คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : SF Lay x Chen I'm not a child! I 100%
I’m not a child!
เรามักจะเคยได้ยินประโยคที่บอกว่าแม้เราจะโตจนกระทั่งมีครอบครัวเป็นของตัวเองพ่อกับแม่ก็ยังคงจะมองเราเป็นเพียงแค่เด็กน้อยอยู่เสมอ
นั่นผมไม่เถียงแต่กับคนที่เป็นแค่พี่ชายข้างบ้านที่แม่ผมขอให้ดูแลในช่วงที่ท่านไม่อยู่เพราะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศแค่นั้น
เขามีสิทธิ์อะไรมามองว่าผมเป็นแค่เด็กน้อยทั้งที่ตอนนี้ผมก็อายุปาเข้าไป 20 ปีบริบูรณ์แล้วแท้ๆ!
จาง อี้ชิงไม่เคยมองว่าคิม จงแดโตพอๆ
กับที่คิม จงแดไม่เคยคิดว่าจาง อี้ชิงเป็นพี่ชาย...
“ผมก็เคยบอกพี่ไปแล้วนะครับว่าวันนี้ผมมีนัดกินเลี้ยงกับเพื่อน”
“แล้วพี่อนุญาตยัง?”
“แล้วทำไมผมต้องรอให้พี่อนุญาตด้วย” ดวงตาคมตวัดมามองผมทันทีตั้งแต่ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี
ยอมรับว่าผมเองก็แอบกลัวสายตาคมคู่นี้อยู่เหมือนกัน
แต่ด้วยส่วนตัวที่ผมเป็นคนที่ดื้อรั้นมิใช่น้อย
ยิ่งใครห้ามอะไรก็ยิ่งเหมือนกับยุยงส่งเสริม ผมไม่ชอบถูกบังคับพอๆ กับการถูกถูกขัดใจแต่คนๆ
นี้ก็มักจะทำทุกอย่างที่ผมไม่ชอบจนผมรำคาญ
“ไม่รู้ล่ะ!
ผมนัดกับเพื่อนไว้แล้วนัดก็ต้องเป็นนัดสิพี่จะให้ผมเบี้ยวนัดกับเพื่อนรึไง”
“คิม
จงแดพี่ว่าพี่พูดชัดแล้วนะ” น้ำเสียงนิ่งๆ
ยังคงถูกส่งมาจากคนที่กำลังนั่งเกากีต้าร์อยู่เหมือนไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ผมรู้ว่าที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะมันเป็นการระงับสติอารมณ์ของเขาที่ตอนนี้ภายในคงเดือดปุดๆ
“โถ๋
พี่ก็รู้ว่าผมดูแลตัวเองได้ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะพี่อี้ชิง” ผมทำทีกระเง้ากระงอดแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งกอดแขนอ้อนคนเป็นพี่
“แล้วที่ทำอยู่ตอนนี้ล่ะ?”
แววตาคมชำเลืองมองสองมือของผมที่กอดแขนเขาแน่น ผมเบะปากใส่คนมาดเยอะแล้วดึงสองมือตัวเองกลับมาไว้ที่ตัก
“ผมรู้ว่าผมชอบทำตัวเป็นเด็กเวลาอยู่กับพี่แต่ว่าถ้าผละจากพี่ไปผมมั่นใจว่าผมมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอ...”
ผมลอบสังเกตสีหน้าของคนด้านข้างแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาเลย
“...อย่างน้อยผมก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเจ้าบยอน
แบคฮยอนแล้วกัน!”
“นินทาอะไรฉันมิทราบ” เสียงของบุคคลมาใหม่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
จงแดหันไปเบะปากใส่คนเป็นเพื่อน จนคนมาใหม่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม
“ว่าไงนินทาอะไรฉันอยู่” เจ้าเพื่อนตัวแสบที่บ้านอยู่ท้ายซอยนั่งจ้องหน้าผมสลับกับพี่อี้ชิงไปมา
ผมแอบขยิบตาส่งให้เพื่อนสนิทสองสามทีอย่างรู้กัน
“ถึงจะเป็นนายพี่ก็ไม่อนุญาต” พี่อี้ชิงเหลือบตาขึ้นมามองแบคฮยอนแต่มือก็ยังเกากีต้าร์ตัวโปรดไปพลางๆ
ผมแอบเห็นแบคฮยอนลอบกลืนน้ำลายก่อนจะตั้งสติใหม่
“แค่ครั้งนี้เองนะครับพี่อี้ชิง ผมสัญญาว่าผมจะดูแลจงแดเป็นอย่างดี
อีกอย่างเราไปกันตั้งหลายคนรับรองไม่มีใครทำอะไรจงแดได้แน่นอนครับ”
“ครั้งที่แล้วก็พูดแบบนี้จำไม่ได้รึไงว่าเกิดอะไรขึ้น” คราวนี้ทั้งผมและแบคฮยอนต่างก็เงียบกริบก้มหน้าสำนึกผิดแทบไม่ทัน
เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อตอนผมขึ้นปีหนึ่งใหม่ๆ ตอนนั้นรุ่นพี่ของผมกับแบคฮยอนนัดเลี้ยงสายรหัสกัน
แต่ปรากฏว่าไปแล้วยังไม่ทันจะได้ลองดื่มลิ้มรสชาติแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรกในชีวิตก็ดันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน
เมื่อพี่มินโฮพี่รหัสของผมดันไปมีเรื่องกับแฟนเก่าของแฟนคนปัจจุบันเลยทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต
ต่อยตีกันจนมั่วไปหมดจงแดที่หลบหาที่ปลอดภัยไม่ทันโดนใครสักคนชนจนหัวไปชนกับเสาอะไรสักอย่างได้แผลที่หัวหนึ่งแผล
พอพี่อี้ชิงรู้เรื่องก็โกรธมากเขาไม่ยอมให้ผมไปไหนมาไหนกับสายรหัสอีกเลย แม้แต่ติดต่อยังไม่ให้ติดต่อนอกจากจะเจอกันที่มหาลัยเท่านั้นถึงจะสามารถทักทายกันได้
และแบคฮยอนกับชานยอลที่เป็นคนสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลเขาอย่างดีก็โดนพี่อี้ชิงเขม่นมาจนถึงทุกวันนี้
“แต่นั่นมันก็ผ่านมาเป็นปีแล้วนะครับ
อีกอย่างตอนนี้ผมก็โตขึ้นกว่าแต่ก่อนแล้วด้วย”
“พี่ไม่ชอบให้นายดื้อนะจงแด” ไม่ว่าเปล่าสายตาคมกริบมองผมอย่างจริงจัง
จนผมต้องถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งคอตกยอมรับชะตากรรม
- I’m not a child –
มื้อเย็นระหว่างผมกับพี่อี้ชิงพ่วงด้วยแขกอย่างแบคฮยอนผ่านไปด้วยบรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด แม้ว่าแบคฮยอนจะพยายามหาเรื่องชวนคุยสักเท่าไหร่ก็มักจะจบลงเหมือนเดิมคือได้ความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น
จนกระทั่งทานข้าวเสร็จแบคฮยอนก็ขอกลับบ้านผมที่ยังโกรธพี่อี้ชิงอยู่ก็เดินขึ้นห้องตัวเองทันทีโดนไม่แม้จะบอกฝันดีอย่างเช่นที่เคยทำ
ผมรู้ว่าที่พี่อี้ชิงทำทุกอย่างเพราะเป็นห่วงแต่ผมโตพอที่จะออกไปไหนมาไหนได้แล้ว ผมไม่ชอบที่เขาทำเหมือนผมเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโต
ทีเขายังออกไปเที่ยวไปดื่มเหล้ากับเพื่อนได้แล้วทำไมทีผมเขาถึงได้ห้ามนักห้ามหนา แต่เขาอาจจะลืมไปว่าคนอย่างคิม จงแดน่ะยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ผมนอนเล่นรอเวลาจนถึงสามทุ่มก็ค่อยๆ แง้มหน้าต่างห้องนอนออกเพื่อสำรวจช่องทาง การหนี ข้างล่างเป็นสนามหญ้าจากชั้นสองของบ้านถ้ากระโดดลงไปเลยก็คงจะเจ็บตัวอยู่ไม่น้อย ผมค่อยๆ เดินไปเอาผ้าห่มผืนใหญ่ของตัวเองมัดไว้กับขาเตียงดึงสองสามทีเพื่อเช็คว่ามันจะไม่หลุดตอนที่ผมกำลังไต่มันลงไปข้างล่าง
เมื่อเช็คดูเรียบร้อยผมก็หย่อนผ้าห่มลงไปทางหน้าต่างไฟห้องนั่งเล่นข้างล่างนั้นถูกดับไปแล้วเมื่อประมาณ
20 นาทีที่แล้วและผมก็แอบได้ยินเสียงพี่อี้ชิงเดินขึ้นมานอนห้องรับแขกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผมเรียบร้อย
เป็นอันว่าทางสะดวก!
ผมค่อยๆ ปีนหน้าต่างออกมามือข้างหนึ่งยึดผ้าห่มไว้แน่นส่วนอีกข้างก็เกาะขอบหน้าต่างไว้
ตั้งตัวได้ก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากขอบหน้าต่างแล้วเปลี่ยนมาจับผ้าห่มไว้แน่นค่อยๆ ปีนป่ายจนกระทั่งความสูงลดระดับลงไปพอที่กระโดดลงไปแล้วไม่เจ็บผมก็ดีดตัวลงทันที
ปุ!!!
ผมพยายามที่จะทำให้เกิดเสียงน้อยที่สุดแล้วจึงค่อยๆ
มุดเข้าไปเอารองเท้าที่แอบเอามาซ่อนไว้ตั้งแต่เมื่อตอนที่พี่อี้ชิงยังไม่กลับมาจากเรียน
แอบยิ้มให้ความฉลาดของตัวเองเล็กน้อยแล้วจึงรีบสวมรองเท้าปีนข้ามกำแพงไปบ้านพี่อี้ชิงที่ตอนนี้ไฟบ้านทั้งหลังมืดสนิท
เพราะไม่มีใครอยู่บ้านจากนั้นค่อยไปปีนรั้วออกทางหน้าบ้านอีกที แล้วตรงไปยังจุดนัดพบที่ผมเตรียมกับแบคฮยอนและชานยอลไว้เรียบร้อย
ถึงแม้แผนทุกอย่างมันจะดูสำเร็จง่ายดายเกินไปแต่เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวเลยทำให้จงแดไม่ได้ระวังอะไร...
ไม่ระวังจนไม่รู้ตัวว่ามีร่างสูงที่ตอนนี้นั่งมองเขากับเพื่อนๆ อยู่ในรถด้วยรอยยิ้มที่เดาไม่ค่อยออก...
40%
ร่างสมส่วนของอี้ชิงเดินเข้าไปด้านในของคลับชื่อดังที่เจ้าเด็กดื้อแอบหนีเขามาเที่ยว
เขาไม่ได้หลับอย่างที่จงแดเข้าใจหรอก เพราะเขารู้แกวของเจ้าเด็กคนนี้ดีถึงแม้จะทำเป็นยอมเชื่อฟังเขาแต่ความจริงแล้วเด็กคนนี้หัวดื้อกว่าที่คิด
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งเป็นการไปยุเจ้าตัวนั่นแหละ
แต่ที่ผมไม่ออกมาห้ามตั้งแต่ทีแรกก็เพราะว่าความจริงผมไม่ได้อยากจะห้ามให้จงแดออกมาเที่ยวจริงๆ หรอก เพราะรู้ว่าจงแดก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งเรื่องเที่ยวเรื่องดื่มมันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา ถึงผมจะห้ามไปยังไงจงแดก็ไม่มีทางฟังเพราะงั้นสู้แอบตามดูอยู่ห่างๆ อย่างนี้ดีกว่า
ผมเลือกที่นั่งที่สามารถแอบสังเกตกลุ่มของจงแดได้อย่างไม่มีอะไรมาบังมานัก เด็กดื้อนั่งคุยเล่นกับชานยอลแบคฮยอนแล้วก็เพื่อนในกลุ่มอีกสองสามคนที่ผมจำชื่อไม่ได้
ดูไปแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรเพราะกลุ่มของจงแดก็คงไม่ได้เป็นพวกนักดื่มอะไรมากมายส่วนมากก็นั่งคุยกันมากกว่า
ตัวผมเองก็สั่งเหล้ามาดื่มนิดหน่อยสายตาก็มองไปที่กลุ่มของจงแดเป็นระยะ ไม่ได้จ้องซะจนเหมือนน้องเป็นนักโทษ
มีบ้างที่ชนแก้วทักทายกับสาวๆ ที่เดินมาทำความรู้จักแต่ผมก็ไม่ได้ไปต่อกับใครเพราะยังติดภารกิจ
“มาคนเดียวหรอคะ” สาวสวยหุ่นอวบอึ๋มเดินเข้ามาทักพลางวาดมือโอบรอบคอผมอย่างถือวิสาสะ
“ครับ แล้วคุณ...”
“จีมินค่ะ” เธอบอกชื่อกับผมแล้วย้ายสะโพกสวยมานั่งลงที่ตัก ผมยิ้มมุมปากให้กับเธออย่างมีมาดแขนข้างที่ว่างก็กอดเอวเธอไว้ “จีมินมากับเพื่อนค่ะ”
ผมหันไปมองตามทางที่เธอพยักเพยิดหน้าให้ดู เห็นกลุ่มเพื่อนเธอสองสามคนกำลังส่งยิ้มมาให้พลางชูแก้วให้ซึ่งผมก็ชูแก้วขึ้นตอบแล้วจึงหันกลับมาสนใจสาวร่างน่าขย้ำบนตักต่อเมื่อเธอจับให้หันไปสนใจเพียงเธอ
“จีมินยังไม่รู้ชื่อคุณเลยนะคะ”
“เลย์ครับ” ผมเลือกที่จะไม่บอกชื่อจริงกับเธอแต่ใช้ชื่อที่เพื่อนจะชอบเรียกเวลาออกมาเที่ยวด้วยกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ...เลย์"
“เช่นกันครับ” ผมยิ้มร้ายส่วนเธอเองก็ยิ้มยั่วก่อนที่ริมฝีปากของเธอจะเข้ามาบดเบียดกับริมฝีปากของผม ผมเองก็ตอบรับไปอย่างเต็มใจคุณอาจจะแปลกใจกับการกระทำของผมแต่ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ
ผมเองอก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีความอยากไม่ต่างไปจากผู้ชายหลายๆ คน อีกอย่างจงแดเองก็ไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วถ้าผมจะไปต่อกับสาวสวยคนนี้ก็คงจะไม่...
เพล้งงงง!!!
“ไอ้เฮงซวยเอ้ย!!!”
เสียงตะโกนและเสียงแก้วแตกทำให้ผมจำต้องผละออกจากจีมินแล้วหันไปมองยังที่มาของต้นเสียงว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงเพลงที่เมื่อกี้ยังดังกระหึ่มตอนนี้กลับเงียบกริบ
“มึงกล้าดียังไงมาต่อยกูวะ
ไม่รู้รึไงว่ากูเป็นใคร!!!” เสียงตะคอกของผู้ชายร่างสูงดังทะลุออกมาจากวงล้อม
ผมเพ่งสายตามองคนที่กำลังมีเรื่องกันในใจก็แอบหวั่นรู้สึกเป็นห่วงจงแดขึ้นมาแปลกๆ
“นั่นคุณจะไปไหนคะ” ผมไม่ตอบจีมินแต่เดินแทรกผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์กันอย่างให้ความสนใจ และเพียงสายตาผมได้เห็นว่าใครที่กำลังมีเรื่องกันอยู่ดวงตาของผมก็เบิกกว้าง
นั่นมันกลุ่มของจงแด!!!
“ก็มึงมาลวนลามเพื่อนกูก่อน
ที่มึงโดนก็สมควรแล้ว” เป็นชานยอลที่กำลังตะโกนใส่หน้าผู้ชายอีกคนที่มีเลือดไหลอาบใบหน้าไปเกือบครึ่งหนึ่ง
ผมยืนดูเหตุการณ์ไม่ได้เข้าไปช่วยทันทีเพราะก็อยากจะดูด้วยว่าเด็กพวกนี้จะเป็นผู้ใหญ่พอที่จะแก้ปัญหากันเองได้รึเปล่า
แต่ในใจก็อดเป็นห่วงเด็กตัวเล็กที่ยืนกอดปลอบแบคฮยอนอยู่ไม่ห่าง คาดว่าคนที่ถูกลวนลามคงจะเป็นแบคฮยอนเองสินะ
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมึงอย่ามาทำซ่าให้มันมากระวังจะไม่ตายดี”
“ถ้าปากกูไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมปากมึงก็คงจะไม่สิ้นกลิ่นคาวเลือดเพราะตีนกูเหมือนกัน!!!”
ร่างสูงของชานยอลต่อยไปที่หน้าของชายอีกคนจมล้มก่อนที่จะตามไปกระทืบซ้ำ
เขาหัวเราะให้กับความเลือดร้อนของเด็กหนุ่ม จนเมื่อมีการ์ดของทางคลับเดินแทรกเข้ามากลางวงสองคนหิ้วปีกชานยอลและล็อกแขนไว้แน่น
ส่วนที่เหลือก็ช่วยกันคนที่ยืนล้อมอยู่ไม่ให้เข้าไปยุ่ง ส่วนคนมาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงกลางวงล้อมอีกคนเขาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเป็นใคร
“ย๊าส์!!!
ทำอะไรน่ะปล่อยเพื่อนผมนะ” ร่างเล็กของจงแดที่ตอนแรกยืนปลอบขวัญแบคฮยอนอยู่ก้าวออกมาข้างหน้าอย่างคนใจกล้านั่นทำให้อี้ชิงขมวดคิ้วมุ่นเกิดความเป็นห่วงขึ้นมา คนที่จงแดกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้นเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้และคนที่ล้มกองอยู่กับพื้นก็คือน้องชายคนล่ะแม่ของเจ้าตัวนั่นแหละ
แต่ใช่ว่ามันทั้งสองจะถูกกันถามว่าทำไมเขาถึงดูรู้เรื่องคนพวกนี้น่ะหรอ ก็เพราะกลุ่มเขากับเจ้าของคลับที่ชื่อว่าคังแทไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่
แต่เขากับเจ้าหมอนี่ไม่ได้เกลียดอะไรกันหรอกอยู่ใครอยู่มัน เพราะเราสองคนไม่ได้ไม่กินเส้นกันโดยตรงคนที่ไม่กินเส้นกันเห็นจะเป็นเพื่อนในกลุ่มของผมกับเพื่อนของคังแทซะมากกว่า
“ฉันไม่ชอบให้มีคนมาก่อความวุ่นวายในที่ของฉันนะ” เสียงทุ้มต่ำของคังแทพูดขึ้นมาเรียบๆ ทำให้บรรยากาศดูเย็นยะเยือกขึ้นมา
“พวกผมก็ไม่ได้อยากจะมีเรื่อง
แต่ไอ้บ้านั่นต่างหากที่มาก่อกวนพวกผมก่อน” เสียงแหลมของเจ้าเด็กดื้อดังแทรกเข้ามา ถึงจะพอรู้มาบ้างว่าไอ้คังแทมันเป็นคนใจเย็นพอสมควรแต่ก็รู้มาอีกเหมือนกันว่ามันก็ร้ายไม่เบา
เห็นทำหน้ายิ้มๆ แบบนั้นแต่ในหัวมันอาจจะคิดเรื่องชั่วๆ อยู่ก็ได้ ชักจะรู้สึกเป็นห่วงจงแดขึ้นมาแล้วสิ...
“งั้นฉันคงต้องขอโทษแทนน้องชายฉันด้วยแล้วกันนะหนุ่มน้อย” ร่างสูงของคังแทยิ้มหวานให้จงแด เจ้าตัวเล็กเบะปากให้อย่างคนไม่ชอบใจเท่าไหร่กับรอยยิ้มการตลาดนั้น
“คุณไม่ได้ทำผิดไม่เห็นจำเป็นต้องขอโทษ
หมอนั่นต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษเพื่อนผม” นิ้วเรียวชี้ไปยังคนก่อเรื่องที่นั่งกุมท้องตัวเองอยู่บนพื้น
“เห็นทีว่าจะยากซะแล้วสิ” คังแทพูดขึ้นมาลอยๆ จากตรงนี้ผมเห็นว่าจงแดทำหน้ายุ่งคงจะหงุดหงิดที่ไม่ได้ดั่งใจ
ผมแทรกเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุมากขึ้นหากเกิดอะไรขึ้นจะได้เข้าไปช่วยทัน
“ขี้ขลาด” ใบหน้าน่ารักของจงแดโผล่ออกมาพูดกับคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่พื้นที่มีร่างสูงของคังแทยืนบังอยู่
นั่นทำให้เขาหลุดขำออกมาให้กับเจ้าคนนี้ ให้ตายสิ! เขาก็พอจะรู้ว่าจงแดเป็นคนยังไงแต่พอมาเจอแบบนี้ทำเอาเขาอดจะแปลกใจกับความใจกล้าของเจ้าตัวไม่ได้จริงๆ
"ไอ้เด็กเวร!!!"
แต่ขำได้ไม่นานก็เป็นอันต้องคิ้วกระตุกเมื่อมือหนาของคนที่ยืนขวางน้องชายตัวเองอยู่จับแขนเล็กของจงแดไว้ ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มขำให้ตัวเอง น้องไอ้คังแทลุกขึ้นยืนเหมือนจะเข้ามาหาเรื่องจงแดแต่ก็โดนพี่ชายต่างแม่ยกมือขึ้นห้ามซะก่อน
ถึงจะไม่ค่อยถูกกันแต่ถ้าให้สู้กันจริงๆ ไอ้เด็กอวดเก่งที่วันๆ ก่อแต่เรื่องคงจะไม่มีทางสู้ไอ้คังแทได้แน่
เพราะงั้นหมอนั่นถึงได้ยอมไอ้คังแทตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเชื่องหรอกนะก็แค่รอเวลารอบกัดพี่ชายตัวเองทีหลังอย่างคนขี้ขลาดต่างหาก
“ชื่ออะไร”
“อะ อะไร” ร่างเล็กพยายามดึงแขนตัวเองให้หลุดจากพันธนาการแต่เหมือนยิ่มดึงออกเท่าไหร่ร่างสูงก็ยิ่งดึงตัวจงแดให้เข้าไปใกล้มากขึ้น เรียกให้คิ้วของอี้ชิงกระตุกได้เป็นอย่างดี
“ฉันถามว่านายชื่ออะไร”
“ถามทำไม"
“ก็เปล่า...เห็นว่าใจกล้าดีฉันชอบนายว่ะ” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปาก ผมกำหมัดแน่นรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
“พูดบ้าอะไร ปะ ปล่อยได้แล้ว!” จงแดที่พยายามดีดตัวออกห่างจากร่างสูงเริ่มตะโกนใส่เสียงแหลมเมื่อเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเอง
“มึงจะทำอะไรจงแดวะ ปล่อยเพื่อนกูเดี๋ยวนี้นะ!!!” ทั้งแบคฮยอนและชานยอลพยายามจะเข้ามาช่วยจงแดแต่ก็ถูกล็อกตัวไว้แน่นจนไม่สามารถเข้ามาช่วยได้
“ฉันชื่อคังแทยินดีที่ได้รู้จักนะ
แล้วก็เรื่องที่บอกว่าชอบนายน่ะ...ฉันชอบจริงๆ นะ” ว่าจบร่างสูงก็กระตุกเอาร่างของจงแดเข้าสู่อ้อมอก
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปใกล้ก่อนที่จะประกบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของจงแดมือข้างที่ว่างจับคางของร่างเล็กไว้ไม่ให้หันหลบ
ส่วนมืออีกข้างก็กอดเอวเล็กไว้แน่นหนา เพียงแค่นั้นอี้ชิงไม่รอดูสถานการณ์อะไรแล้วทั้งสิ้น
เขาพุ่งตัวเข้าไปกลางวงโดยไม่สนว่าการ์ดที่ยืนกันอยู่นั้นจะพยายามกันเขาออกมาแค่ไหน หมัดหนักต่อยเข้าที่หน้าใครบ้างเขาไม่สนสิ่งที่จางอี้ชิงรู้ในตอนนี้คือเขาจะต้องเข้าไปช่วยจงแดให้เร็วที่สุด!!!
ผมพุ่งตัวเข้าไปกระชากร่างของไอ้คังแทออกมาก่อนจะซัดหมัดใส่ใบหน้าหล่อของมันไปหนึ่งทีจนหน้าหัน
“อย่ามายุ่งกับคนของกู” ผมกัดฟันพูดเมื่อไอ้คังแทหันหน้ามามองว่าใครคือคนที่ซัดหมัดใส่หน้ามันโดยไม่ได้เกรงกลัวว่าลูกน้องของมันที่ยืนล้อมวงอยู่จะเข้ามารุมกระทืบ
ไอ้คังแทยกมือขึ้นห้ามลูกน้องที่กำลังจะเข้ามาช่วยพลางกระตุกยิ้มให้ผมหนึ่งที นิ้วโป้งของมันเช็ดเลือดตรงที่มุมปากก่อนจะแสยะยิ้มซึ่งหลายคนอาจจะกลัว แต่บอกเลยว่าผมไม่!!!
ผมดันตัวจงแดให้มาหลบอยู่ข้างหลังเจ้าเด็กดื้อยังคงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่จากที่สัมผัสได้ผมรู้ว่าน้องตัวสั่นมากแค่ไหน รู้อย่างนั้นมันก็ยิ่งทำให้ผมโมโห
“ไม่เจอกันนานเลยนะ
จาง อี้ชิง” ร่างสูงของไอ้คังแทเดินเข้ามาใกล้ผมพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ผมเองก็แสยะยิ้มให้กับประโยคเมื่อครู่เหมือนมันเป็นมุกตลกขบขัน “ช่างเป็นการกลับมาพบกันที่น่าสนใจดี”
มันพูดพร้อมกับชะโงกหน้าไปมองจงแดที่ยืนซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผมด้วยความกลัว เมื่อเห็นใบหน้าหล่อของไอ้คังแทมือเล็กของน้องก็กำเข้าที่ชายเสื้อของผมแน่นจนรู้สึกได้
และยิ่งรู้ว่าน้องกลัวผมก็ยิ่งใช้ตัวเองบังรัศมีการมองเห็นไม่ให้ไอ้คังแทมองเห็นจงแดได้
“เด็กคนนั้น...ของนายหรอ” ใบหน้าหล่อหันมามองที่ผม พลางถามคำถามที่ทำเอาคิ้วของผมกระตุกรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม” ผมถามด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง
“พูดกันแบบแมนๆ
เลยนะ” ไอ้คังแทยกยิ้มมุมปากก่อนจะกระซิบที่ข้างหูของผมพูดด้วยน้ำเสียงที่สามารถทำให้คนที่ซ่อนอยู่ข้างหลังผมสามารถได้ยินด้วยอย่างชัดเจน
“ฉันชอบ...อยากได้”
“...!!!”
“...ขอนะ”
“ไอ้สารเลว!!!”
ผลั้วะ!!!
ผมไม่รอช้าที่จะเหวี่ยงหมัดใส่ใบหน้าหล่อของไอ้คังแทแบบไม่ยั้ง ซึ่งคราวนี้มันก็ไม่ได้ให้ผมต่อยมันคนเดียว
หมัดหนักของมันสวนผมมาเป็นระยะให้เราได้แผลกันทั้งคู่ ผมได้ยินเสียงของจงแดตะโกนเรียกชื่ออยู่ข้างหลังแต่ตอนนี้เหมือนผมจะฟิวขาดไปเรียบร้อย
ความโกรธและความโมโหเข้าครอบงำจนผมไม่สามารถหยุดไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในตัวได้
มีอย่างเดียวที่สามารถดับไฟในตัวผมได้คือต้องเอาเลือดไอ้คังแทมาดับมัน!!!
TBC
หายไปนานอีกเช่นเคยกว่าจะมาอัพได้แต่ล่ะทีต้องขอโทษรีเดอร์ทุกคนดวยนะคะเพราะไรท์เองก็ไม่ค่อยว่าง
เลยตัดสินใจพักไว้ก่อนเป็นแบบนี้จนทิ้งร้างไว้นาน
ขอโทษกับคนที่รอจริงๆ ค่ะ
ก่อนจะไปไรท์มีอิมเมจหนุ่มคังแทของเรามาฝากกกกก และนั่นก็คือ....
หนุ่มพัคฮยองชิกของเรานั่นเอง
ตอนหน้าใบ้ว่าคังแทจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นด้วยนะเค๊อะ
ความคิดเห็น