจากบัลลังก์เมื่อได้ทราบข่าวว่าราษฎรปีศาจที่อยู่ใกล้ดินแดนมนุษย์ถูกมนุษย์บุกเข้าเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายและเผ่าทำลายบ้านเรือน จึงออกคำสั่งเคลื่อนทัพไปป้องกันและสั่งอพยบปีศาจทุกตนที่อาศัยในบริเวณริมชายแดน พร้อมกับส่งทหารสิบนายไปสอบถามกับผู้นำทัพของมนุษย์ที่บุกมาว่าเหตุใด จึงต้องยกทัพมาเข่นฆ่าปีศาจด้วยทั้งๆที่พวกเราปีศาจไม่เคยแม้แต่จะข้ามไปยังดินแดนของมนุษย์ หากแต่ผู้นำทัพมนุษย์กลับสังหารทหารพวกนั้นปล่อยให้เหลือรอดกลับมาเพียงตนเดียวเพื่อนำข้อความกลับมาบอกราชาปีศาจว่า หากไม่อยากให้ปีศาจอ่อนแอตัวไหนต้องตายอีก จงยอมสยบและกลายเป็นทาสของมนุษย์ซะ
ราชาปีศาจเมื่อได้ฟังเช่นนั้น จึงรับรู้ได้ว่ามนุษย์นั้นดูถูกปีศาจมากเช่นใด หรืออาจจะคิดว่าปีศาจที่อยู่อย่างสงบนั้นคงอ่อนแอเป็นแน่ไม่เช่นนั้นหากแข็งแกร่งคงบุกเข้ายึดดินแดนมนุษย์ไปนานแล้ว ราชาปีศาจรู้สึกโมโหและเวทนาพวกมนุษย์นักที่หารู้ไม้ว่าปีศาจแท้จริงแล้วแข็งแกร่งขนาดไหน จึงร่ายเวทมนต์สร้างอุกาบาตขนาดใหญ่ลงไปยังใจกลางกองทัพของมนุษย์ แล้วจึงสั่งปีศาจตนสนิททั้งสามที่เป็นนายพลว่าให้คอยตั้งทัพอยู่ที่ชายแดนนี้ หากมีมนุษย์เข้ามาในดินแดนปีศาจจงฆ่าซะอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว แล้วราชาปีศาจก็หายตัวไป หลังจากนั้นเพียงหกวันมนุษย์ทั้งหมดในทวีปได้รับรู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของปีศาจ เมืองทุกเมืองที่เป็นที่ตั้งปราสาทของกษัตริย์แต่ละประเทศและประชากรมนุษย์นับสามสิบล้านหายสาบสูญไปโดยไร้ร่อยรอย พื้้นที่ๆเคยเป็นที่ตั้งของเมืองนั้นๆกลายเป็นหลุมลึกประมาณห้าสิบเมตรโค้งเว้าเป็นแอ่งกระทะและกว้างประมาณห้ากิโลเมตร หลังจากวันที่เมืองหลวงทั้งหมดหายสาบสูบ ราชาปีศาจก็หายไปไม่ปรากฏกตัวในที่ใดอีก มนุษย์ได้สำเหนียกถึงความอ่อนแอของตนเองและรับรู้ว่าปีศาจน่ากลัวเพียงใดและเรียกขานเหตุการณ์นั้นว่า 'หกวันแห่งการล่มสลาย' มนุษย์ที่เหลือรอดรวมตัวกันสร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ ผ่านไปได้หนึ่งปีอยู่ๆก็มีหินศิลาขนาดใหญ่ประมาณสิบเมตรร่วงลงมาจากฟ้าตกลงยังใจกลางเมือง บนหินศิลานั้นมีข้อความจารึกไว้ ข้อความที่ทำให้ชาวบ้านทุกคนในเมืองนั้นรู้สึกหวาดผวาถึงเหตุการณ์นั้นความกลัวที่ฝังลึกลงไปในจิตใจจึงสั่งสอนลูกหลานว่าอย่าได้ก่อสงครามอีกเลย
หากวันใด
มนุษย์ไม่พอใจในสิ่งที่ตนมี
ก่อสงครามแย่งชิงขึ้นอีกครา
ในรุ่งเช้าของวันถัดไป
ข้าจะกลับมา
หนึ่งเดือนหลังจากราชาปีศาจหายไปตัว ปีศาจคนสนิททั้งสามที่เป็นนายพลมีความเห็นว่าควรเปลี่ยนระบบการปกครองเป็นระบบสภาชั่วคราวเพื่อควบคุมและดูแลปีศาจทั้งหลายในทวีป และรอวันที่ราชาปีศาจจะกลับมา แต่จนผ่านไปห้าร้อยปีราชาปีศาจก็ยังคงหายสาบสูญ แต่ทั้งสามรู้ดีว่าราชาของตนยังไม่ตาย เนื่องจากราชาปีศาจนั้นเป็นปีศาจเผ่ายักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาลที่สามารถฆ่ามนุษย์นับพันได้ด้วยการสะบัดมือเพียงแค่ครั้งเดียวและเวทมนต์ที่สามารถทำลายโลกได้หากตนต้องการ แต่เผ่ายักษ์นั้นมีจำนวนน้อยนิด เพราะธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตยิ่งแข็งแกร่งเพียงใดความสามารถในการสืบพันธุ์ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ในชั่วชีวิตของปีศาจเผ่ายักษ์สามารถมีลูกได้แค่ครั้งเดียว หากแต่ชั่วชีวิตในทีนี้นั้นหมายถึงการมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีอายุขัยหากไม่ถูกฆ่าหรือฆ่าตัวตาย หรือเพียงแค่ลืมตาดูโลกก็ต้องหมดลมหายใจ เพราะปีศาจเผ่ายักษ์คงอยู่ได้ด้วยความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญา หากมีสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญาใดมีความเชื่อว่าในโลกนี้มีปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นอยู่ ปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นๆก็ยังสามารถคงอยู่ได้เรื่อยไป แต่ถ้าสิ่งมีชีวิตเรืองปัญญาลืมซึ่งตัวตนของปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นไปแล้วสิ้น ปีศาจเผ่ายักษ์ตนนั้นก็จะสูญสลายหายไปโดยไม่มีวันกลับมาอีก และในตอนนี้ปีศาจเผ่ายักษ์เพียงตนเดียวที่เหลืออยู่ก็อยู่ราชาปีศาจ แต่ในเมื่อพวกตนยังคงจำราชาผู้ปกครองราษฎรด้วยความเมตรตาและโหดเหี้ยมกับพวกชอบความรุนแรงและสงครามได้ดีไม่มีลืม เพราะฉนั้นราชาปีศาจต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ
เวลาผ่านไปหนึ่งพันหกร้อยปีนับจากวันที่ราชาปีศาจหายตัวไป มนุษย์เริ่มก่อสงครามระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองอีกครั้ง หากแต่สงครามยังไม่ทันเริ่มเจ้าหญิงบุตรสาวของกษัตริย์ประเทศทางเหนือของทวีปเนียร์ที่เป็นที่เป็นฝ่ายยกทัพบุกประเทศใกล้เคียงกับหายตัวไปพร้อมกับปรากฏข้อความไว้ในห้องนอนว่า 'ข้ากลับมาแล้ว' เมื่อกษัตริย์องค์นั้นหวนนึกถึงศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศยิ่งใหญ่ทางภาคกลางและเรื่องเล่าขานที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินก็ต้องรู้สึกหนาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แม้ตนจะเคยคิดว่าเป็นแค่เรื่องเล่าแต่หลักฐานที่เป็นหลุมแอ่งกระทะนั้นยังคงมีอยู่ แต่วันต่อมากลับปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือ สิ่งมีชีวิตรูปร่างลักษณ์คล้ายมนุษย์หากแต่มีเขาสีขาวหนึ่งคู่บนศีษะนั้นและปีกที่คล้ายปีกค้างคาวสีเงินนั้นกำลังบินอยู่เหนือปราสาท กษัตริย์องค์นั้นตื่นตกใจและนึกถึงเรื่องเล่าและลักษณะของราชาปีศาจที่เล่าขานกันมา
'จะ เจ้าเป็นใคร' กษัตริย์ถามออกไปด้วยความกลัวลึกๆในใจ
'แล้วเจ้าคิดว่าช้าคือใคร'
'ระ หรือว่า เจ้า คือ ราชาปีศาจ' กษัตริย์ถามออกไปออกด้วยน้ำเสียงสั่นครือ
'มนุษย์เอ๋ย ข้าเคยเตือนพวกเจ้าแล้ว' สิ่งมีชีวิตที่ลอยอยู่เหนือปราสาทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเวทนา ก่อนจะยกมือขวาชูขึ้นแล้วปล่อยแสงประหลาดออกไป แสงประหลาดนั่นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตรจากนั้นมันก็ระเบิดขึ้น บึ้ม!! แรงระเบิดนั้นทำให้เมฆสลายหายไปและมีลมพัดรุนแรงจนเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย
'และนี่คือการเตือนเพียงเล็กน้อย อย่าทำให้ข้าต้องสังหารพวกเจ้าอีกเลย'
'ข ข้าไม่คิดก่อสงครามอีกแล้ว ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ' กษัตริย์เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากแสงนั้นตกลงมาบนดินแล้วระเบิดมันจะเกิดอะไรขึ้น
'ดีแล้วที่เจ้าคิดเช่นนั้นได้ อ้อ เรื่องลูกสาวของเจ้าหากต้องการได้คืน ก็ลองประกาศหามนุษย์ที่กล้าพอจะต่อสู้กับข้าดูสิ แล้วให้มันเดินทางมารับเจ้าหญิงที่นี่ ผู้กล้าที่ถูกใจข้าจะสามารถทำให้ข้าหลับลงได้ หากแต่วันใดมนุษย์คิดจะก่อสงคราม จงจำเอาไว้ เช้าวันรุ่งขึ้น ช้าจะกลับมา' สิ่งมีชีวิตที่อ้างว่าตนเป็นราชาปีศาจ ทิ้งกระดาษใบหนึ่งลงมาแล้วก็ค่อยๆเลือนหายไป
กษัตริย์ล้มเลิกความคิดที่จะทำสงครามแล้วประกาศคนที่กล้าพอจะต่อกรกับราชาปีศาจเพื่อไปนำเจ้าหญิงกลับมา และติดประกาศที่มีแผนที่วาดเอาไว้ไปทั่วทั้งทวีป โดยให้รางวัลเป็นการได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและทรัพย์สมบัติจำนวนมาก มีคนจำนวนไม่ใช่น้อยที่คิดว่าเรื่องเล่าราชาปีศาจนั้นคือเรื่องหลอกเด็กแต่ก็อยากได้ในสมบัติจึงออกเดินทางเข้าดินแดนปีศาจเพื่อนำเจ้าหญิงกลับมา หรือบางคนที่อยากช่วยเหลือเจ้าหญิงด้วยใจจริง
//ง่วงละ ปวดตาด้วย ยังไม่ได้เกลาภาษา สำนวน ประโยค และตรวจหาคำผิด ขอตัวไปนอนก่อนครับ ไว้ผมจะมาอ่านอีกที ราตรีสวัสดิ์ครับ Orz
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น