คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ❧ 3 1 1 3 : 2
2
แบคฮยอนกำลังคิดว่าจะมีเช้าวันไหนสดใสกว่าตอนเช้าของวันนี้บ้าง เมื่อคืนแบคฮยอนนอนหลับฝันดีเลยละแถมยังฝันถึงเพื่อนคนแรกของเขาอีกด้วย ความรู้สึกของคนกำลังมีความสุขเป็นแบบนี้เองสินะ มองไปทางไหนก็รู้สึกดีไปหมดทุกอย่างแถมความรู้สึกแย่ๆของเมื่อวานก็หายไปแล้วด้วย
“ยิ้มหน้าบานมาเชียว รู้สึกดีเหรอที่เมื่อวานโดนตัดคะแนนน่ะ หึ!” และนี่ก็เป็นเสียงที่น่ารำคาญที่สุดของเช้านี้สำหรับแบคฮยอนเช่นกัน เขาลืมไปได้ไงนะว่ายังมีมารขัดความสุขของเขาอย่างยัยบ้านีอีก
แบคฮยอนเดินผ่านหน้าของยูอีไปทำเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไรก่อนจะหยุดอยู่ที่โต๊ะเรียนของตัวเองที่วันนี้มันปกติดีทุกอย่างเขาควรจะดีใจหรือเปล่านะ แต่แบคฮยอนคิดว่าคงไม่ เพราะถ้าโต๊ะของเขายังอยู่ดีเช่นนี้แล้ว อย่างอื่นก็ไม่น่าไว้ใจแล้วละ
“ฉันพูดกับแกอยู่นะ หูหนวกหรือไง!” ยูอีที่ยังไม่ละความพยายาม ลงทุนเดินตามเขามาถึงโต๊ะเรียน ก่อนจะยื่นมือมาลูบที่ใบหน้าของแบคฮยอนไปมา
“จะทำอะไรของเธอน่ะ” แบคฮยอนสะบัดหน้าออกอย่างนึกรำคาญ
“เห้อะ! คิดว่าฉันอยากแตะตัวของแกหรือไงกัน ฉันแค่อยากวัดความหนาของหน้าแกต่างหากละ...บยอนคนโง่”
แบคฮยอนหันหน้ากลับไปมองด้วยความรู้สึกแปลกใจ วันนี้ยัยบ้านี่ไม่เรียกเขาว่าตัวซวยแล้วหรือไง คนโง่อะไรกัน? เท่าที่จำได้เขาก็เรียนในเกณฑ์ที่เรียกว่าพอได้อยู่นะ สุดท้ายแล้วแบคฮยอนทนความสงสัยตัวเองไม่ไหวจึงถามกลับไป
“คนโง่อะไรของเธอ”
“เมื่อวานไปทำอะไรมาละจ้ะวันนี้ถึงได้ยิ้มระรื่นมาแบบนี้? อะไรนะ ไปอ่อยปาร์คชานยอลห้องบีมาเหรอ?” ยูอีแกล้งทำเสียงตกใจ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆกับแบคฮยอน
“ชานยอลเขาดูเป็นคนดีใช่ม้า..ไม่แปลกหรอกที่เขาจะสงสารคนไม่มีเพื่อนอย่างนายอ้ะนะ อย่าเผลอไปคิดอะไรกับชานยอลเชียวละ ..เพราะคนอย่างปาร์คชานยอลเขาไม่คู่ควรกับตัวซวยอย่างนายเลยซักนิด รู้ไว้ซะบยอนคนโง่!” ยูอีหัวเราะใส่หน้าของแบคฮยอนก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างผู้ชนะ
แบคฮยอนกำหมัดแน่นจนในมือชื้นเหงื่อก่อนจะรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา ไม่นานน้ำตาที่เป็นเพื่อนตัวจริงที่อยู่กับเขามาตลอดของเขาก็ไหลลงมาอย่างช้าๆตามความรู้สึกของแบคฮยอนที่ตอนนี้กำลังรู้สึกหน่วงๆอยู่ในอก
‘ไม่แปลกหรอกที่เขาจะสงสารคนที่ไม่มีเพื่อนอย่างนาย’
ไม่รู้ว่าแบคฮยอนกำลังรู้สึกแย่ที่ยูอีบอกกับเขาแบบนั้นหรือรู้สึกแย่เมื่อคิดว่าชานยอลจะคิดอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่า เขากำลังรู้สึกดีกับการกระทำของเพื่อนคนแรกเมื่อวานและตอนนี้เขากลับรู้สึกแย่เมื่อคิดว่าทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะความสงสาร
เขาเป็นบยอนคนโง่จริงๆสินะ..
ช่วงพักกลางวันแบคฮยอนจะซื้อข้าวแล้วนำขึ้นไปกินที่ดาดฟ้าคนเดียวทุกวันๆและวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ขณะที่แบคฮยอนกำลังต่อแถวซื้อข้าวตามปกติก็ดูเหมือนจะไม่ปกติซะแล้วเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆ
“...!”
“หวัดดีตัวเล็ก”
“ชานยอล...” แบคฮยอนที่หันหลังไปมองเรียกชื่อของคนที่กำลังต่อแถวเขาอย่างแผ่วเบา
“ดีจังเลยนะวันนี้เราได้เจอกันอีกแล้ว” ชานยอลฉีกยิ้มให้กับแบคฮยอนเหมือนกับว่าเขากำลังดีใจเสียเต็มประดา แต่นั้นกลับทำให้แบคฮยอนรีบพูดตัดบทแล้วหันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม
“อ๋อ..อืม”
แบคฮยอนไม่ได้หยิ่งกับชานยอล แต่เพราะเขารู้...รู้ว่าอีกคนแค่กำลังสงสารคนไม่มีเพื่อนอย่างเขาแค่นั้นเอง ที่มาทักเขาแบบนี้อาจเป็นเพราะเห็นว่าเขากำลงต่อแถวซื้อข้าวคนเดียวก็ได้..
“ตัวเล็ก..เป็นไร?”
ชานยอลยังคงสะกิดที่ไหล่ของคนตรงหน้าอีกครั้งเพราะแปลกใจที่เห็นว่าคนตัวเล็กพูดตัดบทเขาไปแบบนั้น เขารู้ว่าแบคฮยอนดีใจที่ได้เจอเขาเพราะคนตัวเล็กเก็บความรู้สึกที่ส่งออกมาทางสายตาไม่เก่งเลยจริงๆนะ
“...” แบคฮยอนเลือกที่จะเงียบ ไม่สนใจแรงสะกิดที่ไหล่ที่อีกฝ่ายกำลังทำอีกครั้ง
“โกรธอะไรฉันหรือเปล่า?”
น้ำเสียงหงอยๆของคนข้างหลังทำให้แบคฮยอนอยากจะหันกลับไปยิ้มให้กว้างๆแล้วบอกว่าเขาไม่โกรธอะไรเลยดีใจซะด้วยซ้ำที่ได้เจอกันอีก แต่แบคฮยอนทำแบบนั้นไม่ได้เพราะสายตาของคนอื่นที่มองมาพร้อมกับเสียงซุบซิบเบาๆที่แบคฮยอนได้ยินนั้นอีก
‘ชานยอลรู้จักกับบยอนตัวซวยด้วยเหรอเนี่ย’
‘คงใจดีกับคนอื่นเหมือนเคยแหละเธอ’
ได้ยินมั้ยชานยอล ได้ยินที่คนอื่นกำลังพูดหรือเปล่า แบคฮยอนหลับตาลงซักพักเพื่อบอกให้ตัวเองเลิกสนใจกับเสียงนกเสียงกาก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อไม่รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ของเขาอีกแล้ว
“หันมาคุยกันหน่อยสิครับแบคฮยอนอา”
“...!”
แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่ต้นคอ ชานยอลที่แบคฮยอนคิดว่าละความพยายามที่จะคุยกับเขาแล้วกลับมาพูดใกล้ๆที่ต้นคอแทน เมื่อหันกลับไปก็พบว่าหน้าของเขาไปชนกับแผงอกกว้างของชานยอลอย่างจัง ชานยอลที่ดูตกใจรีบยกมือมากุมที่ใบหน้าของเขาทันที ให้ตายเห้อะ นายรู้หรือเปล่าว่านายทำอะไรอยู่น่ะชานยอล!
‘เธอดูสิชานยอลกำลังจับหน้าของบยอนตัวซวยด้วย’
‘ฉันว่าต้องเป็นแผนของมันแน่เลย แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน พอเขามาพูดใกล้ๆก็แกล้งหันไปชน’
‘เห็นหน้าหงิมๆที่แท้ก็ร้ายไม่เบา ยี๋’
และอีกมากมายที่แบคฮยอนจะสามารถได้ยินคำดูถูกเหล่านี้ได้ แบคฮยอนกำลังรู้สึกอับอายในขณะที่ชานยอลกำลังเป็นห่วงเมื่อเห็นจมูกแดงๆของอีกฝ่าย
“เจ็บมากมั้ยตัวเล็ก” เสียงทุ้มที่ดูเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้ทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีขึ้นมาเลย คำพูดที่ดูเป็นห่วงของชานยอลยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงมากกว่าเดิมเสียอีก
แบคฮยอนที่กำลังรู้สึกชาทั่วไปหน้าเนื่องจากเห็นสายตาที่ดูถูกของคนรอบๆตัวรีบสะบัดหน้าออกจากมือของชานยอลทันทีก่อนจะจ้องหน้าของอีกฝ่ายด้วยตาแดงๆเหมือนคนกำลังจะร้องไห้
“เลิกยุ่งกับฉันซะทีชานยอลนายกำลังทำให้ฉันดูน่าสมเพช!” แบคฮยอนตะโกนใส่หน้าของอีกฝ่ายแล้วเดินกระแทกไหล่ของคนตัวสูงออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้ซื้ออะไรซักอย่าง
ชานยอลมองตามคนตัวเล็กที่เดินออกไปก่อนจะหันไปมองรอบๆ ทุกคนกำลังมองมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เขาเห็นมาจนเบื่อ รอยยิ้มจอมปลอมเสแสร้ง ชานยอลชอบรอยยิ้มของอีกคนมากกว่า รอยยิ้มที่ยิ้มออกมาจากข้างในไม่ใช่ออกมาจากเปลือกนอกแบบนี้
ชานยอลหลงรักรอยยิ้มที่แสนใสซื่อของอีกคนตั้งแรกครั้งแรกที่ได้เห็นมัน...
“ฮึก..คนบ้า!..นายมาทำดีกับฉันทำไมชานยอล” แบคฮยอนร้องไห้กับตัวเองบนดาดฟ้าที่ขึ้นมากินข้าวตอนกลางวันอยู่ทุกวัน เพียงแต่วันนี้แบคฮยอนยังไม่ทันได้ซื้อมันเพราะเกิดเรื่องน่าอับอายนั้นซะก่อน
“จะกินน้ำตาแทนข้าวหรือไง..ตัวเล็ก”
เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำให้แบคฮยอนรีบยกมือมาถูที่หน้าของตัวเองไปมาเพื่อเช็ดน้ำตาแต่ถูกอีกคนดึงมือเอาไว้ซะก่อนแล้วใช้มือของตัวเองเช็ดให้แทน นิ้วมือหนาของชานยอลปาดไปที่ขอบตาอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นว่ามันเริ่มแดงช้ำจากการที่คนตัวเล็กใช้หลังมือถูมันไปมา
“ขอบตาช้ำอีกแล้ว...ไม่รู้จักดูแลตัวเองเลยนะ” ชานยอลพูดกับคนขี้แยก่อนจะเป่าลมไปที่ขอบตาทั้งสองข้างเบาๆเหมือนเสกคาถาให้หายเร็วๆแบบเด็กๆ
แบคฮยอนหลับตาลงรับสัมผัสของลมอุ่นๆที่อีกฝ่ายกำลังเป่ารดมาที่ดวงตาของเขาทั้งสองข้าง แบคฮยอนกำลังใจเต้นแรงอีกแล้ว...ปาร์คชานยอลนายเป็นคนหรือว่าเครื่องกระตุ้นหัวใจกันนะ ทำไมขยันทำให้ใจของเขาเต้นแรงบ่อยจัง
“กินข้าวกันนะ^^” ชานยอลบอกกับอีกฝ่ายก่อนจะชูกล่องข้าวที่ถูกห่อมาอย่างดีสองกล่องในมือ
“ฉะ..ฉันไม่หิว!”
โครกคราก~
แบคฮยอนรีบกุมท้องของตัวเองที่ดันส่งเสียงร้องมาผิดเวลา ไอ้ท้องบ้า! มาร้องอะไรตอนนี้เนี้ย
“แน่ใจเหรอว่าไม่หิว? คิก..พุงน้อยๆของนายกำลังเรียกร้องข้าวอยู่น้า~” ชานยอลหัวเราะออกมาเสียงเดาก่อนจะเปิดกล่องข้าวทั้งสองกล่องแล้วยื่นไปให้อีกฝ่ายกล่องนึง แบคฮยอนรับกล่องข้าวมาด้วยความรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย ก่อนจะตักข้าวกินอย่างช่วยไม่ได้เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถปฏิเสธข้าวผัดกิมจิร้อนๆได้เลยน่ะสิ
หลังจากกินข้าวจนเกลี้ยงกล่องแล้วแบคฮยอนจึงมองหน้าของชานยอลไปตรงๆแล้วถามคำถามที่คาใจเขามาตลอดเช้า
“ทำไมนายถึงมาทำดีกับฉันละชานยอล?”
“ฉันจะทำดีกับใครมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอตัวเล็ก?” คำตอบของชานยอลกำลังเป็นคำถามที่ทำให้แบคฮยอนต้องมาย้อนคิดกับตัวเอง
“ฉันแค่อย่างรู้..เพราะถ้ามันเป็นเพราะนายสงสารฉัน นายก็เลิกทำแบบนี้เห้อะ”
เลิกทำแบบนี้...เลิกทำให้ฉันรู้สึกดีกับนายแบบนี้นะชานยอล
ชานยอลที่ได้ยินคำพูดของแบคฮยอนก็อึ้งไปพักนึง เพราะแบคฮยอนคิดว่าเขาทำดีกับตัวเองเพราะความสงสารเลยเลือกที่จะไม่คุยกับเขาน่ะเหรอ ใครกันที่ทำให้นายคิดแบบนี้นะแบคฮยอน ชานยอลแอบดีใจอยู่ลึกๆเมื่อคิดได้ว่าที่แบคฮยอนไม่คุยกับเขาเพราะกลัวว่าเขามาทำดีด้วยเพราะความสงสารไม่ใช่เพราะคนตัวเล็กไม่อยากคุยเขาซะหน่อย
ชานยอลเลือกที่จะจ้องตาของแบคฮยอนไปตรงๆเพื่อต้องการให้อีกคนรับรู้ถึงความจริงใจของประโยคที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้
“นายฟังฉันนะแบคฮยอน ฉันจะทำดีกับใครนั่นก็เพราะฉันอยากทำดีกับเขาด้วยความรู้สึกดีๆที่มีให้กับคนๆนั้น ไม่ใช่เพราะความสงสารอะไรนั้นแบบที่นายคิดหรอกนะ เพราะมันไม่จำเป็นเลยที่ฉันจะทำให้เขามารู้สึกดีกับฉันเพราะความรู้สึกสงสารของฉันเอง ฉันไม่ชอบเล่นกับความรู้สึกของใครหรอกนะแบคฮยอนอา”
แต่ตอนนี้นายกำลังเล่นกับความรู้สึกของฉันนะชานยอล...
แบคฮยอนไม่ได้พูดออกมาตามที่ตัวเองคิด เขาทำแค่ส่งยิ้มออกไปด้วยความดีใจจากส่วนลึกของหัวใจของเขาเอง เขาแค่ดีใจที่ชานยอลไม่ได้รู้สึกสงสารเขาแบบที่ยูอีบอก ไม่ได้ทำดีกับเขาเพียงเพราะความเคยชินอย่างที่เขาได้ยินที่โรงอาหาร แล้วที่ชานยอลบอกว่าทำดีเพราะความรู้สึกดีนั่น...ชานยอลจะรู้สึกดีแบบเดียวกับที่เขารู้สึกกับชานยอลหรือเปล่านะ?
“รู้จักกับนายแค่สองวันทำไมฉันรู้สึกดีเหมือนกับรู้จักกับนายมาสองปีแล้วนะชานยอล” แบคฮยอนพูดพร้อมกับมองออกไปที่ท้องฟ้ากว้างก่อนจะหรี่ตาลงเมื่อแสงแดดของตอนบ่ายกำลังส่องลงมา
“นั่นสิ ทำไมฉันไม่เจอกับนายให้เร็วกว่านี้นะตัวเล็ก” ชานยอลมองหน้าของอีกคนที่กำลังหลับตาลงเพราะรู้สึกแสบตากับแสงแดด ภาพของแบคฮยอนที่กำลังหลับตาหยีทำให้ชานยอลเผลอยิ้มกว้างออกมากับความน่ารักของคนตรงหน้า
“ฉันว่าเพราะฟ้ารู้ว่าจะส่งนายมาเจอฉันตอนไหนต่างหากละชานยอล” แบคฮยอนที่พึ่งลืมตาขึ้นมาหันกลับไปมองหน้าของคนข้างๆก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจ้องหน้าเขาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
เงาที่เป็นรูปใบหน้าของคนสองคนกำลังเลื่อนเข้าหากันอย่างช้าๆ แบคฮยอนไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาพึ่งรู้สึกว่าริมฝีปากอิ่มของชานยอลนั่นน่าสัมผัส ชานยอลไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงเลือกที่จะเลื่อนใบหน้าไปหาอีกฝ่ายหลังจากสายตาเขาไปหยุดที่ริมฝีปากบางนั้น รู้แต่ว่าบรรยากาศร้อนๆของช่วงพักเที่ยงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขาเลยซักนิด
ชานยอลกดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางของอีกฝ่ายก่อนจะพบว่ามันนุ่มหยุ่นมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก ชานยอลกดจูบลงไปย้ำๆหากแต่เป็นจูบเพียงปากประกบปากไม่ใช่การแลกลิ้นแบบเร่าร้อนอย่างในหนังหรือละครซักเรื่องที่เขาเคยดูแต่อย่างใด
เขาเพียงแค่อยากให้มันเป็นจูบที่บริสุทธิ์ใจของคนสองคน...
ชานยอลจะรู้มั้ยว่าจูบนั้นทำให้แบคฮยอนตกหลุมที่ชานยอลขุดล่อเขาไว้ เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาแบคฮยอนก็พร้อมจะกระโดดลงไปที่หลุมลึกอย่างง่ายดาย...ฉันว่าฉันหลงรักเพื่อนคนแรกแล้วละชานยอล
“เอ่อ..ฉัน...ฉันว่ามันหมดเวลาพักแล้วละไปก่อนนะ บ๊าย” แบคฮยอนรีบพูดกับชานยอลเมื่ออีกฝ่ายยอมถอนจูบเขาแล้วหลังจากอีกฝ่ายเอาแต่กดจูบเขาซ้ำๆก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปพร้อมกับความรู้สึกเห่อร้อนที่ใบหน้า
ชานยอลยืนมองคนตัวเล็กที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อแล้ววิ่งหนีเข้าไปโดยที่เขายังไม่ทันบอกลาซักคำ มือหนายกขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ สัมผัสนุ่มๆของอีกคนยังติดอยู่บนปากของเขาอยู่เลย แถมจากการที่ใกล้ชิดกันเมื่อกี้ชานยอลรู้สึกว่าเขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของอีกฝ่ายด้วย กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เขารู้สึกว่าชอบกลิ่นนั้นมากๆ...อยากสูดดมอีกบ่อยๆจะเป็นไรมั้ยนะ?
แบคฮยอนที่พึ่งลงมาวิ่งเข้าไปที่ห้องน้ำก่อนแทรกตัวเข้าไปในห้องใดห้องนึงแล้วล็อคกลอนเอาไว้ ร่างเล็กพิงประตูพร้อมกับยกมือขึ้นมาทาบหัวใจที่กำลังเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมานอกอก
เมื่อกี้...เขาจูบกับชานยอล
แบคฮยอนรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าของตัวเองก่อนจะเลื่อนมือมาลูบเบาๆที่ปากของตัวเองแล้วอมยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ถ้าเขาชอบชานยอลจริงๆจะผิดมั้ย?
ไม่ผิดหรอก...แบคฮยอนเลือกที่จะให้คำตอบตัวเองแบบนี้
หลังเลิกเรียนแบคฮยอนตัดสินใจขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกที อากาศที่เย็นสบายของสายลมที่พัดเอื่อยๆมาปะทะกับใบหน้าทำให้แบคฮยอนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แบคฮยอนมองหาที่นั่งเหมาะๆก่อนจะนั่งลงไปพิงกับขอบกำแพงแล้วหลับตาให้กับความสบายนี้
“ตัวเล็ก..”
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่รบกวนการนอนของแบคฮยอนทำให้เจ้าตัวส่งเสียงท้วงออกมาเบาๆแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราต่อแต่ก็ต้องได้ยินเสียงรบกวนการนอนของเขาอีกรอบ
“เป็นคนขี้เซาเหรอเนี่ย..”
เสียงทุ้มที่แทรกเข้ามาในความฝันทำให้ฝันร้ายเมื่อสักครู่กลายเป็นฝันดีขึ้นมาเมื่อคนตัวเล็กกำลังฝันถึงจูบแรกของเขา จูบแรกกับเพื่อนคนแรก ในความฝันที่แสนสวยงามทำให้แบคฮยอนยิ้มออกมาด้วยความสุข
“ฝันถึงอะไรอยู่น้าถึงได้ยิ้มแบบนี้..ในฝันของนายมีฉันอยู่ในนั้นหรือเปล่าแบคฮยอนอา..”
แบคฮยอนที่เริ่มปวดเมื่อยตามต้นคอขยับไปมาซักพักก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนพิงไหล่ของใครบางคนอยู่ เมื่อลากสายตาขึ้นมาเจอกับใบหูก็ทำให้แบคฮยอนรู้คำตอบได้ไม่ยาก หูกางๆแบบนี้มีแค่คนเดียวแหล้ะ!
แบคฮยอนนั่งจ้องหน้าของอีกฝ่ายอยู่นาน ก่อนที่คนถูกมองจะรู้ตัวแล้วส่งยิ้มให้แบคฮยอนอย่างเขินอายเมื่อรู้ตัวว่าคนที่เขาให้ยืมไหล่พิงนอนกำลังนั่งมองเขาที่เผลอหลับไปซะเอง ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่ซักพักโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรก่อนทั้งคู่จะระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันเสียงดัง ชานยอลมองท้องฟ้าที่เริ่มมืดแล้วจึงชวนอีกคนกลับบ้านซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบรับอย่างง่ายดาย ทั้งสองเดินกลับไปที่ป้ายรถด้วยกันโดยไม่พูดอะไรอีกเลย...แค่นี้ก็พอแล้วกับความรู้สึกของคนที่มีให้กัน
เพราะความทรงจำของทั้งคู่ถูกหยุดไว้ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วละ...
- TALK
พี่แพงเคยเอาให้เพื่อนอ่านก่อนจะเอามาลงในเด็กดีอ้ะ
แล้วมันถามว่าทำไมแบคฮยอนรักชานยอลง่ายจัง
อธิบายแบบง่ายๆเลยนะ..
นึกถึงแบบคนไม่มีเพื่อนไม่มีใครคบด้วยแล้วมีคนมาทำดีด้วยอ้ะ
มันก็เป็นฟีลแบบหวั่นไหวได้ง่ายไรงี้
สงสัยอะไรถามได้นะค้ะจะตอบให้ค้ะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ไม่เข้าใจในบางส่วน -3-
ความคิดเห็น