คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : | 95LINE:SUNGJAEHYUK | " Confession "
Confession - Standing Egg
"Confession"
“ถอยไปหน่อยดิมึงเดินเบียดแทบสิงร่างกูแล้วนะ”
ใครหลายคนชอบที่จะมีเพื่อนเดินอยู่ข้างๆเวลาไปไหนมาไหน
แต่ผมเป็นคนนึงแหละที่ไม่ชอบเดินข้างๆเพื่อนสนิทของตัวเอง ยิ่งเดินเบียดกันในที่ๆคนเยอะๆแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่
“มึงจะให้กูเดินตรงไหนไม่ทราบในเมื่อคนแม่งเยอะจนแทบจะเหยียบกันตายขนาดนี้”เสียงทุ้มๆของคนที่เดินอยู่ข้างๆตอบกลับมาอย่างหัวเสีย เมื่อระหว่างทางที่เดินไปป้ายรถประจำทางคนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆจนแน่นทางเดินไปหมด
“งั้นมึงเดินข้างหลังกูไปเลย แล้วจับเสื้อกูไว้ด้วย เดี๋ยวหลง”ผมว่าแล้วก้าวขายาวๆไปเดินนำหน้าคนตัวเตี้ยกว่าก่อนจะรู้สึกถึงแรงดึงเบาๆตรงปลายเสื้อโค้ดกับเสียงทุ้มที่บ่นงึมงำกับตัวเอง
“หลงห่าไรกูไม่ใช่เด็กซักหน่อย”
เหตุผลที่ผมไม่ชอบเดินข้างๆเพื่อนสนิทตัวเองน่ะเหรอ
มันเป็นเพราะทุกครั้งที่มือของเราเผลอมาแตะโดนผมก็อยากจะจับมือมันไว้ แต่ก็ทำไม่ได้
หลังจากเดินฝ่าฝูงชนออกมาขึ้นรถได้อย่างอยู่รอดปลอดภัยดูเหมือนว่าคนที่นั่งข้างๆผมจะหมดพลังงานไปเยอะทั้งจากที่เรียนแล้วมาเจอคนแน่นๆแบบนี้อีกทำให้หลังจากขึ้นมานั่งบนรถได้ไม่นานมันก็หลับไป
อาจจะเพราะตอนนี้ดึกมากแถมเกือบจะเป็นรถเที่ยวสุดท้ายแล้ว ผู้โดยสายบนรถเลยค่อนข้างน้อยแล้วยังทยอยลงไปทีละคนอีกจนตอนนี้บนรถเลยเหลือแค่ผมกับมันที่นั่งสัปหงกอยู่ข้างๆแค่สองคนถ้าไม่รวมลุงคนขับนะ
เพราะแรงสะเทือนจากรถที่เคลื่อนตัวทำให้หัวทุยๆซบลงมาบนไหล่ของผม เปลือกตาบางบางยังคงปิดสนิท เหมือนไม่รู้สึกถึงแรงสะเทือนอะไรทั้งสิ้น
ผมไล่มือไปเกลี่ยผมหน้าม้าสีน้ำตาลแดงที่เริ่มจะยาวลงมาปิดตาให้ขยับออกไปข้างๆเพื่อจะได้สำรวจใบหน้าของคนที่หลับอยู่ได้ชัดยิ่งขึ้น จมูกโด่งที่ติดจะรั้งนิดๆยังคงหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ริมฝีปากสีชมพูคลียิ้มบางๆเหมือนทุกครั้งเวลาหลับอย่างกับว่าได้ฝันถึงเรื่องดีๆทำให้ผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
แบบนี้ไงผมถึงไม่ชอบนั่งข้างๆมัน เพราะเวลาที่หัวเล็กๆนั้นซบลงมาบนไหลมันทำให้ใจผมเต้นแรงไม่หยุด
ผมกลายเป็นพวกซ่อนความรู้สึกไม่เก่งทุกครั้งเวลาอยู่ใกล้มัน ถึงแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมานานแต่อาการใจเต้นแรงทุกครั้งเวลามันยิ้มหรือหัวเราะ หรือทำอะไรก็แล้วแต่ไม่เคยหายไปซักที
ฮัน ซังฮยอกมีอิทธิพลต่อหัวใจผมมากเกินไป
"ฮยอก"
"..."
"ซังฮยอก"
"หื้อ~"
"ตื่นได้แล้วมึง จะถึงป้ายบ้านมึงแล้ว"
"ตื่นแล้ว~"
มันเด้งหัวออกจากไหล่ผมแล้วกลับไปนั่งหลังตรงเหมือนปกติแต่ตามันยังปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ผมเลยยีหัวมันไปเบาๆทีนึงแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นป้ายรถอยู่ข้างหน้า ก่อนจะส่งมือไปฉุดให้คนที่นั่งหน้ามึนลุกขึ้นเดินตามมา
"มึง"
ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองคนที่เดินก้มหน้าจับชายเสื้อตามหลังมาแบบมึนๆเมื่อระหว่างทางเดินกลับบ้านวันนี้บรรยากาศดูจะเงียบผิดปกติ
"หื้อ?"มันช้อนตาปรือนั้นขึ้นมองผมแบบมึนๆ
“วันนี้เงียบๆนะมึง เป็นไรวะ”
“กูง่วง มึงเดินเร็วๆดิกูอยากกลับไปอาบน้ำนอนจะแย่แล้ว”มันบ่นด้วยเสียงงึมงัมก่อนจะกระตุกชายเสื้อของผมที่จับอยู่แรงๆเหมือนให้ผมเลิกพูดแล้วเดินต่อไปซักที
“หน้าสงสารจริงๆ55555555555555”ผมส่งมือไปยีกลุ่มผมนุ่มๆจนฟูไปหมดก่อนจะเปลี่ยนไปดึงมือมันให้ปล่อยออกจากชายเสื้อแล้วมาจับมือกันเอาไว้แทน
ระหว่างทางเดินกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่สัมผัสอุ่นๆที่ฝ่ามือทำให้ผมได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวแล้วอยากให้ระยะทางจากตรงนี้จนถึงบ้านให้มันไกลกว่านี้อีกซักนิด ผมจะได้จับมือมันอยู่แบบนี้นานๆ
“ขอบคุณที่มาส่ง”เสียงงัวเงียพูดขึ้นในตอนที่เราทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้ารั้วบ้าน มือเล็กคุ้ยหากุญแจในกระเป๋าเป้ทั้งที่ตาปิดแทบจะสนิท จนผมทนไม่ไหวเลยต้องดึงเป้มันมาหาให้เอง
"คืนนี้กูค้างบ้านมึงนะ"ผมพูดทำลายความเงียบในขณะที่กำลังไขกุญแจแล้วเปิดรั้วให้อ้าออก แล้วดึงแขนคนที่ทำท่าว่าจะหลับกลางอากาศให้เดินเข้าไปข้างใน
"บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง"
"พ่อกับแม่ไปเที่ยวกัน กูไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว"
"กลัวผีก็พูดมาไม่ใช้อ้างว่าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว"
“มึงหน้ากลัวกว่าผีอีก”
ต่อให้มันจะง่วงแค่ไหนแต่เสียงัวเงียนั้นยังคงต่อปากต่อคำกับผมได้อย่างดีถึงแม้ว่าตัวเองพร้อมจะหลับกลางอากาศได้ทุกเมื่อก็ตาม-*-
"นี่มึง"ผมเรียกคนตัวเล็กที่ตอนนี้นอนซุกหมอนอยู่ข้างๆหลังจากถูกผมฉุดกระชากลากถูให้ไปอาบน้ำหลังจากเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วมันแทบจะทิ้งตัวลงจมเตียง
"วันนี้มึงเรียกกูบ่อยไปแล้วนะยุกซองแจ"มันตอบกลับมาเสียงอู้อี้ทั้งที่ยังเอาหน้าซุกหมอนอยู่ เอาจริงๆบางทีผมก็จำไม่ได้นะว่าวันๆนึงผมเรียกมันบ่อยแค่ไหนจนบางครั้งอดจะคิดไม่ได้ว่ามันคงรำคาญผมอยู่แน่ๆ
"กูมีอะไรจะถาม"ผมพูดพลางตะแคงตัวหันหน้าไปทางที่มันนอน ถึงภายในห้องตอนนี้เกือบจะมืดสนิทแต่แสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาก็พอที่จะทำให้เห็นคนที่นอนอยู่ข้างๆได้ ถึงจะไม่ค่อยชัดแต่ก็พอทำให้เห็นว่ามันก็หันหน้ามาทางผมเหมือนกัน มันไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้าเบาๆทั้งที่ยังไม่ลืมตาเป็นการบอกให้ผมพูดต่อ
"..."
"ถ้ามึงแอบชอบใครอยู่ แต่ไม่กล้าบอกมึงจะทำไงวะ"เปลือกตาบางลืมขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อผมพูดจบ มันดูตกใจอยู่ไม่น้อยก่อนจะปรับสีหน้าตัวเองให้เป็นปกติแล้วปิดเปลือกตาลงพร้อมพูดออกมาเบาๆ
"มึงไปชอบสาวที่ไหนเข้าวะ"
"กูแค่ถามดูเฉยๆ มึงตอบเหอะ"
"อื...ม กูก็คงรวบรวมความกล้าที่มีแล้วเข้าไปบอกเขามั้ง"หลังจากที่เปลือกตาบางปิดลงไป ผมก็ได้แต่นอนมองปากเล็กๆที่กำลังขยับพูดออกมาเรื่อยๆอย่างเพลินตา
"พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน"
“อะไร”ตาใสๆลืมขึ้นอีกครั้งหลังจากผมผมออกไป มันดูจะงงๆกับการเป็นเรื่องกะทันหันของผมจนคิ้วเล็กๆนั้นขมวดเข้าหากัน
"ไปเที่ยวกัน"ผมพูดต่อแล้วเอานิ้วชี้จิ้มระหว่างคิ้วมันสองสามทีให้คลายออก
"ที่ไหน"
“ไหนบอกง่วง นอนได้แล้ว ฝันดี”ผมพูดตัดบทมันอีกครั้งก่อนจะส่งมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มนั้นเบาๆเป็นการกล่อมให้มันหลับแต่ตาใสๆนั้นยังคงมองมาที่ผมอย่างเอาคำตอบผมเลยได้แต่ยิ้มบางๆให้ทั้งที่มือยังคงลูบอยู่บนกลุ่มผมนิ่มจนในที่สุดมันก็ยอมหลับตาลง
"ฮยอก กูกลับแล้วนะ"ผมเรียกคนที่ยังคงหลับอยู่บนเตียงพลางเขย่าแขนมันเบาๆให้รู้สึกตัว คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิทำหน้ามึนๆใส่แล้วครางรับอยู่ในคอ
"หื้อ"
"กูกลับบ้านแล้วนะ"ตาเล็กๆช้อนขึ้นมองผมอย่างงง ผมเผ้าที่ชี้ไม่เป็นทรงทำให้คนตัวบางบนเตียงยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่
"กี่โมงแล้ว"น้ำเสียงงัวเงียถามออกมาเบาๆแล้วหันมองรับๆตัวผมเลยส่งมือไปจับผมที่ชี้ไปคนละทิศละทางให้เข้าที่ให้ดี
"โมงกว่าๆ มึงนอนเหอะกูแค่จะบอกว่ากลับแล้ว"
"แล้วไหนชวนกูไปเที่ยวไง ไม่ไปพร้อมกันเหรอ"
"กูกลับไปดูบ้านก่อน เดียวเที่ยงๆมารับ"ผมพูดแล้วดันตัวมันให้นอนลงไปแล้วเอาผ้าขึ้นมาห่มให้จนถึงคอลูกหัวมันเบาๆอีกครั้งก่อนจะผละตัวออกมายืนอยู่ข้างเตียง
"อื้อ"คนตัวเล็กพยักหน้ารับเบาๆ เปลือกตาบางค่อยๆปรือลงอีกครั้งจากแรงดูดของหมอน ผมยืนนิ่งมองหน้าคนหลับอยู่ซักพักถึงได้เดินออกมา
ยุน ซองแจคนนี้กำลังไม่มั่นใจ
แต่งตัวแบบนี้ดีรึยัง ใส่เสื้อยืดแบบนี้ดีหรือใสสเวตเตอร์ดี
ทำผมตั้งหรือปล่อยหน้าม้าลงมาแบบไหนจะหล่อกว่ากัน
ผมกำลังไม่มั่นใจในตัวของตัวเอง
ถ้าถามว่าเป็นเพราะใครเหรอ ก็หน้าจะรู้ๆคำตอบกันอยู่
ผมใช้เวลาอยู่ซักพักใหญ่ๆในการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่เพียงเพราะว่าวันนี้ผมชวนเพื่อนออกไปเที่ยว อาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะปกติเราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่ว่าครั้งนี้ผมจะทำให้มันพิเศษกว่านั้น
เหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็พบว่าตอนนี้มันเพิ่งจะสองโมงกว่าๆ ทำไมเวลามันเดินช้าจะวะทั้งที่ปกติเวลารีบไปเรียนนี่กระพริบตาทีก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว
ผมทิ้งตัวลงนอนกลิ้งอยู่บนเตียง พลิกซ้ายทีขวาทีพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้ สูดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะแล้วได้แต่พูดย้ำกับตัวเอง
"ใจเย็นไว้มึง เย็นไว้ ยุกซองแจมึงต้องใจเย็นไว้ เฮ้อ~"
กริ๊งๆ
ผมจอดรถคันเก่งเทียบกับขอบฟุตบาด เอาขาทั้งสองข้างยันประคองตัวรถเอาไว้ก่อนจะยักคิ้วให้คนที่ยืนทำหน้าบูด
"มึงจะพากูไปไหน"เสียงเล็กพูดออกมาเหมือนจะไม่สบอารมณ์หลังจากโดนผมทำหน้ากวนตีนใส่อยู่ซักพัก
“ขึ้นมาก่อนเหอะน่า”
“มึงจะไม่บอกกูจริงๆใช่มั้ย”
"ถึงแล้วก็รู้เองแหละ เกาะแน่นๆนะน้องรถพี่แรง"ผมเอื้อมไปคว้ามือเล็กๆนั้นให้มาเกาะเอวเอาไว้ก่อนจะหันกลับมาแล้วยกขายาว ๆ ขึ้นเหยียบตรงท่อเหล็กเตรียมออกแรงปั่น แต่ก็ยังได้ยินเสียงโวยวายดังอยู่ข้างหู
"แรงห่าไรจักรยานเนี่ย-*-"
"แรงพี่นี่ไงจ๊ะ"
"พูดมากปั่นไปเลยมึง"มันพูดแล้วกำเสื้อตรงช่วงเอวผมไว้หลวมๆผมเลยต้องจับมือเล็กๆให้เลื่อนมากอดเอวผมไว้แทน แต่เพราะเหมือนมันทำท่าจะชักมือกลับอยู่ตลอดผมเลยต้องใช้มืออีกข้างยื้อเล็กๆนั่นเอาไว้ กลายเป็นว่าผมบังคับแฮนด์จักรยานด้วยมือข้างเดียวแล้วอีกมือก็กุมมือของมันไว้
ไม่มีเสียงพูดคุยกันระหว่างทางเหมือนอย่างทุกครั้งเวลาที่เราปั่นจักรยานไปไหนด้วยกัน มีเพียงเสียงรถที่แล่นผ่านไปมาเท่านั้นที่กลบเสียงความเงียบ รอจนแน่ใจแล้วว่ามันจะไม่ชักมือกลับไปอีกผมจึงปล่อยมือเล็กๆนั่นแล้วกลับมาบังคับแฮนด์รถให้ดี
รอยยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นเมื่อผมรู้สึกถึงแรงซบลงมาที่กลางหลัง ทั้งผมและมันต่างไม่ได้พูดอะไรออกมาซักนิด ผมก็เลยได้แต่ปั่นจักยานไปยิ้มไป
เอาจริงๆผมก็คิดนะว่าผมจะชวนมันมาในที่แบบนี้ทำไมในเมื่อคนที่เหมือนจะตายให้ได้คือผมเอง ตอนแรกก็กะว่าจะมาเดินเที่ยวเล่นเครื่องเล่นเบาๆซักสองสามอย่างแล้วค่อยทำอะไรเซอร์ไพรส์มันซักนิด แต่นี่อะไร พอมาถึงมันก็จับผมลากไปเล่นเครื่องเล่นผาดโผนตีลังกาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนผมที่เซตมาเกือบชั่วโมงตอนนี้แทบไม่เป็นทรง
"มึงมันอ่อนว่ายุกซองแจ"น้ำเสียงเย้อหยันของฮันซังฮยอกยังดังออกมาไม่ขาดได้ตั้งแต่เราลงมาจากเครื่องเล่นสารพัดที่เล่นกันมาหลายชั่วโมงจนตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว
เสียงเล็กๆของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนั่นดูจะอารมณ์ดีซะเหลือเกินที่ได้เห็นผมนั่งหมดสภาพอยู่กับบนนั่งใต้ต้นไม้ จะเถียงอะไรก็คงจะสู้มันไม่ได้เลยได้แต่นั่งสูดกลิ่นเย็นๆจากหลอดยาดมพอให้หายหัวหมุน
"ฟื้ดดดด"
"เป็นคนชวนกูมาสวนสนุกแท้ๆพอเล่นอะไรเสียวๆเข้าหน่อยทำเป็นหมดสภา มึงมันอ่อน"
"เงียบเลยมึง มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจ"
"55555555555555555 ไอ้กาก"มันยังคงพร่ำเยาะเย้ยพร้อมหัวเราะอัดหูผมไม่หยุดจนเริ่มจะทนไม่ไหวต้องชวนมันไปที่อื่น
"มึงช่วยหาอะไรเบาๆเล่นได้มั้ยวะ กูจะตายแล้ว"
"อ่อนจังเลย ม้าหมุนแทนมั้ยน้อง"มันพูดพร้อมทำหน้ากวนเบื้องล่าแล้วชี้ไปทางม้าหมุนสีขาวมุ้งมิ้งที่ตอนี้แทบจะไม่มีใครขึ้นไปเล่นอยู่แล้ว
"สัส นั้นมุ้งมิ้งไป กูอยากขึ้นที่สูง"
"อยากขึ้นกระเช้าก็พูดมา~"มันยังคงทำหน้าทะเล่นใส่ผมไม่เลิกผมเลยยื่นแขนออกไปเป็นให้มันดึงผมลุกขึ้น
"เออหน่า ลากกูไปที กูขาสั่น"
"มึงนี่แม่ง555555555555"มันหัวเราะอัดหน้าผมแรงๆไปอีกทีก่อนจะส่งมือมาจับข้อมือผมไว้แล้วออกแรงฉุดให้เดินตามไป
กระเช้าค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นช้าๆ ผมเหลือบตามาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามตั้งแต่เข้ามาข้างใน เพราะในนี้ไม่ได้กว้างมากสามารถนั่งได้แค่ตู้ละสองคนและเรานั่งกันคนละฝั่ง หัวเข่าของราแทบจะคนกันก็จริงแต่ตอนนี้ฮันซังฮยอกแทบหมุนคอมองออกไปข้างนอกกระจกบานใส่อย่างตาเป็นประกายเมื่อตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว แสงไฟดวงเล็กๆสว่างไปทั่วทุกที่ที่เห็นไม่ว่าจะเป็นดวงไปจากตรงลานน้ำพุหน้าทางเข้าหรือตรงม้าหมุนที่ยังคงหมุนไปตามเสียงเพลงที่ดังคลอเบาๆ
“มึง”ผมส่งเสียงทำลายความเงียบระหว่างเราลง คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้แต่ครางรับในลำคอทั้งที่ยังไม่ละสายตาออกจากภาพตรงหน้า
“หื้อ”
"มึงจำเรื่องที่กูถามวันก่อนตอนไปนอนบ้านมึงได้ปะ"
"แอบชอบ"มันตอบกลับมาทั้งที่ยังคงนั่งหันหลังให้ผมอยู่แบบนั้น สายตายังคงทอดมองออกไปข้างนอกเหมือนในตอนแรก
"อื้อ กูกะจะบอกชอบเขาว่ะ"
“มึงเลยจะพาเขามาที่นี่ว่างั้น"
"อือ วิวสวยดีแถมได้อยู่กันสองต่อสองด้วย"
"กูไม่คิดว่ามึงจะคิดอะไรพวกนี่เป็นด้วย ยังไงก็...โชคดีแล้วกัน"ถึงมันจะยังไม่หันหน้ามาแต่ผมรู้สึกได้ถึงโทนเสียงที่ติดจะเริ่มสั่น หรือบางทีผมคงคิดไปเอง
"กูกลัวเขาปฏิเสธว่ะ"ผมพูดต่อทั้งที่ยังสายตายังจดจ่ออยู่กับแผ่นหลังเล็ก คนตรงหน้ายังคงพูดด้วยน้ำเสียงติดจะเล่นนิดหน่อยแต่ยังไงผมก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่ดี
"คิดมาก เพื่อนกูหล่อดูดีมีดั้งขนาดนี้ สาวที่ไหนปฏิเสธมึงแม่งก็ต้องตัดแว่นใส่แล้ว~"
"แล้วถ้ากูบอกว่าชอบมึงอ่ะ มึงจะปฎิเสธกูปะ"
"ห๊ะ!!"
หลังจากผมพูดจบมันก็หันกลับมาทำหน้าตาตื่นตกใจใส่ผมแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เอื้อมมือไปยัดหูฟังที่เสียบกับโทรศัพท์เอาไว้ใส่หูมันข้างนึงแล้วเอามาใช้เองข้างนึง
ผมกดเปิดเพลงที่อยู่ในเพลย์ลิสต์ที่ตั้งเอาไว้ พอเสียงเมโลดี้เบาๆของเพลงแนวอินดีดังขึ้นฮันซังฮยอกก็ขมวดคิ้วตัวเองจนยุ่งไปหมด
너의 손이 스칠 때
เมื่อมือของคุณเลื่อนผ่านมือของผม
내 어깨에 기댈 때
เมื่อคุณซบลงมาที่ไหล่ของผม
네 곁에서 걷는 게 싫어 한 번씩 너의 손이 스치잖아
ผมไม่ชอบเดินข้างๆคุณเลย เพราะมือของเรามักจะแตะโดนกันอยู่เรื่อยๆ
그때마다 잡고 싶은데 하지만 난 그러면 안 되잖아
ทุกครั้งที่ผมต้องการจับมือคุณเอาไว้ แต่ผมก็ทำมันไม่ได้
네 옆에 앉는 것도 싫어 내 어깨에 기대 잠들 거잖아
ผมไม่ชอบนั่งข้างๆคุณ เพราะผมคาดมักจะหวังให้คุณซบลงมาบนไหล่ของผม
그렇게 네가 깰 때까지 서로 다른 꿈을 꾸는 거잖아
ดังนั้นจนกว่าที่คุณจะตื่นจากความฝันที่แตกต่างกันของเรา
난 그게 잘 안 돼 내 맘 숨긴 채 네 곁에 있어주는 게
ผมรู้สึกอึดอัดที่ต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในขณะที่อยู่ข้างๆคุณ
이제 난 안돼 네 맘 편하게 친구로 있어주는게
ตอนนี้ผมไม่สามารถเป็นเพื่อนที่คุณไว้ใจได้อีกต่อไปแล้ว
너의 손이 스칠 때
เมื่อมือของคุณเลื่อนผ่านมือของผม
내 어깨에 기댈 때
เมื่อคุณโน้มตัวลงมาซบมาที่ไหล่ของผม
ซังฮยอกมองผมตาปริบๆเมื่อผมเลื่อนมือไปกุมมือมันเอาไว้ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่เพลงเล่นมาถึงท่อนฮุคพอดี คิ้วของมันยังคงขมวดเข้าหากันจนยุ่งไปหมดผมเลยได้แต่ยิ้มให้มันแทนคำพูดทุกอย่าง
ตาใสๆของมันหลุบต่ำลงมองมือที่ถูกมุมเอาไว้ เมื่อเห็นอย่างนั้นผมเลยยิ่งกระชับฝามือของตัวให้แน่ขึ้น เสียงเพลงยังคงเล่นต่อไปเรื่อยๆจนเกือบจะจบ
나 너에게 갈게 이젠 말할게 너의 손을 잡고 싶어
และในตอนนี้ผมจะเข้าไปบอกคุณว่าผมอยากจะจับมือกับคุณ
나 너에게 갈게 이젠 말할게 같은 꿈을 꾸고 싶어
ตอนนี้ผมจะเข้าไปบอกคุณว่าผมอยากจะฝันเหมือนกับคุณ
"กูชอบมึง"
“...”
“กูชอบมึง ได้ยินยัง”
“...”
“มึง”
“...”
“ซังฮยอก กูชอบมึง”
“ไอ้เหี้ย จะพูดซ้ำทำห่าไรนักหนากูได้ยินแล้ว”มันเงยหน้าขึ้นมาโวยวายใส่ผมทั้งที่สองข้างแก้มนั่นแดงจนลามไปถึงใบหู
“ก็มึงไม่ตอบกู”
“กูขอเวลาตั้งสติเดี๋ยวไม่ได้รึไง ย้ำจังเลยนะมึง”
“ต้องย้ำดิ กว่ากูจะกล้าบอกมึงได้”
“วันก่อนที่ถามนึกว่ามึงไปชอบสาวที่ไหนซะอีก ตกใจหมด”
“ถ้ากูไปชอบสาวที่ไหนจริงมึงจะตกใจทำไมถ้ามึงไม่ได้รู้สึกอะไร”
“กูกลัวมึงทิ้งกูไง”
“อู้ยยย ทำหน้าเป็นเด็กจะโดนทิ้งเลยนะมึง”
“สัส ใครเด็ก”
“มึงไง เด็กน้อยของกู มาๆ โอ๋”
“ไปเล่นตรงนู้นปะ”
“ซังฮยอก กูขอกอดมึงได้ปะ”
“ถามทำห่าไร ไม่ให้กอด”มันพูดเหมือนจะปฏิเสธแต่ริมฝีปากบางกลับยิ้มออกมาผมเลยขยับลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าแล้วรวบตัวมันมากอดเอาไว้แล้วกระซิบพูดกับมันเบาๆ
“แต่กูจะกอด”
เวลาผ่านไปซักพักใหญ่ๆเสียงเพลงที่ผมเปิดให้มันฟังยังคงเล่นวนซ้ำอยู่แบบนั้นหลายครั้ง จนตอนนี้ตู้กระเช้าของเราแทบจะหมุนกลับมาที่เดิม ผมยังคงกระซิบคำเดิมให้มันฟังซ้ำๆอยู่ข้างหูจนมันเกือบจะผลักผมออกอยู่หลายครั้งแต่ผมก็ยิ่งกอดแน่ขึ้นแล้วยังเอาแต่พูดคำเดิมซ้ำๆ
“กูชอบมึงจริงๆนะ”
“อื้อ กูรู้แล้ว”
“กูชอบมึงมากๆเลยด้วย ทั้งตามึง จมูกมึง ปากมึง รอยยิ้มของมึง กูชอบมึงไปหมดเลยว่ะ”
“อือ กูรู้แล้ว กูก็ชอบมึง”
ซังฮยอกพูดออกมาเบาๆพลางโคลงตัวเบาๆไปตามจังหวะเพลงทั้งที่เรายังกอดกันอยู่ เสียงใสยังคงกระซิบคำที่ผมอยากได้ยินอยู่ข้างหู จนตอนนี้ผมแทบจะยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว
“ชอบมานานแล้วด้วย”
| 95LINE:SUNGJAEHYUK | " Confession "
หลังจากอยากอ่านคู่นี้แต่ไม่ค่อยมีใครแต่ง แต่งเองเลยค่ะ
สนองนี๊ดตัวเอง
โมเมนต์คู่นี้มีให้เห็นกันบ้าง ยิ่งตอนทำบิ๊กบยองด้วยกันนี่ยิ่งเจอบ่อย
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อฮิฮิ
ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ
ถ้ามันแปลกๆตรงไหนติชมได้
หากยังมีคำผิดที่ยังแก้ไม่หมดเม้นบอกได้เลยค่ะ
ความคิดเห็น