ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทความดีจากเมล FW

    ลำดับตอนที่ #28 : ++++ เตือนภัยคนที่ขับรถตอนกลางคืน--- MUST READ!!++++

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ค. 50


    อาชีพสมัยนี้มันแปลกๆเนาะ...

    *********************************

    เมื่อเดือนที่แล้ว  ( ดองเรื่องมานาน) ดิฉันและเพื่อนๆ นัดกันไปทานข้าวแถวสุขุมวิท   ตอนกลับบ้านดิฉันติดรถเพื่อนกลับบ้านด้วย   บ้านดิฉันอยู่แถวหลานหลวงส่วนเพื่อนดิฉันอยู่พุทธมลฑล   เธอจึงอาสาขับไปส่งบ้านดิฉันเสมอเพราะเป็นทางผ่านห้าทุ่มแล้ว   ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านเราขับผ่านมาบุญครองและสนามกีฬาแห่งชาติ   โดยรถของเราวิ่งเลนส์ในที่เป็นเลนส์เดียว ฝั่งเดียวกับโลตัสพระราม  1 และช่างกลปทุมวัน เส้นทางนั้นเป็นทางแคบและมืดเพราะไม่มีไฟทาง   เนื่องจากเราวิ่งใต้รางรถไฟไฟ้าตลอด ( ถ้าคนไปแถบนั้นคงทราบดี)ในระยะสายตาดิฉันเหลือบเห็นคนยืนคนหนึ่งอยู่ริมฟุตบาท   รอที่จะข้ามไปยังฝั่งช่างกลปทุมวัน เขาหันมามองขวาตามสัณชาติญาณคนข้ามถนน(ระยะรถกับที่เค้ายืนน่าจะห่างกันประมาณ 50 เมตร) รถเพื่อนดิฉัน
    แล่นกำลังจะผ่านป้ายรถเมล์หน้าช่างกลปทุมวัน   ชายผู้นี้ก้าวลงมาที่ถนนอย่างไม่คาดฝัน เพื่อนดิฉันเหยียบแบรคทันที   เค้าคนนั้นหันมาเห็นรถเราด้วยความตกใจ แต่รถเราก็ปะทะตัวเค้าเต็มๆ

                    ในจังหวะนั้นดิฉันหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเพื่อนดิฉันขับรถไม่เร็วเลย   ไม่เกิน 50 ด้วยซ้ำอย่างที่บอกว่าทางแคบ มืด และมีรถขับสวนตลอดไฟก็ส่องหน้าเต็มๆ   จึงไม่ขับเร็ว..
    เค้าคนนั้นล้มลงที่พื้นถนน   ดิฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากป้ายรถเมล์ ทุกคนคงตกใจ   แต่คงไม่มากกว่าดิฉันและเพื่อน เพื่อนพูดขึ้นมาทันที แกทำไงดีชั้นไม่เคยขับรถชนคน   ดิฉันก็เอ่อ ชั้นก็ไม่เคย ระหว่างนั้นเราก็งงว่าควรทำยังไงดี   ดิฉันตัดสินใจเปิดกระจกไป ตะโกนถามว่าคุณจะไปโรงพยาบาลมั้ย แต่ได้ยินเสียงด่าสวนมา ดังมาก จากผู้หญิงคนหนึ่ง   ตอนแรกคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน แต่ไปๆมาๆเป็นใครไม่รู้ที่เจ็บร้อนแทนเท่านั้น   คำด่าก็ประมาณว่า เฮ้ย แม่งมีน้ำใจบ้างรึเปล่า   เมิงลงมาดูเค้าสิวะแล้วอยู่ดีๆชายคนที่เจ็บลุกขึ้นมาเดินกระเพลกๆ มาเคาะกระจกด้านเพื่อนดิฉัน   จับใจความได้ว่า คุณขับรถชนคนอื่น   ไม่คิดลงมาดูเลยใช่มั้ย ไม่ได้แล้งน้ำใจ   แต่ตกใจและนึกได้ว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรลงไปจากรถยามค่ำคืนหากเกิดเหตุการณ์ใดใด
    เพราะเคยถูกเทรนมา ….

                    พอดีตำรวจเดินมา   ดิฉันดีใจมาก รีบตะโกนบอกไปว่า คุณตำรวจคะ คือเราขับรถชนเค้า   เราจะพาเค้าไปโรงพยาบาลช่วยพยุงเค้าหน่อยได้ไหมคะ ตำรวจก็ใจดีพาเค้าคนนั้นขึ้นมา ในขณะที่เค้าแข็งขืน พูดตลอดว่า  ‘ ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ไปโรงพยาบาลก็ได้ ดิฉันกับเพื่อนก็งง อารายวะเมื่อกี้แทบจะกินกรูอยู่แล้ว   แต่ดิฉันก็บอกว่าให้ขึ้นรถมาเค้าขึ้นรถมาด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป   เค้านอบน้อมมากบอกว่า ผมทำให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับบราๆๆๆๆ …’ และแล้วอยู่ดีๆเค้าก็ขอยืมโทรศัพท์เพื่อนดิฉันบอกว่าขอติกต่อเพื่อนที่ทำงานด้วยกันหน่อยโทรศัพท์เค้าโทรออกไม่ได้ เพื่อนก็ให้ยืม แล้วเค้าก็โทรหาแฟนเป็นคนแรก  ‘ ตัวเองเหรอ อือๆ เค้าโดนรถชน เค้าซุ่มซ่ามเองแหละ   เนี่ยพี่เค้าพามาส่งโรงพยาบาล ….’ และก็กดหาเพื่อนอีกประมาณสามคนได้ ดิฉันก็งงว่าปกติ ผู้ชายเค้าต้องพูดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ดิฉันรู้สึกแปลกๆ   แอบคิดว่าเค้าจะ
    เอาเบอร์เพื่อนดิฉันยิงไปที่เบอร์เพื่อนเค้าเพื่อเก็บไว้เพื่อทำอะไรไม่ดี   คิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ

    ถึงโรงพยาบาลมิชชั่น   บุรุษพยาบาลเข็นเค้าพาไปห้องฉุกเฉิน เพื่อนดิฉันให้เค้า X-Ray ขาเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าปลอดภัย ระหว่างนั้นเค้าพูดตลอดว่า เนี่ยผมทำให้พี่ลำบากแย่เลย.. ผมต้องแย่แน่ๆ
    เพราะผมต้องไปทำงานต่อ ’   เพื่อนดิฉันถาม น้องทำงานอะไรคะ   นี่จะเที่ยงคืนแล้ว ’ ‘ คือ
    ผมเป็นแดนเซอร์ครับ   เนี่ยถ้าผมไปไม่ทันผมโดนปรับแน่ๆ สามพัน ดิฉันสะดุดกึกทันที   แปลกๆแล้วไง ดิฉันเลยโทรหาคุณแฟน   ฮีก็แนะนำให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและก็ให้เงินไปนิดหน่อยค่าทำขวัญ แล้วให้จบๆไป   เพราะเค้าก็รู้สึกว่า คนๆนี้เป็น มิจฉาชีพ เหมือนที่ดิฉันคิด

                    ค่าปรับสามพันที่ชายคนนั้นพูดทำให้หมอพยาบาลสะดุดกึกเหมือนกัน   หมอบอกว่า โอ้โห รายได้คุณดีจังนะ มากกว่าผมมาเข้าเวรอีก แล้วผล X-Ray ก็ออกมา กระดูกไม่มปัญหา   พยาบาลจึงมานวดขาให้เค้า เค้าบอกว่าดีขึ้นแล้ว เราจึงเข็นเค้าไปห้องจ่ายยา   ส่วนดิฉันและเพื่อนไปจ่ายเงิน สรุปหนึ่งพันนิดๆ คุณหมอถามว่าเอาไบรับรองแพทย์มั้ย   เค้าบอกว่าไม่เอาครับเพราะผมใช้อะไรไม่ได้อยู่แล้วดิฉันพูดโพล่งขึ้นไปว่าขอใบรับรองแพทย์ด้วย แล้วหันไปบอกเค้าว่า คุณนำใบรับรองแพทย์ไปเป็นหลักฐานว่าคุณเจ็บจริงนะคะ   นายจ้างคุณจะได้ไม่มาปรับคุณ เค้ารีบพูดว่า คืองานที่ผมทำมันไม่เป็นระบบ ทางนายจ้างเค้าไม่สนใจหรอก ดิฉันก็คิดว่าแปลกมาก ดิฉันไม่เชื่อสิ่งที่เค้าพูดเลย   และประกอบกับทางโรงพยาบาลบอกว่าเราสามารถเรียกเอาประกันได้ถ้ามี ได้โดยเอา   สำเนาบัตรประชาชนของเค้าและทะเบียนบ้าน แต่นาทีนั้นใครจะพกทะเบียนบ้านมา   ดิฉันจึงขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเค้าไว้   เพื่อเป็นหลักฐานการยื่นขอเอาประกันที่สถานีตำรวจ   ดิฉันกับเพื่อนนับว่ามีโชคอยู่บ้าง ที่มีเอกสารของเค้าทุกอย่างอยู่กับตัว   โอ้ขอบคุณโรงพยาบาลที่เตือนสติ และก็เป็นไปตามคาดคือ   ก่อนที่เราจะส่งเค้าขึ้นแท็กซี่ที่เราเรียกให้   เพื่อนอีชั้นยื่นเงินสดให้เค้าหนึ่งพันบาท บอกว่าเป็นค่าตกใจ   โดยมีบุรุษพยาบาลเป็นพยานในการส่งรับนั้น(ดิชั้นกระซิบบอกเพื่อนก่อนหน้านี้ว่าให้พูดดังๆตอนจ่ายตังค์   จะได้มีพยานรู้เห็น) ตามคาดคือเรื่องไม่จบง่ายๆ …. เค้าทำหน้าน่าสงสารและพูดว่า คุณครับ   ผมต้องเอาเงินไปจ่ายค่าปรับสามพัน …..’ นั่นไงกรูเห็นลิ้นไก่เมิงทันที ดิฉันจึงพูดว่า น้องค่ะพี่ว่าน้องลองยื่นให้หัวหน้าน้องดูก่อนดีกว่าค่ะ   แล้วค่อยมาว่ากันว่าเค้าว่ายังไง   พี่ว่าน้องเจ็บขนาดนี้เค้าจะไม่เห็นใจเลยเหรอคะ เค้าก็อึ้งไปแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมา

                    ตามคาดอีกแล้ว   เค้าโทรมาหาเพื่อนดิฉัน แหมแอบเอาเบอร์ไปเมมไว้ตั้งแต่ต้น ฉลาดจังพ่อคุ๊ณ   แต่ด้วยความที่ดิฉันกับเพื่อนเตี๊ยมกันไว้แต่ต้นว่าจะพูดยังไงกับเค้าดี   บทสนทนาจึงเป็นอย่างนี้


                    เค้า: พี่ครับผมต้องจ่ายสามพันแน่   เดี๋ยวผมเมสเสสเลขบัญชีมาให้พี่โอนพรุ่งนี้นะครับ
                    เพื่อน:   เอ่อ น้องคะพี่ว่าอย่างนี้ดีมั้ย น้องบอกเบอร์หัวหน้าน้องมาดีกว่า   พี่จะโทรไปคุยกับ เค้าโดยตรงว่าเค้าจะผ่อนปรนได้มั้ย   แต่ถ้าไม่ได้จริงก็ไม่เป็นไรพี่จะจ่ายให้เค้าเองโดยตรง น้องไม่ต้องกลุ้มนะ   พี่จัดการเอง ขอเบอร์หัวหน้าน้องด้วยจ่ะ
                    เค้า: เอ่อ   ไม่มีครับพี่
                    เพื่อน: อ้าว   งั้นน้องเมสเสสมาบอกพี่พรุ่งนี้นะ บ้ายบาย

                    เอตอนแรกบอกว่ามือถือโทรออกไม่ได้   ตอนนี้โทรได้ซะแล้ว อืม น่าคิดแต่เรื่องยังไม่จบ   ตอนเช้าเพื่อนรีบไปดำเนินเรื่องแจ้งความที่ สนปทุมวัน   ตำรวจบอกว่าโอ้ยอีหนูตรงนั้นโดนกันประจำ คือมีแก็งค์มิจฉาชีพอ่ะค่ะ   สรุปหญิงสาวที่ร้องโหวกเหวกโวยวายด่าทอเราที่ป้ายรถเมล์ ก็พวกเดียวกันแน่ๆ   เค้ามากันเป็นทีม คือจะให้เราอาย   ตอนนั้นบอกตรงๆว่าหน้าชาเลยเหมือนเรากับเพื่อนเป็นอาชญากรสังคมและเค้าต้องการให้เราจ่ายเงินให้เค้าไปตรงนั้น   ว่าแล้วเค้าไม่ยอมมาโรงพยาบาลในตอนแรกเพราะต้องการให้เรื่องจบตอนนั้น

                    และแล้วก็ติดต่อประกันให้ดำเนินการต่อ   เค้าคนนั้นยังคงโทรมาในช่วงแรกๆ โทรมาโวยวาย เพื่อนพูดอย่างเดียวว่าไปคุยกับประกัน   เค้าจึงพูดขู่ว่า นี่ผมประณีประนอมมากแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าถึงตำรวจแล้ว เพื่อนเราเลยบอกว่า อ่อ   เรื่องถึงตำรวจอยู่แล้วค่ะเพราะพี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว   ตำรวจรู้เรื่องแล้วค่ะ เค้าเห็นว่าไม่ได้ผลจึงวางสายไปและ   สุดท้ายเค้าส่งเมสเสสมาหามีใจความว่า คุณระวังตัวไว้ให้ดี   บาปกรรมมีจริง ขอให้คุณเจออุบัติเหตุที่หนักกว่าผม

                    เค้าคนนั้นจริงๆแล้วมีวิธีที่เนียนมากในการทำครั้งนี้   บางคนอาจสงสัยว่ามีคนกล้าเสี่ยงตัวเองเพื่อเงินขนาดนี้เลยเหรอ ขอบอกว่ามีจริงๆค่ะ   เค้ารู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อยยังไง เค้ากระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถ   ตอนที่รถพุ่งเค้าใกล้ตัวเค้า   ถ้าเป็นคนปกติยืนนิ่งโดนเสยกระเด็นไปแน่นอนแม้จะขับไม่เร็วก็เหอะขอเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ   เพราะเราชอบกลัวและใจอ่อนกับอะไรง่ายๆ ต้องมีสติให้ดีค่ะ หวังว่าที่โพสจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนนะคะ

                    เค้าคนนี้ชื่อ  ‘ ...   (ไม่อยากออกชื่อกลัวคนชื่อเหมือนกันจะว่าเอาอ่า: YAONE) บ้านอยู่แถวรามอินทราผิวคล้ำ สูง ผอม อายุ 26 ปี (จริงๆมีบัตรประชาชนเค้าด้วย   แค่เดี๋ยวตำรวจเสียรูปคดี)

    Self Righteous
    ๒๓ พ.ย.   ๒๕๔๙ , ๑๓.๕๔ น.



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×