ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Battle Royale Thailand เกมหฤโหด (Fic)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทเรียนที่ 2 ค่ายคุณธรรม

    • อัปเดตล่าสุด 23 ม.ค. 57


    BATTLE ROYALE THAILAND

    เกมหฤโหด

    บทเรียนที่ 2 ค่ายคุณธรรม

    ---------------------------------------------------

    แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาจนธันย์ซึ่งอยู่ใกล้หน้าต่างรีบปิดผ้าม่านลง เขาตั้งใจจะพักสายตาแท้ ๆ ทำไมต้องมีอะไรมาขัดจังหวะทุกครั้ง เมื่อกี้ก็เสียงร้องเพลงของโยจิ พวกผู้ชายบ้าพลังหลังรถที่ส่งเสียงแซวสาว ๆ ในห้องตลอดทาง แล้วก็มาแสงแดดนี่อีก เขาไม่รอช้า หยิบหูฟังพร้อมเครื่องเล่นออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมมาเพื่อเข้าสู่โลกแห่งนิทราเสียที

    ตั้งแต่รถบัสทะยานออกมาจากโรงเรียน การพูดคุยเริ่มระเบิดเสียงขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น สายตาของนักเรียนคนอื่นที่อยู่นอกรถให้ความรู้สึกแปลก ๆ บ้างก็ส่งยิ้มให้ บ้างก็หลบสายตาไม่กล้ามองเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นตัวประหลาดยังไงยังงั้น นั่นทำให้รินทร์กลับกังวลเข้าไปใหญ่

    หรือว่าบางทีพวกนั้นอาจจะอิจฉาพวกเราก็ได้ที่ได้สิทธ์ไปเที่ยวห้องเดียวแบบนี้ เธอพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่ให้ตัวเองวิตกและงานจะไม่สนุกไปด้วย ข้าง ๆ ของเธอมีสมายล์นั่งอยู่ด้วย ตั้งแต่ขึ้นรถมาเธอได้แต่นอนไม่พูดไม่จากับใคร เมื่อคืนเธอคงจะแชทคุยกับเพื่อน ๆ ในห้องเพลินไปนอนจนเลยเวลานอนและมาของีบบนรถแบบนี้ บรรยากาศบนรถ แอร์เย็น ๆ แบบนี้ถ้าจะอยากหลับก็ไม่แปลก

    ทันทีที่ขึ้นรถ อาจารย์มนัส อาจารย์วิชาการท่องเที่ยวซึ่งมีหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเขาทั้ง 40 ชีวิตจัดการแจกอาหารมื้อเช้า นั่นคือข้าวกล่องแบบง่าย ๆ ที่หาได้ในเซเว่น รินทร์วางข้าวกล่องในมือไว้ข้าง ๆ ก่อนที่จะแกะถุงขนมปังออกอย่างเบามือที่สุด เธออยากกินมากกว่าอาหารเช้าแบบนี้เสียอีก

    “กินขนมปังแต่เช้าเลยเหรอ” เสียงหนึ่งดังอยู่ข้าง ๆ จนเธอต้องหันไปมอง

    ถัดไปจากเบาะข้างเธอ เด็กหนุ่มเรียนดีคนหนึ่งมองมาทางเธอก่อนจะยิ้มบาง ๆ รินทร์ส่งยิ้มทักทายให้นาวาก่อนจะส่งขนมให้ เขาส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ

    “สาวยื่นขนมปังให้ ไม่กินแบบนี้จะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ” เจมส์ เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่ข้าง ๆ เปรยขึ้นก่อนจะลอบยิ้มอย่างมีเลศนัย

    ถัดไปที่เบาะกลาง กลุ่มสาวสวยกำลังนั่งแชทกับหนุ่มต่างโรงเรียนอย่างสนุกสนานโดยเฉพาะกับทรายที่ดูจะเสน่ห์แรงมากที่สุดในกลุ่มสามสาว มีผู้ชายหลายต่อหลายคนพยายามเข้าหาเธอและบำเรอเธอด้วยเงินทองโดยที่เธอใช้ตัวเข้าแลกมาอย่างสบาย ๆ ในขณะติ๊กเองกลับไม่ค่อยได้หนุ่ม ๆ ที่หมายปองเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นขวัญใจพวกอันธพาลหลังห้องมากกว่า และสาวสวยผมทองอย่างแคนดี้ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับทรายเองก็ขายไม่ออกเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวย แต่เพราะเธอมีปอ หนุ่มหล่อร่วมห้องอยู่แล้วต่างหาก

    พวกเขากำลังสนุกสนานกับการจินตนาการเกี่ยวกับการเข้าค่ายคุณธรรมในครั้งนี้ บางคนถึงกับเตรียมชุดว่ายน้ำติดกระเป๋ามาด้วย คาดว่าที่นั่นคงมีสระเอาไว้คลายเครียด หนุ่ม ๆ หลายคนพกถุงยางอนามัยติดตัวไว้ตลอด นับเป็นเรื่องดีในสังคมที่วัยรุ่นยังรู้จักป้องการและรู้จักควบคุมมัน ในขณะที่บางคนอยากหามุมเงียบ ๆ อ่านหนังสือและพักผ่อน

    ธันย์เองดูเหมือนจะเป็นพวกประเภทหลังมากกว่า

    “เอาแต่หลับอยู่ได้ นายพลาดจุดสวย ๆ ไปหลายจุดแล้วนะเนี่ยไอ้ธันย์” โยจิพยายามสะกิดเพื่อนรักให้ตื่นขึ้นมาดูความสดใสของพระอาทิตย์ยามเช้าบ้าง รอบ ๆ มีธรรมชาติที่สวยงามมากมายหลายต่อหลายที่ และก็มีเด็กนักเรียนน่าตาน่ารักสองสามคนขับรถจักรยานผ่านไปด้วย ธันย์ขอนอนต่อเพราะไม่อยากตื่นมาฟังเสียงน่ารำคาญของพวกเด็กหลังรถทีร้องเพลงกัน สงสัยตัวเองจะคิดว่ามาจากการประกวดเวทีร้องเพลงชื่อดังมาล่ะมั้ง

    “สวัสดีเด็ก ๆ ห้อง 4C ที่น่ารักทุกคน” แล้วเสียงอาจารย์มนัสก็ทำให้ธันย์ตื่นจนได้

    อาจารย์ชายวัยกลางคนทำหน้าที่เป็นคนนำเที่ยว เขาอธิบายถึงจุดประสงค์หลักของการมาเข้าค่ายคุณธรรมในครั้งนี้ คือเพื่อต้องการฝึกความมีระเบียบวินัยให้กับตัวนักเรียนมากขึ้น แน่นอนว่ามันช่วยให้พวกเขาเห็นแจ้งแต่อย่างใด ที่พวกเขามาเพราะอยากมาสนุกและไม่อยากเรียนอะไรที่อยู่ในห้องเรียนอยู่แล้ว การเข้าค่ายคุณธรรมมีกำหนดการเข้าค่ายสามวันโดยประมาณ ระหว่างที่เข้าค่ายทางโรงเรียนจะจัดกิจกรรมไว้ให้เด็กได้เล่นสนุกกันทั้งสัปดาห์ เมื่อได้ยินคำว่าสนุกบรรดานักเรียนห้อง 4C ถึงกับปรบมือส่งเสียงกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาชอบความสนุก พวกเขาไม่ชอบความน่าเบื่อในห้องเรียน

    อีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ พวกเขาจะได้สนุกกับมันจนชนิดที่ว่าไม่มีวันลืมแน่นอน

    “แล้วฉันก็ตื่นจนได้ให้ตายเถอะ!” ธันย์สบถอย่างหัวเสียก่อนจะถอดหูฟังออกและเก็บมันเข้าที่ในขณะที่โยจิเอาแต่นั่งกินข้าวเช้าไม่หันมาคุยกับเขาเลยสักคำเดียว

    “นี่นายสนใจข้าวมากกว่าเพื่อนรักอีกเหรอวะเนี่ย” เด็กหนุ่มกระทุ้งศอกใส่เพื่อน คนอื่น ๆ เริ่มเปิดข้าวกล่องกินกันเนื่องจากใช้พลังงานมาหลายชั่วโมงแล้ว

    เวลาผ่านไปราวสิบห้านาที รถบัสค่อย ๆ แล่นข้ามสะพานใหญ่ แอร์ภายในรถเริ่มเปิดแรงขึ้น จะเรียกได้ว่ามันเปิดแรงมาแบบนี้ตั้งแต่ขึ้นสะพานใหญ่นี้แล้ว ชายหนุ่มพยายามกระชับเสื้อสูทซึ่งเป็นเครื่องแบบประจำโรงเรียนของตนเอาไว้ให้กระชับแน่นยิ่งขึ้น ความหนาวของแอร์ทำให้กระจกเริ่มเป็นฝ้าและทำให้เริ่มมองไม่เห็นด้านนอก

    “อาจารย์ครับ .... ช่วยเบาแอร์หน่อยได้ไหมครับ!” ธันย์ตัดสินใจตะโกนออกไปเมื่อเห็นอาจารย์มนัสยังคงนั่งนิ่ง รถแล่นไปได้สักพักจนเขาเริ่มสังเกตได้ถึงความผิดปกติของตัวรถที่พวกเขาและเพื่อนโดยสารมา

    ทำไมมันเงียบผิดปกติ เสียงจอแจเมื่อครู่เงียบหายไปตั้งแต่เมื่อไร ธันย์พยายามชะโงกหน้าไปด้านหลัง เพื่อน ๆ หลายคนนอนหลับกันนิ่ง บ้างก็ส่งเสียงกรนจนธันย์ถึงกับยิ้มออกมาเบา ๆ

    “ธันย์” เสียงเรียกเบา ๆ ทำให้ชายหนุ่มหันไปตามต้นเสียง เจ้าของเสียงใสส่งยิ้มให้หล่อน

    “ไม่นอนหรือไงรินทร์” เขาถามกลับ หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมกับกระชับเสื้อสูทให้แน่นขึ้น

    นี่คือท่าทางที่บ่งบอกถึงความหนาวเช่นเดียวกัน ธันย์ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปตามทางเดินเพื่อออกไปหาอาจารย์ ทันทีที่เขาทรงตัวได้ ความรู้สึกเวียนหัวเริ่มแล่นเข้ามาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ชายหนุ่มพยายามสะบัดหัวก่อนจะประคองตัวเองไปจนถึงตัวของอาจารย์มนัส ทางด้านของรินทร์เอง เธอพยายามลอบมองธันย์ที่เดินเหมือนเป็ดตรงหน้าเป็นระยะจนหล่อนหลุดหัวเราะออกมา ในตอนนั้นที่หัวไหล่ของเธอกระแทกกับสมายล์จนร่างของเธอเซลงพื้นไป

    “สมายล์!!” รินทร์พยายามลงไปประคองสมายล์ อาการเวียนหัวเริ่มเข้ามาแทนที่ หล่อนพาเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แรงกระแทกขนาดนี้กลับไม่ทำให้เพื่อนสนิทตื่นขึ้นมา เธอยังคงหลับตานอนต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเธอจะพยายามเรียกจนเกือบจะตะโกนมากเท่าไร แต่นั่นไม่ช่วยอะไรเลย อาการแบบนี้

    เหมือนโดนยาสลบ!

    “หระ...หรือว่า...” รินทร์ไม่อยากจะคิดในสิ่งที่มันยังไม่เกิดขึ้น แต่ถึงกระนั้น ความคิดที่เธอคิดมาทั้งคืนได้ครอบงำความรู้สึกนั้นจนหมดแล้ว

    “ธันย์!! พวกเราโดนวางยา!!” เสียงของรินทร์ทำให้ธันย์หันกลับมา อาจารย์มนัสที่เคยนั่งอยู่กลับลุกขึ้นพร้อมกับโปะยาสลบเข้าที่จมูกของเด็กชายอย่างแม่นยำ เขาพยายามดิ้นขัดขืนอยู่สักพักก่อนที่ร่างทั้งร่างจะแน่นิ่งไปเหมือนคนอื่น ๆ

    “กรี๊ดดดดดด!!!!” รินทร์กรีดร้องลั่นก่อนที่จะผงะหนีร่างของอาจารย์มนัสที่กำลังเดินเข้ามา เขาสวมหน้ากากกันแก๊สที่เธอเคยเห็นในทีวีมาก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนนี้เธอกับเพื่อนอยู่ที่ไหนกันแน่ และอาจารย์กำลังจะทำอะไร

    รถกำลังวิ่งไปตามวิถีของมันโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวิ่ง ภายในรถกลับไม่มีเสียงโวยวายของเพื่อน ๆ เหมือนแต่ก่อน มีเพียงแค่สองร่างที่ขยับไปมาอยู่ในรถ อาจารย์มนัสกำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาในขณะที่รินทร์กลับถอยหลังไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เธอต้องคิด ต้องมีวิธีรอดออกไปจากรถคันนี้

    “อย่าหนีไปเลย .... ไม่มีที่ซ่อนหรอก” อาจารย์มนัสเปรยเบา ๆ ผ่านหน้ากากปีศาจนั่นพร้อมกับผ้าในมือ มองปราดเดียวก็รู้ว่าในผ้าต้องเต็มไปด้วยยาสลบที่ใช้ทำกับธันย์แน่ ๆ

    “อาจารย์ทำแบบนี้ทำไม จะพาพวกเราไปเรียกค่าไถ่หรือไงคะ!?” รินทร์ถามกลับพร้อมกับถอยหลังไปด้วย

    ไม่ว่าจะมองไปไหนก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าเพื่อนคนไหนจะตื่นขึ้นมาช่วยเหลือเธอได้เลยในตอนนี้

    “นี่ไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ นี่ไม่ใช่การฝึกซ้อม แต่นี่คือของจริง!” พูดจบอาจารย์ก็ใช้ความรวดเร็วปรี่เข้ามาหาเด็กสาวที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มลง ตอนนี้ร่างทั้งสองกำลังคร่อมกันอยู่โดยที่รินทร์นอนราบอยู่ที่พื้นในขณะที่อาจารย์มนัสอยู่ด้านบน

    ตอนนี้รินทร์กำลังเสียเปรียบ!

    “ปล่อยพวกหนูไปเถอะ หนูไม่รู้ว่าอาจารย์ทำแบบนี้ แต่พวกเราไม่อยากไปเข้าค่ายนี่แล้ว” รินทร์เสียงสั่น เธอพยายามสะกดความกลัวถึงสุดขีดที่อยู่ในจิตใจเอาไว้

    “ไม่เข้าใจหรือไง ตอนนี้พวกเธอมาไกลเกินกว่าจะถอยกลับไปแล้วล่ะ!” อาจารย์มนัสยังคงพยายามใช้ผ้าอุดจมูกของหล่อน แต่ด้วยความที่หล่อนกำลังขัดขืนทำให้การจลาจลครั้งนี้เป็นไปได้ยาก

    รถยังคงแล่นต่อไปซึ่งคราวนี้มันแล่นมาถึงอุโมงค์มืดแห่งหนึ่ง ไฟในรถถูกเปิดอัตโนมัติเมื่ออยู่ในความมืด เด็กสาวพยายามขัดขืนร่างนั้นด้วยแรงที่มีอยู่ทั้งหมด

    “ไม่เคยเห็นเหรอ ในหนังน่ะ โดนหลอกไปทัศนศึกษาแล้วถูกวางยานอนหลับเรียงตัวเลย ตื่นมาก็ไปเล่นเกมแล้ว ระวังนะ ฮ่าๆๆๆ”

    “ถ้ามันเกิดขึ้นจริง พี่ต้องไปช่วยหนูนะ”

    เสียงเมื่อวานดังก้องเข้ามาในหัว ประโยคมากมายทวีคูณเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ความคิดต่าง ๆ เริ่มกระจัดกระจายออกมาจากสมองที่ถูกเก็บเอาไว้

    “ฉันไม่อยากทำกับเธอแบบนี้ แต่เธอเองที่บังคับให้ฉันต้องทำ!” สิ้นเสียงของอาจารย์มนัส มือหนักของเขาต่อยเข้าที่ท้องน้อยของรินทร์อย่างแรงและไม่พลาดเป้า หล่อนถึงกับตัวงอด้วยอาการจุก ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนในขณะที่ร่างรินทร์พยายามตะเกียดตะกายตัวเองออกไปจากรถคันนี้ หล่อนกำลังคลานไป

    คลานไปเรื่อย ๆ

    คลานไปเรื่อย ๆ .....

    จนกระทั่งมือยาวคู่เดิมจัดการโปะยาสลบเธอจากทางด้านหลัง ภาพตรงหน้าเริ่มพล่าเบลอเพราะฤทธิ์ยา เธอกำลังจะหลับตาลงเหมือนคนอื่น ๆ บนรถ เหมือนกับธันย์ที่นอนอยู่บนพื้น ขณะที่สติของเธอกำลังจะขาดหายไป เสียงกนึ่งกลับดังอยู่ข้าง ๆ หู

    “ยินดีต้อนรับสู่ Battle Royale ปีที่สาม พวกเศษสวะ!” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะดับสนิทลง เหลือเพียงแต่ความมืดมิดที่โอบกอดเธอไว้แค่นั้น

     

    TO BE CONTINUED…..
    ตอนที่สามจบลงแล้ว ตอนต่อไปพวกเขาทั้ง 40 คนจะตื่นขึ้นมาเจอกับความโหดร้ายของจริง
    อย่าลืมติดตามพวกเขาต่อไปนะครับ รักใครเชียร์ก็เม้นบอกกันมั่งนะ จะได้แต่งให้พิเศษหน่อย
    ^/\^


    the. kitta


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×