ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Secret Spy

    ลำดับตอนที่ #3 : Riv loading...35%

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 56


    1

     

                    “เฮ้อ...เหนื่อยชะมัดเลย กว่าจะเลิกงานเนี่ย”

                    ฉันบ่นกับตัวเองเพราะเพิ่งเลิกงานที่เพิ่งจะไปทำเป็นวันแรก อ้อ ลืมแนะนำตัว สวัสดีค่ะ ฉันมีชื่อว่า ชาบู ฉันอาศัยอยู่กับคุณยายท่านหนึ่ง ท่านบอกว่าท่านเห็นฉันนอนจมกองเลือดอยู่ในซอยแคบๆ คุณยายเลยพาฉันไปหาหมอ ตอนนั้นอาการฉันสาหัสมาก พอฉันฟื้นฉันก็จำอะไรไม่ได้หมอบอกว่าเป็นเพราะอาการเสียเลือดมากทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงสมองมีไม่พอความจำบางส่วนก็เลยหายไป (แต่ฉันจำชื่อตัวเองได้อยู่นะ จำได้แค่เรื่องเดียว) ท่านสงสารฉันอีกทั้งคุณยายแกก็ไม่มีลูกหลานที่ไหนก็เลยรับฉันมาอยู่ด้วย หลังจากที่ฉันมาอยู่กับคุณยายได้ไม่นานท่านก็เสีย คุณยายเป็นคนใจดีมากฉันยังจำได้เลยนะว่าตอนงานศพของท่านชาวบ้านและคนที่รู้จักของท่านมาไว้อาลัยแกเยอะมาก พวกเขาบอกว่าท่านเป็นคนดีมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนที่ทุกข์กว่า ชาวบ้านเลยรักท่านเหมือนญาติคนหนึ่งเลยล่ะ เอาละจบเรื่องเศร้าๆ ไว้แค่นี้ล่ะกัน

                    วันนี้คงจะเป็นวันวินาศสันตะโรล่ะมั้ง ฉันเจอกับลูกค้าโรคจิตอ่ะ มีอย่างที่ไหนเข้ามาทำเป็นจีบฉัน ถามนั่นถามนี่ไปมา ดูจากลักษณะแล้วคงจะฟันหญิงเป็นกิจวัตร ม้อเป็นงานอดิเรก และที่สำคัญสายตานี่ไม่เบาเลยหว่านเสน่ห์เป็นว่าเล่น ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงละลายและยอมเกาะแขนเขาเข้าโรงแรมไปแล้ว เหอะ! แต่เสียใจนะ ฉันมันตายด้าน ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับคนหล่อ(อาร์ตตัวแม่) ไม่ได้อยากจะชมหมอนั่นเท่าไหหร่หรอกนะแต่ว่าอีตาโรค(โคตร)จิตนั่นน่ะ หล่อมาดเพลย์บอย ดูเจ้าสำอาง สะอาดสะอ้าน ท่าทางที่บ้านรวยน่าดูเลยเชียวล่ะ เลิกฟุ้งซ่านแล้วไปอาบน้ำดีกว่าจะได้นอนพักผ่อนซะทีเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

                    ปึง! ปึง! ปึง!

                    ก่อนนที่ฉันจะได้อาบน้ำเสียงทุปประตูรัวๆ อย่างร้อนใจก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน ใครมาเสสียมารยาทกลางค่ำกลางคืนแบบนี้นะ หรือว่าจะเป็นโจร แต่โจรที่ไหนมันจะมารยาทดีเคาะประตูห้องก่อนเข้าปล้นกันล่ะ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเป็นใคร งั้นลองเสี่ยงหน่อยคงไม่เป็นไร

                    เมื่อเปิดประตูฉันถึงกับอึ้งไปเลยเพราะเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ

                    “นายเป็นใคร” ฉันถามเมื่อสติกลับมาแล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันกลับทำอุกอาจด้วยการเข้ามาในห้องฉันแล้วล็อคประตูเอาไว้

                    “เดี๋ยว อย่าเพิ่งคิดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายพี่” นายหน้าหล่อบอกไปหอบ แฮ่กๆ ไป

                    “นายเป็นใคร ทำแบบนี้ทำไม”

                    “จะยืนคุยกันอย่างนี้หรอ ขอนั่งได้มั้ยอ่ะวิ่งมาเหนื่อยนะ” พูดจบก็ไม่รอให้อนุญาต เหมือนแค่ต้องการบอกมากกว่าขออนุญาติ ฉันเลยต้องนั่งบ้าง ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขารู้จักฉันหรอ เพราะคำพูดที่หมอนี่พูดตั้งแต่แรกแล้วยังแทนตัวฉันว่าพี่อีก เขาต้องรู้จักฉันแน่ๆ แต่ฉันต้องนิ่งไว้ก่อน

                    “พี่ฟังที่ผมจะพูดแล้วนึกให้ออกนะ” หมอนี่พูดแล้วหยุดเพื่อมองตาฉันอย่างกับว่าเขาสามารถที่จะอ่านความคิดฉันได้จากทางสายตา

                    “ผมชื่อ ริว เป็นเพื่อนรุ่นน้องของพี่ไงพี่พอจะนึกออกมั้ยครับ”

                    “ฉันจำไม่ได้หรอกว่านายเป็นใคร นายอาจจะเป็นใครสักคนที่กำลังตามฆ่าฉันอยู่ก็ได้”

                    “พี่ชาบู จำผมไม่ได้จริงๆ หรอ พี่ชอบโขกสับผม ใช้ทำนู่นนี่นั่นอยู่เสมอไง พี่ลองนึกดีๆ งั้นเอางี้ที่ไหหล่ด้านหลังข้างซ้ายของพี่มีรอยสักรูปปีกนกเล็กๆ อยู่ใช่มั้ยล่ะ ถ้าไม่เชื่อพี่ก็ลองเปิดดูสิ”

                    ว่าแล้วฉันก็ลองเปิดไหล่ด้านซ้ายแล้วส่องกระจกดู ปรากฏว่ามีรอยสักตามที่หมอนั่นบอกแป๊ะเลย ไม่อยากจะเชื่อ ไม่แน่เขาอาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับตัวฉัน หรือไม่ไอ้เด็กนี่ก็อาจจะเคยรู้จักกับฉันมาก่อนที่ฉันจะจำอะไรไม่ได้

                    “ฉันจะลองเชื่อนายดู แล้วที่นายมาหาฉันเนี่ยฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าที่นายจะมาบอกว่าเรารู้จักกัน จริงมั้ย”

                    “แหม เจ้ของผมถึงจะความจำเสื่อมแต่ก็ยังคงนิสัยเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ^^”

                    “ฟังดูไม่เหมือนคำชมเลยนะ”

                    “แฮะๆ เอาละครับ ที่ผมมาลงทุนเสี่ยงตายมาหาเจ้ก็เพราะว่าตอนนี้องค์กรของเราโดนตีฐานแตกแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีที่ให้ไปก็เลยจะมาขออยู่กับเจ้น่ะครับ”

                    “เกี่ยวอะไรกับฉัน องค์กรบ้าบออะไร”

                    “ไว้ผมจะเล่าให้เจ้ฟังพรุ่งนี้นะ ตอนนี้ผมง่วงแล้วอ่ะ” พูดพลางหาวเอามือปิดปาก แสดงให้ฉันเห้นว่าตัวเองง่วง ซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เลยบอกให้หมอนี่ไปนอนที่ห้องว่างอีกห้องหนึ่ง ยังดีที่บ้านหลังนี้มีห้องนอนสองห้อง



    เช้าวันถัดมา

                    “อื้อ”

                    ฉันครางบิดขี้เกียจไปมาเพื่อไล่อาการง่วงที่ยังค้างอยู่ ที่ต้องตื่นไม่ใช่อะไรหรอกเพราะว่าฉันได้กลิ่นอาหารลอยมาแตะจมูกทำให้ต้องตื่นขึ้นมานี่ล่ะ แถมยังได้ยินเหมือนเสียงคนกำลังทำอะไรสักอย่างมาจากทางห้องครัวด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×