คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : ++++ เตือนภัยคนที่ขับรถตอนกลางคืน--- MUST READ!!++++
*********************************
เมื่อเดือนที่แล้ว ( ดองเรื่องมานาน) ดิฉันและเพื่อนๆ นัดกันไปทานข้าวแถวสุขุมวิท ตอนกลับบ้านดิฉันติดรถเพื่อนกลับบ้านด้วย บ้านดิฉันอยู่แถวหลานหลวงส่วนเพื่อนดิฉันอยู่พุทธมลฑล เธอจึงอาสาขับไปส่งบ้านดิฉันเสมอเพราะเป็นทางผ่านห้าทุ่มแล้ว ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านเราขับผ่านมาบุญครองและสนามกีฬาแห่งชาติ โดยรถของเราวิ่งเลนส์ในที่เป็นเลนส์เดียว ฝั่งเดียวกับโลตัสพระราม 1 และช่างกลปทุมวัน เส้นทางนั้นเป็นทางแคบและมืดเพราะไม่มีไฟทาง เนื่องจากเราวิ่งใต้รางรถไฟไฟ้าตลอด ( ถ้าคนไปแถบนั้นคงทราบดี)ในระยะสายตาดิฉันเหลือบเห็นคนยืนคนหนึ่งอยู่ริมฟุตบาท รอที่จะข้ามไปยังฝั่งช่างกลปทุมวัน เขาหันมามองขวาตามสัณชาติญาณคนข้ามถนน(ระยะรถกับที่เค้ายืนน่าจะห่างกันประมาณ 50 เมตร) รถเพื่อนดิฉัน
แล่นกำลังจะผ่านป้ายรถเมล์หน้าช่างกลปทุมวัน ชายผู้นี้ก้าวลงมาที่ถนนอย่างไม่คาดฝัน เพื่อนดิฉันเหยียบแบรคทันที เค้าคนนั้นหันมาเห็นรถเราด้วยความตกใจ แต่รถเราก็ปะทะตัวเค้าเต็มๆ
ในจังหวะนั้นดิฉันหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเพื่อนดิฉันขับรถไม่เร็วเลย ไม่เกิน 50 ด้วยซ้ำอย่างที่บอกว่าทางแคบ มืด และมีรถขับสวนตลอดไฟก็ส่องหน้าเต็มๆ จึงไม่ขับเร็ว..
เค้าคนนั้นล้มลงที่พื้นถนน ดิฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากป้ายรถเมล์ ทุกคนคงตกใจ แต่คงไม่มากกว่าดิฉันและเพื่อน เพื่อนพูดขึ้นมาทันที แกทำไงดีชั้นไม่เคยขับรถชนคน ดิฉันก็เอ่อ ชั้นก็ไม่เคย ระหว่างนั้นเราก็งงว่าควรทำยังไงดี ดิฉันตัดสินใจเปิดกระจกไป ตะโกนถามว่าคุณจะไปโรงพยาบาลมั้ย ’ แต่ได้ยินเสียงด่าสวนมา ดังมาก จากผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน แต่ไปๆมาๆเป็นใครไม่รู้ที่เจ็บร้อนแทนเท่านั้น คำด่าก็ประมาณว่า ‘ เฮ้ย แม่งมีน้ำใจบ้างรึเปล่า เมิงลงมาดูเค้าสิวะ ’แล้วอยู่ดีๆชายคนที่เจ็บลุกขึ้นมาเดินกระเพลกๆ มาเคาะกระจกด้านเพื่อนดิฉัน จับใจความได้ว่า ‘ คุณขับรถชนคนอื่น ไม่คิดลงมาดูเลยใช่มั้ย ’ไม่ได้แล้งน้ำใจ แต่ตกใจและนึกได้ว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรลงไปจากรถยามค่ำคืนหากเกิดเหตุการณ์ใดใด
เพราะเคยถูกเทรนมา
.
พอดีตำรวจเดินมา ดิฉันดีใจมาก รีบตะโกนบอกไปว่า ‘ คุณตำรวจคะ คือเราขับรถชนเค้า เราจะพาเค้าไปโรงพยาบาลช่วยพยุงเค้าหน่อยได้ไหมคะ ’ ตำรวจก็ใจดีพาเค้าคนนั้นขึ้นมา ในขณะที่เค้าแข็งขืน พูดตลอดว่า ‘ ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ไปโรงพยาบาลก็ได้ ’ ดิฉันกับเพื่อนก็งง อารายวะเมื่อกี้แทบจะกินกรูอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็บอกว่าให้ขึ้นรถมา
เค้าขึ้นรถมาด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เค้านอบน้อมมากบอกว่า ‘ ผมทำให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับบราๆๆๆๆ
’ และแล้วอยู่ดีๆเค้าก็ขอยืมโทรศัพท์เพื่อนดิฉันบอกว่าขอติกต่อเพื่อนที่ทำงานด้วยกันหน่อยโทรศัพท์เค้าโทรออกไม่ได้ เพื่อนก็ให้ยืม แล้วเค้าก็โทรหาแฟนเป็นคนแรก ‘ ตัวเองเหรอ อือๆ เค้าโดนรถชน เค้าซุ่มซ่ามเองแหละ เนี่ยพี่เค้าพามาส่งโรงพยาบาล
.’ และก็กดหาเพื่อนอีกประมาณสามคนได้ ดิฉันก็งงว่าปกติ ผู้ชายเค้าต้องพูดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ดิฉันรู้สึกแปลกๆ แอบคิดว่าเค้าจะ
เอาเบอร์เพื่อนดิฉันยิงไปที่เบอร์เพื่อนเค้าเพื่อเก็บไว้เพื่อทำอะไรไม่ดี คิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ
ถึงโรงพยาบาลมิชชั่น บุรุษพยาบาลเข็นเค้าพาไปห้องฉุกเฉิน เพื่อนดิฉันให้เค้า X-Ray ขาเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าปลอดภัย
ระหว่างนั้นเค้าพูดตลอดว่า ‘ เนี่ยผมทำให้พี่ลำบากแย่เลย.. ผมต้องแย่แน่ๆ
เพราะผมต้องไปทำงานต่อ ’ เพื่อนดิฉันถาม ‘ น้องทำงานอะไรคะ นี่จะเที่ยงคืนแล้ว ’ ‘ คือ
ผมเป็นแดนเซอร์ครับ เนี่ยถ้าผมไปไม่ทันผมโดนปรับแน่ๆ สามพัน ’ ดิฉันสะดุดกึกทันที แปลกๆแล้วไง ดิฉันเลยโทรหาคุณแฟน ฮีก็แนะนำให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและก็ให้เงินไปนิดหน่อยค่าทำขวัญ แล้วให้จบๆไป เพราะเค้าก็รู้สึกว่า คนๆนี้เป็น ‘ มิจฉาชีพ ’ เหมือนที่ดิฉันคิด
ค่าปรับสามพันที่ชายคนนั้นพูดทำให้หมอพยาบาลสะดุดกึกเหมือนกัน หมอบอกว่า ‘ โอ้โห รายได้คุณดีจังนะ มากกว่าผมมาเข้าเวรอีก ’ แล้วผล X-Ray ก็ออกมา กระดูกไม่มีปัญหา พยาบาลจึงมานวดขาให้เค้า เค้าบอกว่าดีขึ้นแล้ว เราจึงเข็นเค้าไปห้องจ่ายยา ส่วนดิฉันและเพื่อนไปจ่ายเงิน สรุปหนึ่งพันนิดๆ คุณหมอถามว่าเอาไบรับรองแพทย์มั้ย เค้าบอกว่าไม่เอาครับเพราะผมใช้อะไรไม่ได้อยู่แล้วดิฉันพูดโพล่งขึ้นไปว่าขอใบรับรองแพทย์ด้วย แล้วหันไปบอกเค้าว่า ‘ คุณนำใบรับรองแพทย์ไปเป็นหลักฐานว่าคุณเจ็บจริงนะคะ นายจ้างคุณจะได้ไม่มาปรับคุณ ’ เค้ารีบพูดว่า ‘ คืองานที่ผมทำมันไม่เป็นระบบ ทางนายจ้างเค้าไม่สนใจหรอก ’ ดิฉันก็คิดว่าแปลกมาก ดิฉันไม่เชื่อสิ่งที่เค้าพูดเลย และประกอบกับทางโรงพยาบาลบอกว่าเราสามารถเรียกเอาประกันได้ถ้ามี ได้โดยเอา สำเนาบัตรประชาชนของเค้าและทะเบียนบ้าน แต่นาทีนั้นใครจะพกทะเบียนบ้านมา ดิฉันจึงขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเค้าไว้ เพื่อเป็นหลักฐานการยื่นขอเอาประกันที่สถานีตำรวจ ดิฉันกับเพื่อนนับว่ามีโชคอยู่บ้าง ที่มีเอกสารของเค้าทุกอย่างอยู่กับตัว โอ้ขอบคุณโรงพยาบาลที่เตือนสติ
และก็เป็นไปตามคาดคือ ก่อนที่เราจะส่งเค้าขึ้นแท็กซี่ที่เราเรียกให้ เพื่อนอีชั้นยื่นเงินสดให้เค้าหนึ่งพันบาท บอกว่าเป็นค่าตกใจ โดยมีบุรุษพยาบาลเป็นพยานในการส่งรับนั้น(ดิชั้นกระซิบบอกเพื่อนก่อนหน้านี้ว่าให้พูดดังๆตอนจ่ายตังค์ จะได้มีพยานรู้เห็น) ตามคาดคือเรื่องไม่จบง่ายๆ
. เค้าทำหน้าน่าสงสารและพูดว่า ‘ คุณครับ ผมต้องเอาเงินไปจ่ายค่าปรับสามพัน
..’ นั่นไงกรูเห็นลิ้นไก่เมิงทันที ดิฉันจึงพูดว่า ‘ น้องค่ะพี่ว่าน้องลองยื่นให้หัวหน้าน้องดูก่อนดีกว่าค่ะ แล้วค่อยมาว่ากันว่าเค้าว่ายังไง พี่ว่าน้องเจ็บขนาดนี้เค้าจะไม่เห็นใจเลยเหรอคะ ’ เค้าก็อึ้งไปแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมา
ตามคาดอีกแล้ว เค้าโทรมาหาเพื่อนดิฉัน แหมแอบเอาเบอร์ไปเมมไว้ตั้งแต่ต้น ฉลาดจังพ่อคุ๊ณ แต่ด้วยความที่ดิฉันกับเพื่อนเตี๊ยมกันไว้แต่ต้นว่าจะพูดยังไงกับเค้าดี บทสนทนาจึงเป็นอย่างนี้
เค้า: พี่ครับผมต้องจ่ายสามพันแน่ เดี๋ยวผมเมสเสสเลขบัญชีมาให้พี่โอนพรุ่งนี้นะครับ
เพื่อน: เอ่อ น้องคะพี่ว่าอย่างนี้ดีมั้ย น้องบอกเบอร์หัวหน้าน้องมาดีกว่า พี่จะโทรไปคุยกับ เค้าโดยตรงว่าเค้าจะผ่อนปรนได้มั้ย แต่ถ้าไม่ได้จริงก็ไม่เป็นไรพี่จะจ่ายให้เค้าเองโดยตรง น้องไม่ต้องกลุ้มนะ พี่จัดการเอง ขอเบอร์หัวหน้าน้องด้วยจ่ะ
เค้า: เอ่อ ไม่มีครับพี่
เพื่อน: อ้าว งั้นน้องเมสเสสมาบอกพี่พรุ่งนี้นะ บ้ายบาย
เอตอนแรกบอกว่ามือถือโทรออกไม่ได้ ตอนนี้โทรได้ซะแล้ว อืม น่าคิดแต่เรื่องยังไม่จบ ตอนเช้าเพื่อนรีบไปดำเนินเรื่องแจ้งความที่ สนปทุมวัน ตำรวจบอกว่าโอ้ยอีหนูตรงนั้นโดนกันประจำ คือมีแก็งค์มิจฉาชีพอ่ะค่ะ สรุปหญิงสาวที่ร้องโหวกเหวกโวยวายด่าทอเราที่ป้ายรถเมล์ ก็พวกเดียวกันแน่ๆ เค้ามากันเป็นทีม คือจะให้เราอาย ตอนนั้นบอกตรงๆว่าหน้าชาเลยเหมือนเรากับเพื่อนเป็นอาชญากรสังคมและเค้าต้องการให้เราจ่ายเงินให้เค้าไปตรงนั้น ว่าแล้วเค้าไม่ยอมมาโรงพยาบาลในตอนแรกเพราะต้องการให้เรื่องจบตอนนั้น
และแล้วก็ติดต่อประกันให้ดำเนินการต่อ เค้าคนนั้นยังคงโทรมาในช่วงแรกๆ โทรมาโวยวาย เพื่อนพูดอย่างเดียวว่าไปคุยกับประกัน เค้าจึงพูดขู่ว่า ‘ นี่ผมประณีประนอมมากแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าถึงตำรวจแล้ว ’ เพื่อนเราเลยบอกว่า ‘ อ่อ เรื่องถึงตำรวจอยู่แล้วค่ะเพราะพี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว ตำรวจรู้เรื่องแล้วค่ะ ’ เค้าเห็นว่าไม่ได้ผลจึงวางสายไปและ สุดท้ายเค้าส่งเมสเสสมาหามีใจความว่า ‘ คุณระวังตัวไว้ให้ดี บาปกรรมมีจริง ขอให้คุณเจออุบัติเหตุที่หนักกว่าผม’
เค้าคนนั้นจริงๆแล้วมีวิธีที่เนียนมากในการทำครั้งนี้ บางคนอาจสงสัยว่ามีคนกล้าเสี่ยงตัวเองเพื่อเงินขนาดนี้เลยเหรอ ขอบอกว่ามีจริงๆค่ะ เค้ารู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อยยังไง เค้ากระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถ ตอนที่รถพุ่งเค้าใกล้ตัวเค้า ถ้าเป็นคนปกติยืนนิ่งโดนเสยกระเด็นไปแน่นอนแม้จะขับไม่เร็วก็เหอะขอเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ เพราะเราชอบกลัวและใจอ่อนกับอะไรง่ายๆ ต้องมีสติให้ดีค่ะ หวังว่าที่โพสจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนนะคะ
เค้าคนนี้ชื่อ ‘ ... ’ (ไม่อยากออกชื่อกลัวคนชื่อเหมือนกันจะว่าเอาอ่า: YAONE) บ้านอยู่แถวรามอินทราผิวคล้ำ สูง ผอม อายุ 26 ปี (จริงๆมีบัตรประชาชนเค้าด้วย แค่เดี๋ยวตำรวจเสียรูปคดี)
Self Righteous
๒๓ พ.ย. ๒๕๔๙ , ๑๓.๕๔ น.
ความคิดเห็น