คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Heart Melting 03
เด็กนั้นไม่มาหาผมตั้งสองวันเป็นไรรึเปล่านะแต่ผมก็ยังเห็นเขากดไลค์รูปสาวๆใน ig อยู่เลย วันนี้แบมแบมเด็กที่โทรมาขออยู่กับผมวันนั้นก็มาถึงพอดีตอนนี้ผมกำลังจัดร้านอย่างที่ทำเหมือนเคย ช่วงนี้คนเข้าร้านผมไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ‘เสียงกระดิ่ง’
ผมหันหน้าไปทางประตูก็เห็นเด็กน้อยกำลังพยายามยกกระเป๋าลากสีแดงที่ผมไม่รู้ว่าเขาจะหอบอะไรมาเยอะแยะ ผมยืนมองแล้วหัวเราะให้กับท่าทางเปิ่นๆที่ไม่เคยเปลี่ยนของเด็กคนนี้ หลังจากที่เด็กนั้นยกกระเป๋าเข้ามาในร้านเรียบร้อยก็ปล่อยเสียงงุ้งงิ้งใส่หูผมทันที
“ พี่มาร์คจะยืนหัวเราะแบมอีกนานไหมก็เห็นว่าแบมยกไม่ขึ้นก็ไม่มาช่วยยกนะครับ “ ผมยืนเงียบให้เด็กนั้นพูดประโยคยาวๆเสร็จ
“แต่..ไม่เป็นไรฮะตอนนี้แบมหิวแล้ว"
"นะพี่มาร์คน้า นะฮะ พี่มาร์คสุดหล่อ" ผมยืนกอดอกรอว่าเด็กนี่จะมาไม้ไหนสุดท้ายก็อ้อนไม้เดิมพร้อมกับผมที่โดนหอมแก้มไปฟรีๆ ไม่น่าเลยครับถึงน้องผมจะน่ารักแต่ผมก็ไม่อยากได้แก้มนิ่มๆของเด็กนี่เท่าไหร่
“เอาของขึ้นไปเก็บเร็วๆ แล้วก็ออกไปเฝ้าร้านให้พี่ด้วยเผื่อลูกค้ามา” ผมสั่งเสร็จก็เดินเข้าไปหลังบ้านพร้อมกับแบมแต่ผมตรงเข้าไปในครัวเพื่อไปทำอะไรให้เด็กนั้นกินรองท้อง
“ พี่มาร์คเสร็จยังคร้าบบ แบมหิว “ เด็กนั้นเดินลงบันไดมาพร้อมกับเสียงทั้งๆที่ยังไม่ถึงขั้นสุดท้ายแท้ๆ
“ ทำอะไรอะพี่มาร์ค “ เด็กน้อยถามพร้อมกับเดินมาชะโงกหน้าดู
“เดี๋ยวน้ำมันกระเด็นใส่นะแบม ดื้อจริงๆ”
“ แล้วนี่จำได้ด้วยว่าแบมชอบกิน “ แบมยังถามผมต่อโดยที่ไม่ได้ฟังที่ผมดุไปเมื่อกี้
“ ฉันจะไปจำได้ไหม พอดีเห็นทำง่ายเลยทำ “
“ พูดงี้แบมก็งอลดิ “
“ไปเฝ้าร้านได้แล้วเดี๋ยวลูกค้ามา”
“คร้าบๆ” เด็กนั้นว่าพร้อมกับรีบวิ่งออกไปเฝ้าร้าน
“ อย่ากัดลูกค้านะแบม” ผมตะโกนส่งทิ้งท้าย ผมก็สนิทกับน้องนะแต่ผมไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ปกติผมก็จะกวนๆน้องหน่อยตอนมันพูดมากๆหรือโวยวาย เหมือนเด็กนั้นเลย ถ้าสองคนนี้มาเจอกันจะทำไงดีเนี่ยว่าแต่ทำไมเขาไม่มาร้านผมต้องสองวันแล้วนะถึงจะแค่สองวันแต่ทำไมผมรู้สึกอยากเจอหน้าเด็กบ้านั้นจริงๆ ผมตักข้าวห่อไข่ขึ้นจากกระทะซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของแบมนั้นเอง ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปในร้านก็ได้ยินเสียงคนเถียงกัน ผมอุส่าต์บอกว่าอย่าไปกัดลูกค้าแล้วเชียว
“ มีอะไรแบมเสียงดังจริงๆ อ้าว ไงเรา! “ผมบ่นให้กับแบมก็เห็นว่าคนที่น้องผมกำลังเถียงอยู่คือเด็กคนเมื่อวาน
“ ก็คนนี้น่ะสิเข้ามาถึงก็ถามว่าพี่มาร์คอยู่ไหนทั้งๆที่ผมก็ถามว่าจะเอาอะไรเขาก็ยังถามหาแต่พี่ “ แบมแบมพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าผมกลับเอาแต่มองคนตัวสูงตรงหน้าตัวเองพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจใส่อีกคน
“ โอเคๆ งั้นแบมไปกินข้าวเลย เดี๋ยวทางนี้พี่คุยเอง “
.” ดีเลยครับ !! “ ให้ตายสิน้องผมทะเลาะกับลูกค้าประจำของผมจนได้
“ไงเรา มาเอาหนังสือที่สั่งไว้ใช่ป่าว”
“ครับ” เด็กตัวสูงตรงหน้าผมพูดพร้อมกับยิ้มให้
“งั้นตามพี่มาละกันรู้สึกของจะอยู่หลังร้าน” ผมเดินนำยูคยอมไปหลังร้าน ปกติผมจะเก็บพวกของหรือพวกพัสดุที่เขาส่งมาไว้หลังร้านจะได้รกที่เดียวเลยเพราะในร้านผมก็ใช่ว่าจะโล่งหรือมีที่มากพอ
“นั้นน้องพี่เหรอ”
“อ่อ แบมน่ะเหรอ”
“เอ่อ… ครับ”
“ฮ่าๆ ขอโทษแทนมันด้วยละกันพอดีมันเป็นคนขี้เหวี่ยง”
“ครับ น่ารักดี”
“อะไรนะ ?” ผมไม่ได้ฟังผิดใช่ไหมครับ
“ผมบอกว่าน้องพี่น่ารักดี”
“น่าลักไปฆ่าน่ะเหรอ” ผมหัวเราะให้กับบทสนทนาที่พูดถึงคนด้านนอกอย่างสนุก หลังจากที่ผมหาหนังสือการ์ตูนเจอก็เดินกลับเข้าร้านก็เห็นเด็กที่ผมเพิ่งนินทากับยูคยอมไปเมื่อกี้กำลังนั่งคุยกับใครบางคนอยู่บนโซฟา ผมรู้สึกคุ้นๆด้านข้างเขา
.”นานจังพี่มาร์ค” ผมเงยหน้าจากการคิดเงิน ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นคนที่แบมเพิ่งคุยเมื่อกี้กำลังจ้องเขม็งมาที่ผม อยู่ๆใจผมก็เต้นแรงขึ้นมาซะงั้น
“อะ เอ่อ พี่หาของไม่เจอน่ะเลยนาน” ผมรู้สึกไม่กล้าสบตาแจ็คสัน ทำไมกันนะเพราะสายตาที่มองมาที่ผมหรือเพราะอยู่ๆเด็กนั้นก็โผล่มาหลังจากที่อยู่ๆก็หายไปเพราะอะไรกัน
“240 บาทครับ ยูค” เด็กตัวสูงเสื้อสียืดสีขาวตรงหน้าผมยื่นเงินให้พร้อมกับโน้มตัวลงมาใกล้ผม
“ ผมขอจีบน้องพี่นะครับ “ ยูคยอมกระซิบเสร็จก็ถอยห่างออกจากผม หลังจากที่ผมประมวลผลเรียบร้อยก็เห็นเด็กนั้นกำลังยิ้มมุมปากมองไปทางโซฟาที่สองคนนั้นกำลังมองมาที่พวกผมเช่นกัน หลังจากที่คิดเงินเสร็จยูคยอมก็เดินออกจากร้านผมไปโดยที่ผมรู้สึกว่าเรื่องต่างๆมันกำลังจะวุ่นวาย
" รู้จักกันด้วย ?" ผมเดินเข้าไปหาทั้งสองที่นั่งอยู่โซฟาตัวเดิม
"เมื่อกี้น่ะ" แจ็คสันตอบผมโดยที่แบมนั่งกดโทรศัพท์เล่นคั่นกลางระหว่างผมกับแจ็คสัน
“ ดูสนิทกันจังนะครับ “
“ ทำไมว่างั้น “ ผมมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย
“ พี่มาร์คเดี๋ยวแบมขึ้นห้องไปจัดของก่อนนะ “ เด็กแบมว่าแล้วรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับเสียงฮัมเพลง
.
.
.
เงียบ มีเพียงความเงียบปกคลุมระหว่างคนสองคน ผมควรจะทำยังไงดีทำไมรู้สึกประหม่าอย่างนี้อย่าเงียบอย่างนี้สิผมไม่ชินนะ ผมควรเริ่มบทสนทนาสินะ หลังจากที่ผมก้มหน้าอยู่นานผมก็เงยหน้าขึ้นเพื่อจะเริ่มบทสนทนาแต่ก็ต้องปะทะกับสายตาของคนตรงข้ามซะก่อน
“ ร้อนไหม ? “ เป็นคำถามที่สิ้นคิดและทำเอาคนข้างๆผมขมวดคิ้วไปตาม
“ เงียบทำไมเนี่ย ลืมกินยามารึไง “
“ พี่น่ะสิลืมกินยามา ปกติเคยสนใจผมที่ไหน “
“อะไรของนาย “
“ ผมไม่มาหาพี่ ..” ผมเงียบและมองคนตรงหน้าที่กัดปากตัวเองด้วยท่าทีเขิลๆ
“พี่คิดถึงผมปะ ?” โอเค เมื่อสักครู่ผมว่าฝ่าเพดานมันสะเทือนนะ ผมมองหน้าอีกคนที่ตอนนี้กำลังมองหน้าผมอย่างตั้งอกตั้งใจรอคำตอบจากผม ผมไม่รู้ต้องตอบยังไงเลยทำเพียงแค่หัวเราะออกมา
“ แล้วหายไปไหนมาละ ? “
“ ไม่คิดถึงผมสินะ มีคนมาหาทุกวันแทนผมแล้วใช่ไหม “ ผมมองหน้าอีกคนที่อยู่ๆก็มาดราม่าใส่ผมซะงั้น
“ อย่ามาเพ้อเจ้อ “
“ ทำไมมาร์คชอบด่าไม่ก็ไล่ผมประจำเลย ทีไอ้นั้นมาร์คไม่เห็นจะไล่บ้าง“
“ ไอ้นั้นของนายน่ะหมายถึงใคร “
“ ก็ไอ้ยูคยอมไง “
“ ฉันจะไปไล่เขาได้ยังไงยูคยอมเป็นลูกค้านะ “
“ แน่ใจนะครับ “ แจ็คสันเคลื่อนตัวเข้ามใกล้ๆผมก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นยันพนักโซฟาไว้ ผมเลยหมดทางหนีเลย
“ ออกไปนะ แจ็คสัน “ ผมทำหน้าไม่พอใจใส่คนตรงหน้า
“ มาร์คตอบผมก่อน “
“ ตอบอะไร ?.” ผมมองคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าทำตากรุบกริบ
“ ไม่รีบตอบผมทำมากกว่านี้นะ“ แจ็คสันส่งยิ้มให้ผม ยิ้มที่ผมคิดว่าไม่น่ารักเอาซะเลย
“ แน่ใจแล้ว ออกไปได้แล้ว “
“ ก็แค่เนี่ย “ ผมมองคนที่นั่งพิงโซฟาหัวเราะอย่างพอใจ
“ แล้วนี่จะนั่งอยู่นี่ทั้งวัน ?”
“ อืม จะนั่งเฝ้ามาร์คเดี๋ยวมีคนมาแย่งจีบ “
“ นี่จะจีบ ?” ผมทำหน้ากวนตีนเด็กแก่แดดตรงหน้าที่เพิ่งบอกผมไปว่าจะจีบผมหน้าตาย
“ ความจริงก็ว่าจะจีบตั้งแต่วันแรกแล้วนะ “ ผมว่าแบมจัดของนานเกินไปนะ น่าจะลงมาช่วยผมเฝ้าร้านได้แล้ว ถึงจะไม่มีลูกค้าก็เหอะ
“ นั่งไปเลยนะ อย่ากวนจะทำงาน “
.” นี่เปลี่ยนเรื่อง ? “ ผมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานแต่ก็มีลูกค้าเข้าร้านมาก่อนเลยไม่ได้ต่อปากต่อคำกับแจ็คสัน ส่วนเด็กนั้นก็นั่งเล่นโทรศัพท์เป็นที่เรียบร้อย
“ สวัสดีครับ “ ผมยิ้มให้กลับลูกค้าตรงหน้าที่เข้ามาสอบถามราคาการออกแบบแพคเกจสินค้า สรุปเป็นว่าผมได้งานเข้ามาเพิ่มอีกแล้วเป็นเรื่องที่น่าดีใจ ผมคุยกับลูกค้าอยู่สักพักใหญ่จนตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาเย็นแล้วหลังจากที่ลูกค้ากลับไปได้สักพัก แบมแบมก็ลงมาจากบนห้อง
“คุยนานจังมาร์ค”
“ฉันคุยงานจะให้คุยแปปเดียวได้ไง พูดแปลกๆ”
“ครับๆ ไม่กวนแล้ว” เมื่ออีกคนยอมผม ผมก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อเก็บของความจริงก็ไม่ได้ยุ่งอะไรหรอกนะครับแต่ผมต้องแบ่งเวลาในชีวิตให้เป็นไม่งั้นชีวิตผมคงจะแย่ ถึงผมจะทำอาชีพอิสระแต่มันก็ไม่ใช่การใช้ชีวิตแบบอิสระไหลไปตามน้ำ
“แล้วนี่เย็นแล้วไม่กลับบ้านรึไง ?” ผมถามแจ็คสัน
“กลับดึกก็ได้ บอกแม่ไว้แล้วว่าอยู่ร้านมาร์ค”
“ แต่รีบกลับก็ดีนะ เผื่อฝนมันตกขึ้นมา “
“ ถ้าตกผมจะนอนที่นี่ไง”
“ใครจะให้นายนอนกัน”
“ มาร์คต้องให้ผมนอนนะ”
“ทำไมฉันต้องให้”
“ผมจะได้มีคะแนนเพิ่มไว้ซื้อใจมาร์คไง “ นอกจากจะเสี่ยวจนใจผมสั่น คงยังไม่ลืมใช่ไหมว่าในร้านไม่ได้มีแค่เราสองคนมี เสียงอ้วกจนเกินความเป็นจริงดังจากมุมห้องคงไม่ต้องทายว่าเสียงใครหรอกนะฮะ เกรียนๆอย่างนี้มีไม่กี่คนจริงๆ
“ พี่มาร์ค!! แบมเป็นเบาหวาน เพลาๆกันบ้าง” ผมมองหน้าเด็กที่มันพยายามเล่นมุกให้ตลกแต่มันพาเครียดนี่สิ ผมหัวเราะให้กับความโก๊ะของทั้งสองก่อนจะจัดโต๊ะทำงานเสร็จ
หลังจากจัดเสร็จผมก็เห็นสองคนนี้นั่งหัวเราะคุยกันอย่างกับสนิทกันมานานทั้งๆที่ผมพนันได้เลยว่าพึ่งรู้จักกันวันนี้
“พี่มาร์ควันนี้เรากินข้าวที่ไหนอะ ?”
“กินที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ทำเอง”
“ดีเลย งั้นแจ็คสันก็อยู่ทานด้วยกันนะ” แบมแบมว่าพร้อมกับหันไปออดอ้อนอีกฝ่ายโดยที่ไม่ได้สนใจผมเลยว่าได้ตอบรับคำไปรึยัง อีกอย่างนะครับให้ตายแจ็คสันก็ไม่ปฏิเสธแน่นอน หลังจากที่ผมไล่เด็กทั้งสองที่อายุไม่ได้ทำให้โตเลยออกไปได้แล้ว ผมก็ลงมือทำอาหารต่อ ในรอบหลายๆเดือนที่ผ่านมาผมว่าวันนี้ผมทำอาหารเยอะมากเลยนะปกติทำแค่อาหารจานเดียวให้ตัวเองกิน
“ มาร์ค “
“หืม” ผมสะดุ้งตกใจ นึกว่าอยู่คนเดียวตั้งนาน
“วันนี้นอนด้วยได้ป่ะ “
“ไม่ได้แน่นอน” คิดอะไรของเขากัน อยู่ๆก็มาขอนอนด้วย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเฝ้าร้านช่วย”
“พรุ่งนี้เดี๋ยวให้แบมเฝ้าให้”
“โอเคๆ ยอมแล้ว” อีกคนตอบอย่างยอมรับโดยจำใจ ก่อนที่ผมจะสั่งให้ยกอาหารส่วนที่เสร็จออกไปวางที่โต๊ะอาหารก็ได้ยินเสียงดังร้องดีใจของแบม ไม่รู้จะหิวอะไรขนาดนั้นทั้งๆที่ตอนมาถึงผมก็พึ่งทำอาหารให้กิน นี่กระเพาะหรือหลุมครับ
“เดี๋ยวพี่ล้างเอง จะไปทำอะไรกันก็ไป” ขณะที่ผมกำลังเก็บจานก็เห็นแบมกำลังพาแจ็คสันขึ้นไปบนบ้าน
“แบม ! จะไปไหนกัน”
“ก็พี่มาร์คบอกให้แบมทำอะไรก็ได้ แบมก็ชวนแจ็คสันขึ้นไปเล่นเกมไง” ทำไมเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันมันชอบหัวเราะกันสองคนจัง ผมก็สงสัยว่ามีเรื่องอะไรให้พูดกัน ขณะที่ผมล้างจานอยู่ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงแจ็คสันที่มากระซิบข้างหูผมคงไม่คิดว่าเป็นผีหรืออะไรหรอกนะ
“ให้ช่วยไหมครับ มาร์ค” ใครสั่งใครสอนให้พูดเพราะ ผมอาจเกิดภาวะช็อคได้
“อะ เอ่อ ไม่ต้องเดี๋ยวเสร็จแล้ว”
“ ผมช่วยจะได้เสร็จเร็วๆไงเราจะได้ขึ้นไปนอนกัน”
“อย่ามาทะลึ่ง ฉันอนุญาตให้นายมานอนด้วยตอนไหน” ขณะที่ผมกำลังทำหน้าไม่พอใจก็มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้นก่อนที่ฟ้าจะเทสายฝนลงมา ให้ตายสิผับผ่าผมเชื่อแล้วว่าฟ้ามักกลั่นแกล้งคนไม่มีทางสู้ ผมมองหน้าอีกคนที่กำลังยักคิ้วกวนผมอยู่
“เฮ้ออ สงสัยคืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน” ผมได้ยินเสียงที่ขัดกับความรู้สึกมาจากคนข้างๆ
- ตอนนี้แบบเรื่อยๆไม่มีอะไรมาก -
ขอบคุณที่ คอมเม้น นะคะ
ความคิดเห็น