คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทความที่ -2-
บทความที่ -2-
“นายนี่นะ ไปแกล้งเธอทำไม”ผมบ่นเพทาย แต่คิดว่าดอแบบเขาจะฟังมั๊ย บอกเลยไม่! ร่างเล็กใส่หูฟังแล้วเดินฮัมเพลงสากลไปเรื่อยๆ ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ เพื่อนดื้อด้าน!!
“All I wanna do is find a way back into love” หือ คราวนี้ร้องเลยแหะ ไม่พึมพำๆอยู่ในลำคอแล้ว เสียงเพลงนี่!
“I can't make it through without away back into love”
ผมเดินไปฟังเสียงของร่างเล็กไป บอกเลยถ้าอยู่ในห้องนะหลับไปแล้ว เสียงของเพทายนี่เหมือนยานอนหลับเลย
“คุณหนูครับ”จู่ๆก็มีผู้ชายร่างสูงใหญ่ของผู้ชายผิวสีแทนเดินมาขวางพวกผมไว้ พร้อมกับเรียกใครซักคน แต่ใครซักคนที่ว่านี่ใครล่ะ ? ก็ตอนนี้มีแค่ผมกับเพทาย ?
“หึ!”เพทายหัวเราะในลำคอเหมือนเจอเรื่องสนุก ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสยองแปลกๆ
“คุณท่านให้มาตามคุณหนูกลับบ้านครับ”ร่างสูงพูดดวงตามองเพียงแค่เพทายมอง....อย่ากดดัน ผมรู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยชอบเพทายซักเท่าไหร่ ดูจากสายตาแล้ว....
“ฮ่ะๆ นายพูดอะไรน่ะปิแอร์ที่รัก ฉันน่ะหรอจะกลับบ้าน ไม่มีทางหรอกน่า ฮ่ะๆๆ”เพทายพูดเสียงยียวน มือบางยกขึ้นปิดปากเวลาหัวเราะ ดูเหมือนพวกตัวมารในละครเลยแฮะ
“คุณหนูครับ อย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลยนะครับ”ผมมองเพทายสลับกับผู้ชายคนนั้น และเหมือนเขาจะรู้ว่าผมแอบบมองถึงได้ตวัดสายตามองผมแบบไม่ชอบใจนัก
แต่พลันเมื่อได้สบตากัน.....ทุกอย่างก็ชะงัก
เขามองผมเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็ได้แต่ยิ้มไปให้เขาแบบมึนๆ แต่ยิ่งสบตากับเขานานมากเท่าไหร่ผมก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ.....
....มันคือหัวใจ....
หัวใจของผมเต้นแรงระรัวราวกับว่าได้หวนกลับมาเจอคนที่รักที่จากกันไปนานอย่างไงอย่างงั้น
ผะ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ตกหลุมรักเพื่อนฉันหรอ หืมมมม?”เสียงของเพทายทำให้สติสัมปรัชญะของผมกลับเข้าที่ แม้จะงงๆกับอาการของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรมาก เพราะผมเองก็เป็นคนที่มีร่างกายผิดปกติหลายอย่าง และมันก็ไม่แข็งแรงมากด้วย
“เอาล่ะ ผมจะมารับตัวคุณหนูในอีก1อาทิตย์ข้างหน้า หวังว่าคุณหนูจะยินยอมกลับไปกับผมด้วยความเต็มใจนะครับ”ร่างสูงว่าแล้วเดินกลับไป ทิ้งไว้แค่เพทายที่ยืนหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย มันมีอะไรให้น่าหัวเราะนักนะ ?
แล้วเรื่องที่พูดถึงนั่นอีก ?
แล้วนี่สรุปพื่อนผมจิตไม่ปกติใช่ป้ะ ?
“นี่ ขำอะไรนักหนาน่ะ”ผมถามร่างเล็กที่เดินมาด้วยกันอย่างขุ่นข้องใจ ก็ในเมื่อเพทายน่ะขำจะเป็นจะตายแบบนี้มาเป็น10นาทีแล้ว
“หึหึ ฮ่าๆๆ ก็เจ้าโง่นั่นบอกว่าจะพาฉันกลับไปหาตาแก่นั่นยังไงล่ะ ฮ่าๆๆ จี้ชะมัด”ร่างเล็กพูดไปหัวเราะไป แต่สายตากลับไม่ได้หัวเราะตามเลยซักนิด สายตานั่นเหมือนกำลังร้องไห้อยู่
แปลก...!
:: Phathai said ::
หึ! เอาตัวฉันกลัวไปน่ะหรอ ขอบอกว่านายกำลังฝันไปเพราะฉันจะไม่มีวันกลับไปที่นั่นเด็ดขาด ที่ที่สกปรกโสมมแบบนั้นน่ะ ใครจะอยากอยู่กัน!!!
“กินน้ำก่อนมั๊ย ?”เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ผมที่คิดอะไรเพลินๆสะดุ้งโหยง
“โธ่ กิ๊ฟ มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ฉันตกใจนะ”ผมต่อว่าร่างโปร่ง ส่วนเขาก็ไม่ว่าอะไรแถมยังยิ้มให้ผมเสียอีก รอยยิ้มที่จริงใจ ไม่ได้ถูกปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูดี มือบางขาวซีดวางบนหัวผมแล้วยีจนฟูเหมือนทุกครั้งที่เขาจะทำเฉพาะเวลาที่เขาหมั่นเขี้ยวผม
“นี่ ถ้าฉันไม่สวยเหมือนเดิม ฉันจะฆ่านาย!”ผมพูดพลางชี้หน้าคนตัวสูงกว่าอย่างคาดโทษ ร่างโปร่งไม่พูดอะไรต่อแค่วางแก้วน้ำให้ผมแล้วหันหลังเดินเข้าห้องครัวเหมือนเดิม
ร่างโปร่งเมื่อกี้คือเพื่อนคนเดียวของผม เขารู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับผม ยกเว้น ชาติกำเนิด เขาเป็นคนดีนะ อบอุ่นด้วย แต่เป็นคนขี้โรคไปหน่อย เขาเป็นหลายโรคน่ะ ทั้งภูมิแพ้ ทั้งหอบ ไหนจะป่วยง่ายอีก แค่โดนอากาศเย็นๆหน่อยตัวก็แดงไปหมดแล้ว น่าสงสารชะมัด! ความจริงผมก็ไม่ใช่คนขี้สงสารหรืออะไรมากมายหรอกนะ ออกจะรังเกียจคนอย่างกิ๊ฟเสียด้วยซ้ำ แต่กรณีนี้คงต้องยกเว้นกับร่างโปร่ง J
“กิ๊ฟฉันจะกลับแล้วนะ”ผมเดินเข้าไปในห้องครัวเล็กๆก็เห็นร่างโปร่งกำลังขมักเขม่นกับการทำกับข้าว ผมล่ะเกลียดห้องนี้ชะมัด อยากให้กิ๊ฟย้ายไปอยู่ด้วยจัง
แต่เจ้าตัวยืนยันว่ายังไงๆก็จะไม่ออกไปอยู่ที่อื่นแน่นอน ซึ่งผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไม ? ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนแพ้ง่ายแต่กับทนอยู่ไอ้ห้องเล็กๆนี่ไปได้ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่อาการมันจะดีขึ้นว่ะ ?
“อ่า นึกว่าจะอยู่กินข้าวด้วยกัน”ร่างโปร่งว่าแล้วจัดการเทกับข้าวในกะทะลงจานอย่างทะมัดทะแมง
“ไม่ล่ะ วันนี้รู้สึกปวดหัวน่ะเลยอยากนอนพัก”ผมบอก แน่นอน ผมโกหก !
“เป็นอะไรมั๊ย กินยารึป่าว กลับไหวแน่นะ”ร่างโปร่งของกิ๊ฟเดินเข้ามาเอามืออังหน้าผากผมไล่ลงมาที่ลำคอ
“ร้อนนิดๆแหะ”
“ไหวน่า กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”ผมบอกแล้วเดินออกมาจากห้องทันที พอผมเดินออกมาผมก็แทบอยากจะอ้วกเลย กลิ่นอะไรฟร่ะ เหม็นเน่าชะมัด พอผมมองไปรอบๆเท่านั้นแหละถึงกับอึ้งเลย ดวงวิญญาณที่รอรับการปลดปล่อยกับดวงวิญญาณที่จ้องจะล้างแค้นคืนเต็มไปหมด
ใจนึงก็สงสาร ส่วนอีกใจ (ส่วนมาก) ก็สมเพช ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่แล้วนี่! J
“วู้ หนุ่มน้อยคนนั้นน่ะ สนใจแวะห้องพี่หรือป่าว ?”ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงอะไรบ้างอย่าง เลยหันไปมองตามเสียงนั่น ก็ปรากฏว่าเป็นมนุษย์หน้าตาไม่ขี้เหร่นะ แต่ก็ไม่ถึงกับหล่อเวอร์
“เฮ้ หันแบบนี้สนใจมั๊ย ?”เขาถามพลางขยับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม ผมเองก็มองแล้วยิ้มหวานให้เขาเช่นกัน ก่อนจะร่ายเวทย์แล้วปล่อยอสรพิษขนาดกลางออกมาจากฝ่ามือแล้วส่งมันให้ตามเขาคนนั้นไป
“เฮ้ยยยย! งูๆ มะ มึงมันปีศาจ ปะ ปี....อึ่ก”เสียงของเขาหายไปเพราะงูที่ผมปล่อยออกไปนั้นดันเลื้อยเร็วไปหน่อย แป๊ปเดียวชกซะและ J
ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ก่อนจะดีดนิ้วดัง ป๊อก! งูตัวนั้นหายไป พร้อมๆกับประตูห้องของเขาที่ปิดลงช้าๆแต่เสียงดัง
หึหึ เอาน่าเขาไม่ได้หรอกก็แค่เจ็บปวดนิดหน่อย อาจจะใช้ข้อเท้าข้างที่โดนฉกไปไม่ได้ซัก1อาทิตย์ 2อาทิตย์ หรือ1เดือน ก็แค่นั้นเอง J
เลวไม่มีที่สุดจริงๆเลยผมเนี่ย ภูมิใจจัง J
“ทำร้ายมนุษย์แบบนั้นมันจะดีหรือครับ”ผมหันไปทางต้นเสียงทันที เห็นร่างสูงยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ
“โอ๊ะ! ขี้ข้าคนเก่งนี่เอง J”ผมพูดแล้วยิ้ม ร่างสูงพุ่งตัวเข้ามาหาผมอย่างเร็วจนตัวผมลอยไปกระแทกผนังอย่างแรง ก็อย่างว่าถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาคงทำไม่ได้ แต่เพราะพวกผมไม่ใช่ผมถึงทำได้
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ใช่ขี้ข้าของใคร!”ร่างสูงพูดเสียงรอดไรฟัน มือหน้าบีบไหล่ผมแน่น จนผมต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ไม่มีผ่อนแรงลงเลยซักนิด ซ้ำยังแรงมากขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก
“โอ๊ยย!”ผมร้องทันทีที่รู้สึกเหมือนไหล่จะหัก ก็อย่างที่รู้ๆว่าผมมันตัวเล็กมาก สูงแค่ 166 เอง แล้วดูร่างสูงตรงหน้าสิ 180จะ190แล้วล่ะมั้ง
“เจ็บมากหรอครับ คุณหนู!”ร่างสูงถามยิ้มๆ ผมเองก็ยิ้มกลับไปเหมือนกัน ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนผมก็จะทน
“เจ็บสิ เจ็บมากด้วย”ผมพูดแล้วยกยิ้มที่มุมปากขึ้นสูงคล้ายคนโรคจิต ก่อนจะใช้มืดสั้นสีเขียวมรกตในมืด แทงที่ท้องของร่างสูง ร่างสูงก้มลงมองมีดที่คาอยู่ที่ท้องตัวเองแล้วเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่ามันเป็นมีดสั้นของผม
“โอ๊ะ! ปิแอร์ที่รักยกโทษให้ฉันด้วยนะ ไม่ได้ตั้งใจอ่ะ พอดีมีดมันหลุดมืออ่ะ”ผมบอกเสียงดัดจริต แล้วดึงมีดสั้นเล่มนั้นออกมาจากท้องของร่างสูงโดยไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน
“อึ่ก.....คะ คุณหนู นะ นี่มือไวจริงนะ คะ ครับ”
“ชมหรอ ขอบใจนะ”ผมว่ายิ้มๆ แล้วตวัดลิ้นเลียปลายมีดด้วยท่าทางยั่วยวนก่อนที่มีดสั้นเล่มนั้นจะกลับสู่สภาพเดิมและหายไป
“เลือดนายอร่อยดีนะ”ผมพูดแล้วยิ้ม “ไปละ”
ไม่ต้องห่วงหรอก......เขาน่ะตายแน่ๆ J เพราะมีดของผมน่ะมันเป็นมีดเวทย์มนต์ ทำจากเลือดของผมและงูมีพิษหลายชนิด และแน่นอนว่ามีดเล่มนี้มีพิษมากโข มีผมเพียงคนเดียวที่แตะต้องได้ คนอื่นแตะ คงต้อง......ตาย
:: Jafar said ::
พรึ่บ!!!!
“อ๊ะ คะ คุณ!”ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อถึงแขนขาวซีดรวบตัวผมไปกอดไว้
“ฉันเอง”เขาตอบรับเบาๆ และนั่นทำให้ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ไอ้เราก็นึกว่าคนอื่น
“ทำไมมาไม่ให้สุ่มให้เสียง รู้อยู่ว่าผมขี้ตกใจถ้าเผลอปามีดออกไปโดนหัวคุณจะว่ายังไง ? ”ผมถามเสียงดุ ส่วน ‘เขา’ ก็แค่หัวเราะเบาๆ แล้วคลายกอด ก่อนจะกระโดดเบาๆขึ้นนั่งที่เคาร์เตอร์ครัวเล็กๆ
อ่า....สวยจัง
“มองอะไรน่ะ ?”ร่างสูงกว่านิดหน่อยถาม ผมเกาแก้มแก้เขิน ก็แน่ล่ะ คนตรงหน้าผมเนี่ยดูดีจะตาย สวยด้วย ถึงแม้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ
“ก็คุณสวย เลยมอง ^^”ผมตอบอยากที่ใจคิด ร่างโปร่งบางมองหน้าผมเหมือนใช่ความคิดอะไรซักอย่างแล้วยื่นมือมาสัมผัสแก้มผมเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ฉันคิดถึงนายมากนะ....จาฟาร์”เขาพูดแล้วยิ้มบางๆให้
“ครับ ผมก็คิดถึง ‘ ฟาโรห์ ’ เหมือนกัน ^^”
ฟาโรห์ยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งให้ผมทำกับข้าวต่อ ระหว่างทำกับข้าวผมจะเล่าเรื่องของฟาโรห์ให้ฟังล่ะกัน ^^
ฟาโรห์ คือ คนที่ผมเคารพมากที่สุด เขาช่วยผมมาตลอด ตั้งแต่ผมอยู่มอปลายจนถึงปัจจุบัน เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่มอปลายผมอยู่กับครอบครัวนึง เขาไปขอรับผมมาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ผมอายุได้8ขวบ (ผมเป็นเด็กกำพร้าน่ะ) แรกๆเขาก็ดีกับผม ดีมากเลยล่ะ ผมเหมือนได้อยู่ในความฝันเลย แต่ฝันก็ทลายลงเมื่อพวกเขาเผยทาสแท้ พวกเขาใช้ผมอย่างกับหมูกับหมา กดขี่ข่มเหงรังแกสารพัด จนผมเป็นเด็กขี้ระแวง กลัวทุกอย่างไปหมด และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พวกเขาไปเล่นพนันเสียมากมายจนต้องย้ายที่อยู่ แต่ก็ไม่วายโดนพวกนั้นตามเจออยู่ดี แล้วรู้มั๊ยว่าพวกเขาทำยังไงเมื่อไม่มีเงินให้.......เขายกผมให้คนพวกนั้น เอาผมไปเป็นเครื่องสังเวยให้คนพวกนั้น พวกถูกพาตัวไปโดยที่ร้องขอให้พวกเขาช่วย ช่วยยื้อซักนิดก็ยังดี แต่ไม่มีเลยที่จะยื้อผมไว้ ผมได้แต่สมเพชชีวิตตัวเอง และได้รู้ว่า.....ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ใช่ลูกของเขา.....และเขาก็ไม่มีวันเป็นพ่อแม่ของผม!!!!
หลังจากนั้นผมถึงส่งให้กับเสี่ยคนนึงที่มีรสนิยมชอบเด็กผู้ชาย เขามองผมอย่างหื่นกระหาย พาผมเข้าไปในห้องใหญ่ที่ในความรู้สึกว่ามันแคบมากจนหายใจไม่ออก โรคต่างๆนาๆเริ่มรุมทำร้ายเพราะขาดอากาศหายใจ พร้อมๆกับไอ้เสี่ยนั่นที่ฉีกเสื้อผ้าผมจนขาดวิ่น ผมขัดขืนไม่ได้ ได้แต่นอนทุรนทุรายเพราะขาดอากาศหายใจ
และวินาทีที่เสี่ยนั้นหมายจะก้มลงมาจูบที่แผ่นอกของผม ผมก็ได้ยินเสียงเพล้งของกระจกแตก และเริ่มมีอากาศหายใจได้มากกว่าเมื่อกี้ ผมมองไปรอบๆตัวก็ผมว่าไอ้เสี่ยนั่นสลบไปแล้ว โดยมีผู้ชายตัวขาวซีดยืนหันหลังให้ผมอยู่ เขาค่อยๆหันมามองผมแล้วเดินตรงมาก่อนจะช้อนตัวผมไว้แล้วกระโดดออกนอกหน้าต่างที่เขาทำกระจกแตกเมื่อกี้.....
....และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอเขา....ฟาโรห์...
หลังจากนั้นเขาก็ช่วยเหลือผมมาตลอด โดยไม่ยอมให้ผมทำงานนอกบ้าน เพราะร่างกายไม่แข็งแรง และเขาเองก็เป็นคนส่งผมเรียน เอาเงินให้ผมใช้ทุกเดือน โดยการโอนผ่านเข้าบัญชี บางครั้งแวะมาก็เอามาเพิ่มให้อีก ผมเคยปฏิเสธเขาไปแล้วที่จะรับเงินของเขามาใช้ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขาน่ะดื้อและมึนมาก เพราะไม่ว่าผมไปทำงานที่ไหนๆ ผมก็ถูกไล่ออกหมดแถมยังมีกระดาษที่เขาเขียนให้ผมที่ฝากกับผู้จัดการแต่ล่ะที่นั่นอีก
‘ฉันไม่ให้ทำ......ไล่ออก’
: ฟาโรห์สุดหล่อ L :
หึ ! หน้าสวยใจเสือจริงๆ
.
.
.
“วันนี้ว่างหรอ ?”ผมถามฟาโรห์ ระหว่างกินข้าว เขาพยักหน้าแล้วกินข้าวต่อ
“เอ.....แล้วคืนนี้ค้างมั๊ย ?”ผมถาม เขาก็พยักหน้าอีกครั้ง ผมมองแล้วยิ้มแก้มปริ่ ตั้งนานกว่าเขาจะมาหาแล้ววันนี้ยังค้างอีกต่างหาก ผมน่ะชอบนินกอดฟาโรห์มากเลยนะ เห็นตัวบางๆแบบนั้นอ่ะกอดทีนี้อุ่นมากเลย ผมล่ะฟินจนลืมตื่นทุกที ฮ่าๆๆๆ
“อิ่มแล้ว”
“ก็ไปอาบน้ำสิ ถ้าไม่อาบห้ามนอนบนเตียงนะ เหม็นเน่า -3-”ผมพูดอล้วยกมือบีบจมูกไว้ ฟาโรห์มองหน้าแล้วดึงแก้มผมทีนึง ก่อนจะเก็บจานข้าวของตัวเองและใบอื่นๆไปล้างอย่างรวดเร็ว จนผมแอบสงสัยว่ามันสะอาดหรือเปล่าว่ะ แต่ก็นะฟาโรห์น่ะเก่งเรื่องงานบ้านมากเลยล่ะ จานนี้เลี่ยมกิ๊กทุกใบเลย ^..^
“ยืนยิ้มข้างอยู่ได้ ไปอาบน้ำสิ เหม็นเน่าแล้วนะ”ฟาโรห์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำบอกผมด้วยท่าทางล้อเลียน ผมเลยเดินถือเสื้อผ้าแล้วก็ผ้าเช็ดตัวของตัวเองแล้วเดินดิ่งเข้าห้องน้ำ
.
.
.
“กอดได้มั๊ย ?”ผมถามฟาโรห์ ถ้าเป็นปกติผมคงไม่ถาม แต่วันนี้เขาดูเงียบผิดปกติเลยถามความสมัครใจหน่อย
“ได้สิ”ฟาโรห์ว่าผมพลิกตัวมากอดผมแทน ผมเองก็กอดตอบเขาไปเหมือนกัน รู้สึกอบอุ่นเหมือนเคย เหมือนได้อยู่ในอ้อมกอดของพ่อแม่ ^^
“ปานนายเป็นยังไงบ้าง”จู่ๆฟาโรห์ก็ถามถึงปานที่รูปดอกกุหลาบที่หหน้าอกข้างซ้ายของผม เมื่อก่อนผมไม่มีนะ แต่พอเริ่มเข้า15 ปานนี่มันก็เริ่มมีรอยขึ้นมา และเมื่อเข้า19มนก็เป็นรอยรูปดอกกุหลาบอย่างชัดเจน ลักษณะเผินๆเหมือนปานกุหลาบปกติ แต่ถ้ามองใกล้ๆมันจะเป็นเหมือนรอยคิสมาร์คที่ทำเป็นรูปดอกกุหลาบ มันไม่ใหญ่มาก แค่ข้อนิ้วชี้เอง เพื่อนผมบอกว่ามันสวยดี
“เหมือนเดิมอ่ะ”ผมตอบแล้วซุกหน้ากับอกของฟาโรห์ ก่อนจะหลับตาพริ้มเข้าสู่นินทรา
“กุหลาบ”
.
.
.
“หึ! ใกล้ถึงเวลาแล้วนะขอรับ คุณหนูของกระผม”
---35%---
เบรกนิสนึงนะ ขอแจงนิสัยของเพทายหน่อยจ้า นิสัยของเพทายคงคล้ายกับอลัวส์ (ตัวการ์ตูนในเรื่องคนลึกไขปริศนาลับ) ค่อนข้างจิตนิดๆ บ้าหน่อยๆ สรุปรวมๆนางคือคนที่น่ากลัวเอาเรื่อง เป็นบุคคลที่แทบจะเรียกว่าไม่น่าคบเอาซะเลย
-_-
---80%---
ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยนะคะว่า มีด ของเพทายเป็นมีดเวทย์มนต์เพทายสามารถเรียกมันตอนไหนก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะในใจหรือว่าออกเสียง และเป็นมีดที่มีอนุภาพร้ายแรงค่ะ ถ้ามนุษย์โดนบาดนิดเดียวก็สามารถตายได้ในทันที เพราะส่วนผสมทำจากงูที่มีพิษหลายชนิด
ทั้งหมดที่ว่ามีเป็นเรื่องที่ไรท์คิดเองนะคะ ไม่ใช่ตำนานที่ไหน 5555
อย่าลืมเม้นต์น๊า ครบแล้วน๊าาาา
---100%---
บอกเลย -..- เรื่องนี้ปริศนาเยอะมาก เยอะจนงง 5555
ละ แหล่ว แหล่ว แล้ววว ท่านฟาโรห์ท่านมาจากดินแดนใดหรือ ?
ใยท่านถึงได้สวยงามเช่นนี้ แหม....ฟาโรห์สุดหล่อ 5555
เป็นสุดสวยแทนได้ป๊ะ ???? ////โดนตบสลบ
1เม้นต์ง่ายๆ = 1กำลังใจของไรท์ ^_^
ความคิดเห็น