ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER + YG] The midnight knight [YOONWOO]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 เทพี ... ไม่ใช่สิ ! เทพจินอู

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 58



     


           ปราสาทหลังใหญ่โตมโหฬารตั้งตระหง่านสูงเทียมฟ้าที่อยู่กลางดินแดนแห่งเทพประกายขึ้นราวกับไข่มุกเมื่อยามต้องแสงสุริยัน หลังคาปราสาททรงโดมสีทองสวยสง่าตัดกับสีของท้องฟ้าใส พื้นถนนที่ลาดด้วยอิฐเนื้อดีไร้รอยแตกร้าวราวกับเพิ่งตัดใหม่แม้จะสร้างมานานแล้ว ต้นไม้ดอกไม้ชูช่อดอกใบสวยงามรอบปราสาททำให้ทัศนียภาพที่สวยงามอยู่แล้วยิ่งงามตาขึ้นไปอีก ทุกสิ่งทุกอย่างที่สายตาของซึงยูนจับจ้องได้ในเวลานี้ราวกับเทพนิยายที่คุณแม่ของเขาเคยอ่านให้ฟังในตอนเด็กๆ

     

                แม่ครับ ... วันนี้ผมเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนิทานแล้วนะครับ

     

                “ที่นี่คือปราสาทของข้าและพี่ชายของข้าเอง เจ้าไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” แทฮยอนที่เดินอยู่ข้างๆ โพล่งขึ้น ก่อนจะหลุดขัน “เจ้าเกร็งมากเลยรู้ไหม ? เจ้าอัศวินเที่ยงคืน เพราะท่าเดินเจ้าเวลานี้ช่างน่าขันนัก”

     

                แม้แทฮยอนจะเป็นถึงเทพแต่ก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป ไร้ซึ่งรังสีแห่งเทพที่เขาเข้าใจในตอนเด็กที่ต้องมีออร่า มีความสง่างาม หรือมีแม้กระทั่งปีกที่เอาไว้ใช่โผผินบินไปมา แต่สำหรับที่นี่ ... เทพก็มีรูปร่างหน้าตาและท่าทางการแสดงออกราวกับมนุษย์เดินดินธรรมดาทั่วไป

     

                แต่มีสิ่งหนึ่งที่ซึงยูนเห็นว่าไม่เหมือนกับมนุษย์คือ ความสามารถและสิ่งวิเศษที่อาจจะยังคงหลับใหลอยู่ในตัวของเทพแต่ละองค์

     

                ซึงยูนปฏิเสธไม่ได้ว่าเกร็งอยู่ไม่น้อยทันทีที่ก้าวขาเดินเข้ามาในตัวของปราสาท แม้จะเพิ่งแยกย้ายจากท่านนักบวชยองเบเมื่อครู่ แต่เด็กหนุ่มกับคิดถึงท่านนักบวชคนเก่งอีกแล้ว ...

     

                อยากไปอยู่โบสถ์ให้สบายๆ ดีกว่าก้าวขาสั่นๆ เข้าปราสาทหลังใหญ่ ...

     

                “แทฮยอน นัมแทฮยอน ... เจ้าอยู่ที่ใดกัน ?”

     

                เสียงตะโกนเรียกหาเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ ซึงยูนในยามนี้ทำให้เด็กน้อยมีอาการตกใจอยู่ไม่น้อย เสียงทุ้มที่สามารถทำให้เด็กน้อยที่คิดว่าจะแกร่งกล้าต้องลุกลี้ลุกลนเป็นลิงเป็นค่างขึ้นมาได้ทันตาที่ได้ยินชื่อตน

     

                “เหวอ ...” คำอุทานที่เด็กน้อยต้องเสียงหลง “เจ้ารีบออกไปที่ด้านหลังปราสาทนะ แล้วขวามือของเจ้าจะปรากฏสวนทางด้านทิศตะวันออก พี่ข้าคงกำลังเลี้ยงกวางอยู่ที่สวนนั้น ... อ้อ ! แล้วถ้าเจ้าสวนทางกับเด็กฟันกระต่ายเสียงทุ้ม แล้วถามถึงข้า ให้เจ้าตอบว่าไม่เห็นข้านะ ท่านอัศวิน ข้าไปล่ะ !

     

                “เออ ... อืม”

     

                เด็กหนุ่มถึงกับเอ๋อตอบตกลงเออออห่อหมกไปกับเทพเด็กที่ตอนนี้วิ่งออกไปทางด้านหน้าของปราสาท ทางเดิมที่ทั้งสองคนเพิ่งเดินเข้ามา ไม่นาน ร่างของเจ้าของเสียงทุ้มตาเป็นขีดเส้นตรงก็มาหยุดอยู่ที่หน้าของซึงยูน

     

                “เจ้าเป็นใครกันเนี้ย ?” เด็กหนุ่มฟันกระต่ายโพล่งถาม “ช่างเถอะ นั้นไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากรู้ ... ว่าแต่ เจ้าเห็นแทฮยอนบ้างไหม ?”

     

                “เออ ... ไม่เห็นนะ”

     

                ซึงยูนตอบด้วยความงุนงงเพราะตั้งแต่ที่เขาเข้ามาอยู่ในดินแดนประหลาดดั่งเทพนิยายแห่งนี้ เขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเลย โดนโมเมว่าเป็นอัศวินบ้างล่ะ โดนใช้ให้พูดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้คิดบ้างล่ะ หรือหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา

     

                “ไปไหนของเขากันนะ ? แทฮยอนอา ...” เด็กฟันกระต่ายสบถบ่นออกมาเขาเบาๆ ก่อนตะโกนเรียกชื่อคนที่ตนต้องการพบเจออีกครั้ง “ขอบใจแล้วกันนะ”

     

                กล่าวขอบคุณลวกๆ ก่อนวิ่งไปทางซ้ายมือของปราสาท

     

                ประสาท ...

     

                คนที่นี่ประหลาดอย่างนี้กันทุกคนหรือเปล่า ?

     

                ซึงยูนส่ายหัวน้อยๆ สลัดไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองทิ้งไปเพราะสถานที่ที่ไม่คุ้นตาแห่งนี้อาจจะมีอะไรลี้ลับที่สามารถหยั่งรู้ความคิดของเขาก็เป็นได้

     

                ตอนนี้ ... เขาควรจะไปพบ ใคร บางคนที่เขาควรพบเจอ

     

                คนที่เขาต้องปกป้อง ... คนที่เขาควรทำหน้าที่เป็นอัศวินบ้าบอนั้นตามคำทำนายที่ไม่อาจเข้าใจหรือรู้ได้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกเด็ก

     

                สองเท้าย่างสามขุมมายังท้ายปราสาท กลิ่นไอดินที่เพิ่งได้รับการรดน้ำหอมลอยแตะจมูกเขา ดอกไม้ทุกดอกที่สวนมีสีสันในตัวของมันเองตัดกับสีของพุ่มไม้เตี้ยสีเขียวชอุ่มและต้นไม้สูงใหญ่ที่ถูกปลูกเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีใบไม้แห้งหรือดอกไม้เฉาเกลื่อนตามพื้นหญ้าหนานุ่มราวพรมกำมะหยี่สีเขียวสดชวนให้ผ่อนคลาย

     

                สายตาของซึงยูนกวาดสายตามองหาบุคคลที่แทฮยอนให้เขามาหาก่อนสะดุดกับฝูงกวางตัวเล็กสะอาดสะอ้านราวกับถูกลี้ยงดูปูเสื่อมาเป็นอย่างดีประมาณห้าถึงหกตัวเห็นจะได้

     

                และท่ามกลางฝูงกวางหน้าตาน่ารักนั้น ปรากฏร่างของบุคคลปริศนาที่นั้นอาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่แทฮยอนให้ไปหาก็ได้

     

                ซึงยูนเดินเข้าไปใกล้ๆ บุคคลที่กำลังลูบหัวกวางด้วยความรักและเอ็นดู แต่เข้าไปใกล้ได้เพียงไม่กี่ก้าวเท้าเดิน คนที่กำลังสนใจลูกกวางอยู่ก็ต้องหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม

     

                “เจ้า ... ?” น้ำเสียงใสที่เชื้อเชิญให้เด็กหนุ่มตกอยู่ในวังวนแห่งความหลงใหล อีกทั้งดวงหน้างามที่รับกับเรือนผมสั้นปรกหน้าผากมนสีน้ำตาลแดง คิ้วสวยได้รู้กับจมูกโด่งรั้น ดวงตากลมโตราวกับดวงตาของลูกกวางที่เจ้าตัวเลี้ยงดูมันเอาไว้ ริมฝีปากบางสีอ่อนตามธรรมชาติเข้ากับผิวพรรณงามราวผิวกายของสตรีที่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีสีน้ำนมนั้นอีก รูปร่างเล็กแต่กลับอรชรราวกับเทพีที่ทำให้ชายตรงหน้ามีลักษณะคล้ายรูปปั้นของหญิงสาวตามเทพนิยายโรมันที่ซึงยูนสามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามพิพิธภัณฑ์ “เจ้าคือผู้ใดกัน ? แล้วเข้ามาในปราสาทแห่งนี้ได้อย่างไร ?”

     

                “เออ ... แทฮยอนพาผมเข้ามา ...”

     

                คำตอบใสซื่อของเด็กหนุ่มที่ยังอยู่ในวังวนเสน่หาของบุคคลผู้ที่สง่างามราวกับสถาปัตยกรรมตรงหน้า แต่นั้นไม่ทำให้ผู้ที่มีรูปงามมีท่าทีโมโหหรือโวยวาย กลับส่งยิ้มให้บางๆ แล้วหันไปลูบหัวเจ้ากวางน้อยที่เข้ามาใกล้อีกครั้ง

     

                “เจ้าเป็นสหายของแทฮยอนหรือ ?”

     

                “ปะ ปะ เปล่า” ซึงยูนตอบเสียงสั่นเครือ “แทฮยอนกับนักบวชที่ชื่อยองเบอะไรนั้นโมเมบอกว่าผมคืออัศวิน ...”

     

                มือบางหยุดลูบหัวของเจ้ากวางน้อย สัตว์ป่าแสนเชื่องเหมือนรู้งานจึงได้พาพรรคพวกวิ่งหายกลับเข้าไปในสวนทึบ บุคคลรูปงามหันมาเริ่มบทสนทานาต่อไปด้วยรอยยิ้ม ...

     

                รอยยิ้มที่ทำให้เด็กหนุ่มตกลงวังวนแห่งเสน่หาอีกครั้ง

     

                ตกลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า ...

     

                “ข้ากำลังรอเจ้าอยู่เลย ในที่สุดวันนี้ วันที่ข้าจะได้พบเจ้าก็มาถึง” รอยยิ้มน่ารักแบบฉบับผู้ดีเผยขึ้นบนใบหน้าใสจนความน่ารักของเจ้าตัวฉายชัด หัวใจของซึงยูนแทบกระตุกและหยุดเต้นไปชั่วขณะ “เจ้าคงเป็นอัศวินแห่งเวลาเที่ยงคืนตามคำทำนายของท่านยางฮยอนซอกเมื่อสามร้อยปีที่แล้ว เจ้าคงมาเพื่อปกป้องข้าและผืนแผ่นดินแห่งเทพ”

     

                “แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องเป็นผม ?”

     

                “ไม่มีใครเข้าใจคำทำนายได้หรอก” ดวงตากลมโตหยีลงเล็กน้อยเมื่อเจ้าตัวยิ้มกว้างขึ้นมา “ขอโทษที่ข้าเสียมารยาทไม่ทันได้แนะนำตัวข้าให้เจอรู้จัก ข้ามีนามว่าจินอู คิมจินอู”

     

                “เออ ... ผมซึงยูนครับ คังซึงยูน”

     

                เด็กหนุ่มตอบน้ำเสียงสั่น ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเบาๆ แก้เก้อ

     

                “เหตุใดเจ้าถึงได้ทำตัวเกร็งเช่นนั้น ?”

     

                “เออ ... เปล่าครับ คือผมแค่ ... ยังไม่ชินและยังงงกับสิ่งที่ตัวเองต้องพบเจออยู่”

     

                “เรื่องเท่านี้เองหรือ ?” บุคคลที่มีรูปงามนานเพราะอย่างจินอูยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งจนซึงยูนนึกสงสัยว่าคนตรงหน้าเขาในเวลานี้เคยโกรธหรือเกลียดใครเป็นบ้างหรือเปล่า หรือไม่ก็เคยโกรธใครได้หรือเปล่า ? “อย่ากังวลไปเลย อัศวินแห่งข้า เพราะโชคชะตากำหนดมาให้เป็นแบบนี้ เจ้าคงยังปรับตัวไม่ทัน แต่ข้าเชื่อว่าในอีกไม่นาน เจ้าจะปรับตัวและเป็นอัศวินที่ดีของข้า ข้าเชื่อในความมุมานะพยายาม มุ่งมั่นทะเยอทะยาน ความเพียรพยายาม และกล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่ออกมาจากดวงตาของเจ้าในเวลานี้นะ อัศวินซึงยูน”

     

    XXXXX

     

    หว่าย !! พระเอกถูกใจอะไรนายเอกหรอคะ ?

    หรือเพราะนายเอกของเราเสน่ห์แรง ? 555555

    ใช่ค่ะ !! จินอูเหมาะที่จะเป็นเทพีมากกว่าเทพเนาะ เธอสวยนี่นา ><

     

     

    ภาษาอาจจะดูโบราณไปบ้าง รีดเดอร์โปรดเข้าใจให้ถึงแก่นแท้ของนิยายแฟนตาซีนะคะ

    แต่งแนวนี้ลำบากเจ๊ตีบไปนิดนึงเพราะมันยากมาก (x ก.ไก่ล้านตัว)

    3 วันเจ๊ตีบคลอดออกมาได้แค่ 1 ตอนเท่านั้น

    ยังไงก็ให้กำลังใจให้เจ๊ตีบแต่งฟิคเรื่องนี้ให้จบด้วยนะคะ จุ๊บ ๆ 

     

    #ฟิคอัศวินเที่ยงคืน


    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×