คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : ไม่เคยจะรู้หัวใจตัวเอง
******หลังจากที่จิ่งหยูวพาฟานฟานไปเที่ยวเสร็จเขาก็ขับรถไปส่งเธอที่โรงแรมที่เธอพักอยู่
กว่าเขาจะกลับเข้าห้องพักก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว จิ่งหยูวมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของฉันแล้วกดกริ่งเรียกฉันจนฉันต้องคว้านาฬิกาที่มือถือขึ้นมาดูถึงรู้ว่าเกือบจะตีหนึ่งแล้ว
ฉันลุกขึ้นจากเตียงเดินงัวเงียมาส่องดูจากช่องมองบนประตูก็รู้ว่าเป็นเขา ฉันจึงบอกกับเขาผ่านประตูไม่ยอมเปิดประตูให้เขาเพราะกลัวว่าเขาจะเข้ามาในห้อง
“คุณมีอะไร นี่มันก็ดึกมากแล้ว
ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้แล้วกัน”
“ผมแค่อยากได้ยาแก้ปวดหัวคุณมีหรือเปล่า”
“คุณก็ไปขอที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมซิ
เดี๋ยวพนักงานเขาหามาให้คุณเอง”
“คุณนี่มันก็ตีหนึ่งแล้วนะ
ผมขี้เกียจเดินลงไปแล้ว นี่คุณจะอะไรนักหนาแค่ยาแก้ปวดหัวสองเม็ดจะต้องให้ผมลงไปถึงชั้นล่างเลยหรือไง
นี่ผมปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”
ฉันส่องดูเขาอีกครั้งก็เห็นเขายืนกุมขมับอยู่แสดงถึงอาการปวดหัวมากฉันจึงยอมเปิดประตูแล้วเดินไปหยิบยามาให้เขา
แต่ฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นการเปิดโอกาสให้จอมวายร้ายอย่างเขา
จิ่งหยูวฉวยโอกาสเข้ามาในห้องของฉันตอนฉันเดินไปหยิบยาให้เขา
“เอ้าคุณนี่ยา”
พอฉันเดินกลับมาก็ต้องตกในเมื่อเห็นเขาเข้ามานั่งอยู่บนโซฟาในห้องฉันแถมปิดประตูห้องจนสนิท
“นี่ใครอนุญาตให้คุณเข้ามาในห้องฉัน”
ฉันรีบต่อว่าเขาทันที
“คุณจะให้ผมยืนรออยู่หน้าห้องทั้งๆที่ผมปวดหัวมากขนาดนี้
จะไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอคุณ”
“แต่ที่คุณกำลังทำอยู่เนี่ยเขาเรียกว่าเสียมารยาทรู้หรือเปล่า”
ฉันยังคงต่อว่าเขาอีกเมื่อเห็นเขายังนั่งหน้าตาเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของฉัน
“ผมก็แค่จะมานั่งรอยาจากคุณ”
“เอ้านี่ยา คุณออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”
ฉันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา
และรีบยื่นยาให้เขาเพื่อเขาจะได้ออกไปจากห้องของฉันเสียที
จิ่งหยูวทำท่ารับยาจากมือฉันอย่างว่าง่าย
แต่คนเสียมารยาทไม่ได้ว่าง่ายอย่างที่ฉันคิดเขาคว้ามือฉันและรั้งตัวฉันจนเซถลาลงมานั่งบนตักเขา
พร้อมวงแขนที่กอดรัดฉันไว้จนแน่น ฉันตกใจทำอะไรไม่ถูก จิ่งหยูวมองตาอยู่อย่างนั้นฉันมันทำให้ฉันเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของเขากลิ่นเหล้าจางๆ บ่งบอกว่าวันนี้เขาคงดื่มมาบ้างเพราะพาแฟนสาวไปเที่ยวตระเวนมาทั้งคืน
เรามองตากันสักพักเขาก็เริ่มที่จะรุกรานฉันอีกครั้งด้วยการค่อยๆขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เจือปนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ
จิ่งหยูวจูบฉันแผ่วเบาจนฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่เขามอบให้ เขาคลายอ้อมเขนที่กอดฉันไว้เมื่อเขาเห็นว่าตอนนี้ฉันกลายเป็นแมวน้อยที่ว่าง่าย
และเริ่มใช้มือรุกล้ำสัมผัสไปตามผิวเนื้ออ่อนบางที่อยู่ภายใต้ชุดนอนสีชมพูตัวโปรด ฉันพยายามรวบรวมสติอันน้อยนิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่บ้างขัดขืนไม่ยอมให้เขาทำอะไรได้ดั่งใจ
แต่สำหรับเขาการขัดขืนเหมือนเป็นการยั่วยุให้เขายิ่งรุกล้ำฉันมากขึ้น
และมันก็ทำให้ฉันเรียนรู้ว่าการเอาตัวรอดจากเขาด้วยการขัดขืนไม่เคยเป็นผลอะไร
ฉันจึงต้องเปลี่ยนความคิดมาเป็นการพูดขอร้องและอ้อนวอน และนี่คงเป็นวิธีสุดท้ายที่ฉันคงต้องลองเสี่ยง
“คุณปล่อยฉันเถอะ
คุณกำลังทำให้ฉันดูไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับคุณ” ฉันเริ่มพูดอ้อนวอนเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือปนเปไปกับเสียงสะอื้นและน้ำตาที่มันกำลังไหลรินออกมา
และมันก็ได้ผลจิ่งหยูวหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วจ้องมองหน้าฉันที่ตอนนี้มันเปื้อนไปด้วยน้ำตา
เขาค่อย ๆใช้มือเช็ดน้ำตาบนแก้มของฉันเบาๆ
และก้มลงจูบซ้ำไปที่แก้มสองข้างของฉันอีกครั้ง เพื่อเป็นการปลอบประโลม
“ผมขอโทษ”
และนั่นก็เป็นคำพูดแรกที่ออกจากปากของเขา เขาเริ่มคลายอ้อมกอดจากฉันและลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี
ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องฉันรีบลุกขึ้นไปปิดล๊อคประตูเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาอีก
ฉันพยายามข่มตานอนแต่ทุกครั้งที่หลับตาภาพเหตุการณ์ระหว่างฉันกับเขามันก็ลอยวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน
ตอนนี้ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง มันสบสนไปหมด
“ทำไมฉันถึงปล่อยใจไปกับเขาได้มากมายขนาดนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน” ฉันเริ่มตั้งคำถามให้กับตัวเองอีกครั้ง
แม้ในใจจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่ฉันก็ยังพยายามที่จะหลอกตัวเองว่าฉันไม่ได้ชอบเขา
ฉันไม่ได้มีใจให้เขา เขาก็แค่อยากจะเอาชนะฉันเท่านั้นมันไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้นเพราะเขามีแฟนอยู่แล้ว
และตอนนี้แฟนของเขาก็มาทวงสิทธิ์ของเธอ ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก
เขาจะไม่ได้เข้าใกล้ฉันได้ แบบนี้อีกฉันสัญญากับตัวเอง
วันนี้ฉันตื่นนอนเช้ากว่าปกติเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้ฉันแทบจะไม่ได้นอนเลย
ฉันลงจากห้องพักมาเดินเล่นที่สวนสาธารณของโรงแรมบอกตามตรงในใจตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะเจอกับเขาเลยไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังเมื่อต้องเจอกัน
ฉันเดินล่นปล่อยใจคิดอะไรไปสักพักก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียง เรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ
ฉันจึงหยิบขึ้นมากดรับเพราะสายที่โทรเข้ามาคือพี่ชีวิน
“สวัสดีคะพี่ชีวิน พี่ชีวินมีอะไรหรือเปล่าค่ะ”
“ฤทัยว่างหรือเปล่าพี่อยากเจอฤทัยพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
เสียงของพี่ชีวินดูเศร้าๆบ่งบอกว่าเขามีอะไรในใจ
“ได้ซิค่ะ”
ฉันรีบตอบรับพี่ชีวินเพราะรู้ว่าพี่ชีวินต้องมีเรื่องอะไรอยู่ในใจที่ต้องการจะคุยกับฉัน
“งั้นเดี๋ยวพี่ขับรถไปรับที่โรงแรมนะครับ”
“ค่ะ”
ฉันตอบพี่ชีวินก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมเพื่อฝากข้อความทิ้งไว้ให้กับจิ่งหยูว
เดี๋ยวเขาจะมาหาว่าฉันละทิ้งหน้าที่ไปไหนมาไหนก็ไม่บอให้เขารู้ ก่อนจะออกไปกับพี่ชีวิน
พี่ชีวินขับรถพาฉันไปกินข้าวที่ร้านอาหารประจำของพวกเรา
“เออ พี่เห็นข่าวฤทัยกับจิ่งหยูว”
และสิ่งที่ฉันคาดเดาไว้ก็ถูกต้องเรื่องที่ทำให้พี่ชีวินไม่สบายใจจนต้องมารับฉันถึงโรงแรม
ก็เป็นเรื่องข่าวของฉันกับจิ่งหยูว
“เอ่อ พี่ชีวินค่ะ
มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันค่ะ มันไม่มีอะไรทั้งนั้น” คำตอบของฉันทำหมีรอยยิ้มบนใบหน้าของพี่ชิน
เขาดูสบายใจขึ้นที่ได้รู้คำตอบจากปากฉัน
“พี่ก็ว่าว่ามันต้องเป็นแค่ข่าวลือ
แล้วฤทัยต้องดูแลจิ่งหยูวอีกนานหรือเปล่า”
“ก็จนกว่าเขาจะเดินทางกลับจีนแหละค่ะ”
ฉันนั่งคุยและกินอาหารกับพี่คชาสักพัก เลยนึกขึ้นได้ว่าฉันออกมานานมากแล้วจึงบอกพี่คชาให้มาส่งฉันที่โรงแรม
ความคิดเห็น