ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) the planet ;offline |chankai lumin|

    ลำดับตอนที่ #3 : adventurers

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 57






    The Planet ;OFFLINE

    | Adventurers |
     





    "...ช่วยพูดอีกทีได้ไหม...ครับ"


    สิ้นคำพูดของเขา ผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าก็ทอดถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะชี้หน้าเขาด้วยช้อนตักซุปในมือ บรรยากาศอบอุ่นของอาหารมื้อเช้าในบ้านหลังเล็กถูกทำลายลงตั้งแต่เช้าด้วยท่าทางแปลกๆของคนที่เรียกว่าน้องชาย


    "พี่บอกว่าที่นี่คือพลาเน็ตทาวน์ แล้วที่นี่ก็เป็นบ้านเราไง นายอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดแล้ว"


    แต่ยิ่งพูดออกไปเท่าไหร่ไอ้เด็กตรงหน้าก็เหมือนคนโง่ขึ้นทุกๆที จนซิ่วหมินรู้สึกอยากจะชะโงกไปทุบสมองอีกฝ่ายให้กระเทือนแรงๆสักครั้งนึง


    "ผมอยู่ที่นี่ แล้วก็เป็นน้องชายคุณด้วย?"


    "นายถามพี่เป็นรอบที่ล้านและพี่ก็ตอบนายเป็นรอบที่ล้านแล้วว่า...ใช่"


    คิมจงอินมองหน้าขาวของอีกคนก่อนจะส่ายหน้าหวือด้วยความไม่เชื่อเต็มอก หน้าตาก็ไม่ได้จะเหมือนกันซักนิด หรือถ้าใช่ก็ขอเคืองพ่อแม่หน่อยเถอะ เรื่องอะไรถึงให้เชื้อความขาวกับพี่ชายเขาไปหมดแล้วนี้!


    "เป็นอะไรไป เมื่อคืนตกเตียงแลวความจำเสื่อมรึไง"


    "ผมไม่ได้ความจำเสื่่อมนะ .....แค่ไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลยต่างหาก"


    "ฮะ?"


    "เปล่าๆๆๆ"


    ซิ่วหมินขมวดคิ้วจนหัวคิ้วสองข้างจะชนกัน ใจนึงก็นึกว่ามันเป็นบ้าอะไร แต่อีกใจก็เป็นห่วงว่าน้องเป็นอะไรรึเปล่า ฝ่ายคิมจงอินในคราบของไคก็ได้แต่ปฏิเสธไป เขาไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเขา


    ถึงจะบอกว่าไม่ใช่ร่างกายของตัวเอง แต่รูปลักษณ์ที่สะท้อนออกมาจากกระจกกลับฉายภาพเขาคนเดิมแบบไม่ผิดเพี้ยน และในส่วนของความทรงจำ แม้เขาจะจำอะไรไม่ค่อยได้ก็จริง แต่บางครั้งร่างกายก็กลับขยับไปเองตามความคุ้นชินจนอดแปลกใจไม่ได้


    "อย่ามัวแต่คุยอยู่เลยน่า กินเข้าไปเยอะๆหน่อยเดี๋ยวก็ไม่มีเเรงหรอก วันนี้เราจะเข้าการทดสอบรับเหรียญนักผจญภัยไม่ใช่เหรอ"


    "เหรียญนัก...ผจญภัย??"


    แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักมันในฐานะจงอิน แต่ร่างกายที่ตื่นตัวกับหัวใจที่เต้นรัวกลองเมื่อครั้งได้ยินมันบอกได้เลยว่าคนชื่อไคต้องการมันแค่ไหน


    "มานี่สิ เดี๋ยวพี่จะให้พรของท่านพ่อ"


    ซิ่วหมินยื่นมือมาวางแปะไว้บนศีรษะเขาพลางยิ้มหวานออกมา จงอินปิดตาลงตามคำสั่งก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงความอบอุ่นและแสงสว่างที่เปล่งออกมาจากมือคู่นั้น


    "ว้าว...."


    ร่างสูงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความตื่นตะลึง หลังการรับพรบทนั้นราวกับร่างกายของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยพลังงานเปี่ยมล้นจนเผลอนึกว่าตัวเองสามารถโบยบินได้ด้วยซ้ำ


    พี่ชายตัวเล็กมองน้องชายแล้วหัวเราะเบาๆ ก็เพราะเด็กน้อยของเขาตื่นเต้นเสมอเวลาแบบนี้จนไม่ทันผิดสังเกตอะไร คนเป็นพี่เพียงขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มนั้นจนยุ่ง


    "พยายามเข้าล่ะ แล้วพี่จะคอยดูนะเด็กน้อย!"











    "ผู้เข้าการทดสอบหมายเลข88 ชื่อไค อยู่สายK ....ผอมกระหร่องแบบนี้จะรอดไหมวะ"


    นักรบหนุ่มคนที่น่าจะทำหน้าที่ตรวจภายนอกยกใบสมัครของเขาขึ้นตรวจสอบ ตาดุแสกนร่างกายพลางคอมเม้นต์อย่างไม่ไว้หน้า จงอินกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นแต่ก็พยักหน้าช้ากลับไป


    "ไหว...ครับ"


    "หา???? นี่ไอ้หนูนี่แกคิดจะมาเป็นนักรบรึจะว่าเป็นคนเลี้ยงม้าวะ!!! ความฮึกเหิมของแกมันหายไปไหนหมด!!"


    "หะ ห๊ะ?"


    เขาได้แต่ทำหน้าเหรอหราใส่คนๆนั้นเมื่อโดนพูดอะไรแปลกใส่ๆ และยิ่งเค้าทำท่าทางเหมือนคนโง่ อีกฝ่ายก็ตะโกนใส่เสียงดัง


    "ตอบรับให้มันเสียงดังกว่านี้!!"


    "ไหวครับ!"


    "ดังกว่านี้ซิโว้ย!!!"


    "ไหวครับ!!!!!!!"


    "ดี!!! การทดสอบจะเริ่มอีกหนึ่งชั่วโมง ไปเตรียมตัวซะไอ้ลูกหมา!!!!"


    จงอินเดินเข้าไปในบริเวณรับรองด้วยความมึนงงปนอับอาย มือเรียวขยี้หัวจนฟูเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ ซ้ำร้ายยังมีเสียงเยาะเย้ยไล่หลังมาจากต้องหันกลับไปมองตาขวาง


    "ฮ่าๆๆๆๆ ทุเรศชิบหายตื่นรึยังเนี่ยไอ้หนู นี่มึงนึกว่าที่นี่เค้าเล่นขายของกันรึไงวะ"


    "เสือกเหี้ยไรล่ะ"


    ไอ้พวกขาใหญ่หน้าโฉดที่เห็นเขาโดนด่าก็รวมหัวกันชี้หน้าหัวเราะเยาะเสียงดังน่าถีบ ด้วยความเลือดร้อนเขาจึงชูนิ้วกลางใส่หน้าพวกมันจนหุบปากกันเป็นแถบ


    ...และเหมือนว่าจากปากจะลงมาตีนแทน



    "เฮี้ยไอ้เตี้ย มึงนึกว่าตัวเองกร่างมาจากไหนวะฮะเอาพ่อมึงมาชี้หน้าพวกกูแบบนี้ มึงตายก่อนออกไปเที่ยวใช่ไหมมึง"


    "พวกมึงเนี่ยนะจะออกไปผจญภัยทำความดี เหอะ จะไปปล้นของคนอื่นเขาล่ะสิไม่ว่า ถ่อยสัด"


    จงอินมองชายตัวโตตรงหน้าที่หักข้อมือโชว์เก๋าด้วยสายตาหาเรื่อง ไม่ใช่ว่าไม่กลัวแต่ศักดิ์ศรีมันค้ำคอมากเกินจนเผลอแกว่งปากหาเสี้ยนซะอย่างนั้น


    "ปากดีนี่มึง"


    ปึง!


    "เฮ้ๆๆ ไม่เอาน่า อย่ามีเรื่องอะไรกันเลยนะ"


    ผู้ชายร่างสูงเจ้าของเสียงดังเดินเข้ามาเเยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ตอนแรกก็เหมือนไอ้หน้าโหดนั่นจะไม่ยอมแต่ไม่รู้ทำไมพอคนกลางเงยหน้าไปจ้องตามันกลับยอมซะดื้อๆไปอย่างนั้น


    "เวรเอ๊ย ไปก็ได้วะ มันไม่ได้โชคดีแบบนี้ทุกทีนะมึง อย่าไปกร่างใส่ใครนักล่ะไอ้เตี้ย"


    "อ่ะแบะๆๆๆ ดีตายห่าเเหละมึงอ่ะ!"


    จงอินแหกลิ้นปลิ้นตาใส่กวนประสาทเสร็จแล้ว เขาจึงหันมาหาคนสวมผ้าคลุมยาวข้างๆเขา ออร่าขาววิ้งของอีกฝ่ายกระแทกเข้าตาเต็มๆจนพร่ามัว ใบหน้าหล่อประดับบนคางคมนิ่งสนิทยังกับรูปปั้นหินอ่อนเนื้องาม


    "ทีหน้าก็อย่าไปหาเรื่องใครอีกเข้าใจไหม"


    "อ่ะ อือๆ"


    น้ำเสียงก้องที่ใช้ออกคำสั่งทำเอาจงอินกลายเป็นตุ๊กตาไร้สมอง เขาได้แต่ขยับหน้าขึ้นลงๆเหมือนพวกหุ่นเชิด คนสูงกว่ายื่นมือมาจับมือของเขาเป็นการทำความรู้จัก


    "นายนี่ดูซื่อๆดีนะ งั้นขอคบเป็นเพื่อนหน่อยละกัน ยินดีที่ได้พบนะ"


    "อะ เออๆๆ ชื่อจง เอ๊ย ชื่อไค แล้วนายล่ะ"


    "ชั้น เอ่อ คือ........"


    ผู้ชายร่างสูงเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแม้ว่าจะยังไม่ปล่อยมือ เขาดูเหมือนมีเรื่องบางอย่างให้คิดเกี่ยวกับชื่อของตัวเอง จงอินได้แต่คิดว่าแปลกนะ หน้าตาก็ดีแท้ๆ ไม่น่าความจำเสื่อม

    จนสักพักเพื่อนใหม่ไร้นามของเขาก็หันกลับมา เขาถอนหายใจน้อยๆก่อนจะเอ่ยออกมา



    "....เซฮุน นั่นแหละชื่อฉัน"



    โอเค เซฮุนนะ ไอ้รูปหล่อนี่ชื่อเซฮุน....



    ...


    และทีนี้จงอินหรือไคก็ได้ว่าที่เพื่อนร่วมปาร์ตี้มาอีกคนนึงแล้วนะครับ...




     
    ครั้ง 1





    "ว๊ากกก!!!!"


    ตึง!!


    หลังจากเสียงดังสนั่นจากร่างกายใหญ่โตของคนที่นอนแน่นิ่งกับพื้น เขาก็แทบจะทรุดตัวลงด้วยความเหนื่อยล้า ร่างกายเหนียวเหนอะแถมยังปวดร้าวไปหมดหลังจากต่อสู้กับหมอนั่น มือข้างขวาที่กำดาบไว้ไร้แรงจนเผลอปล่อยมันร่วงลงพื้นไป


    เพราะการชิงเหรียญนักผจญภัยครั้งนี้ต้องแข่งขันด้านกายภาพแบบทัวร์นาเม้นต์ กฏการแข่งขันเหมือนพวกอารีนาทั่วไป ใช้อาวุธได้ทุกแบบ แต่จะไม่มีคนตาย แม้ตัวเขาจะโชคดีที่มันเป็นสายถนัด แต่คู่ต่อสู้คนนี้ก็เป็นตั้งคนที่สาม ไม่แปลกเลยที่จะหมดแรงซะขนาดนี้


    แปะๆๆๆ!


    ร่างสูงของนายทหารคนเดิมเดินเข้ามาพร้อมเสียงปรบมือและรอยยิ้มหยัน ผู้ชายคนนั้นยื่นมือมาให้ผมจับเพื่อพยุงตัวขึ้นแต่พอขึ้นจนสุดพี่แกก็ตบเข้าที่บ่าผมจนแทบทรุดลงไปกอง


    "ยินดีด้วย แกชนะแล้วไอ้หนู"


    "เหอะๆ แน่นอนสิ"


    ผมชูสองนิ้วใส่หน้าเขาก่อนจะผละออกไปพัก ระหว่างทางก็พบสายตาสงสัยและหมั่นไส้มากมายจากทั่วทิศทาง แต่พบเขาหันกลับไปจ้อง พวกปากหอยปากปูก็หลบกันเป็นพัลวัน แม้จงอินจะสงัสยกับการกระทำนั้นๆอยู่ไม่มากก็น้อย แต่ว่าเขาไม่ชอบใจมากๆเลยแหละ ไม่ว่าใครที่มาทำกิริยาใส่เขาแบบนี้


    "ไง เจ๋งจริงนะรอดกลับมาได้ทั้งๆที่เจอโหดไปขนาดนี้"


    "อ้าว มาไงวะ"


    แขนขาวยาววาดลงบนไหล่ลาดของจงอินอย่างถือวิสาสะ เป็นเซฮุนเพื่อนใหม่หน้าหล่อนั่นเอง เขากับมันจากกันก่อนจะไปเข้าการทดสอบแต่ว่าลืมนัดกันเอาไว้ แปลกใจนิดหน่อยที่เขาทั้งสองหากันเจอเร็วขนาดนี้


    "ก็....เก่งนี่"


    เซฮุนยักไหล่ลอยหน้าลอยตา หมอนี่ภายนอกมีลุคเย็นชาน่าหมั่นไส้ แต่พอได้คุยกันไปบ้าง นิสัยมันกลับกวน แล้วยิ่งกวนหน้านิ่งๆอีก สำหรับจงอินมันเป็นคอมโบชวนกระตุกเท้าระดับสูง


    ...


    แต่เขาก็คิดว่าคงจะต้องคบกับไอ้คนแบบนี้ไปอีกนาน


    "ว่าแต่นายเหอะ แผลหนักแบบนี้จะทดสอบกับพลังเวทย์ไหวไหมล่ะเนี่ย ...งี้ล่ะนะเป็นคนพิเศษนี่นา"


    "พิเศษ?"


    "เอ้า ใครๆเค้าก็ลือกันทั้งนั้นแหละว่านายมันพวกใช้เส้น แล้วไอ้ยักษ์สามคนที่สู้กับนายน่ะมันสแตนอินทั้งนั้นนี่จริงรึเปล่าวะ"


    "เส้นห่าไร....พูดอะไรของนายเนี่ย"


    "นี่ไม่รู้เหรอ? ฮ่ะๆๆๆ เอาน่าๆ อีกไม่นานก็รู้เองแหละ"


    เซฮุนตบไหล่เขาดังอั้กๆก่อนจะขอตัวออกไปก่อน เหมือนว่าหมอนั่นจะไปเตรียมตัวกับการทดสอบต่อไปนิดๆหน่อย จงอินจึงสบโอกาสหาที่นั่งพักไปด้วย เขานึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ่งตะขิดตะขวงใจแปลกๆ


    รึว่าไอ้พวกที่มองเขาก็เพราะเรื่องนี้?


    "โกงไรวะ แม่งไม่เห็นรึไงกูจะโดนไอ้พวกนั้นยำตีนอยู่แล้วน่ะ"


    จงอินขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด รอยแผลตรงมุมปากแผ่ซ่านความเจ็บจนเผลอร้องซี้ด ข้างในใจเขากำลังครุกรุ่นเงียบๆด้วยความหงุดหงิดจนเผลอปล่อยหมัดทุบกำแพง


    ปั้ก!



    "....เจ็บ!!"









    จงอินเดินเข้าสนามทดสอบครั้งต่อไปพร้อมกับดาบประจำตัว ด่านต่อไปไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับเขาแม้ว่าการประมือกับพวกนักเวทย์จะไม่ใช่เรื่องถนัดก็ตาม แถมหลายเสียงที่เคยได้ยินมาก็มีแต่ทางลบทั้งนั้นว่ายากอย่างโน้นโหดอย่างนี้


    แต่ยังไง ก็ไม่ใช่คู่มือของเขาหรอกน่า


    "ไอ้หนูแกพร้อมรึยัง"


    ลุงทหารที่เฝ้าฐานอยู่ถามเสียงดัง ใบหน้าคมทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ และทันทีที่ประตูฝั่งตรงข้ามเลื่อนขึ้นมาเขาก็พบกับคนร่างเล็กในชุดกรุยกรายลากพื้นอย่างกับพวกผู้หญิง


    บนใบหน้าขาวมีของคล้ายหน้ากากแฟนซีประดับอยู่ ไม้เท้ายอดไม้กางเขนแฉกมีห่วงหลายวงสอดไว้กระทบกันเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง เจ้าของมันกระตุกยิ้มน้อยๆใส่เขา


    "หือ... นี่พร้อมแล้วแน่หรือ ระวังจะร้องไห้เอาทีหลังล่ะ"


    "เรื่องแบบนั้น..."


    มือสีแทนกระชับด้ามดาบสีนิลแน่นก่อนจะดึงมันออกมาช้าๆ ร่างสูงยื่นคมมันไปตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไร้มารยาท ทั้งคู่จ้องตาไม่ลดละจนคล้ายว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลออกมาชนกันดังเปรี๊ยะ


    "ก็ต้องพิสูจน์เองสิ"


    "...ทำให้ได้อย่างปากพูดเถอะ"


    จบคำพูดร่างเล็กนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไปจนเหลือเพียงอากาศว่าง จงอินที่กำลังตกใจหันซ้ายหันขวาพลางกำดาบแน่น เพราะงี้ไงเขาถึงไม่ชอบพวกนักเวทย์เลย เทคนิคแพรวพราว มันสมองชั้นเลิศ


    ....แล้วควายน้อยอย่างเขาจะเอาอะไรไปสู้!!


    "แม่งเอ๊ย...โกงชิบ"


    "เปล่าซะหน่อย...หัดใช้ความคิดมากกว่าหน่อยสิ"


    เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นที่ด้านหลังตรงข้างหูของร่างสูง พร้อมรอยแผลที่เกิดขึ้นบนแก้ม เสือดสีแดงเข้มไหลย้อยตามโครงหน้าคม พอเขาหันกลับมาอีกฝ่ายก็หายตัวไปอีกแล้ว จงอินเช็ดแผลตรงแก้มลวกๆก่อนจะปิดเปลือกตาลง


    พี่ซิ่วหมินเคยสอนไว้ว่า ถ้ามันมองไม่เห็น...ก็อย่าไปมอง


    ประสาทสัมผัสจากตาที่มืดบอดแปรเปลี่ยนไปเสริมทักษะด้านอื่น ร่างสูงตั้งสมาธิกับการฟังเป็นหลักเพื่อค้นหาตำแหน่งจากเสียงฝีเท้า มือหยาบบีบดาบแน่นเกร็ง...


    ตึก


    ...ใกล้แล้ว


    ตึก...


    "เข้ามาเลย...พวกนักเวทย์มันก็ดีแต่หัวล่ะวะ"


    จงอินพึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว ลิ้นชื้นเลียรอบริมฝีปากเเห้งของตน สมาธิของเขาเริ่มจะแตกออกเป็นเสี่ยงเมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำเสียงหัวใจยังดีดดังขึ้นมาอีก


    ตึก...


    "ย่าห์!!"


    ผัวะ!!!!!!!




    ...




    เคร้ง




    "อ่ะ...อะ..."




    ....อึดอัด.....อึดอัดแม้แต่จะหายใจยังยาก



    ชั่วพริบตาที่เงื้อดาบ เขาถูกต่อย.... ไม่ น่าจะเป็นการถูกแรงดันกระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรง


    ความเจ็บปวดเเล่นปรี่ออกไปทั่วร่างกายจนไม่กล้าขยับตัว มือเรียวทำได้เพียงแค่เอื้อมไปกุมที่หน้าท้องและทรุดตัวลงไปกับพื้นดิน สายตาจับจ้องไปที่ดาบของตนที่ร่วงอยู่ใกล้ๆกันด้วยความทรมาน เสียงครวญครางกับเสียงหายใจติดๆขัดๆแผ่วออกมาจากปากโดยมีคนที่ลงมือยืนยิ้มอยู่เหนือศีรษะ


    "พี่ไม่เคยบอกนะว่าพี่เป็นนักเวทย์"


    เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ไร้หนทางที่จะสู้อีกต่อไปคนตัวเล็กกว่าจึงเรียกให้ทหารมาดูแลอาการ นายทหารทั้งสองพยายามจะฉุดรั้งร่างสูงให้ลุกขึ้นจากพื้นดินแต่จงอินกลับจับชายชุดคลุมอีกผ่ายอย่างแน่น


    "เดี๋ยว... ถอดหน้ากากออก"


    "พาตัวเขาออกไป"


    "ไม่ ถอดหน้ากากก่อน"


    เขาถูกหิ้วปีกทั้งสองข้างแต่ก็พยายามเอื้อมมือไปหวังจะคว้าหน้ากากแฟนซีนั่นออก แต่เพราะอาการบาดเจ็บของตัวเองทำให้แผลงฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่แต่มือข้างขวายังคว้าชายไว้แน่น


    "เฮ้ยไอ้หนูปล่อยมือได้แล้ว ลามปามนะแกน่ะ นั่นน่ะท่านนักบวชชั้นสูงแห่งอาณาจักรนะเว้ย"


    "นักบวช?? เนี่ยนะ!!"


    เป็นอีกครั้งที่เขาต้องรู้สึกแปลกใจกับโลกใบใหม่ ....นักบวชบ้าไรต่อยคนเกือบตายเนี่ยนะ บ้าไปกันหมดแล้วรึไง


    "แน่ะ ยังจะไปชี้อีก เดี๋ยวจะได้โดนตัดมือหรอกแก"


    "ไม่ต้องหรอก เรารู้จักกันคุยกันได้นะครับ"


    นายทหารอีกคนจึงต้องปรี่มาแกะมือเขาออกแต่คนๆนั้นกลับห้ามไว้ ร่างเล็กกว่าถอนหายใจแล้วค่อยๆปลดปมเชือกหน้ากากออก และแล้วตัวเขาก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง



    "ไง"



    รอยยิ้มหวานๆส่งมาจากผู้ชายหน้าขาวคนที่เขาเหมือนว่าจะรู้จักดี ใบหน้าแบบนี้.... ทรงผมแบบนี้.... รอยยิ้มเหมือนเมื่อเช้าเลย....




    "....พี่ซิ่วหมิน ????"




    นี่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่งของวันนี้เหมือนกัน...





    ครั้ง 2





    ปึง!


    "นี่มันหมายความว่ายังไง!!! ทำไมผมถึงไม่ผ่านการคัดเลือก!!!"


    ทหารหนุ่มเงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมามองหน้าคนบุกรุกขี้โวยวายก่อนจะปัดมือไปมาๆ หลายคนที่เอาแต่เข้ามาโวยวายว่าทำไมตัวเองอย่างโน้นอย่างนี้แบบไม่คิดจะแหกตาดูสักนิดว่าเขาแค่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้า


    "โทษที แต่คงตอบไม่ได้หรอกในเมื่อผมไม่ใช่คนคัดเลือก"


    "งั้นก็บอกผมทีว่าใคร"


    จงอินท้าวแขนยาวลงกับโต๊ะแล้วจ้องตาอีกฝ่ายอย่างกดดัน ทหารหนุ่มส่ายหน้าแล้วเชิญเขาออกไปให้พ้นทาง ร่างสูงหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาพยายามห้ามมือตัวเองไม่ให้ปัดโต๊ะตรงหน้าให้กระดาษมันปลิวว่อนด้วยความสะใจ

    หลังจากโดนหามหิ้วออกมาจากสนามจงอินก็ต้องมาพักรักษาตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว เขาพยายามมองหาพี่ชายเพราะข้อกังขาหลายๆอย่างในใจ แต่สุดท้ายอีกคนก็ไม่คิดจะโผล่มา


    "คือผม...."


    "พี่เอง....กับเขา"


    "พี่ซิ่วหมิน...."


    และแล้วคนที่เขารอพบว่าหลายชั่วโมงก็เป็นฝ่ายเดินเข้าหาเขาเอง พี่ซิ่วหมินมาพร้อมกับผู้ชายร่างสูงผิวน้ำผึ้งคนนึง พี่ชายตัวเล็กอยู่ในชุดกรุยพื้นเหมือนเดิมแต่เหมือนมันจะเปื้อนสีน้ำตาลเป็นแต้มจุดและมีบางส่วนฉีกขาด


    ....น่าจะเกิดตอนทำการทดสอบ มีคนฝีมือเจ๋งขนาดแตะตัวพี่มินซอกได้เลยรึไง?



    "ทำไมล่ะพี่ ก็เมื่อเช้าพี่ยังบอกผมอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่าพี่เอาใจช่วยผม แล้วทำไมพี่ถึงทำแบบนี้กับผมล่ะ!"


    ใจนึงก็เป็นห่วงอยู่แต่เพราะความใจร้อน จงอินรีบพุ่งเข้าไปคว้าไหล่ทั้งสองของพี่ชายไว้แน่นก่อนจะออกแรงเขย่าน้อยๆจนอีกคนสั่นดิ๊กๆ


    "พี่ก็รู้ว่าผมเฝ้ารอวันนี้มานานมากแค่ไหน ผมพยายามศึกษาวิชาการต่อสู้ทุกอย่างอย่างหนัก แถมวันนี้ผมก็ทำได้ดีด้วย"


    "คิดว่ามันดีแล้วเหรอไค"


    ซิ่วหมินคว้ามือน้องชายมาจับไว้ หน้ากลมก้มลงมองมือคู่นั้นแทนใบหน้าของเขา จงอินสะอึกไปกับคำถามของพี่ชาย ส่วนหนึ่งในใจเขาก็บอกว่าตัวทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรแต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะเข้าข้างตัวเองอีก


    "ใช่ ผมพยายามเต็มที่แล้วนะพี่!"


    ".........ไค"


    ...


    ผัวะ!


    เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นเมื่อซิ่วหมินพุ่งเข้าไปต่อยคนตรงหน้าจนแทบล้ม จงอินยันตัวเองเอาไว้ได้ทันมองพี่ชายด้วยความตกใจก่อนจะตะโกนใส่ด้วยความโกรธ


    "ทำไรวะ!!"


    "ถ้าแกคิดว่าตัวเองมีปัญญาทำได้เท่านี้ ก็อยู่ในเมืองสงบสุขที่ไปตลาดกาลเถอะ!!"


    เพราะคำปรามาสร้ายแรง จงอินแทบจะพุ่งเข้าไปซัดอีกฝ่ายให้เลือดกลบปากเผื่อว่ามันจะลดความปากดีนั่นลงซะบ้าง ซิ่วหมินเองก็ใช่ว่าจะกลัว เขาพร้อมเสมอถ้าน้องเขาจะสู้ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องหยุดไว้เพราะผู้ชายร่างสูงที่รีบพุ่งเข้ามาขวางเอาไว้ก่อน


    "เดี๋ยวๆๆๆ ใจเย็นก่อนซิ่วหมิน อย่าทะเลาะกัน ข้าจะบอกเขาเอง"


    คนตัวเล็กออกอาการฮึดฮัดน้อยๆแต่ก็ยอมลงให้ จงอินมาผู้ชายร่างสูงที่ส่งยิ้มจางๆมาให้เขาพร้อมกับการจับมือตามมารยาท


    "ไคใช่ไหม ยินที่ได้รู้จัก ข้าชื่อจื่อเทา เป็นแม่ทัพหลวงของกองทหาร"


    คำว่าแม่ทัพหลวงทำให้จงอินเหลือกตาโต มหัศจรรย์จริงๆที่เขาได้มายืนจับมือกับคนสำคัญขนาดนั้น แต่ที่หนักกว่าคงเป็นพี่ซิ่วหมิน ทำไมถึงได้มาสนิทสนมกับคนสำคัญขนาดนี้ได้?


    "วันนี้สำหรับด้านกายภาพ เธอทำได้ดีมาก ทั้งทักษะด้านการเคลื่อนไหว การบุกหรือการป้องกันของเธอ จัดว่ามีฝีมือหาตัวยากคนหนึ่ง"


    แน่นอน....


    จงอินได้แต่กระหย่องยิ้มในใจคนเดียว เขาเองก็คิดแบบนั้น ตลอดการทดสอบเขาทำได้ดียกเว้นตอนทดสอบด้านเวทมนต์ ....แต่ขืนพูดออกไปมีหวังได้โดนหาว่าเป็นไอ้เด็กขี้อวดพอดี


    "แล้วทำไมถึงไม่ให้ผมผ่านล่ะ"


    แม่ทัพจื่อเทาผินหน้าไปท่านนักบวชตัวเล็กที่รออยู่แล้ว ซิ่วหมินเดินดุ่มๆเข้ามาตรงหน้าน้องชาย ดวงตากลมหมองลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมื่อเช้า


    ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจว่าน้องจะทุกข์ใจขนาดไหนที่พลาดโอกาสการรับเหรียญนักผจญภัย ไม่ใช่ว่าไม่เสียใจที่ทำให้น้องต้องรู้สึกแย่แบบนี้ แต่ถ้าเขาไม่ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้ บางทีมันอาจจะได้สายเกินแก้


    ".....ไค น้องน่ะพิเศษกว่าคนอื่น"


    "ยังไง?"


    "เราน่ะมีประสาทสัมผัสที่พิเศษกว่าคนทั่วไปตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเหมือนกับว่ามันจะรุนแรงยิ่งขึ้นจนพี่กลัวว่ามันจะเป็นปัญหาภายหลัง พี่เองเคยฝึกการควบคุมให้เราไปบางส่วนแล้วก็จริง..."


    พอเงยหน้าขึ้นมองปฏิกิริยาของคนฟังก็เป็นไปตามคาด คิ้วสองข้างของจงอินขมวดจนแทบเป็นปมโบว์อีกครั้งของวัน


    "แต่ว่าวันนี้คลื่นวิญญาณเธอปั่นป่วนมากผิดปกติ พี่กลัวว่าต่อไปมันจะอันตรายกับตัวน้อง เพราะงั้นพี่จะปล่อยให้เราไปข้างนอกตอนนี้ไม่ได้...ข้างนอกมันอันตราย แล้วถ้าน้องยังคุมประสาทสัมผัสนั้นไม่ได้มันจะแย่..."


    "พี่ซิ่วหมิน..."


    เสียงของจงอินอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ซิ่วหมินไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหนอยู่เหมือนกันน้องถึงได้อ่อนลงเร็วขนาดนี้ แต่ว่าจะให้ยิ้มตอนนี้ก็ทำไม่ลงเหมือนกันในเมื่อความทรงจำเก่าๆที่ไม่อยากจำกลับผุดขึ้นมาเป็นระลอกคลื่นจนเขาคลื่นไส้


    "ไม่ใช่กับร่างกายแต่มันอาจจะเกิดขึ้นที่จิตใจแล้วมันจะกลายเป็นตกนรกทั้งเป็น..."


    แขนเล็กเอื้อมเข้าไปกอดน้องชายผู้เป็นสมบัติหนึ่งเดียวของตนเอาไว้ คนที่ตั้งแต่เล็กเขาได้มอบความหวงแหนและความห่วงใยให้ตลอดมา



    "......ขอร้องล่ะ.....ช่วยฟังพี่หน่อยเถอะนะ"



    ไม่มีวันที่เขาจะยอมเสียสมบัติชิ้นนี้ไป


    ....ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม











    ด้วยความเห็นใจ คิมจงอินเผลอตกปากรับคำกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดิบดีว่าเขาจะพยายามในการทดสอบครั้งต่อไป


    ....



    แต่สุดท้ายเขาก็ทำมันไม่ได้


    "....คิดว่ามันจะได้ผลแน่จริงๆใช่ไหม"


    "แหงอยู่แล้วน่า ถ้าอยากออกไปจากที่นี่ก็เงียบๆเอาไว้เถอะ"


    สิ้นคำ เซฮุนก็ตวัดผ้าคลุมเก่ากลิ่นเหม็นปิดจนวิสัยทัศน์มืดไปหมด จงอินขดตัวแข็งอยู่ท่ามกลางกล่องไม้และกองสินค้าบางส่วน อากาศหนาวเย็นตอนกลางคืนทำให้เขาต้องกอดตัวเองไว้กับเสื้อแขนยาวตัวเดียว ตาคมมองผ่านรูผ้าที่ขาดออกไปก็พบกับท้องฟ้ามืดที่มีดาวประดับอยู่นิดหน่อย


    "ฟู่ว..."


    ไอสีขาวที่เผลอพ่นออกจากปากลอยขึ้นไปจนกลบแสงสว่างของดาวจนพร่า ความหนาวทำให้เขาเผลอนึกถึงอีกคนที่อยู่บ้าน พี่ชายแก้มป่องที่เขาพาเข้านอนไปด้วยความรู้สึกผิด


    ป่านนี้พี่ซิ่วหมินจะหนาวรึเปล่านะ...ขืนไม่ยอมห่มผ้าล่ะมีหวังเป็นหวัดแน่ๆ


    จะรู้รึยังว่าเขาหนีออกจากบ้านมาแล้ว....แล้วจะตามหารึเปล่า


    จะผิดหวังรึเปล่านะ...?



    จงอินวางลงบนที่อกด้านซ้ายก่อนจะจิกมือลงบนเสื้อตัวเอง ใจของเขาและ"ไค"เต้นแรงๆไปด้วยความผิดและความตื่นเต้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายอยากเขาจะออกนอกลู่ทางนอกทางเพื่อความฝัน อีกอย่างมันเป็นความผิดของเซฮุนที่เข้ามาเป่าหูเขาให้ทำด้วย หมอนั่นผ่านการทดสอบแต่เหมือนจะไม่มีเพื่อน มันเลยยื่นวิธีโกงให้เขาแถมยังอำนวยความสะดวกให้อีกต่างหาก


    ...



    ถ้าเกิดเช้านี้เขาไม่ตื่นขึ้นมาในร่างของไค โลกใบนี้จะเป็นยังไง? บางที่สองพี่น้องนี้อาจจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกัน ออกไปผจญโลกกว้างด้วยกันแบบไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ คนชื่อไคเอง ตอนนี้คงได้นอนกอดพี่ชายตัวน้อยหลับสนิทสบายอยู่ในบ้านแสนสุขเพื่อรอใช้ชีวิตวันใหม่ที่แสนสดใสเป็นแน่ๆ


    เขารู้ตัวดีว่าร่างกายนี้แข็งแกร่งขนาดไหน และที่ผ่านการทดสอบวันนี้ส่วนใหญ่มันไม่ใช่ความคุ้นชินกับการต่อสู้หรือการที่ร่างกายกระทำไปเอง แต่มันเพราะทักษะร่างกายที่เจ้าของร่างเคยฝึกฝนไว้และเขาเพียงแค่ใช้มันอย่างไร้ประสิทธิภาพเหมือนเพียงกดปุ่มเตะต่อยไปมาบนจอยเกมส์ทั้งที่ตัวละครมาเทคนิคอีกมาก


    ...จงอินมั่นใจว่าถ้าเป็นไคจะต้องเอาชนะได้แน่ๆ แต่เป็นเพราะเขาที่เอาแต่ใจ ....ไอ้ตัวไร้ปัญหาแถมยังสร้างแต่ปัญหา



    มึงนี่มัน....แย่จริงๆเลยคิมจงอิน







    เอี๊ยด.....อ๊าด....


    รถเกวียนไม้ขนาดใหญ่เลื่อนทุลักทุเลไปตามพื้นอิฐบล็อคขรุขระ ร่างสูงที่บรรจุอยู่ด้านในสะเทือนเลื่อนไปเลื่อนมาจนแอบเวียนหัว เขาปิดปากและหลับตาลงเพื่อจะได้ให้ความสนใจกับตัวเองมากที่สุดและจะได้ไม่ให้เกิดเสียงดัง


    ว่าด้วยแผนการของเซฮุน บอกว่าที่มีจะมีทหารยามคอยเฝ้าตรวจของที่จะออกจากเมืองหลวงเผื่อไปค้าขายกับทั่วโลกนี้ บางคนก็โดนตรวจแบบเข้มงวด แต่บางคนก็แทบจะไม่โดนตรวจเลยด้วยซ้ำแต่นั่นก็เป็นส่วนน้อย....นั่นหมายถึง เขาต้องพึ่งดวงมากถึงมากที่สุด แม้ว่าเซฮุนบอกว่าจะช่วย แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันจะช่วยอะไรได้


    นอกจากนั้น การออกจากเมืองโดนไม่ได้รับอนุญาติ ถือเป็นโทษขั้นสูง



    "พระเจ้า....ขอให้คืนนี้ผ่านไปด้วยดีทีเถอะ"


    คิดว่าขอตอนนี้จะสายไปไหม?


    ในเมื่อตอนนี้ล้อรถมันหยุดตัวลงแล้ว....







    "ขออนุญาติด้วยนะครับ"


    ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าก่อนจะถอยฉากให้เจ้าหน้าที่ทหารได้ทำงานของตนเองได้เต็มประสิทธิภาพ หางตาชำเลืองไปยังตู้สุดท้ายที่นิ่งสงบเหมือนลมก่อนพายุ เซฮุนกระชับผ้าคลุมหน้าก่อนจะขอตัวคล้ายไปทำธุระข้างทาง


    ขายาวก้าวเข้าไปทางป่าข้างทาง พร้อมกับสายตาที่สอดส่องไปทั่วบริเวณ เขาแค่กำลังหาทำเลเหมาะกับการลงมือทำอะไรบางอย่าง เล็กๆน้อยๆเพื่อเรียกร้องความสนใจ


    อะไรที่มันเล็กๆน้อยๆจริงๆนะ....







    "ทางนี้เรียบร้อย ว่าไงบ้าง"


    "ทางนี้ก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ เฮ้ยเด็กใหม่ เป็นไงบ้าง"


    "เหลือสองส่วนสุดท้ายครับพี่!!"


    "เออ ฝากด้วยนะ"


    "ครับ!!"


    เสียงฝีเท้าของรองเท้าคอมแบทกระทบพื้นดินดังใกล้ขึ้นเรื่อย เหงื่อในอากาศเย็นไหลย้อยออกตามไรผมจนจงอินเผลอยกมือเล็บขึ้นมากัน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไง เขาทำได้แต่ขดตัวให้เล็กที่สุดแล้วดันตัวเองเข้ามุมให้มากที่สุดเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องมาสนใจ


    เสียงเดินหยุดอยู่ไกลพอสมควรคาดว่านายทหารคนนั้นน่าจะตรวจคันข้างหน้าเขาอยู่ ลมหายใจร้อนไหลเข้าออกถี่ขึ้นจนเจ้าของต้องยกมือขึ้นปิด


    พรึ่บ!


    "โอเค ไม่มีอะไรแปลก สุดท้ายแล้วสิ"


    ตึก ....ตึก ....ตึก


    ตึก... ตึก...


    ยังกับว่าประสาทการฟังเขาจะรวนอีกแล้ว.... เสียงหัวใจบ้าๆนี่มันเต้นดังกว่าเสียงฝีเท้าอีก ใจเย็นๆไว้น่าคิมจงอิน


    ผ้าสีมอๆตุ่นๆถูกขยุ้มไปกระจุกหนึ่ง แสงสว่างจากดวงจันทร์ลอดผ่านมาน่าหวาดเสียว ซ้ำยังมือยาวที่ยื่นลงมาอีกด้วย อีกไม่นาน เขาคงจะไม่รอดแหงๆ


    ไม่เอาน่า....อย่าล้อเล่นสิวะ


    "เอาล่ะ..."


    ...ปึด


    "ไม่น่า..."


    "ฮึบ!"


    .........ไอ้เซฮุน!


    บึ้ม!!!!!!


    "!!!!"


    คิดว่าทั้งเขาและทหารคนนั้นก็คงต่างอยู่ในอาการตกใจไม่แพ้กัน เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นไปทั่วหมู่บ้านพร้อมกับเสียงโหวกเหวกโวยวาย จากเหตุการณ์นี้คงจะมีเพียงจงอินคนเดียวที่รู้สึกดีใจได้ลง


    เสียงแหบตะโกนเรียกน้องใหม่ที่ยืนทำหน้าเหวออยู่ตรงรถเกวียนของพ่อค้า มือหยาบลากคอรุ่นน้องให้ไปจัดการสถานการณ์ยุ่งยากตามหน้าที่


    "เหตุฉุกเฉินแล้วเว้ยเด็กใหม่!! ไปเร็วเข้า!"


    "ฮะ หา แต่ว่าผมยังไม่เสร็จ..."


    "ช่างมันเถอะน่า!! ตอนนี้ชีวิตสำคัญกว่า เร็วเข้า!!"


    "ครับ ครับ!!!"


    และแล้วผ้าคลุมสีตุ่นก็ถูกปิดลงเหมือนเดิม ตามด้วยเสียงเป่าตามความอ่อนใจ แต่ไม่ทันไรผ้าคลุมก็เปิดผางขึ้นออกจนหมด


    "เฮ้ยๆๆ กูเองๆ"


    เป็นเพื่อนตัวสูงหน้าขาวชื่อเซฮุนเองที่บังอาจทำเรื่องชวนหัวใจวายโดยไม่ถมไม่ถามสุขภาพสักคำ มั่นใจเลยถ้ามีมืออยู่กับมือ ไอ้ตี๋นี่โดนแทงตายไปแล้วข้อหาทำให้ตกใจ


    "แม่งไปกันหมดละ ทางสะดวกแล้ว"


    "เออ รีบไปดิวะ"


    "นั่งหลบไปด้วยละกัน เผื่อฉุกเฉิน"


    จงอินครางอือรับรู้แล้วก็ล้มตัวลงนอนราบไปตามเดิม ส่วนเซฮุนก็หมุนตัวไปทำหน้าที่ตนเองบ้าง ไม่ทันไร เกวียนไม้ก็เคลื่อนตัวออกไปช้าตามกำลังวิ่งของม้า กำแพงเมืองสูงใหญ่และแสงไฟจากเมืองหลวงค่อยๆเลือนจางไปจนเหลือเพียงแต่เงามืดของต้นไม้บางส่วน...


    ตาสีนิลมองขึ้นไปบนท้องนภากว้างสีมืดที่มีแสงสว่างประดับอยู่วับวาว อากาศที่หนาวก็เริ่มอุ่นลงบ้างแล้วแต่มันก็ยังเย็นอยู่ดี จงอินเริ่มปิดเปลือกตาลงตามความต้องการของร่างกาย ความเครียด ความล้า และความผิดหวังเป็นตะกอนกวนแกว่งอยู่ในใจยากจะสลัด


    เขาอยากจะหลับตาลงแล้วลืมทุกๆอย่างไปให้หมดก่อนในวันนี้ แล้วค่อยไปต่อสู้กับมันใหม่ในอีกวันหนึ่งเมื่อถูกไอ้ตี๋เซฮุนปลุกขึ้นมา แม้ว่าจะไม่ได้ทานข้าวอร่อยๆ หรือนอนในที่นุ่มๆอุ่นๆแบบที่เคย


    ในเวลานี้ เขาเพียงต้องการการพักผ่อนซักเล็กน้อย...



    แล้วในวันนี้พรุ่งเขาจะได้พร้อม สำหรับสิ่งและประสบการณ์ใหม่ที่เรียกว่า... "การผจญภัย"



    ....




    ....แต่วันนี้ขอพักก่อนนะครับ




    ....ราตรีสวัสดิ์











    GM : สวัสดีตอนกลางคืนค่ะ:D ตอนนี้นุ้งจงอินก็ได้กลายเป็นนุ้งไคอย่างสมบูรณ์แบบ 55555555 ใครอยากเจอพระเอกบ้างขอเสียงหน่อยยย(ฮิ้ววววว)


    ...


    ...



    บอกเลยว่ายากค่ะ พระเอกจะไม่โผล่มาง่ายๆแน่ 5555555555555555 บรัยส์!!!



    #ใครไม่เม้นก็ช่วยโหวตหน่อยน้า#


    แท็กจ้าาา #tpnoffline



    SQWEEZ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×