ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ++(The Hidden Code of Love: รหัสลับฉบับรัก)++

    ลำดับตอนที่ #3 : จดหมายที่ถูกทิ้งไว้

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 48


    -2-

    จดหมายที่ถูกทิ้งไว้



    ทุกคนในบ้านต่างพากันวิ่งวุ่นตามหายาดมยาหอมมาให้คุณวรวรินทร์ยกใหญ่ สักพักคุณวรวรินทร์ก็ได้สติ เธอกวาดตามองโดยรอบ ก่อนจะถามด้วยเสียงอันสั่นระริกว่า



    “เจอมั้ย เจอตัวก้อยรึยัง แก้ม”



    “ยังค่ะ” ไอรดาตอบเบาๆ



    “ยัยก้อย ยัยก้อยจะไปไหนฮ๊ะ ทำไมถึงไม่มีใครรู้เรื่องซักคน ปล่อยยัยก้อยไปไหนคนเดียวได้ไงกัน” คุณวรวรินทร์รำพัน แทบปล่อยโฮ



    “คุณกิ่ง ใจเย็นๆ ค่ะ คุณก้อยจะไปไหนได้” แม่บ้านคนสนิทรีบออกปาก เพราะเกรงว่าเจ้าของบ้านจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก



    “นั่นสิคะ คุณแม่ พี่ก้อยไม่เคยไปไหนคนเดียวเลยนะคะ คุณแม่ก็รู้น่ะ อย่างน้อยไม่แม่ก็แก้มก็ต้องพาไป ไม่งั้นเกิด...เกิดเป็นอะไรขึ้นมา...” ไอรดากล่าวสมทบ พยายามปลอบใจมารดา ทว่ายิ่งพูดก็รู้สึกว่าเรื่องจะดูเลวร้ายลงไปอีก เลยหยุดพูดเสียดื้อๆ



    “ก้อยอาจจะไปเดินเล่นใกล้ๆ นี่ก็ได้นะครับคุณอา” อนาวินออกความเห็นขึ้นมาบ้าง



    “ไม่ใช่อย่างนั้นสิ ตาวิน แม่หวั่นๆ อย่างไรก็ไม่รู้ ถ้าไม่ได้ไปไหน ทำไมใครก็หาไม่เจอ แล้วอีกอย่าง ก้อยไปไหนทำไมถึงไม่บอกใครไว้บ้างเลย ก้อยไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยนะ”



    “ถ้ายังไง ลองเรียกคนในบ้านมาถามดูดีมั้ย ต้องมีใครสักคนเห็นแหละ คนทั้งคนอยู่ๆ จะหายไปได้ยังไง แม่แหวน ไปตามคนมาไป” พร้อมพงศ์เสนอ



    “ค่ะ” แม่แหวนรับคำ แล้วจึงถอยหลังออกจากห้องไปเรียกคนตามคำเสนอนั้น เพียงไม่กี่นาทีถัดมา คนทั้งบ้านจึงเข้ามารวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงในห้องรับแขก



    อนาวินมองกวาดไปยังผู้มาใหม่ทีละคน นายบัติ คนขับรถก้าวเข้ามานั่งเป็นคนแรก



    “ตั้งแต่เช้าใครเห็นคุณก้อยบ้าง” พร้อมพงศ์ถามนำ หากแต่ปฏิกิริยาของคนทั้งหมด ล้วนนิ่งสนิท



    “เอางี้ดีกว่าครับ คุณพ่อ” อนาวินขัดขึ้น ก่อนจะเสนอทางที่รอบคอบกว่าว่า “ผมว่า ลองถามนายชาติดูก่อนดีมั้ยครับ ว่าเห็นก้อยออกไปไหนบ้างมั้ย”



    “ว่าไง นายชาติ”



    คุณวรวรินทร์ปรายสายตาไปยังนายชาติ ซึ่งเป็นรปภ คอยดูแลบ้าน ชาติ เป็นชายชราร่างผอมบาง ใบหน้าตกกระ แต่ก่อน ชาติเคยทำงานเป็นรปภ. กับคุณพ่อของคุณวรวรินทร์ที่บริษัท แต่เมื่อชาติแก่ตัวลงไม่มีลูกหลานคอยเลี้ยงดู กอปรกับคุณวรวรินทร์ซึ่งสืบงานที่บริษัทต่อจากผู้เป็นพ่อ เห็นในความจงรักภักดีของนายชาติ จึงรับมาทำงานต่อที่บ้าน ชาติทำงานเฉพาะเวลาดึก เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนในเวลากลางวันชายชราจะนอนพักผ่อนอยู่ในห้องที่พักของคนงาน



    ชายชราใช้ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางของตนมองคุณนายน้อยที่ตนเคยเห็นแต่ยังเด็ก ก่อนจะตอบเสียงแหบแห้งว่า



    “ผมไม่เห็นคุณก้อยหรอกครับ คุณนายน้อย เมื่อคืน เอ่อ ผมลาน่ะครับ”



    “เมาล่ะสิ ไอ้บัติ ขาประจำวงเหล้ามันกลับมาพร้อมคุณกิ่งนี่” แม่แหวนแขวะเสียขุ่น



    “โอ่ย เมาอะไร แม่แหวน ฉันไม่สบายตะหาก” นายชาติแก้ตัวเสียยกใหญ่ ในขณะที่นายบัติ ซึ่งเป็นคนขับรถของคุณวรวรินทร์ได้แต่หัวเราะแหยๆ



    คุณวรวรินทร์เขม่นมองด้วยความไม่พอใจ เพราะคิดว่าคงเป็นจริงดังที่แม่แหวนบอก



    “แต่ผมฝากไอ้ชมมันช่วยดูแทนนะครับ” ชาติแก้ตัวอุบอิบ บุ้ยใบ้ความรับผิดชอบไปยังอีกคน

    ชม เป็น คนดูแลสวนที่แปลกประหลาดที่สุด เท่าที่ใครจะเคยเห็นมา รูปร่างใหญ่หนา แบบคนที่เป็นนักเล่นกล้ามมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ทำให้นายชมดูเหมาะเป็นนักเลงที่น่าเกรงขามมากกว่าการหมกตัวอยู่แต่ในบ้านคอยดูแลต้นไม้ใบหญ้าเช่นนี้ หลายครั้งทีเดียวที่คนในบ้านแฝดก็เห็นว่า นายชมเหมาะกับหน้าที่ รปภ. มากกว่านายชาติเสียอีก



    นายชมมีลูกชายหนึ่งคน ซึ่งก็คือ เอกบดินทร์ หรือ บิ๊ก เพื่อนสนิทของอนาวินตั้งแต่สมัยเด็ก



    เมื่อเอกบดินทร์ได้เป็นหมอด้วยอัตราเงินเดือนไม่ใช่น้อย ซ้ำยังซื้อบ้านเป็นของตัวเองอีกหลัง หลายคนถึงกับออกปากถามนายชมด้วยความแปลกใจว่า ทำไมนายชมจึงยังมุ่งมั่นทำงานเป็นคนสวนอยู่ที่บ้านแฝดนี้อีก ตอนนั้น นายชมตอบเรียบๆ เพียงแต่ว่า ‘เพราะที่บ้านหลังนี้ มีดอกไม้ให้ดูแล’



    ใครๆ จึงต่างคิดว่านายชมเป็นคนแปลกยิ่งนัก ตอนนี้ นายชมยิ่งแสดงความแปลกประหลาดตามแบบฉบับของเขาด้วยการเงยหน้ามาสบตาคุณวรวรินทร์ พลางกล่าวว่า



    “อืม ดูอยู่” อนาวินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำตอบห้วนๆ นั้น แต่ก็ถามกลับไปอย่างนอบน้อมเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นบิดาเพื่อน



    “แล้วลุงชม เห็นคุณก้อยออกไปไหนรึป่าวครับ”



    “ตอนดูน่ะไม่เห็น เห็นคุณกิ่งเข้ามา สักพักคุณแก้มก็ออกไป แล้วคุณแก้มก็กลับมาอีกทีตอนดึกๆ แต่ตอนที่ไม่ได้ดูก็มี”



    “นานมั้ยครับ”



    “ไม่นานมาก แต่ก็นานพอที่จะมีคนเข้าออกล่ะ”



    “หมายความว่า นายชมคิดว่ายัยก้อยจะออกไปตอนนั้นน่ะเหรอ” คุณวรวรินทร์พูดด้วยความตื่นเต้นเมื่อเริ่มเห็นร่องรอยของลูกสาว



    “ไม่ใช่คิด แต่หมายถึงว่า ถ้าจะคิดอย่างนั้น มันก็เป็นไปได้”



    คุณวรวรินทร์ส่ายหน้ากับคำตอบกำกวม ย้อนไปย้อนมาของคนสวนร่างหนา หันไปมองอนาวินแบบขอคนช่วย ชายหนุ่ม ซึ่งคิดว่าคงไม่ได้อะไรนอกเหนือจากนี้ จากบิดาผู้แปลกประหลาดของเพื่อน จึงพูดต่อว่า



    “ผมว่าให้แต่ละคนเล่าเลยดีกว่าครับ ว่าตั้งแต่เมื่อคืนใครทำอะไรอยู่ไหนกันบ้าง”



    “ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้นี่คะ ไม่คิดว่ามันตื่นตูมไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวพี่ก้อยอาจจะเดินกลับมาเองก็ได้ แก้มว่าเราเริ่มประสาทกันไปใหญ่แล้วนะ” ไอรดาขัดขึ้น หลังจากทนฟังการสืบสวนของอนาวินอยู่นาน



    “แต่ก้อยก็ไม่เคยหายไปเฉยๆ แบบนี้นี่นา เอาเถอะน่ะแก้ม ถามๆ ไว้ก่อนเผื่อใครเห็น จะได้รู้กันเสียทีว่าพี่เค้าไปไหนของเค้า” คุณวรวรินทร์บอกลูกสาว แล้วจึงหันไปหาบรรดาลูกจ้างที่นั่งกันอยู่เรียงราย



    “เอ๊า แม่แหวนเริ่มก่อนแล้วกัน”



    แม่แหวนขยับตัวยุกยิก ยกมือลูบผมอย่างสะเปะสะปะ พลางเล่าเรื่องราวของตนคร่าวๆ ตามคำสั่ง



    “เมื่อวานอิฉันก็ทำอาหารเย็นตามปกติ คุณๆ ทั้งสอง ทานกันเสร็จแล้ว ก็พากันเข้าครัวทำหน้าเค้กที่อบทิ้งไว้ อิฉันก็อยู่เป็นลูกมือในครัวค่ะ แล้วคุณก้อยกับคุณแก้มก็ขึ้นชั้นบน ส่วนอิฉันก็ไปผลัดเสื้อผ้าค่ะ จากนั้น คุณกิ่งก็กลับมา อิฉันเห็นคุณกิ่งกับคุณแก้มอยู่ในครัว ก็เลยเลี่ยงไปดูทีวีค่ะ ประมาณสี่ห้าทุ่มได้ก็กลับมาล้างจาน แล้วก็ตื่นมาตอนเช้า …”



    “เดี๋ยวนะ แม่แหวน เล่าสั้นๆ สรุปๆ มาก็พอ ตกลงเห็นคุณก้อยล่าสุดเมื่อไหร่กัน” คุณวรวรินทร์เอ่ยขัด เมื่อเห็นท่าแม่แหวนจะพูดพร่ำอีกนาน



    “ก็ตอนเย็นก่อนคุณก้อยจะขึ้นข้างบนแหละค่ะ”



    “จากนั้น ก้อยก็อยู่กับแก้มงั้นสิ” อนาวินหันมาหาไอรดา ฝ่ายหลังพยักหน้ารับพลางถอนใจอย่างเบื่อๆ แล้วเอ่ยเสียงเนือยๆ ว่า



    “ก็แก้มพาพี่ก้อยเข้านอน พี่ก้อยบ่นๆ ว่าปวดหัว ตอนนั้นซักทุ่มนึงได้มั้ง ...ก่อนคุณแม่กลับสักพัก แก้มก็ออกมาบอกให้เด็กช่วยจัดยาให้พี่ก้อยทาน แล้วก็เข้าไปอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขกชั้นในโน่น แล้วก็เจอคุณแม่มาพอดี”



    อนาวินหันมองไปยังเด็กรับจ้างดูแลงานบ้านทั่วไปสองคน ที่นั่งชิดกันอยู่ริมห้อง มองกิริยาที่ศอกกันไปสะกิดกันมาของคนทั้งสองอย่างแปลกใจ



    ส้มและริน เป็นเด็กสาวที่อนาวินจำกัดความว่าเป็นเสมือนฝาแฝดอีกคู่หนึ่งในบ้านหลังนี้ แต่นั่นไม่ใช่เพราะสองคนนี้มีหน้าตาเหมือนกัน หากแต่เป็นเพราะว่าทั้งสองมีลักษณะการดำเนินชีวิตที่เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน



    ส้มเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ากรุงเทพตามแม่มาตั้งแต่เด็ก แม่ของส้มเป็นเพื่อนที่ต่างจังหวัดกับแม่แหวน ดังนั้น ต่อมาเมื่อแม่ของส้มเสียชีวิต ส้มขาดที่พึ่งจึงเข้ามาอยู่ในบ้านแฝดภายใต้การแนะนำของแม่แหวน ตอนนั้น รินซึ่งเป็นเด็กกำพร้าจากต่างจังหวัด แล้วเข้ามาได้งานในบ้านแฝดก่อนส้มไม่นาน จึงสนิทกับส้มอย่างรวดเร็ว  



    ส้มและริน อายุอ่อนกว่าสองแฝดเจ้าของบ้านไม่กี่ปี เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเด็กรับจ้างทั้งสองจึงเป็นเสื้อผ้าชั้นดีที่ตกทอดมาจากวาฤดีและไอรดา การแต่งเนื้อแต่งตัวจึงเหมือนเป็นฝาแฝดอีกคู่หนึ่งไปอย่างปริยาย



    เด็กทั้งสอง เรียนการศึกษาภาคค่ำด้วยกัน นอกเหนือจากเวลาเรียนทั้งสองก็จะอยู่คอยช่วยงานของแม่แหวนภายในบ้าน



    “คนไหนล่ะ” อนาวินถาม



    “ส้ม” พอไอรดาเอ่ยชื่อ เด็กรับจ้างที่ชื่อ ส้ม ก็เงยหน้าขึ้นมาจากการพิจารณามือไม้ตัวเอง อนาวินมองหน้าเจื่อนๆ ของส้มด้วยความสงสัย



    “คือ...”



    “ส้ม ริน ปิดอะไรกัน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” คุณวรวรินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเมื่อเห็นเด็กรับจ้างทั้งสองดูอึกอักมีพิรุธ ส้มสบตาคุณวรวรินทร์อย่างเกรงๆ ก่อนจะพูดงุบงิบแผ่วเบา



    “ส้มไม่ได้เอายาขึ้นไปให้คุณก้อยตอนนั้นน่ะค่ะ”



    “อ้าว”



    “ก็รินน่ะสิคะ บอกว่ามีหนังน่าดู ส้มก็เลย...แว๊บไปดู กะว่าจะไปดูแป๊บเดียวเท่านั้นแหละค่ะ แล้ว...แล้วส้มก็ลืมสนิทเลย”



    “อย่าโบ้ยกันอย่างนี้สิ ส้มอ่ะ” เด็กรับจ้างอีกคนบ่นเพื่อนอุบ แล้วรีบหันมาพูดแก้ตัวกับคนอื่นในห้องว่า



    “รินไม่ได้ชวนนะคะ ก็แค่ประโยคบอกเล่า รินบอกว่า หนังสนุกดี แค่นั้นเอง ก็ส้มน่ะ มาดูกับรินแล้วลืมเองอ่ะ ตอนนั้นแม่แหวนก็ดูอยู่ด้วยกัน”



    “งั้นตกลง เมื่อคืนแก้มก็อยู่กับก้อยคนสุดท้ายสินะ” อนาวินสรุป



    “ก็คงเป็นอย่างนั้น..แล้วไงอ่ะคะ” ไอรดาตอบพลางยักไหล่น้อยๆ หากแต่พอหญิงสาวกล่าวจบ ส้มก็เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า



    “แต่ตอนส้มดูหนังจบ ส้มถือยาขึ้นไปนะคะ แต่พอเคาะประตู คุณก้อยเธอร้องบอกว่า ไม่กินแล้วจะนอนน่ะค่ะ”



    “แปลว่าเมื่อคืนก้อยก็ยังอยู่น่ะสิ ...แม่ว่าเราลองหากันดูอีกซักทีเถอะ แก้ม ถ้าพี่เค้า...เอ่อ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ อาจจะนอนไม่ได้สติอยู่ตรงไหนของบ้านก็ได้” สิ้นคำกล่าวอย่างวิตกกังวลของคุณวรวรินทร์ ทั้งหมดจึงเริ่มแยกย้ายกันหาวาฤดีอีกครั้ง ด้วยกลัวว่าการคาดการณ์นั้นจะเป็นจริง





    คุณวรวรินทร์เดินนำไปแม่แหวน พร้อมเด็กส้มและรินขึ้นไปหายังชั้นบนของบ้าน อนาวินและพร้อมพงศ์ช่วยค้นหาด้านล่าง ส่วนคนงานผู้ชายคนอื่นๆ ดูบริเวณสวนด้านนอก ในขณะที่ไอรดารับปากว่าจะช่วยโทรหาเพื่อนของวาฤดีซึ่งมีน้อยยิ่งกว่าน้อย



    การค้นหาผ่านพ้นไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี แม่แหวนก็วิ่งวุ่นตามไอรดา พร้อมพงศ์ และอนาวินไปรวมตัวกันที่ห้องนอนของวาฤดี  ภายในห้องคุณวรวรินทร์นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนโซฟาสีขาวข้างเตียง มือทั้งสองกุมไว้ที่ตัก



    “มีอะไรหรือครับ น้ากิ่ง” อนาวินเดินรี่เข้ามาถาม



    “น้ารู้สึกไม่ดีเลย วิน ...ก้อยทิ้งมือถือไว้ที่ห้องนี่เอง”



    “อะไรกันคะ คุณแม่ พี่ก้อยอาจจะลืมวางไว้ แล้วเดินไปที่ไหนก็ได้นี่นา เรื่องแค่นี้เอง”



    “ก้อยทิ้งจดหมายไว้” คุณวรวรินทร์บอก



    “คะ?”



    “จดหมาย? ไหนครับ” วรวรินทร์ยื่นมือสั่นเทาของตนประคองกระดาษจดหมายที่ตนถือไว้ให้หลานชายอ่าน อนาวินรับกระดาษจดหมายสีหวานมาถือไว้ กลิ่นกระดาษหอมเหมือนกับกระดาษที่เขาเคยได้รับยามอยู่ต่างประเทศโชยเข้าจมูก



    “ของก้อย..” เขารำพึงเบาๆ แล้วคลี่จดหมายออก



    “ทิ้งจดหมายไว้ ก็ยังดีกว่าหายไปเฉยๆ นี่คะคุณแม่...ไงคะ จดหมายพี่ก้อยเขียนไว้ไงมั่ง” หญิงสาวชะโงกหน้าเข้ามาอ่านจดหมายในมืออนาวินไปพร้อมๆ กัน





    + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

    ถึงทุกคน!!



    ...ก้อยหายไป!! >O< ใครๆ ก็คงตกใจเมื่อเข้าห้องมาแล้วเห็นอย่างนั้นใช่มั้ยคะ ก็...ถูกล่ะค่ะ ใครจะคิดว่า คนอย่างก้อยควรจะออกไปเที่ยวที่ไหน คงคิดสิคะว่า...คนอ่อนแอ อมโรคอย่างก้อยควรจะนอนแบ่บอยู่บ้าน



    นี่ถ้ารู้กันว่าก้อยอยู่ไหน คงให้หมอตามมา...จับก้อยไปแน่ๆ เลยใช่มั้ยล่ะคะ เมื่อวานก้อยคิดแบบนี้ พอวันนี้ก้อยก็ตัดสินใจได้ ฉะนั้นก็เลยคิดว่า ก้อยจะหนี!! 55+ ล้อเล่นน่า แค่คิดว่า ....ไปเที่ยวดีกว่า คิคิ แม่อย่าโกรธก้อยนะ ...และก้อยก็ดูแลตัวเองได้ ก้อยโตแล้ว ก้อยแค่รู้สึกว่า การที่ก้อย...ถูกจับให้อยู่ในห้องแคบๆ อุดอู้ๆ ...บังคับก้อยให้กินยาบำรุงเป็นกระบุง ….ให้นอนเฉยๆ เป็นวันๆ แบบเนี้ย มันไม่ยุติธรรมเลย….เขียนไปเขียนมาชักเหนื่อยซะแล้ว ก้อยนี่อ่อนแอจริงๆ ซะด้วย T^T....ไม่ไหวเลยเน๊อะ 55+  



    เอาเป็นว่าแม่กับแก้มไม่ต้องตกใจไปหรอกค่ะ นี่ถ้าพี่วินกับลุงพงศ์….รู้เข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ รู้แค่....ว่าก้อยสบายดีลัลล้า ก้อยสบายดีจนรู้สึกว่า....มันเหมือนเป็นความฝันอย่างนั้นแหละค่ะ แล้ว...เป็นฝันที่ไม่เป็นจริงซะด้วย ...ใครก็รู้นี่คะ ว่าก้อยน่ะ ห่างจากคำว่าสบายดีอยู่เสมอมา....แต่เอาเถอะค่ะ ไงๆ ก็แล้วแต่ ก้อยไปแล้วนะคะ ....พาตัวเองไปสนุกสนานเฮฮา ก่อนขึ้นเขียงผ่าตัด 555+ คอยดูนะ ก้อยว่าจะ...ไปเที่ยวให้เพลินเลยล่ะค่ะ ไม่อยู่เป็นปลิงตัวน้อยๆ ...เกาะแม่กินแล้ว อีกอย่างก้อยอยากไปดูมากๆ เลย ก็ไอ้แปร๋นนนนน งงล่ะสิ ก็...ช้างที่ก้อยชอบไงคะ ไม่เคยเห็นตัวจริงเสียที สรุปแล้วว่าก้อยจะไปเชียงใหม่นะคะ อิอิ



    ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องตามหา แล้วอย่าไปแจ้งตำรวจซะล่ะคะ ไม่งั้นโดนข้อหาแจ้งความเท็จไม่รู้ด้วย พอก้อยถึงที่โน่นแล้ว จะโทรมาเองนะคะ จุ๊บๆๆ



    ก้อยเองค่า

    + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +







    “โธ่ คุณแม่คะ ก็พี่ก้อยก็เขียนอยู่เห็นๆ ว่าไม่เป็นอะไร ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ เอางี้ ถ้าคุณแม่เป็นห่วงเราตามไปเชียงใหม่เลยดีมั้ยล่ะคะ จะได้ไปเที่ยวในตัว” ไอรดาชักชวน



    “นั่นสิ กิ่ง พี่ว่า ถ้ากิ่งเป็นห่วง เราไปเชียงใหม่กันดีมั้ย ตาวินจะได้เที่ยวด้วย ธรรมดาเราเที่ยวกันแต่ทะเลนี่ ไม่ได้ไปเชียงใหม่มาเกือบ 7 ปีแล้วมั้ง ใช่มั้ยตาวิน” พร้อมพงศ์เอ่ยสนับสนุนอย่างยินดี แต่คุณวรวรินทร์ก็ยังไม่รู้สึกสบายใจขึ้นแม้แต่น้อย



    “ไปสิ ไปตามหาก้อยกัน” เธอเอ่ยลอยๆ ในใจยังคงมีความเป็นห่วงเป็นใยในตัวลูกสาวคนโตอย่างเต็มเปี่ยม เธอไม่ได้เชื่อเนื้อความในจดหมายนั้นสักนิดเดียว เพราะเธอคิดว่า หากวาฤดีจะไปเที่ยวไหนจริง ก็น่าจะแจ้งให้เธอทราบ นี่เธอขึ้นมาค้นห้องนอกจากเจอจดหมายวางทิ้งไว้ แม้แต่โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นของส่วนตัว ที่ไม่น่าจะลืมในยุคดิจิตอลเช่นนี้ ก็ยังวางทิ้งไว้ซึ่งดูเป็นพฤติกรรมที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน

    จบประโยคของคุณวรวรินทร์ คนทั้งหมดในห้องแทบจะไปเก็บข้าวไปเชียงใหม่ แต่แล้วเธอก็กล่าวขัดขึ้นเบาๆ อย่างครุ่นคิด สร้างความงุนงงให้แก่ทุกคนในที่นั้นว่า



    “ถ้าก้อยอยู่เชียงใหม่จริงๆ น่ะนะ ...แม่ว่าจดหมายนี่มันแปลกๆ แปลกยังไงก็ไม่รู้”









    ณ ที่ที่ไกลแสนไกล วาฤดีคู้ตัวอยู่บนเตียงเก่าแคบอย่างเจ็บปวด มือซีดขาวเอื้อมไปหยิบกระบอกน้ำไม้ไผ่บนพื้นขึ้นมาจิบเพียงน้อย เพื่อประหยัดไว้ดื่มในยามเย็น อยู่ที่นี่ เธอไร้คนดูแล จะมีเพียงคนส่งสารที่ถูกจ้างให้เข้ามาดูเธอเพียงวันละครั้ง เธอไม่ได้ถูกมัดจนไร้อิสรภาพ ห้องน้ำก็ถูกสร้างไว้อยู่ภายในตัว เพียงเปิดประตูเล็กๆ ปลายเตียงก็ถึง แต่เธอก็ทรมานเหลือเกิน



    ทรมานเสียจนรู้ดีทีเดียวว่า เวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว!



    ทรมาน เข้าไปเถอะก้อย ... อีกไม่นานแล้ว คนที่เธอรักยิ่งก็จะมา ... จะปลดปล่อยเธอให้พ้นจากความทรมานนี้ ...



    วาฤดีภาวนาอยู่ในอก ด้วยความหวังอย่างยิ่งว่า จดหมายฉบับแรกที่เธอทิ้งไว้ที่บ้านจะนำคนที่เธอรักมาหาเธอ ในที่สุด หรือถ้าไม่ ... จดหมายฉบับที่สอง ที่คนส่งสารนำไป คงจะช่วยได้กระมัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×