ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส(บาราเฮ เอดินตี้ เฟรี่ เฟริน)

    ลำดับตอนที่ #3 : กลุ่นห้องหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 56


      ขบวนเด็กใหม่ของป้อมอัศวินถูกพาไปที่ป้อมอัศวินและเดินตามรุ่นพี่ขึ้นชั้นสอง


    “ไงเฟริน ได้เจอนายอีกจนได้นะ”

     

    “ไงโร นายว่าไหมว่าคนในป้อมนี้ดูแปลกๆ”

     

    “แปลก?”

     

    “ก็ใช่น่ะดิ ดูคนนั้นใส่ผ้าปิดตาค้างเดียว แล้วทางนั้นก็สามดาบทั้งที่พกไว้ดาบสองดาบก็พอแล้วหรือขโมยอย่างฉันก็ไม่พก”

     

    “อืม...นายก็แปลก”

     

    “ยังไงล่ะ”

     

    “ก็..เป็นหัวขโมยในป้อมอัศวินยังไงล่ะ”

     

    “ก็ขอทานยังจะมาเป็นอัศวินในป้อมได้เลย ขโมยจะเป็นอัศวินบ้างก็ไม่แปลก เฮ่โร คนนั้นดูน่าสนใจไหมคนที่ตาสีม่วงๆยืนแพร่รังสีน่ากลัวตรงนั้นน่ะ”

     

    “อืม นายตาถึงทีเดียว นั้นคิลมัส ฟิวมัส ทายาทตระกูลนักฆ่าชื่อดังแห่งซาเรส”โรและเฟรินมองคนๆนั้นอย่างสนใจ อยากรู้จริงๆใครทำให้นักฆ่าทำหน้าเซ็งอย่างนั้น และความสนใจก็เปลี่ยนเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่พูดขึ้น

     

    “ยินดีต้อนรับเดอะไนท์สู่ป้อมอัศวิน สิ่งที่เธอควรรู้ตอนนี้ก็คือโรงเรียนเอดินเบิร์กของพวกเราจะมีการแข่งขันชิงตราพระราชาของทั้งสี่หอทุกปีโดยรอบแรกนับคะแนนจากการเก็บธง รอบกำแพงโรงเรียนจะมีธงของทุกกลุ่ม อาจารย์จะดูพฤติกรรมของเด็กๆและเป็นผู้มีสิทธิสั่งตัดธงลง ต่อมาดูจากการสอบแข่งขันและสุดท้ายที่ป้อมอัศวินเราทำคะแนนได้ดีและได้แชมป์สองปีซ้อนนั่นคือหมากกระดานเกียรติยศซึ่งเมื่อถึงเวลาอาจารย์จะอธิบายให้พวกเธอฟังอีกที เรื่องที่พักพวกเธอจะได้อยู่ด้วยกันห้องละสามคนยกเว้นห้องหัวหน้าระดับชั้นปีที่มีสี่คนและคนที่ได้อยู่ห้องนี้คือคนที่มีคะแนนดีที่สุดสี่คนแรกของระดับชั้น ป้อมอัศวินเน้นการใช้กำลัง ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด คนที่ท้าสู้และชนะหัวหน้าชั้นปีจะสามารถเป็นหัวหน้าชั้นปีคนใหม่แทนและย้ายมาอยู่ห้องแรกได้เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ห้องแรกนี้จะต้องตอบรับทุกคนที่มาท้าต่อสู้โดยห้ามมีข้ออ้างยกเว้นมีความจำเป็นจะยกเลิก”

     

    “ถ้าต้องคอยสู้กับคนอื่นมันต้องเป็นห้องที่เลวร้ายมากในสายตาฉันแน่ๆ”

     

    “นายไม่อยากอยู่หรอกเหรอ”

     

    “หือ..ไม่อะ ฉันมันแค่ขโมยไม่อยากไปสู้กับใครหรอกนะ”

     

    “นายดูไม่เหมือนขโมยธรรมดาเลยนะ”

     

    “นอกจากเสื้อผ้าแล้วนายมีส่วนไหนที่บอกว่าเป็นขอทานล่ะ โร”

     

    “นายคิดว่าไงล่ะ” นัยน์ตาสีเขียวซื่อๆที่เจอครั้งแรกนั้นตอนนี้มันหลงเหลือน้อยเต็มทดแล้วและถูกแทนที่ด้วยประกายตาระริกที่ส่อความฉลาดของเจ้าตัว

     

    “นายว่าใครจะได้อยู่ห้องแรก พนันกันไหม ต่อสิบเอาหนึ่งเลย ฉันว่าปิดตานั้น สามดาบ คาโล แล้วก็คิลมัส”

     

    “ฉัน คาโล คิลมัส แล้วก็...นาย”

     

    “ฮ้า!พูดเป็นเล่น ถ้ามีฉันนายก็เตรียมจ่ายได้เลย”

     

    “หึ”

     

       เหรียญทองหนึ่งเหรียญจากเฟรินถูกโยนส่งให้โรแต่..มันกลับอยู่ในมือใครคนอื่น ตาสีอเมทิสดุๆนั้นเต็มไปด้วยแววไม่พอใจก่อนที่เสียงตวาดจะตามมา

     

    “ป้อมอัศวินไม่เคยสนับสนุนการพนัน รู้ไว้บ้าง!

     

    “อย่าดุสิลอรี่”

     

       ฟิ้วๆๆฉึกๆๆ.. มืดบินสามเล่นถูกปาไปทางพี่ที่ทักพี่ลอรี่ สร้างความตกใจกับเด็กใหม่ในป้อม เออ..ที่ดูเหมือนจะถูกใจกับการดูคนทะเลาะนิดนึง

     

    “อย่ามาเรียกชื่อฉันอย่างนั้นนะลูคัส!

     

    “ใจเย็นๆอย่าดุสินั้นเขาเด็กใหม่นะวันแรกเอง เออ..นายคือ....”นัยน์ตาสีนิลที่มองลอดกรอบแว่นสีทองหันมามองเฟรินในประโยคท้าย

     

    “เฟรินฮะ เฟริน เดอบอโรว์” เขาบอกและมองหน้ารุ่นพี่ทั้งสองคนดูเหมือนเขาจะเห็นแววประหลาดใจของรุ่นพี่ลอรี่ด้วยและรุ่นพี่ลอรี่ก็ทำเขาเหวอเพราะคำพูดต่อมา

     

    “ถ้างั้นนายควรไปท่องกฎสิบข้อของป้อมอัศวินซะถ้าไม่อยากหลุดออกจากตำแหน่งหัวหน้าชั้นปี”

     

    “รุ่นพี่อย่าพูดเล่นน่า”

     

    “จริง” รุ่นพี่ลอรี่ย้ำเสียงหนักก่อนที่จะมองไปทางรุ่นพี่ที่เป็นคนอธิบายเมื่อกี้เป็นเชิงให้ว่าต่อ

     

    “คนที่ได้อยู่ห้องแรก คาโล วาเนบลี เดอะปริซ์ออฟคาโนวาล เฟริน เดอบอโรว์เดอะทีฟออฟบารามอส คิลมัส ฟิวมัส เดอะคิลเลอร์ออฟซาเรส  โร เซวาเรส เดอะเบ็กการ์ดออฟทริสทรอ”

     

    “ถ้าเล่นนายกินไปแล้วนะเนี่ยโร”เฟรินหันไปพูดกับโรเบาๆก่อนหันกลับมาเจอรุ่นพี่ลอรี่ที่ยืนอยู่ไม่ไปไหน

     

    “ฉันได้ยินนะเฟริน เดอบอโรว์!

     

    “ง่า...ผมแค่หยอกกับเพื่อนฮะ” เฟรินยิ้มแห้งๆให้ก่อนจะล็อคคอโรและลากไปคว้ากุญแจเข้าห้อง

     

    “ท่องจำกฎสิบข้อมาด้วย!

     

        ปัง! เสียปิดประตูทำเอาเส้นเลือดที่ข้างขมับรุ่นพี่โนขึ้นมาให้เห็น

     

    “ได้ยินไหมเฟริน เดอบอโรว์” ประตูห้องเปิดออกมาอีกครั้งแล้วเฟรินก็โพล่หน้ามายิ้มให้พร้อมตอบคำถาม

     

    “ชัดเจนแจ่มแจ้งฮะรุ่นพี่”แล้วเฟรินก็เปิดประตูกว้างขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนอีกสองคนเดินมาเข้าห้อง

     

            ปัง!

     

       นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองห้อง เตียงริมสุดที่ติดกับตู้เสื้อผ้าสี่ใบ ถูกจองโดยท่านเจ้าชายในห้องที่กำลังเก็บของ ต่อมาเป็นที่ของเจ้าขอทานโร เว้นที่ไว้เตียงนึงที่คงต้องเป็นของเขาและสุดท้ายคิลมัสที่อยู่ริมติดกับห้องน้ำ ประตูหน้าต่างในห้องนี้มีสองบานอยู่ที่หัวเตียงของเขาและโรติดด้วยม่านสีลาเวนเดอร์ มีโต๊ะทำงานตัวกลมกลางห้องหนึ่งตัวและเก้าอี้สี่ตัว เขาสุดหายใจเข้าและเดินไปที่เตียงตัวเองบ้าง  มันดูน่าน้อยใจอยู่เหมือนกันที่พอเก็บของแล้วรู้ว่าของตัวเองมีน้อยกว่าเจ้าขอทานข้างๆนี้อีก

     

          บรรยากาศเงียบๆชวนให้เจ้าเฟรินรู้สึกอึดอัด เจ้าพวกนี้ก็มีปากจะชวนเปิดปากพูดกันบ้างไม่ได้หรือไงนะ เงียบต่อไม่ไหวนะโว้ยยย

     

    “นี่พวกเรามาแนะนำตัวกันไหม”

     

    “ก็รู้จักกันหมดแล้วไง หรือนายจะเป็นพวกความจำสั้นปลาทองเรียกพี่”

     

    “ท่านเจ้าชายผู้ชอบทำตัวเป็นใบ้ฮะ นั้นมันเป็นการรู้จักกันจากที่รุ่นพี่บอกไม่ใช่การแนะนำตัวทำความรู้จักฮะ ไหนๆก็ต้องอยู่ด้วยกันยาวจะแนะนำตัวกันไม่ได้เลยหรือไง”

     

    “แล้วการแนะนำตัวมันต้องบอกอะไรมากกว่าชื่อและฉายาที่นายรู้ด้วยเหรอ”คิลที่เงียบมาเริ่มพูดบ้าง

     

    “ก็ไม่จำเป็น แต่น่าสงสัยไหมล่ะว่านักฆ่าเข้าโรงเรียนมานี้จะหมายหัวใครไว้หรือเปล่า”

     

    “ก็เหมือนกับที่ขโมยเข้ามานั้นล่ะ”คำพูดและประกายตารู้ทันทำให้เฟรินเริ่มรู้สึกไม่ดี แต่จะเป็นไปได้เหรอที่เจ้านี่จะรู้แผนการเขาโดยที่เขาและพ่อจับไม่ได้ว่ามีคนแอบฟังอยู่

     

    “นายเข้ามาเหล่สาวงามในโรงเรียนอย่างฉันจริงดิ”เจ้าตัวแสบแกล้งทำหน้าตกใจแบบวอนโดนถีบใส่

     

    “ฮ่าๆๆๆนายเป็นคนตลกดีนะ”

     

    “บอกไว้ก่อนนะว่าอย่ามาเล็งคนเดียวกับฉัน”

     

    “นั้นสินายก็อย่าเล็งคนเดียวกับฉันแล้วกัน”

     

    “นายนี่คุยรู้เรื่องดี ฉันสอนกลเม็ดจีบสาวประจำตระกูลฉันให้เอาเปล่า”คนชวนคุยกระโดดไปนั่งร่วมที่เตียงของคิลให้คุยถนัดขึ้น

     

    “ฉันคงไม่คิดจะใช้”

     

    “เอางี้ถ้าพูดถึงสาวงานของเอเดนต้องเวนอลอันดับหนึ่งเลย ที่นี่นะหญิงงามธรรมชาติเยี่ยมเหมืองเพชรพลอยเยอะพื้นที่ดินแดนใหญ่ ที่จริงนะเรนอนจากคาโนวาลก็สวย หญิงงามก็มีทุกที่แต่ถ้าจะเห็นเยอะต้องเวนอลเพราะการแสดงระบำของที่นั้นเป็นที่นิยมผู้หญิงส่วนใหญ่จึงดูแลตัวเองดีมาก ฉันเคยไปมาแล้วรู้ไหมว่า.@#$@?<>M^&%///!@#$$**&(&* 

     

          ปฏิบัติการโม้ของเฟรินดำเนินไปเรื่อยและสักพักโรที่เก็บของเสร็จก็เดินเข้ามานั่งฟังและคอยให้ข้อมูลเพิ่มแทรกจากการโม้อย่างเมามันของเฟริน

     

    “ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้วเดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อ ไอ้โรขอชาบ้างมีแล้วไม่แบ่งเลยนะ”เฟรินรับชาจากโรมาซดรวดเดียวหมด “ว่าแต่แกไปเอามาจากไหนเนี่ย ฉันเห็นแกนั่งตรงนี่กับฉันยังไม่ออกไปหามาเลย”

     

    “ฉันก็พกใบชาใส่กระเป๋ามาด้วยอยู่แล้วหนิ”

     

    “เออ..ฉันว่าฉันก็คุยภาษาเดียวกับนายนะโร แต่ฉันว่าฉันไม่เข้าใจว่ะ”

     

          เฟรินหันไปมองคาโลที่นั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะกลางห้องเงียบๆมาตั้งแต่พวกเขาเริ่มคุยแล้วลากแขนเพื่อนอีกสองคนเข้าไปหาคาโลด้วยกัน

     

    “ไม่ทราบว่าท่านเจ้าชายผู้เงียบขรึมจะเสด็จไปกินข้าวได้หรือยังฮะ”

     

    “นายจะไปก็ไปสิ”

     

    “เป็นพวกดื้อเงียบเหรอเนี่ย” เจ้าตัวแสบมองหน้าคาโลแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองหน้าคิลแล้วยิ้มทะเล้นให้

     

    “นายว่าไงคิล”

     

    “ก็คงคิดไม่ต่างจากนายเท่าไหร่”

     

           เฟรินขยับตัวออกห่างจากคิลมายืนอีกข้างของคาโล คาโลเห็นอย่างนั้นก็พอเดาออกว่าพวกมันคิดจะลากเขาออกไป รู้จักกันวันแรกก็ขนาดนี้ไอ้พวกความคิดพิเรนพวกนี้มันต้องหมายหัวเฝ้าระวังไว้ แล้วคาโลก็ว่างหนังสือและลุกขึ้น

     

    “หิวแล้วเหรอคาโล งั้นไปกินข้าวกันนะ”เฟรินพูดขึ้น คาโลเดินออกมาเงียบๆโดยมีคิลและเฟรินที่หัวเราะคิกๆเดินตามและปิดท้ายด้วยโรที่มองอีกสามคนด้วยแววตาระริก เฟรินเป็นคนที่น่าสนใจอย่างที่เขาคิดไว้ตอนแรกจริงๆแถมเพื่อนร่วมห้องใหม่อย่างคิลและคาโลก็น่าสนใจไม่น้อยด้วยสิ.. มันต้องมีอะไรสนุกๆมาให้ดูแน่ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×