ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Thor] Fire and Ice [Loki/OC]

    ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์: Princess of Nornheim

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 57



     คุยกันก่อนอ่านนะคะ

    ตอนนี้นางเอกของเราออกโรงแล้วนะคะ เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบหรือไม่ชอบ หรืออ่านฟิคเรื่องนี้แล้วคิดยังไงก็ลองแสดงความคิดเห็นไว้นะคะ ตอนต่อไปจะลงภายใน 1 วีคค่ะ




     

    ***Chapter 3 Princess of Nornheim: เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์***

     

    ในขณะเดียวกับที่โลกิเดินทางกลับพระราชวังแอสการ์ด  ณ  พระราชวังนอร์นไฮม์ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ธีอาซีมาก่อนก็วุ่นวายโกลาหลไม่น้อยจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนางกำลังนางหนึ่งรีบผลีผลามเข้าไปภายในห้องบรรทมของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ซึ่งเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของกษัตริย์ธีอาซีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก 

    เมื่อประตูเปิดขึ้น  องค์หญิงสกาฎี (อ่านว่าสะ-กา-ดี นะคะ เธอเป็นตัวละครหนึ่งในตำนานเทพนอร์สซึ่งเราเอามาดัดแปลงให้เป็นนางเอกเรื่องนี้ค่ะ ผู้เขียน) ผู้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างหน้าต่างก็เงยหน้าขึ้นมองร่างที่เพิ่งมาเยือนในทันที   ดวงตาของนางแลดูแปลกใจเมื่อเห็นร่างของนางกำนัลที่รีบผลีผลามเข้ามาในห้อง  รวมทั้งเมื่อนางได้เห็นสีหน้าที่ขาวซีดของนางกำนัลคนสนิทแล้วสกาฎีก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาร่างที่เพิ่งมาใหม่ในทันที

    มีอะไรอย่างนั้นหรือ  เอลล่า สกาฎีเอ่ยปากถาม  ดวงตาสีน้ำตาลของนางจับจ้องใบหน้าขาวซีดของนางกำนัลคนสนิทด้วยท่าทีร้อนใจ  เมื่อเอลล่าอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมพูดออกมา  ริมฝีปากของนางสั่นระริกเมื่อนางต้องเอ่ยปากแจ้งข่าวร้ายให้แก่องค์หญิงของนางทราบ  ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็รอคอยสิ่งที่นางกำนัลของนางกำลังจะพูดออกมาอย่างใจจดใจจ่อ

    ริมฝีปากของเอลล่าสั่นระริกในขณะที่นางพยายามจะพูดออกมา  ท่าทีของนางราวกับนางต้องการมาแจ้งเรื่องที่สำคัญมาก  หากแต่ในขณะเดียวกันนางก็ไม่สามารถพูดเรื่องดังกล่าวออกมาได้เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงของนางด้วยแววตาโศกเศร้า  และเมื่อเห็นเช่นนั้น  เจ้าหญิงสกาฎีที่รู้อยู่แล้วว่าข่าวที่เอลล่านำมาแจ้งแก่นางนั้นจะต้องไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ก็ยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสมือของนางกำนัล

    เจ้าบอกข้ามาเถอะเอลล่า นางพูดพร้อมกับจับมือนางกำนัลคนสนิทไว้  ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้านางและพูดออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกและแววตาที่เศร้าโศก

    องค์หญิงเพคะ  พระบิดาของท่าน  กษัตริย์ธีอาซีสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ!” นางกำนัลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ!

    เมื่อได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของบิดา  ดวงตาสีน้ำตาลขององค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ!  มือเล็กของนางที่เคยกุมมือนางกำนัลอยู่ก็ผละออกมาจากมือของเอลล่าในทันที  ดวงตาสีของสกาฎีที่ลืมขึ้นนั้นมองสบกับดวงตาที่มีน้ำตาคลอเอ่อและใบหน้าที่ขาวซีดของนางกำนัลคนสนิท  หากแต่ดวงหน้าที่ขาวซีดและดูหมองเศร้าของเอลล่านั้นไม่อาจเทียบกับดวงหน้างามที่ซีดเซียวและดูทุกข์ระทมของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ได้เลย  ริมฝีปากอิ่มของนางสั่นระริก  และในวินาทีต่อมาหยดน้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มเนียนของนาง  เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้รับรู้ข่าวดังกล่าวกว่าที่นางจะสามารถพูดออกมาได้  นางเม้มริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของเอลล่าอย่างค้นหาแล้วจึงถามขึ้น

    ที่เจ้าบอกข้ามาเมื่อครู่เป็นความจริงหรือ นางถามด้วยน้ำเสียงที่แห้งผากและเต็มไปด้วยความตกใจ  มือเล็กของนางยกขึ้นบีบมือกำนัลคนสนิทราวกับนางคิดว่าสิ่งที่เอลล่าได้บอกนางเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ความจริง  แต่ถึงจะถามออกไปเช่นนั้นก็ตาม  สกาฎีก็รู้ดีว่าเอลล่าไม่มีวันที่จะโกหกนางเป็นแน่  โดยเฉพาะในเรื่องที่สำคัญยิ่งแบบนี้  ดังนั้นเรื่องราวที่นางเพิ่งได้รับรู้มาเมื่อครู่นั้นก็ต้องเป็นความจริงอย่างที่นางไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้!

    ส่วนทางด้านนางกำนัลเอลล่าที่ถูกตั้งคำถามนั้น  บัดนี้น้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มของนาง  นางได้แต่พยักหน้าอย่างโศกเศร้าก่อนจะพูดขึ้น

    เป็นความจริงเพคะ  ม้าเร็วเพิ่งมาแจ้งข่าวจากสนามรบเมื่อครู่เองเพคะ นางกำนัลกล่าว  และเมื่อได้รับการยืนยันว่าข่าวร้ายที่สุดสำหรับนางเป็นเรื่องจริงนั้น  สกาฎีก็แทบจะยืนไม่อยู่  นางรู้สึกราวกับโลกทั้งใบมืดมนลงกระทันหัน  นางรู้สึกราวกับมีแรงดูดมหาศาลที่ดูดนางให้จมดิ่งลงสู่พื้นพสุธา  ความรู้สึกมึนงงและคลื่นเหียนเข้าครอบงำเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์จนนางแทบจะทรงตัวยืนอยู่ไม่ไหว  และหากไม่ใช่เพราะความเข้มแข็งเยี่ยงขัตติยนารีที่บิดาของนางเคยพร่ำสอนนางมาตั้งแต่เยาว์ที่ช่วยพยุงร่างเล็กของนางให้ยืนอยู่บนพื้นไว้ได้ในตอนนี้  นางก็คงล้มลงไปร้องไห้คว่ำครวญอยู่กับพื้นแล้วเป็นแน่

    ทางด้านเอลล่านั้น  เมื่อเห็นว่าองค์หญิงของนางมีท่าทีราวกับจะยืนไม่ไหว  นางก็รีบเข้ามาประคองร่างบางเบื้องหน้าเอาไว้  แต่ทันทีมือของนางกำนัลแตะโดนแขนของสกาฎี  เจ้าหญิงก็ยกมือห้ามเอาไว้  ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นสบนางกำนัลคนสนิทก่อนที่นางจะพูดขึ้นอีกครั้ง

    เจ้าพอรู้ไหมว่าท่านพ่อของข้าตายยังไง  แล้วพระศพของท่านล่ะ องค์หญิงถามด้วยท่าทีเข้มแข็ง  แม้ว่าบัดนี้หัวใจของนางแทบจะแตกสลายด้วยความโศกเศร้าก็ตาม  และเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นนางกำนัลเอลล่าก็มองเจ้าหญิงของนางด้วยท่าทีลังเลราวกับนางไม่กล้าพอที่จะพูดในสิ่งที่นายหญิงของนางกำลังถามนางออกมา

    ตอบข้ามาสิ  เอลล่า  ท่านพ่อตายยังไง  ใครเป็นคนสังหารท่าน  นักรบแอสการ์ดอย่างนั้นหรือ เจ้าหญิงถามซ้ำ  ขณะที่เอลล่าหลบสายตาของนางด้วยท่าทีอึดอัดใจ  แต่ในไม่ช้านางกำนัลก็ตัดสินใจว่านางจำเป็นต้องตอบคำถามองค์หญิงในสิ่งที่นางต้องการรู้ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่เพียงชั่วครู่ริมฝีปากของนางกำนัลขยับอีกครั้งก่อนที่นางจะพูดขึ้น

    ฝ่าบาทมิได้ถูกสังหารด้วยน้ำมือของทหารแอสการ์ด  หากแต่พระองค์สิ้นพระชนม์จากการประลองตัวต่อตัวกับราชาแห่งแอสการ์ดที่เสด็จมายังสนามรบในวันนี้เพคะ  ฝ่าบาทหลงกลศัตรูของพระองค์ในการประลองจนต้องสิ้นพระชนม์เพคะ นางเอ่ย  ขณะที่สกาฎีนั้นตาโตเมื่อได้รู้ความจริงที่ว่าบิดาของนางนั้นสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของ  โลกิ  ราชาแห่งแอสการ์ดผู้เป็นศัตรูและเป็นสาเหตุที่ทำให้นอร์นไฮม์เปิดศึกกับแอสการ์ดในครั้งนี้

    ราชาแห่งแอสการ์ดอย่างนั้นหรือ  ที่เป็นผู้สังหารท่านพ่อของข้า นางพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น  ดวงตาสีฟ้าที่เคยเศร้าโศกบัดนี้มันกลับแลดูครุ่นคิดและที่ยิ่งไปกว่านั้นมันเต็มไปด้วยประกายความแค้น  ขณะที่เอลล่าซึ่งกำลังกุมมือเล็กที่สั่นเทาขององค์หญิงอยู่นั้นพยักหน้าเบา ๆ

    แล้วพระศพของท่านล่ะ  เอลล่า นางถามต่อด้วยดวงตาที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตา  และเมื่อเป็นเช่นนั้นดวงตาของนางกำนัลก็กลับยิ่งแสดงออกถึงความไม่สบายใจมากขึ้น  มือของนางเลื่อนไปบีบมือเจ้าหญิงแน่นขึ้นก่อนที่นางจะเอ่ยปากพูดออกมา

    องค์หญิงของข้า  พระบิดาของท่านหลงกลโลกิจนพลัดตกหน้าผา  ทำให้เราไม่สามารถนำศพของพระองค์กลับมาได้เพคะ เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของสกาฎีก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ  ในวินาทีนั้นเองที่องค์หญิงแห่งนอร์มไฮม์รู้สึกว่าความเข้มแข็งทั้งหมดของนางได้มลายหายสูญไปสิ้น  เมื่อเข่าเล็ก ๆ ของนางอ่อนยวบยาบพร้อม ๆ กับที่นางรู้สึกว่าร่างกายหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันใดนั้นเอง  และสิ่งต่อมาที่เจ้าหญิงคนแห่งนอร์นไฮม์รู้สึกก็คือความมืดที่เข้าปกคลุมสติสัมปชัญญะของนางเมื่อร่างบางของสกาฎีล้มลงกับพื้นภายใต้เสียงร้องอย่างตกใจของนางกำนัลคนสนิท

     

    …………………………………………………………………..

     

    หลังจากได้รับชัยชนะจากการรบที่นอร์นไฮม์มาหมาด ๆ ซึ่งเป็นเพราะการประลองระหว่างเขากับธีอาซีที่ทำให้การศึกทั้งหมดจบลงอย่างรวดเร็วแถมมันยังนำเอาชัยชนะมาให้แอสการ์ดได้อย่างง่ายดายด้วยนั้น  โลกิก็สั่งให้จัดงานฉลองขึ้นหลังจากที่นักรบแอสการ์ดเกือบทั้งหมดกลับมาจากนอร์นไฮม์แล้ว  เขาจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะขึ้นเฉกเช่นเดียวกับที่ธอร์เคยทำทุกครั้งที่ชนะการรบมา  แต่ถึงกระนั้นโลกิกลับพบว่างานเลี้ยงฉลองชัยชนะในครั้งนี้นั้นน่าเบื่อไม่แพ้กับการนั่งอยู่บนบัลลังค์แอสการ์ดเพื่อมองดูความเป็นไปของโลกทั้งเก้าเลยแม้แต่น้อย  หนำซ้ำหลังจากงานเลี้ยงฉลองโลกิก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ 

    ในตอนแรกราชาแห่งแอสการ์ดคิดจะหาอะไรทำแก้เบื่อเสียหน่อย  บางทีเขาอาจจะกลับไปที่นอร์นไฮม์อีกครั้งเพื่อตรวจดูการทำงานของทหารแอสการ์ดบางส่วนที่ยังคงอยู่ที่นั่น  เพื่อที่เขาจะสามารถแน่ใจว่านอร์นไฮม์นั้นยอมสวามิภักดิ์กับเขาจริง ๆ และถ้าหากการเดินทางไปยังนอร์นไฮม์ซึ่งบัดนี้ได้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของเขาไม่ได้ช่วยให้เขาหายเบื่อขึ้นมาได้  เขาก็ตัดสินใจว่าจะไปท่องเที่ยวยังอาณาจักรอื่นเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดดีกว่าที่จะต้องมาอุดอู้อยู่แต่บนบัลลังค์แอสการ์ดแบบนี้  แต่ยังไม่ทันที่โลกิจะตัดสินใจขี่ม้าไปยังสะพานไบฟรอสท์เพื่อเดินทางไปยังนอร์นไฮม์นั้น  ทหารนายคนหนึ่งก็รุดเข้ามารายงานเขาก่อนที่เขาจะทานอาหารเช้าเสร็จด้วยซ้ำว่าไฮม์ดัลต้องการพบเขาด้วยเรื่องสำคัญ

    แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร  แต่ราชาแห่งแอสการ์ดก็พอจะรู้ว่าสาเหตุที่ไฮม์ดัลต้องการพบเขานั้นต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่ทหารคนดังกล่าวมารายงานเขาเป็นแน่  เพราะตั้งแต่โลกิครองบัลลังค์มานั้น  ไฮม์ดัลก์ไม่เคยส่งทหารมาเชิญเขาไปยังสะพานไบฟรอสท์เลยแม้แต่ครั้งเดียว  แม้กระทั่งตอนที่นอร์นไฮม์ก่อกบฎไฮม์ดัลก็เลือกที่จะส่งทหารมาแจ้งข่าวกับเขามากกว่าจะต้องใช้ราชาแห่งแอสการ์ดอย่างเขาเป็นฝ่ายไปพบไฮม์ดัลด้วยตัวเอง

     เมื่อเป็นเช่นนั้นโลกิจึงตัดสินใจขี่ม้าไปยังสะพานไบฟรอสท์ในทันที  และเมื่อเขาไปถึงจุดหมาย  เขาก็เห็นไฮม์ไดล์ในชุดสีทองที่กำลังยืนมองความเป็นไปของอาณาจักรทั้งเก้าอยู่ด้วยท่าทีสงบ

    โลกิเดินเข้าไปใกล้ไฮม์ดัลก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

    เจ้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องพบข้า  มีอะไรอย่างนั้นหรือ นายทวารละสายตาจากพิภพเบื้องล่างก่อนจะหันมามองเจ้าเหนือหัวของเขา

    มีการก่อกบฎขึ้น  ข้าจึงจำเป็นต้องรายงานท่าน เขากล่าว  ขณะที่โลกิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    กบฎอีกแล้วอย่างนั้นหรือ  ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีคนชอบข้าซักเท่าไหร่เลยนะ เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ แล้วที่ไหนกันล่ะคราวนี้  วานาไฮม์  หรืออัลไฟม์กันล่ะ เขาพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ  ในขณะที่ไฮม์ดัลส่ายหน้าช้า  ๆ

    เป็นที่นอร์นไฮม์ต่างหาก  ฝ่าบาท นายทวารตอบ  และเมื่อได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มยียวนก็จางหายออกไปจากริมฝีปากบางของโลกิ  เขาหรี่ตาลงอย่างสงสัยก่อนจะถามออกมา

    นอร์นไฮม์หรือ  แต่ข้าแน่ใจว่าข้าสังหารราชาแห่งนอร์นไฮม์ไปแล้วนี่ เขากล่าว 

    แน่นอนว่าท่านสังหารธีอาซีไปแล้ว  แต่คราวนี้มีคนต้องการล้างแค้นแทนเขา ไฮม์ดัลรายงานก่อนจะละสายตาจากเจ้าเหนือหัวของเขาก่อนจะจ้องมองลงไปยังพิภพเบื้องล่างอีกครั้ง

     

    …………………………………………………………………..

     

    ณ จุดไบฟรอสท์ที่นอร์นไฮม์  มีร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวด้วยชุดนักรบแบบเต็มยศกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่พัดกระหน่ำ  นางสวมบูธลุยหิมะสูงเท่าเข่า  เสื้อเกราะของนางส่องแสงแวววาวปะทะลมหนาว  มือหนึ่งของนางถือโล่ขณะที่อีกมือหนึ่งถือดาบเล่มยาว  ผมสีทองปลิวสยายไปตามสายลม  ท่ามกลางพายุอันหนาวเหน็บนางยืนป่าวประกาศท้าทายให้ราชาแห่งแอสการ์ดลงมาสู้ตัวต่อตัวกับนางอยู่ได้พักหนึ่งแล้ว  แน่นอนว่าหญิงสาวคนนั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสกาฎี  เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ผู้เพิ่งเสียพระบิดาไปจากการประลองตัวต่อตัวระหว่างเขากับโลกิ

    ถ้าท่านมีเกียรติสมกับเป็นราชาผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้าจริงก็ลงมาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!” นางป่าวร้องท่ามกลางสายลมหนาว  แม้ว่าริมฝีปากของนางจะซีดเซียวเพราะความหนาว  แม้ว่าพวงแก้มเนียนจะขึ้นสีด้วยเหตุผลเดียวกัน  และแม้ว่านางจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอคอยการปรากฎตัวของราชาแห่งแอสการ์ดมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม  และแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเขาจะรับคำท้าที่จะต่อสู้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางหรือไม่  หากแต่นางไม่มีทางเลือกอื่นที่จะแก้แค้นให้บิดานอกจากรอคอยการปรากฎตัวของเขาเท่านั้น  

    ทางด้านผู้ถูกนางท้าทายอย่างราชาแห่งแอสการ์ดผู้กำลังยืนอยู่ซึ่งสะพานไบฟรอสท์ข้าง ๆ ไฮม์ดัลนายทวารนั้น  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นภาพรวมถึงได้ยินคำกล่าวของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์เหมือนไฮม์ดัลก็ตาม  แต่โลกิก็สามารถรับรู้เรื่องราวทั้งหมดได้จากการบอกเล่าของไฮม์ดัลผู้สามารถมองเห็นความเป็นไปของพิภพทั้งเก้าได้

    ใครกันที่ต้องการแก้แค้นให้เจ้าอสูรธีอาซี  พวกประชาชนที่จงรักภักดีของมันอย่างนั้นหรือ โลกิถามอย่างยี่หระ  เขาเกือบจะพูดออกไปแล้วว่าถ้าหากเป็นอย่างที่เขาคิดจริง  เขาจะส่งกองทัพของแอสการ์ดไปปราบนอร์นไฮม์เสียให้ราบเป็นหน้ากลองให้สมกับความกำแหงของพวกมัน  หากแต่คำตอบที่อีกฝ่ายบอกเขานั้นกลับแตกต่างจากที่เขาคิดไว้เป็นอย่างมากเมื่อไฮม์ดัลพูดขึ้นขณะที่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปยังอาณาจักรทั้งเก้าว่า

    ผู้ที่ต้องการแก้แค้นท่านคือหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น  นางเป็นธิดาของธีอาซีที่ท่านเพิ่งสังหารไป  นางมาป่าวประกาศท้าทายให้ท่านมาสู้กับนางตัวต่อตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้ว กษัตริย์แห่งแอสการ์ดมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ไฮม์ดัลพูดจบ  โลกิเดินเข้ามาใกล้จุดที่นายทวารยืนอยู่อีกสองก้าว  ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาจ้องมองไปยังพิภพเบื้องล่างราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นพิภพเหล่านั้นได้เหมือนไฮม์ดัลก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามขึ้นมา

    เจ้าว่า  ธิดาของธีอาซีมาท้าประลองกับข้าอย่างนั้นหรือ เขาถาม

    ใช่  นางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของธีอาซี  เป็นเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ อีกฝ่ายตอบกลับมา

    แล้วชื่อของนางล่ะ โลกิถาม  ไฮม์ดัลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา

     สกาฎี  นามของนางคือสกาฎี

    เป็นชื่อที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน  แต่ถึงกระนั้นการกระทำของเจ้าหญิงนางนี้กลับน่าแปลกประหลาดยิ่งกว่านามของนางหลายเท่านัก  เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าการกระทำของนาง  คือการที่นางมาท้าทายอำนาจของเขาผู้เป็นราชาแห่งแอสการ์ดและผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้านั้นเปรียบเสมือนการพาตัวเองเดินเข้าหาความตายก็ไม่ปาน  แต่หญิงนางนี้กลับทำสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการท้าทายอำนาจของเขาซึ่งก็คือการเอ่ยปากท้าประลองกับเขาทั้ง ๆ ที่มันไม่มีทางที่นางจะชนะการประลองและแก้แค้นให้บิดาของนางได้สำเร็จ  แต่ถึงจะเห็นว่าการกระทำของเจ้าหญิงนอร์นไฮม์คนนี้เป็นเรื่องบ้าบิ่นและน่าขบขันขนาดไหนก็ตาม  แต่ก็โลกิก็ไม่อาจปล่อยให้นางท้าทายเขาไปนานมากกว่านี้ได้พอ ๆ กับที่เขารู้ดีว่าเขาไม่ต้องการลดตัวไปประลองกับผู้หญิงไร้ความคิดอย่างนางเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อคิดได้เช่นนั้นราชาแห่งแอสการ์ดจึงถามขึ้นอีกครั้ง

    นางเป็นคนยังไง  จากที่เจ้าจับตามองนอร์นไฮม์โดยตลอด และเพราะคำถามนั้นทำให้ไฮม์ดัลนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบออกมา

    นางถูกเลี้ยงมาเยี่ยงขัตติยนารี  นางเป็นนักรบหญิงที่มีฝีมือ  แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งและเก่งกาจเท่าเลดี้ซิฟก็ตาม  แต่นางก็เชี่ยวชาญอาวุธหลายแขนง  นางเลือกใช้ดาบมาสู้กับท่าน เมื่อได้ยินคำตอบ  โลกิก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ

    เจ้าบอกว่านางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของธีอาซี  แสดงว่านางเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์ต่อจากเขาอย่างนั้นหรือ  นางมีพี่ชายหรือน้องชายหรือเปล่า เมื่อได้ยินคำถามนั้น  ไฮม์ดัลก็ตอบออกมาในทันที

    ไม่มี  นางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของเขา  และแน่นอนว่านางเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์ต่อจากบิดาของนาง

    แต่นางก็เลือกที่จะท้าประลองกับข้าตัวต่อตัว  แทนที่จะระดมกำลังทหารมาทำสงครามกับแอสการ์ดอย่างนั้นสิ โลกิเอ่ยราวกับต้องการพูดกับตัวเองมากกว่าจงใจถามคำถามนั้นกับไฮม์ดัล  แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นนายทวารก็ตอบคำถามของเขาออกมาแต่โดยดี

    เป็นอย่างที่ท่านคิด เขากล่าว นางคงไม่ต่างจากบิดาของนางที่ห่วงใยประชาชนและไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดขึ้น  นางถึงตัดสินใจมาท้าประลองกับท่านตัวต่อตัว ไฮม์ดัลตอบตามตรง  และเพราะคำตอบนั้นของเขาทำให้รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากบางของโลกิ

    เจ้ากำลังจะบอกข้าอย่างนั้นหรือว่าธิดาของธีอาซีรักและเป็นห่วงประชาชนของนางไม่ต่างจากบิดาหน้าโง่ของนางน่ะ ราชาแห่งแอสการ์ดกล่าวพลางจ้องมองลงไปยังพิภพเบื้องล่างราวกับเขาสามารถมองเห็นเจ้าหญิงผู้อหังการของนอร์นไฮม์ได้เช่นเดียวกับไฮม์ดัล  ขณะที่อีกฝ่ายตอบคำถามของเขาออกมา

    ข้าก็เพียงตอบตามที่ข้าเห็นเท่านั้น นายทวารกล่าว  ขณะที่โลกิมีท่าทีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามต่อ

    นางมาที่สะพานไบฟรอสท์เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ  หรือว่านางขนกองทัพมาด้วย  เผื่อว่าถ้าข้ายอมลดตัวไปประลองกับนางแล้วชนะนางขึ้นมา  นางจะให้ทหารของนางมาลอบสังหารข้ารึเปล่า เขาถามพลางยิ้มพรายราวกับว่าเขาไม่ใส่ใจกับคำตอบที่จะได้รับเท่าไหร่นัก  แต่ถึงกระนั้นโลกิก็เป็นคนเจ้าเล่ห์และรอบคอบเกินกว่าที่จะไม่ประเมินกำลังของคู่ต่อสู้  แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาคนนี้จะเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ก็ตาม

    ไฮม์ดัลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมา

    นางตั้งใจมาสู้ตัวต่อตัวกับท่านเพียงอย่างเดียว  เพราะไม่มีใครมากับนางด้วยเลยแม้แต่องครักษ์  มีเพียงนางกำนัลติดตามมาคนหนึ่งและม้าอีกสองตัวเท่านั้น เขารายงาน  และเมื่อได้ยินเช่นนั้นโลกิก็หรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด ราชาแห่งแอสการ์ดกำลังตัดสินใจว่าเขาจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ดี  เขาสมควรจะรับคำท้าแล้วลดตัวลงไปประลองกับหญิงสาวผู้อาจหาญนางนี้ดี  หรือเขาจะทำเพียงแค่ส่งนักรบลงไปสังหารนางเสียเพื่อตอบแทนความอวดดีของนาง  อาจจะไม่ต้องถึงขั้นส่งนักรบลงไปก็ได้  แค่เพียงหุ่นดิสตรอยเยอร์เท่านั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดเจ้าหญิงอวดดีแห่งนอร์นไฮม์คนนี้เสีย  แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นก็จะกลับกลายเป็นว่าเขาหมิ่นเกียรติของตนเองด้วยการทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้อย่างนางซึ่งอาจจะทำให้ชาวนอร์นไฮม์ที่เพิ่งจะสวามิภักดิ์ต่อเขาไปหมาด ๆ แข็งข้อกับเขาขึ้นมาอีกก็ได้  แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ต้องการจะรับคำท้าประลองของนางซึ่งดูเหมือนเป็นการปล่อยให้นางมาจูงจมูกเขา  อีกทั้งหลังจากที่เขาเพิ่งลดตัวลงไปประลองกับบิดาของนางและได้รับชัยชนะมาหมาด ๆ โลกิก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต่อสู้กับใคร  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ท้าทายเขาไปนานมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

    ใช่  เขาไม่อาจจะปล่อยให้นางทำตัวอวดดีมาท้าทายเขาไปนานกว่านี้ได้อีกแล้ว

    และเมื่อคิดได้เช่นนั้นโลกิก็ออกคำสั่งกับไฮม์ดัลด้วยท่าทีที่ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย

    พานางมาที่นี่  ไฮม์ดัล  แต่เฉพาะเจ้าหญิงตัวยุ่งนั่นเท่านั้นนะ  ไม่ต้องพานางกำนัลหรือม้าของนางมาด้วย เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ   ขณะที่ไฮม์ดัลเงยหน้ามองเจ้าเหนือของหัวของเขาด้วยท่าทีสงสัย

    แต่นางต้องการแก้แค้นท่านนะ  ฝ่าบาท  ถ้าข้านำตัวนางมาที่นี่อาจจะเป็นอันตรายต่อท่านได้ นายทวารเตือน  แต่โลกิกลับไม่สนใจฟังคำพูดของไฮม์ดัลเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาพูดขึ้นว่า

    เจ้าคิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรือ  ข้าสั่งให้เอาตัวนางมาพบข้ายังไงล่ะเขาสั่งเสียงเข้มที่ท้ายประโยคและเมื่อได้ยินเช่นนั้นไฮม์ดัลก็จำเป็นต้องเปิดสะพานไบฟรอสท์เพื่อนำตัวองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์มายังแอสการ์ดตามบัญชาของเจ้าเหนือหัวเขาแต่โดยดี

     

     

    ************************************************************

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×