ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EYE :: คำสาปร้ายผูกเงื่อนรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 57





     

    1

     

     

     

     

     

    [Alice’s Talk]

     

     

                ไปเรียนก่อนนะคะ...ฉันส่งเสียงอำลาความว่างเปล่าภายในบ้านก่อนจะปิดประตูไม้ของคฤหาสถ์สไตล์ยุโรป ฉันต้องเรียกมันว่าคฤหาสถ์เพราะมันมีลักษณะเหมือนวังของเจ้าหญิงในนิทานขนาดย่อมๆ (ที่ใหญ่จนพอจะให้คนทั้งหมู่บ้านมาพักอาศัยได้โดยไม่อึดอัดแม้แต่น้อย) นี่เป็นสิ่งที่พ่อกับแม่ของฉันเหลือไว้ให้และตั้งใจจะพาฉันมาเห็นด้วยตาตัวเองในวันนั้น

                วันที่ตาของฉันพร่ามัวไปด้วยสายฝนและหยดเลือด

                ถึงจะเป็นคฤหาสถ์ที่ใหญ่เวอร์จนไม่น่าจะอาศัยอยู่คนเดียวอย่างเห็นแก่ตัว แต่เชื่อเถอะว่าฉันอยู่คนเดียว...และแน่นอน ในละแวกนี้ก็มีแค่บ้านฉันบ้านเดียว ตลกมั๊ยล่ะ = =

                ตอนแรกมันก็เป็นคฤหาสถ์ที่ครึกครื้นและสนุกสนานเต็มไปด้วยผู้คนทั้งแม่บ้าน คนสวน คนขับรถแต่หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทุกคนก็พากันย้ายออกเมื่อได้ยินข่าวว่า

                รถของเจ้านายชนเข้ากับรถขนตุ๊กตาอลิส เทียส์ที่โจทย์จันไปทั่วทั้งเมือง!

                พวกเขาโบกมือลาฉันแทบจะในทันทีที่รู้ข่าว...ซึ่งฉันเข้าใจพวกเขาดี

                ทำไมทำหน้าเบื่อโลกแต่เช้าเลยล่ะคนสวยจิลเลี่ยน ผู้ชายที่ร่าเริงและแสนจะเจิดจ้าราวกับพกเอาไวรัสแห่งความสดใสไว้กับตัวตลอดเวลาถือวิสาสะเอาแขนพาดคอฉันอย่างอารมณ์ดี

                นายคิดว่าฉันควรจะเดินยิ้มคนเดียวเหมือนคนบ้าเดินไปเดินมาเหมือนนายหรอ...ฉันกรอกตาอย่างเอือมระอา จริงๆฉันก็ไม่ใช่คนมืดมนไม่ยิ้มไม่หัวเราะเลยหรอกนะแต่ว่าฉันไม่ค่อยได้มีโอกาสยิ้มหรือหัวเราะกับเพื่อนๆแบบสาวๆทั่วไปซักเท่าไหร่ และการยิ้มการหัวเราะคนเดียวก็ไม่ใช่สไตล์ฉันซะด้วยสิ

                หูยเจ็บเลย...ไม่ใช่ให้ยิ้มคนเดียวหัวเราะคนเดียวสักหน่อย อย่างน้อยก็ยิ้มให้ฉันนี่ไง...นี่อะไรเจอกันแต่ละทีเอาแต่ทำหน้าเหม็นเบื่อ แห้งแล้งชิบฉันถอนหายใจก่อนจะหันไปยิงฟันใส่เขาน้อยๆ

                เห็นแก่ที่อุตส่าห์ยอมลงทุนเดินมารับฉันถึงที่นี่นี่นา

                คฤหาสถ์...เอ่อ เอาเป็นว่าบ้านของฉันตั้งแทบจะสุดทางถนนซึ่งอยู่บนเขาและแน่นอน การเดินกลับบ้านทุกวันของฉันจึงเป็นการเดินที่ทรหดมากโดยเฉพาะหน้าร้อน!

                “ขี้เหร่ว่ะ...คนข้างๆฉันกรอกตาอย่างหงุดหงิดก่อนจะชะงัก เขาหยุดยืนตรงก่อนจะโค้งให้กับเสาหลักกิโลบอกเลขไมล์ถนนที่มีช่อดอกเดซี่วางอยู่ช่อนึง พวกเราไปเรียนแล้วนะคร๊าบบคุณลุงคุณป้า

                ตรงนี้เป็นจุดเกิดเหตุที่พ่อของแม่ของฉันเสียชีวิต...

                ประสาทฉันส่ายหัวอย่างเอือมระอากับท่าทางเว่อร์ๆล้นๆของเขาก่อนจะหันไปยิ้มให้กับช่อดอกไม้นั้นน้อยๆ เอ่อ ไม่ใช่ฝีมือของฉันหรอกนะ...ฉันเดาว่าคงจะเป็นจากใครซักคนหนึ่งที่รู้จักพ่อกับแม่ฉัน หรืออาจจะเป็นญาติของคนขับรถอีกคันก็ได้

                เค้าเรียกคนมีมารยาทเว้ย...เอาเถอะเร็วๆเข้ารถบัสรับส่งเที่ยวต่อไปจะมาแล้วจิลเปลี่ยนมาจับข้อมือฉันก่อนจะลากให้วิ่งไปรอรถบัสที่ป้ายรอรถ นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ฉันคิดว่าฉันควรจะทำใบขับขี่เร็วๆนี้ เหนื่อยเป็นบ้าL

               

     

     

                ฉันไม่ค่อยเข้าใจในตัวนิโคไล ฮาลเลอร์เลยซักนิดบางทีเขาก็ทำตัวเหมือนไม่รู้จักฉัน แต่บางทีเขาก็...เดินเข้ามาหาฉันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างตอนนี้

                พ่อให้ถามว่าเธอจะว่างเมื่อไหร่...เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมท่าทางที่บ่งบอกว่ารำคาญเต็มทน เขาสูงกว่าฉันราวๆเกือบ 10 เซนฯดังนั้นเวลาคุยกันฉันจึงต้องเงยหน้าอยู่ตลอด ดังนั้นฉันเลยได้เห็นหน้าเขาใกล้ๆก็เป็นมุมเงยหรือเวลาที่เขาก้มลงมามองเท่านั้น นิโคไลมีดวงตาเรียวคมเหมือนอินทรีย์ที่แสนดุดัน แถมใบหน้าได้รูปของเขาก็รับกับจมูกโด่งที่แสนเพอร์เฟ็ค รับกับผมสั้นซอยระต้นคอ เขาเป็นลูกครึ่งเอเชียเหมือนกันกับฉันแต่เราต่างกันมากในเรื่องส่วนสูง

                ซึ่งฉันว่ามันน่าอิจฉาแบบสุดๆ

                ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรอ...เขาท้วงเมื่อเห็นว่าฉันไม่ตอบคำถามเขาเสียที พ่อฉันถามว่าเธอจะว่างตอนไหน...เธอต้องเอ่อ เช็คสภาพของมันหน่ะเขาชี้มาที่ผ้าปิดตาและมองต่ำลงมายัง....เอ่อ

                เรื่องนั้นช่างมันเถอะ -//////-

                “อ๋อ...ฉันต้องไปให้ปากคำอีกครั้งที่โรงพักน่ะ...เอาเป็นหลังจากนั้นฉันนึกทบทวนว่าตัวเองจะต้องไปไหนหรือเปล่าแต่ก็ลืมไปซะสนิท

                ฉันไม่ได้มีธุระอะไรมากมายขนาดนั้นนี่เนอะ...

                โอเค...ตามนั้นเขาพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินไปยังทิศทางที่เพื่อนของเขายืนรออยู่ ดูเหมือนพรรคพวกของเขาจะสนใจการพูดคุยระหว่างฉันกับนิโคไลน้อยๆ แต่แน่นอนไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับฉันมากนักหลังจากเหตุการณ์การตายปริศนาของเมแกน ฮาร์เปอร์ผู้หญิงที่ทุกคนลงความเห็นว่าโดนฉันสาป

                ไร้สาระนะว่ามั๊ย...

                นี่...มนุษย์หินอย่างหมอนั่นมาคุยอะไรกับเธออ่ะอ้อ ยกเว้นไว้คนนึง = = จิลยื่นเบอร์เกอร์ให้ฉันก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปยังทิศทางที่นิโคไลและเพื่อนยืนอยู่

                ลุงเอ็ดเวิร์ดน่ะ...ถึงเวลาตรวจเช็คสภาพอะไหล่ของฉันแล้ว...ฉันยักไหล่ก่อนจะหันมาสนใจเบอร์เกอร์เนื้อชิ้นโตตรงหน้า

                เธอคือแม่มดอลิสที่พวกเขาพูดถึงกันหรือเปล่า…”

                แค่กๆ!...”จิลถึงกับสำลักน้ำเมื่อเสียงหวานของคนตรงหน้าดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว จะมาป่วนหรือไงวะ!”จิลลุกขึ้นถลึงตาใส่สาวน้อยน่ารักตรงหน้าอย่างโมโห

                ตอบมาเถอะใช่หรือเปล่า ^^”ผู้หญิงคนนั้นยังคงส่งยิ้มน่ารักน่าชังมาทางฉัน และไม่สะทกสะท้านต่อสายตาดุดันของจิลเลยแม้แต่น้อย ฉันมองยัยผมบลอนด์ตาฟ้านั่นหน่อยๆก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

                ใช่ฉันคืออลิส...แต่ฉันไม่ใช่แม่มดหรอกนะ..ฉันบอกเธอเนือยๆก่อนจะกัดเบอร์เกอร์อย่างทุลักทุเล

                งั้นเหรอ...งั้นเธอ...ช่วยฆ่าคนคนหนึ่งให้ฉันหน่อยสิ...

                แค่กๆๆ!...ห้ะ O[]o”

     

     

     

     

                ขอโทษนะ...แต่ฉันมีธุระเลิกตามฉันเถอะฉันหันไปบอกเซเลน่า อลอนโซยัยผู้หญิงที่เอาแต่ยิ้มแล้วยังตื้อขอร้องให้ฉันช่วยเธอให้ได้

                เธอก็ช่วยฟังเรื่องของฉันหน่อยสิ...ยัยอลอนโซช่างยิ้มยังคงเดินตามฉันต้อยๆพร้อมกับพยายามตามตื้ออย่างไม่ลดละ ในเวลาแบบนี้ฉันล่ะเห็นความสำคัญของการมีจิลอยู่กวนประสาทข้างตัวจนได้ ก็หมอนั่นน่ะดันมีนัดออกงานสังคมกับครอบครัว

                ตามประสาครอบครัวคนดังล่ะนะ...

                ขอโทษนะ ฉันฆ่าใครไม่ได้ ถึงทำได้ก็จะไม่ทำ = =;”ฉันกรอกตาอย่างหงุดหงิดก่อนจะโบกมือให้รถคันสีขาวคุ้นตา

                “นิโคไลงั้นหรอ…”ยัยนั่นพึมพำอะไรบางอย่างซึ่งนาทีนี้ฉันไม่สนใจแล้วล่ะ

                 ขอโทษนะ ฉันต้องไปทำธุระของฉันแล้ว...ล้มเลิกความคิดนั้นซะหรือไม่ก็ไปหาคนอื่นซะเถอะ...บาย

                ฉันรีบเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับทันทีโดยไม่รอฟังยัยนั่นอีกต่อไป...มีอย่างที่ไหนมาขออะไรประหลาดแบบนั้น บอกฉันที่ว่านั่นน่ะความคิดของสาวสวยวัย 20

                เธอต้องรีบอะไรขนาดนั้นเลยหรือไง...พลขับจำเป็นของฉันเอ่ยถามเรียบๆตามสไตล์ของเขา ฉันส่งยิ้มแหยให้เขาน้อยๆก่อนจะดึงเข็มขัดมาคาดเงียบๆ

                ฉันเจอคนประหลาดน่ะฉันตอบแบบขอไปทีก่อนจะเอนตัวพิงพนักพิงอย่างเหนื่อยๆ

                จะมีใครประหลาดไปกว่าเธอหรือไงหมอนั่นส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปสนใจทางข้างหน้าต่อ และจากนั้นเราก็เงียบกันไปตลอดทาง

     

     

                สรุปว่าตอนนั้นคุณอยู่กับมิสเตอร์วอลเตอร์และครอบครัวของเขาตั้งแต่ ตอนเย็นจนถึงเช้าเลยอย่างนั้นสินะครับ...เจ้าหน้าที่แอนเดอร์สันทวนคำตอบของฉันอีกครั้ง

                ค่ะ พอดีว่าฉันไปทานข้าวกับคุณพ่อของเขาและบังเอิญฝนตกฉันเลยยังติดอยู่ที่นั่น กว่าฝนจะหยุดตกก็ดึกเกินกว่าฉันจะกลับเองคนเดียวหรือรบกวนให้ที่บ้านเขามาส่งเพราะทางที่บ้านฉันค่อนข้างอันตรายค่ะฉันอธิบายอย่างไม่รีบร้อน เขาจดตามที่ฉันบอกก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ

                แล้วอืม...คุณรู้จัก คอนเวย์ เจฟเฟอร์สัน ใช่มั๊ยครับเจ้าหน้าที่ถามต่อ

                ไม่มีใครในอีรอส ไม่สิ ทั้งคอนลินครอสเลยดีกว่า ...ไม่มีใครไม่รู้จักทายาทคนเดียวของนายกเทศบาลของเมืองนี้หรอกค่ะฉันตอบก่อนจะนึกไปถึงใบหน้าหยิ่งยะโสของคนที่ได้ชื่อว่าผู้ยิ่งใหญ่ของเมือง

                แล้วรู้จักกันเป็นเชิงส่วนตัวมั๊ยครับ...ฉันส่ายหน้าน้อยๆ

                ขอบคุณคุณมากครับมิสเอมส์...นั่นแปลว่าหน้าที่ของฉันกับเรื่องยุ่งนี้จบลงแล้วสินะ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม...

                ติดต่อฉันได้เสมอค่ะฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวออกจากห้องสืบสวนด้วยท่าทางสบายๆ ฉันเดินไปหานอโคไลที่นั่งอ่านอะไรบางอย่างรออยู่ก่อนจะสะกิดให้เขารู้ตัวกับการมาถึงของฉัน

                เสร็จแล้วหรอฉันพยักหน้าก่อนจะหันไปโค้งลาคุณตำรวจหนุ่มพร้อมส่งยิ้มให้ ลานะคะ^^”ดูเจ้าหน้าที่แอนเดอร์สันจะตะลึงเล็กน้อยกับรอยยิ้มของฉัน หรือเขาอาจจะกลัวคำสาปของฉันที่ลือกันไปต่างๆนาๆก็ได้

                ลานะครับนิโคไลโค้งน้อยๆให้คุณเจ้าหน้าที่ก่อนจะเดินนำฉันไปที่รถที่เขาจอดไว้...เฮ้อ อย่างน้อยก็จบเรื่องยุ่งไปอีกเรื่อง

                คิดว่าน่ะนะ...

                นายตำรวจนั่นมองเธอตาไม่กระพริบเลยเมื่อกี๊นิโคไลโน้มตัวลงมากระซิบเบาๆเพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยิน

                กลัวฉันอีกคนล่ะมั๊ง...ฉันยักไหล่ นิโคไลมองฉันก่อนจะถอนหายใจแล้วเอื้อมมือหนามายีหัวฉันหน้าตาย นั่นเป็นอีกสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจในตัวของเขา เขามักจะทำตัวเหมือนกับว่าไม่อยากเข้ามาเสวนากับฉัน แต่ก็ลงท้ายด้วยการทำเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก

                เอาเป็นว่าฉันก็ไม่เข้าใจใครซักคนในเมืองนี้ล่ะนะ...

               

     

                บ้านลุงเอ็ดเวิร์ดยังคงอบอุ่นเสมอสำหรับฉัน ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาฉันรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแห่งครอบครัว คุณป้าซายากะเดินเข้ามาหาฉันทันทีที่มองเห็น ท่านมักจะเป็นกังวลกับทุกๆเรื่องของฉันราวกับฉันเป็นลูกนกตัวน้อยๆที่ต้องมีแม่นกกางปีกปกป้องตลอดเวลา

                สวัสดีค่ะคุณป้าซายากะฉันทักทายท่านก่อนจะสวมกอดตามธรรมเนียมของบ้านนี้ ท่านบอกการกอดทักทายก็เหมือนการได้สัมผัสความอบอุ่นในร่างกายและเสียงหัวใจของอีกฝ่าย

                และไม่น่าเชื่อมันสร้างความคุ้นเคยกับคนที่กอดได้

                สวัสดีจ้ะอลิส...เรากำลังทำพายฟักทองของโปรดของหนูอยู่เลยคุณป้ายิ้ม...เราที่ท่านหมายถึงนั่นคือชาลีนลูกสาวของท่าน

                เอ่อ แต่หล่อนไม่ค่อยชอบฉันเท่าไหร่หรอกนะ

                ว้าว...ดีจังค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะฉันผละออกจากอ้อมกอดเมื่อคุณลุงเอ็ดเวิร์ดเดินมาทางฉันฉันโค้งทักทายท่านน้อยๆก่อนจะเดินตามท่านไปยังโซนคลีนิค

                บ้านหลังนี้เป็นคลีนิคขนาดย่อมๆชื่อดังของหมอฮาลเลอร์ คุณลุงเป็นหมอชื่อดังที่โรงพยาบาลใหญ่ๆมากมายอยากได้ตัวท่าไปเป็นหมอประจำตัว อย่างน้อยๆผลงานที่มีทำให้วงการแผนถึงกับทึ่งและยกย่องเขาก็คือ

                การกู้ลมหายใจและชีวิตของฉันยังไงล่ะ

                ไตกับปอดของหนูยังงทำงานได้ดีอยู่ใช่มั๊ย...แน่นอนไม่มีเกริ่นนำให้ยืดเยื้อ ฉันพยักหน้าให้ท่านก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆ

                หนูคิดว่ารอบนี้ร่างกายกับอะไหล่สัมพันธ์กันฉันบอกยิ้มๆก่อนจะขึ้นยืนบนตราชั่งเพื่อเช็คน้ำหนักในรอบเดือน

                อา...อายจังเลยแฮะ ช่วงนี้ฉันยิ่งกินแต่อาหารแคลอรี่สูงซะด้วย

                ผอมลงอีกแล้วนะอลิสนั่นอาจจะเป็นเพราะฉันมีรูปร่างและขนาดตัวแบบชาวเอเชีย ทำให้ฉันดูตัวเล็กกว่าคนทั่วไปเมืองนี้ เชื่อเถอะถ้าเทียบกันโครงร่างฉันใหญ่กว่าคนเอเชียด้วยกันอยู่นิดหน่อยล่ะนะ

                แต่ไม่สูงขึ้นเลยเป็นนิโคไลที่มาช่วยเป็นลูกมือเล็กๆน้อยๆให้พ่อของเขา ฉันมุ่ยหน้าใส่เขาไปรอบนึงโทษฐานล้อเลียนฉันในเรื่องที่ฉันเจ็บใจและอิจฉาเขาอยู่ตลอดเวลา

                นี่มันความสูงระดับสาวเอเชียล่ะน่าฉันมักจะยกข้ออ้างนี้มาตอบเขาอยู่เสมอ อา...รู้สึกพ่ายแพ้และอับจนทางสู้ ตามจริงฉันสูงเกือบ 170เชียวนะ แต่หมอนี่ปาไป 189 ซึ่งมันสูงระดับนักบาสใน NBA แล้ว!

                เอาเป็นว่าฉันเกลียดเขา!

                “ยัยคนแคระเขาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจที่หยอกล้อฉันได้

                ผลเลือดก็โอเคคงตัว...คุณลุงที่ง่วนอยู่กับการตรวจเลือดของฉันพูดขึ้น อลิส...หนูโกรธหรือเปล่าที่ลุงช่วยชีวิตหนู

                คุณลุงคะ...ไม่มีเหตุผลที่หนูจะโกรธคนที่ช่วยชีวิต...ในความจริงแล้วหนูควรจะขอบคุณและซาบซึ้งในพระคุณของท่านด้วยซ้ำฉันยิ้ม หลายคนคงมีความคิดที่เป็นอยู่แบบนี้บางทีตายไปซะยังทรมานน้อยกว่า

                แต่ชีวิตของเรามีค่า...และฉันเชื่อว่าที่ฉันยังยืนอยู่ตรงนี้แสดงว่าชีวิตและลมหายใจของฉันยังมีความหมาย การละเลยและไม่เห็นคุณค่าของชีวิต

                ...คือการมองข้ามและดูถูกผู้ที่ให้กำเนิดชีวิต

                แต่เพราะลุง...หนูถึงได้ถูกมองว่าเป็นแม่มด...ลุงไม่ควรเป็นหมอด้วยซ้ำลุงเอ็ดเวิร์ดพร่ำโทษตัวเองว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้ฉันต้องถูกตราหน้าว่าเป็นภาชนะต้องสาปของตุ๊กตาอาถรรพ์ แต่ฉันว่าเป็นโชคชะตาของฉันเองมากกว่า

                และฉันก็ไม่ถือโทษโกรธใคร

                แต่ก็เพราะลุง หนูถึงยังมีชีวิต...ได้มีโอกาสรู้จักคนดีๆอย่างจิลเลี่ยน วอลเตอร์...ได้รู้จักครับครัวที่แสนจะอบอุ่นอย่างครอบครัวฮาลเลอร์ ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสถ์ที่พ่อกับแม่เก็บตังค์ทั้งชีวิตสร้างให้...และยังทีเรื่องดีๆอีกมากมายที่ถ้าตายไปคงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้วฉันยื่มมือไปกุมมือเหี่ยวๆของชายวัย 50 ปลายๆตรงหน้าก่นจะส่งยิ้มให้เขา คิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้กันนะคะ

                เธอเนี่ยน้า...คุณลุงหัวเราะน้อยๆเมื่อเห็นว่าฉันฉีกยิ้มทะเล้น สำหรับฉันเรื่องที่เกิดไปแล้วก็คือผ่านไปแล้วส่วนเรื่องที่ยังไม่เกิดก็คือสิ่งที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้นแหละ ตอนนี้ค่าทุกอย่างคงที่ดีแล้ว...คิดว่าอวัยวะภายในเทียมของหนูคงค่อยๆปรับตัวเข้ากับร่างกายแล้ว

                พลังฟื้นฟูแห่งวัยรุ่นไงล่ะคะ!”ฉันทำท่าเบ่งกล้ามจนนิโคไลต้องยื่นมือมาผลักหัวฉันเบาๆอย่างหมั่นไส้

                เอาล่ะ เดี๋ยวน้ำเกลือถุงนี้หมดเราไปทานพายฟักทองของโปรดหนูกันเถอะ

     

     

     

                เป็นเช้าอีกวันที่รู้สึกว่าสายตาของทุกคนในอีรอสจับจ้องมาทางฉันเป็นพิเศษ และแน่นอนทุกที่ที่ฉันก้าวเดินทุกคนจะแหวกออกถอยทางให้ฉันเหมือนหวาดกลัวอะไรซักอย่าง

                ก็ถือว่าเป็นปกติล่ะนะ...สงสัยคงมีข่าวลืออะไรอีก

                สวัสดีครับมิสเอมส์...เจ้าหน้าที่แอนเดอร์สันเดินมาทางฉันพลางยื่นมือออกมาทักทาย ฉันจับมือเขาตอบก่อนจะส่งยิ้มให้เล็กน้อย เป็นอีกครั้งที่คุณคงต้องไปให้ปากคำที่โรงพัก...เพราะคุณอยู่กับเซเลน่า อลอนโซเป็นคนสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

                “!!”

     

     















     

     -----------------------
    TALKTALKTALK
    03/05/14 - แก้คำผิดนิดหน่อยนะคะ
    12/07/14 - อุต๊ะ ตายอีกแล้ววววอ่ะ T^T ..บอกแล้วนี่มันอลิสฮาเร็ม! นางเก็บเรียบเก็บแม้แต่คุณตำรวจ! ไม่เอาแล้วจิล อยากได้นิโคไลคนอบอุ่น คนสูง คนขี้เล่นหัว แงง เขินจูงเบย /)///~///(\ แล้วพระเอกปรากฎตัวมั๊ย ก็ไม่ ฮาาาาาาาา...จริงๆคือกั๊กไว้ ซิสค่อนแบบนั้นไม่เอามาเข้าฮาเร็มหรอก แบร่ 555555 = =;; สั้นอ่ะ งั้นเราแก้ตัวตอนหน้าเนอะ T^T ตอนหน้านางเอกจะอ่วมแล้วเอาใจช่วยนางนะทุกคน



     


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×