คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ll THE WIZARD ll Chapter 20
THE WIZARD 20
ติ้งต่อง ~
ขอให้นักเรียนเดอะวิซาร์ดทุกชั้นปีและทุกปราสาท มาพร้อมกันที่ห้องเซอร์เบอรัสในเวลานี้ด้วยครับ~
เปลือกตาที่หนักอึ้ง ไม่ง่ายเลยที่จะบังคับมันให้เปิดออกเพื่อรับรู้กับเรื่องใหม่ที่กำลังจะเกิด วันหยุดที่ควรเป็นเวลาพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายที่รับศึกหนักมาทั้งอาทิตย์ได้หายเหนื่อยไปบ้าง หากแต่เสียงประกาศตามสายนั้นก็ทำเอาร่างบางที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง
ค่อยๆลืมตาเพื่อปรับโฟกัสแสงให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนมือเล็กจะยันร่างกายให้ลุกขึ้นนั่งด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น อยู่ในท่านั่งได้แล้วก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อคนที่คิดว่าอยู่อีกเตียงข้างๆกลับมานั่งอยู่ตรงปลายเท้าของเขาในตอนนี้
“คริส!”
มานั่งตั้งแต่เมื่อไหร่?....
มาตอนไหน?....
แล้วมานั่งที่ปลายเตียงของเขาทำไม?....
คำถามมากมายกำลังผุดขึ้นในหัวของเลย์ เพิ่งจะตื่นขึ้นมาอีกคนก็ทำเอาตกอกตกใจไปหมด ถึงความสัมพันธ์ของเขากับคริสจะเปลี่ยนไปแล้ว หากแต่เลย์ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลย ใจเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงแม้อีกคนจะยังเมินเฉยแต่นั่นหัวใจไม่รักดีก็ไม่อาจต้านทานความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้มันหายไป
“ขี้เซา!”
เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ตรงปลายเตียงเอ่ยขึ้น หากแต่ใบหน้าหล่อกลับไม่หันไปมองเจ้าของเตียงเลยแม้แต่น้อย นั่งก้มหน้านิ่งๆ นิ่งจนเลย์ก็รู้สึกได้ว่ามันแปลกเกินไป
“มานั่งเตียงฉันทำไม? แล้วไม่เข้าประชุมหรอ?”
“รอนายนั่นแหละ”
“รอฉัน?... รอทำไม? เกิดอยากเป็นคนดีอะไรขึ้นมาตอนนี้”
เหมือนคำพูดแทงใจดำอย่างไรอย่างนั้น ก็มันเป็นเรื่องจริง ทุกๆครั้งคริสก็ไม่เคยแม้แต่จะสนใจ ไม่เคยแม้แต่จะพูดทักทายกันในยามเช้า ทั้งยังไม่เคยคิดจะปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกันด้วยซ้ำ
“ไม่ได้อยากรอ แต่แม็กบอกให้รอ” พูดเสร็จคริสก็ค่อยๆเงยใบหน้าหล่อขึ้นช้าๆ ก่อนจะเหลือบมองคนที่เพิ่งพูดตัดพ้อเขาไปเมื่อครู่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“พี่ชางมินอ่ะนะ? เหตุผลล่ะ”
รู้สึกเหมือนหัวใจมันกระตุกวูบอย่างบอกไม่ถูก เมื่อแท้จริงแล้วอีกคนที่นั่งรอเขาก็เพราะเป็นคำสั่งของรุ่นพี่ผู้อัจฉริยะ รู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกหากแต่ก็แค่แอบหวังลมๆแล้งๆ เหมือนอย่างที่ผ่านมา
“ไม่รู้!”
ตอบอย่างไม่ใส่ใจ คริสก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเองเพื่อรออีกคน
“เออดีเนาะ! พี่เขาใช้ให้มารอก็รอ งั้นรอฉันแปบนึงแล้วกัน”
“ล้างหน้าแปรงฟันอย่างเดียวนะ ไม่ต้องอาบน้ำ เสียเวลา”
สิ้นเสียงทุ้ม ม่านตากลมก็กลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เอาเถอะ ยังไงก็ไม่มีเวลามากแล้ว ถ้าไม่อยากเข้าประชุมสายก็คงต้องทำตามอย่างที่คริสบอกโดยไม่มีข้อแม้ ไม่รู้จะประชุมอะไรกันแต่เช้านักหนา รีบมากรึไงนะ ทั้งๆที่มันเป็นวันหยุดแท้ๆเลยเชียว
.
.
.
ทั้งคู่เดินไปตามโถงทางเดินของปราสาทเพื่อไปยังห้องเซอร์เบอรัสตามที่นัดหมาย อีกครั้งที่ได้ย้อนนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เลย์ไม่ได้เดินเคียงข้างคริสแบบนี้ ไม่เดินนำหน้าอีกคนก็ได้แต่เดินตามหลังเหมือนกับเป็นเงา เงาที่อยากให้คริสได้มองเห็นบ้าง เห็นว่าเขายังมีตัวตนอยู่ในสายตา แต่นั่นก็บอกแล้วว่ามันเป็นแค่ฝันลมๆแล้งๆ ที่คนหน้าหวานแอบหวังก็เท่านั้น
“มากันแล้วหรอ? เข้าไปด้านในกันเถอะ” เมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองเดินมาถึงหน้าเซอร์เบอรัส ชางมินก็รีบบอกให้เข้าไปด้านในทันที
“มีอะไรหรอครับรุ่นพี่ ทำไมมีโรงเรียนอื่นด้วย?”
ใบหน้าหวานฉายแววสงสัยเมื่อเห็นว่าในห้องประชุมเต็มไปด้วยเหล่านักเรียนทั้งหญิงและชายเต็มไปหมด ใช่แล้ว มันเป็นการรวมตัวกันของโรงเรียนในเครือที่เลย์บอกได้เลยว่าไม่ชอบเอามากๆ
“ฉันก็ไม่รู้นะ แต่นายกับคริสรีบเข้าไปนั่งที่ก่อนเถอะ เดี๋ยวศาสตราจารย์เอริคจะมาแล้ว”
สิ้นเสียงทุ้มของรุ่นพี่ เลย์ก็รีบเข้าไปนั่งประจำที่โดยไม่รอช้า ก่อนจะเห็นว่าไคกับดีโอนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่นั่นจะบอกว่าเขาใจร้ายไม่เอ่ยชวนคริสก็ไม่ได้ เพราะคริสน่ะเข้าไปนั่งก่อนเขาเสียอีก ที่บอกว่าเดินตามเป็นเงา มันไม่ผิดเลยใช่ไหมล่ะ...
“หึ! เกลียดบรรยากาศแบบนี้จริงๆ”
“ห๊ะ? นายพูดว่าอะไรนะเลย์?”
เสียงพึมพำที่คิดว่าจะไม่มีใครได้ยิน หากแต่เพื่อนผิวเข้มกลับได้ยินมันเข้าหูไปซะหนิ และนั่นเลย์ก็ถึงกับต้องปั่นหน้าแสร้งยิ้มส่งไปให้ แล้วส่ายหัวไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอกไค ฉันแค่เบื่อคนเยอะๆอ่ะ มันเสียงดังน่าหนวกหู”
พูดแค่นั้นเลย์ก็เหลือบไปมองคนตัวสูงที่นั่งข้างกันอีกฝั่ง เห็นแล้วว่าเด็กผู้หญิงจากอีกโรงเรียนกำลังมองอดีตคนรักของเขาอยู่ไม่วางตา บางทีก็หมั่นไส้นะว่าไหม แล้วจะทำอะไรได้ เมื่อก่อนน่ะมีสิทธิ์ แต่ตอนนี้สิแค่จะหึงจะหวงเขาก็ยังไม่กล้า แต่นั่นจะเป็นอะไรไหมถ้าเลย์จะบอกว่าเขาหวงคริสมากเหลือเกิน
“เบื่อ! รำคาญ! จะมองอีกนานไหมวะ!” อารมณ์เสียจนเป็นเหตุ เมื่อไม่พอใจเลย์จึงกระทืบเท้าลงที่พื้นเพื่อระบายอารมณ์ อึดอัดเมื่อได้เห็นเด็กนักเรียนของเพอร์ลาสมองมาที่คริส ดูก็รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่
“เป็นอะไร? นายนิสัยเสียนะ” คนที่นั่งนิ่งอยู่นานเอ่ยถามเมื่อเห็นเลย์ที่นานๆทีจะแสดงอาการเกรียวกราดแบบนี้ ไม่ได้โผงผางแต่คริสก็ดูรู้ว่าเลย์โมโหเอามากๆ
“เออ! ฉันมันไม่เคยดีหรอก นิสัยก็ไม่ดี เอาแต่ใจ เนี่ยล่ะตัวฉัน!”
“อืม...รู้ตัวแล้วก็ยังจะทำอยู่อีก”
“นาย....ฉันไม่เคยดีในสายตานายเลยใช่ไหมคริส?”
อารมณ์น้อยใจที่มันก่อตัวขึ้นมาในอก ทำให้นัยน์ตาคู่สวยร้อนผ่าวและสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ ปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง พยายามอดกลั้นอาการโหวงภายในกายอย่างถึงที่สุด ทำไมถึงอยากจะร้องไห้นักนะ คงเพราะได้รับแต่ด้านที่อ่อนโยนของอีกคนมากเกินไป เจอเย็นชาแบบนี้เข้าเลย์ก็ถึงกับทำใจรับมันไม่ได้ บางทีการไม่เอ่ยพูดกับคริสมันคงจะดี แค่นั่งเงียบๆแล้วเฝ้ามองอีกคนอยู่เฉยๆมันคงจะดีกว่า
เสียงเจียวจาวภายในห้องเซอร์เบอรัสเงียบลงทันที เมื่อผู้เป็นใหญ่แห่งเดอะวิซาร์ดได้เดินย่างกายเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้พร้อมกับเหล่าคณะศาสตราจารย์ทั้งหลาย สง่างามและดูเปล่งประกายจนไม่อาจปฏิเสธได้ถึงยศฐาบรรดาศักดิ์ที่สูงส่ง คนที่เลย์เคยบ่นค่อนขอดว่าพูดน่าเบื่อในวันที่ปฐมนิเทศ เจ้าของโรงเรียนพ่อมดที่เขาได้ร่ำเรียนอยู่ในปัจจุบัน
“ต่อจากนี้ไป ศาสตราจารย์เอริคมีเรื่องที่จะมาประกาศให้กับทุกคนทราบ ขอให้นักเรียนทุกคนในที่นี้ให้ความเคารพและตั้งใจฟังกับเรื่องสำคัญนี้ด้วยความตั้งใจ” มินวูเกริ่นนำเพื่อให้เจ้าของโรงเรียนได้กล่าวเรื่องสำคัญ ก่อนจะผายมือเพื่อเรียนเชิญเอริคให้ขึ้นมายืนบนแท่นไม้สูงอย่างนอบน้อม
“สวัสดีนักเรียนทุกคนครับ ผมเอริค มูน ผู้อำนวยการโรงเรียนเดอะวิซาร์ด ผมมีเรื่องสำคัญที่จะมาบอกให้ทุกคนทราบ...”
กายสูงโปร่งของเจ้าของโรงเรียน เชิดหน้าป่าวประกาศอย่างมีมาด ทำให้ทุกคนในที่นี้ถึงกับไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย แววตาที่ฉายให้เห็นถึงความจริงจังส่งผลให้เลย์ที่มองเขาอยู่ก็อดหวั่นกับเรื่องที่จะรับรู้ไม่ได้ เอริคผิดกับวันแรกที่เขาเห็น วันนี้ดูน่ากลัวกว่าวันนั้นเป็นไหนๆ
“เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา โรงเรียนของเราได้ถูกพ่อมดดำบุกเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งรับ จนทำร้ายนักเรียนของเราได้รับบาดเจ็บไปหลายคน ผมจึงได้ขอความร่วมมือจากโรงเรียนในเครือมาเป็นพลังสำคัญเพื่อช่วยปกป้องโรงเรียนของเราและบรรดาเหล่านักเรียน และผมก็เป็นเกียติอย่างมากที่ทุกโรงเรียนก็ให้การตอบกลับเรามาเป็นอย่างดี ผมซึ้งใจมากครับ”
ไม่มีผิดเลยสักนิด เรื่องที่เลย์ได้รับฟังจากเอริคก็ไม่พ้นเรื่องของเขา เรื่องของเขาคนเดียวไม่ยักจะรู้ว่าทำให้ทุกคนถึงกับเดือดร้อนได้ถึงขนาดนี้ ใบหน้าหวานก้มลงจนคางชิดอกอย่างรู้สึกผิด กุมมือสองข้างประสานกันแน่นด้วยความกดดัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เรื่องราวมันชักจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“ผมสงสัยครับเอริค ทำไมพวกพ่อมดดำถึงต้องเข้ามาสร้างสงครามกับพวกคุณ ทั้งๆที่พวกเรากับพวกพ่อมดนั่นต่างคนต่างอยู่กันมานานหลายร้อยปี?”
หนึ่งในผู้อำนวยการของโรงเรียนในเครือเอ่ยถาม นั่นทำให้เอริคเริ่มมีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่จะพ้นคนที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องนี้อย่างเลย์ไปได้ยังไง รายนั้นแทบจะลุกเดินออกไปจากที่ประชุมซะเดี๋ยวนี้ ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีกเลย
“ผมไม่ทราบครับ”
เอริคตอบได้เพียงแค่นั้นก็เดินลงจากแท่นไม้ที่ยืนอยู่ ก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างบางที่ยังนั่งก้มหน้าก้มตาเหงื่อตกอย่างนึกเป็นห่วง แต่นั่นปากเรียวก็ยังระบายยิ้มออกมาบางๆ เอริครู้เรื่องทั้งหมด และเขาก็ไม่ยอมให้ลูกศิษย์ของเขาเป็นอะไรแน่นอน
“อย่าทำหน้าแบบนั้น ฉันจะหงุดหงิด”
กายบางถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทุ้มที่คุ้นหูเอ่ยขึ้นมาขัดห้วงความคิด กำลังเครียดๆแต่ไอ้คนที่นั่งปั้นหน้าไร้ความรู้สึกมาตลอดกลับทำเอาหมดฟิล แต่นั่นมันก็ไม่เท่าก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นโครมครามอยู่ในขณะนี้หรอก
“หงุดหงิดมากก็ไม่ต้องมอง!”
ใบหน้าหวานงองุ้มอย่างไม่ชอบใจ แต่อะไรที่ทำให้เสียงหัวใจมันเต้นดังน่ะหรอ ก็มือหนาของอีกคนที่วางอยู่ที่หน้าขาของเขานั่นไง แทบอยากจะร้องไห้เมื่อคนตัวสูงที่ถึงจะแข็งทื่อไปบ้างแต่กลับทำให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ
“แต่ฉันเห็นแล้วหงุดหงิด อีกอย่าง....อย่าร้องไห้ให้ฉันเห็นอีก”
ร้องหรอ เขาร้องไห้ตอนไหน สิ้นเสียงทุ้ม คนตัวเล็กกว่าก็แทบจะทรุดฮวบไปกองกับพื้นในทันที ถึงจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหรูของเดอะวิซาร์ดแต่นั่นทำไมเรี่ยวแรงที่มีมันถึงอ่อนยวบขนาดนี้ไปได้ ฝันก็ไม่ใช่ ไม่ได้มโนไปเองว่าอีกคนนั้นยกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้มให้เขาอย่างแผ่วเบา
“ฮึก...”
“อ่าว! บอกว่าอย่าร้องไห้ให้เห็นอีกไง”
คริสไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำที่เขาทำไปนั้น มันมีผลต่อหัวใจของเลย์เอามากๆ ไม่ได้อ่อนโยนแต่เลย์ก็แทบจะหยุดน้ำตาที่ไหลอยู่เพราะความตื้นตันไม่ได้ นานแค่ไหนที่ไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้ และนานแค่ไหนที่คริสจะเห็นเขาอยู่ในสายตาบ้าง
“ก็เพราะนายนั่นแหละ ฉันถึงเป็นแบบนี้ ไอ้บ้า! ฮึก…”
.
.
.
เสร็จจากการประชุมในรอบเช้า เหล่าบรรดานักเรียนก็ต่างแยกย้ายกันไปทานอาหารตามอัธยาศัย แคนทีนในวันนี้ดูหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีแต่นักเรียนของเดอะวิซาร์ดเท่านั้น หากแต่รวมไปถึงเด็กนักเรียนในเครือด้วยอีกสี่โรงเรียน
“ทางนี้เด็กน้อย”
ทั้งคริสและเลย์หันไปมองตามเสียงเรียกนั้นอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะพบรุ่นพี่แก็งเดียวกันนั่งอยู่ที่โต๊ะท่ามกลางสายตาของนักเรียนโรงเรียนอื่น หน้าตาก็เป็นจุดเด่นมากแล้ว หากแต่ยังทำเสียงดังแสดงตัวตนของตัวเองออกมาอีก ทำเอาทั้งคู่ไม่อยากจะเข้าไปร่วมโต๊ะด้วยเลย
“ตะโกนทำไมแม็ก? อายบ้างเหอะ!”
“หล่ออ่ะ ทำไม?”
“หึ!”
คริสแสยะยิ้มอย่างนึกขันกับคำตอบของชางมิน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงแล้วหย่อนกายนั่งลงร่วมโต๊ะกับทุกคน ไม่ลืมที่จะรั้งข้อมือบางของคนเป็นรูมเมทให้เข้ามานั่งข้างๆกันอีกด้วย
“ไคกับดีโอล่ะครับรุ่นพี่ ยังไม่มาหรอ?” เลย์เอ่ยถามเมื่อยังไม่เห็นเพื่อนทั้งสองอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกัน
“ไปซื้อน้ำอ่ะ เดียวคงจะมา”
พูดแค่นั้นชางมินก็เอนหลังพิงพนักเกาอี้ ก่อนจะจิ้มต๊อกโบกิเข้าปากอย่างสบายอารมณ์ อารมณ์ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าเลย์ในตอนนี้ไม่ได้อารมณ์ดีตามไปด้วยเลย
“ขอโทษนะคะ ฉันขอรบกวนสักครู่”
เสียงแหลมของหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ ทำให้ทุกคนในกลุ่มถึงกับมองไปยังเธอเป็นตาเดียว คนๆนั้น คนที่เลย์จำได้ดีขึ้นใจ คนที่เขาไม่อยากให้เข้ามาเกี่ยวข้อง คริสตัล...
“เธอมีอะไรกับพวกเรารึเปล่า?” เป็นยุนโฮที่เอ่ยถามออกไป ไม่วายยังเหลือบนัยน์ตาคมไปมองรุ่นน้องหน้าหวานด้วยความเป็นห่วงอีกด้วย
“ฉันขอคุยกับคริสสักครู่ได้ไหมคะ?”
ทุกคนนิ่งจนเหมือนภาพที่หยุดเวลา ก่อนทุกสายตาจะส่งไปให้เลย์เพื่อเป็นการปลอบใจ รู้ว่ารุ่นน้องหน้าหวานคงจะอึดอัด แต่นั่นก็รู้อยู่แก่ใจว่าทั้งคู่เลิกกันแล้ว
“……………………….”
คริสไม่ได้พูดอะไร เขายืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปจากแทนทีนในทันที และนั่นหญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะตามหลังไปติดๆด้วยเช่นกัน ออกไปพร้อมกับรอยยิ้มพรายที่แสดงออกว่าดีใจเมื่อคริสยินยอม แต่อะไรเล่าที่คริสลืมนึกถึงไป นั่นก็คือหัวใจดวงน้อยๆของเลย์นั่นเอง
“โอเคไหม?” แจจุงเอ่ยถามรุ่นน้องหน้าหวานอย่างนึกเห็นใจ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวทุยอย่างปลอบประโลม
“ครับ”
ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงให้เป็นคำตอบ ก่อนจะยิ้มบางๆที่ดูยังไงก็แฝงไปด้วยความเจ็บปวดไปให้ทุกคน เลย์รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ คริสอยากจะทำอะไรก็ให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินใจเอง เขาก็เป็นได้แค่คนที่เฝ้ามองอยู่ห่างๆเท่านั้น
“รุ่นพี่ครับ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ผมขอตัวกลับหอก่อนนะครับ”
“เลย์!”
คนตัวเล็กพาตัวเองเดินออกมาจากแคนทีนในทันทีโดยไม่ได้ฟังเสียงร้องท้วงจากรุ่นพี่ในโต๊ะเลยแม้แต่น้อย แต่นั่นแค่เดินออกมาเพื่อจะกลับหอพัก ใจมันกลับกระตุกวูบเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาจุกที่อกไปหมด มือบางรีบยกขึ้นปิดปากตัวเองทันทีด้วยความตกใจ สะอื้นไห้พร้อมทั้งปล่อยให้หยาดน้ำสีใสไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฮึก....”
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาแข้งขาไร้เรี่ยวแรงไปเสียหมด ภาพที่อดีตคนรักของเขากำลังโอบกอดหญิงสาวร่างเล็กพร้อมทั้งกำลังจุมพิตกันต่อหน้าต่อหน้า ทนดูไม่ได้ก็รีบหันหลังกลับช้าๆก่อนจะเดินออกมาจากที่ตรงนั้นในทันที ร่างกายสั่นเทาจนยากจะควบคุม ความรู้สึกกลัว กลัวว่าจะเสียคริสไปจริงๆ กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะได้หัวใจที่อีกคนเคยมอบให้เขาไปครอง
.
.
เดินเข้ามาในห้องที่เงียบสงัดก็ล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เหนื่อยกับการพะวักพะวงเรื่องของอีกคน เลย์ไม่อยากจะเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เขากลัวอยู่มันกลับเกิดขึ้นมาจริงๆ ฟุบหน้าลงกับหมอนนุ่มก็ร้องตะโกนมันออกมาดังๆ พร้อมทั้งร้องไห้โฮ แต่นั่นความอึดอัดมันกลับไม่ได้มลายให้สิ้นไป
“ฉ...ฉันควรจะทำยังไง? ฮึก...”
“หรือ....”
“ฉันต้องปล่อยนายไป”
.
.
.
เพราะร้องไห้จนเหนื่อยล้า ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตะวันตกดินไปเสียแล้ว ยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองก็เห็นว่าเลือนลางภาพตรงหน้าของใครบางคน ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเพื่อดูว่าคนๆนั้นกำลังจะทำอะไร
คนตัวสูงกำลังแต่งตัวด้วยความเร่งรีบ ดูเหมือนจะออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น และนั่นผ้าพันคอ มันคุ้นจนเลย์ต้องขมวดคิ้วมุ่นเพื่อนึกว่าเคยเห็นที่ไหน แล้วก็เป็นอย่างที่เลย์นึกกลัว เขาจำได้ว่าเคยแอบเปิดดูถุงที่คริสตัลเคยให้คริสเมื่อนานมาแล้ว ผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มเป็นของเธอ และตอนนี้คริสก็กำลังใช้มัน
“ดึกแล้วจะไปไหนหรอ?” เลย์เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัว ในสมองมันคิดไปก่อนแล้วว่าคริสจะต้องไปเจอกับคริสตัลอย่างแน่นอน
“มีนัดน่ะ นายนอนก่อนได้เลย”
“อ...อย่างนั้นหรอ?”
เสียหวานเปล่งคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ใจหายเมื่อรู้ว่าไม่ได้คิดผิดที่คริสมีนัดกับใคร เห็นอยู่ว่าเมื่อกลางวันยังจูบกับอีกคนอยู่เลย มั่นใจ เลย์มั่นใจที่สุด
เลย์นั่งมองการกระทำของคริสไม่วางตา ท่าทางที่ดูเร่งรีบอย่างผิดวิสัยทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด อยากเจออีกคนมากขนาดนั้นเลยหรอ ทีกับเขาไม่ใช่แค่เฉยชาแต่ยังไม่ชายตามองเลยด้วยซ้ำ
“ฮึก….”
ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแค่คริสเอื้อมมือหมายจะเปิดประตูเดินออกไป เลย์ก็ถลาเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลังของอีกคนไว้แน่น ซบใบหน้าหวานไปกับแผ่นหลังกว้างพร้อมกับพรั่งพรูน้ำตาออกมาเมื่อรู้สึกเสียใจ เสียใจจริงๆที่ยังไม่อาจตัดใจจากคนตรงหน้าไปได้
“เป็นอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างแผ่วเบา ไม่ได้หันมามองเลย์ที่สวมกอดอยู่เลยสักนิด คริสเอาแต่ยืนนิ่ง นิ่งอยู่แบบนั้นอย่างไม่เข้าใจการกระทำของอีกคน
“ฮึก...ไม่ไปไม่ได้หรอ?”
“แต่มันสำคัญ”
“สำคัญขนาดที่ต้องออกไปดึกดื่นขนาดนี้เลยรึไง?”
“นายไม่เข้าใจ”
พูดแค่นั้นมือหนาก็ค่อยๆแกะมือที่สวมกอดรอบเอวเขาอยู่ออกเบาๆ นั่นทำให้เลย์ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ สุดท้ายคริสก็ไม่เคยเห็นใจเขาเลย
“อย่าไป! อย่าไปได้ไหมคริส ฉันขอร้อง ฮึก...” มือบางส่งไปยื้อชายเสื้อกันหนาวของอีกคนไว้แน่น เลย์ไม่อยากให้คริสไป นี่คือเหตุผลจากหัวใจของเขา
“เลย์....” คริสนิ่งไปชั่วครู่อย่างชั่งใจ เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะพยายามเอ่ยคำที่ทิ่มแทงหัวใจของอีกคนเข้าอย่างจัง “นายควรจะตัดใจจากฉันได้แล้ว”
พูดแค่นั้นคริสก็เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปในทันที ไม่ได้เหลียวกลับมามองคนที่นั่งหมดแรงอยู่ที่พื้นเลยสักนิด คริสยังแน่วแน่ที่จะเดินหน้าไปเรื่อยๆ ไม่ได้รู้เลยว่าความเจ็บปวดที่เลย์ได้รับมันมากมายขนาดไหน บางครั้งถ้าไม่เจอด้วยตัวเองคงไม่รู้สึกอะไร
“ตัดใจงั้นหรอ?.... หึ! พูดง่าย แต่รู้ไหมว่ามันทำยาก! ฮึก....”
…THE WIZARD…
ตุ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เฮือก!
ถึงกับสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงของบางสิ่งบางอย่างที่ตกกระทบลงสู่พื้นจนดังสนั่น ทำเอาคนหน้าหวานที่นั่งเหมอลอยอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือต้องรีบลุกขึ้นไปดูด้วยอาการตื่นตะหนก เอาอีกแล้วสินะ เรื่องเหมือนคราวก่อนก็ไม่มีผิด ไม่รอช้าก็รีบกุรีกุจอวิ่งไปเอาไม้คฑาของตัวเองมาถือไว้ พร้อมทั้งของใครอีกคนที่ทำให้เขาคิดถึงอยู่ได้ตลอดติดมือไปด้วย
“เลย์! คริสล่ะ?” ไควิ่งทักๆมายังหน้าห้องของเลย์ในอาการเดียวกัน พร้อมกับใครอีกคนที่พ่วงตำแหน่งคนรักที่ตามติดอยู่ไม่ห่าง
“คริสยังไม่กลับมาเลย”
“แล้วมันไปไหน?”
“ฉ...ฉันไม่รู้”
เลย์ส่ายหน้าไปมาให้เป็นคำตอบ ตั้งแต่ที่คริสออกไปจากห้องเขาก็ไม่เห็นคริสกลับเข้ามาอีกเลย เป็นห่วง เป็นกังวล ทั้งยังปะปนไปด้วยความเสียใจ แต่นั่นก็คิดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ขาเล็กรีบออกวิ่งลงไปยังชั้นล่างของหอพักก่อนจะเป็นไคและดีโอที่วิ่งตามไปติดๆ
ตุ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ความชุนละมุนวุ่นวายกำลังจะเกิดขึ้น เหล่านักเรียนทั้งเดอะวิซาร์ดเองและโรงเรียนในเครือ ต่างก็โชว์ฝีไม้ลายมือกันอย่างดุเดือด นักเรียนหญิงอย่างเพอร์ลาสที่เห็นว่าอ้อนแอ้นอ่อนแอก็ไม่เป็นรองใครเลยจริงๆ ทุกคนต่างพกด้ามธนูพร้อมทั้งลูกดอกของมันแบกใส่หลังเป็นเครื่องอาวุธประจำกาย ภาพที่ไม่เหมือนกุลสตรีหากแต่มันเท่อย่าบอกใคร
“คริส!”
เลย์โก่งคอตะโกนฝ่าเสียงสงครามย่อมๆเพื่อหาอีกคน กลอกม่านตากลมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบวี่แววของร่างสูงที่คุ้นเคยเลยแม้แต่น้อย
“เลย์ระวัง!”
ไคร้องเตือนเพื่อนหน้าหวานที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อชายในชุดดำที่วิ่งเข้าไปหากำลังวาดดาบเล่มยาวขึ้นจนสุดแขน ไคอยู่ไกลเกินกว่าจะวิ่งเข้ามาช่วยทัน และนั่นร่างกายของเลย์เองก็ไม่สามารถขยับเขยือนไปไหนได้เลย ได้แต่หลับตาภาวนาไปเรื่อย ภาพอันน่ากลัวที่เขาได้พบเห็นเมื่อครั้งก่อน มันยังติดตาไม่เจือจาง ครั้งนั้นมีใครอีกคนที่โอบกอดกายเขาอยู่ด้วยยังทำให้นึกกลัวเป็นอย่างมาก แต่คราวนี้มันไม่ใช่ ไม่มีใครเลย...
อั่ก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“คุณมัวทำอะไรอยู่น่ะ เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
เสียงแหลมที่เหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเอ่ยติติงเขาอย่างหงุดหงิด ทำให้เลย์ต้องค่อยๆลืมตาขึ้นมองหน้าของอีกคนช้าๆ เพียงแค่นั้น เนื้อตัวที่ชาอยู่แล้วกลับเพิ่มอิทธิพลของมันขึ้นไปอีกจนทำให้ยืนแข็งทื่อด้วยความตกใจ
“คริสตัล”
พึมพำชื่อของหญิงสาวตรงหน้าอย่างแผ่วเบา คริสตัลส่งลูกดอกธนูไปปักที่อกของชายชุดดำอย่างแม่นยำ เธอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเลย์ แต่...ในเมื่อคริสตัลอยู่ตรงนี้ แล้วคริสล่ะอยู่ไหน
“อย่าเอาแต่เหม่อลอยสิคะ เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นศพหรอก”
“ข...ขอบคุณมากนะ”
หญิงสาววิ่งจากไปแล้ว แต่นั่นเลย์กลับไม่รู้ว่าคริสหายไปไหน อยากจะเอ่ยถามตั้งแต่เมื่อครู่ หากแต่ใจมันกลับไม่กล้าพอ ก้อนเนื้อในอกซ้ายมันกำลังเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ตื่นเต้นกับสงครามแต่ยังรวมไปถึงความกลัวที่เข้ากัดกินหัวใจอยู่ในตอนนี้
“นายไม่เป็นไรนะเลย์” ไครีบวิ่งเข้ามาหาเพื่อนหน้าหวานด้วยความเป็นห่วงก่อนจะมองสำรวจร่างกายเล็กของเพื่อนไปมา
“ฉันไม่เป็นไร”
“ดีแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ ” พูดแค่นั้นไคก็ยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนหน้าหวานไปทีสองทีเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาคนรักของเขาที่อยู่อีกมุมหนึ่งอีกครั้ง
“มันจะดี ถ้านายไม่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่แบบนี้”
“.....คริส!”
ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มในทันทีเมื่อหันไปตามเสียงทุ้มก็พบเจอกับคนที่เขากำลังหาอยู่ ก่อนจะโผลเข้ากอดร่างสูงไว้แนบแน่นอย่างลืมตัว ซบหน้าไปกับอกแกร่งของอีกคนอย่างโหยหา คริสคงไม่รู้ว่าที่เลย์ไม่มีสมาธิอยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้ก็เพราะเขานั่นเอง
“ม...มันไม่ใช่เวลาที่จะมากอดกันหรอกนะ”
เหมือนจะมีสติขึ้นมาได้บ้าง เมื่ออีกคนเอ่ยพูด ไม่รอช้าเลย์จึงรีบผละกายออกมาอย่างรวดเร็ว ทำหน้าตาเลิกลั่กอยู่ชั่วครู่ ก่อนมือบางจะยื่นไม้คฑาของคริสที่ถือมาด้วยไปให้ตรงหน้าแก้เก้อ
“ขอบคุณ….”
สิ้งเสียงทุ้ม ทั้งคู่ก็ช่วยกันกำจัดพ่อมดดำหน้าตาประหลาดอย่างเลือดร้อน แยกไปคนละทางก็ปล่อยแสงร่ายมนต์จนอีกฝ่ายกระเด็นออกไปไกล เหมือนเหงื่อเริ่มออก เครื่องก็เริ่มติด คันไม้คันมืออยากจะฆ่ามันให้ราบไปเป็นหน้ากลอง แต่ด้วยจำนวนคนของอีกฝ่ายที่มีมาก มากกว่าเด็กนักเรียนทั้งหมดในเครือของเดอะวิซาร์ดเสียอีก มันคงไม่ง่ายเลย
“เลย์ นายยังโอเคนะ” บุคคลที่ไม่ได้พบเห็นมาหลายวัน เห็นจะเป็นเพื่อนต่างปราสาทคนนี้ที่เขาไว้ใจ และอยากจะขอบคุณซะเหลือเกินที่อีกคนก็รีบวิ่งเขามาช่วยต่อสู้ด้วยอีกแรง
“ฉันโอเค แล้วนาย...ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเทา?”
“ฉันยังหึกเหิมอยู่”
คำตอบของเด็กเซนทอร์ ทำเอารอยยิ้มหวานเผยให้เห็นในทันที อย่างน้อยในเวลาแบบนี้ก็ยังมีเทาที่เขาจะขอพึ่งพาได้ อย่างน้อยก็ได้อุ่นใจว่ายังมีคนที่คอยปกป้องเขาอยู่
ฮ่าๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆ
เสียงหัวเราะที่ดังกึ่งก้องดั่งฟ้าคำราม ทำเอานักเรียนทุกคนถึงกับขนลุกเกรียวไปตามๆกัน ก่อนจะปรากฏกลุ่มควันสีขาวที่ลอยฟุ้งอยู่เหนือน่านฟ้าพร้อมกับชายในชุดดำที่ใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิด เผยให้เห็นแค่นัยน์ตาสีแดงสองข้างที่กลอกไปมาอย่างน่าสะพรึง ส่งผลให้เด็กนักเรียนทุกคนต้องถอยกรูออกมาตั้งหลักใหม่ในทันที
“ส่งเขามาให้ข้าเถอะเอริค แล้วข้าจะไว้ชีวิตลูกศิษย์ของเจ้าทุกคน” เสียงทุ้มก้องดังไปทั่วทั้งเดอะวิซาร์ด ปีศาจร้ายที่ใครๆก็นึกกลัว ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเจ้าแห่งพ่อมดดำ
“นั่นท่านพูดเรื่องตลกอะไรกันฟายอาร์ เราไม่เห็นจะรู้เรื่อง?”
เอริคเอ่ยถามอีกฝ่ายออกไปเหมือนไม่เข้าใจ หากแต่เข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี พร้อมทั้งศาสตราจารย์ทุกคนต่างก็ตั้งรับเจ้าพ่อมดดำฟายอาร์อย่างเต็มที่
“เจ้ากำลังทำให้ข้าโมโหล่ะเอริค เจ้าจะยอมข้าดีๆหรือไม่?”
“แล้วท่านต้องการใครล่ะ บอกเราได้รึเปล่า? เพราะเราก็ไม่รู้ว่าจะส่งใครไปให้ท่านดี ครั้งที่แล้วท่านก็พาลูกศิษย์เราไปผิดตัว”
“อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า”
“เราเปล่าเล่นลิ้น แม้แต่ท่านเองยังไม่รู้ว่าท่านต้องการใคร แล้วเราจะไปรู้กับท่านหรือ”
“....แล้วเราจะได้เห็นดีกัน เจ้ามนุษย์ไม่เจียมตัว”
สิ้นเสียงฟายอาร์ ท้องฟ้าก็กลับกลายเป็นสีดำทะมึนในทันที เสียงฟ้าร้องคำรามดังอึกกระทึกไปทั่วทั้งแผ่นฟ้า พร้อมกับสายฟ้าฟาดที่ผ่าลงมาจนคนด้านล่างต้องวิ่งหลบกันเป็นพัลวัล ก่อนจะชุนละมุนกันอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายก็ยังคงต่อสู้กันไปมาอย่างดุเดือด
“อ๊ะ!” เสียงฟ้าที่ร้องคำรามอยู่นั่น ทำให้คริสแทบจะยืนไม่ติดกับที่ โครมมาทีก็ปวดจี๊ดไปทั่วทั้งสมอง ทรมานทั้งยังรู้สึกเหมือนกับว่าหัวของเขาจะระเบิดออกมาได้ก็ไม่ปราน
“คริส!”
เหมือนว่าคริสคงจะอยู่ในสายตาของเลย์ตลอดเวลา คนหน้าหวานเมื่อเห็นว่าอีกคนอาการไม่สู้ดี ก็หมายจะวิ่งเข้าไปช่วยด้วยความเป็นห่วง แต่คงช้าไปนิดเพราะคนที่เข้าไปเร็วกว่าก็เห็นจะเป็นหญิงสาวคนนั้นที่เขาไม่ชอบใจ
“คริส! คุณเป็นอะไรไปคะ?”
เสียงแหลมของหญิงสาวที่เอ่ยถามคริสด้วยความเป็นห่วงอยู่นั้น ทำเอาเลย์ต้องกำมือเข้าหากันแน่นอย่างนึกโมโห เขาไม่ชอบผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ ไม่ชอบทั้งยังรู้สึกเกลียดเอามากๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกว่าโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแบบนี้มานานมากแล้ว
ฟู่ว~~~~~~~~~~~~
แสงสว่างวาบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว จนทุกคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถึงกับต้องยกมือขึ้นบดบังภาพเบื้องหน้าในทันที มันสว่างจนขาวโพลนไปหมด มองไม่เห็นอะไรรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะปรากฏสัตว์ในตำนานที่เป็นสัตว์ประจำกายของคนต้นเรื่องทั้งหมดให้ออกมา
“เป็นไปได้ยังไง เลย์ไม่มีทางเรียกมันออกมาได้ถ้าเขาไม่มีสติ” เอริคที่กำลังมองดูเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ตรงหน้าอยู่เอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ
“แต่บางครั้ง มันก็จะออกมาเมื่อถึงเวลาของมันนะครับศาสตราจารย์”
แอนดี้ไม่สามารถพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ เขาไม่อาจปกปิดได้แล้วว่าเลย์คือคนที่ถูกเลือก เมื่อภาพตรงหน้ามันฉายชัดได้เป็นอย่างดี และนั่นก็ไม่พ้นฟายอาร์ที่กำลังต้องการตัวเลย์อยู่
มังกรตัวใหญ่กำลังกระหวัดหางไปมาอย่างน่าเกรงขามท่ามกลางแสงสว่างสีขาวโพลนที่ทอประกายเจิดจ้าจนแสบตาไปหมด ไม่แค่มังกรหากแต่สัตว์อีกตัวที่ทุกคนเฝ้าเห็นก็ทะยานขึ้นมาด้วยเช่นกัน ยูนิคอร์นตัวสีขาวที่มีเขาเงาระยับกำลังแล่นสวนประสานไปกับมังกรตัวสีแดงอย่างน่าอัศจรรย์ มันเกิดขึ้นแล้ว เขาคือคนที่ถูกเลือก
“ข้าไม่ต้องตามหา เจ้าก็ออกมาปรากฏโฉมตรงหน้าข้าเสียแล้ว”
ฟายอาร์เฝ้ามองเหตุการณ์มาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงยะเยือกเมื่อได้รู้ว่าบุคคลที่เขาต้องการนั้นเป็นใคร
“เลิกพูดข้าๆ เจ้าๆสักที น่ารำคาญ!” ไม่รู้อะไรดลใจให้เลย์กล้าต่อกรกับฟายอาร์ แต่นั่นความโกรธที่มันยังคุกรุ่นโหมรุ่นแรงอยู่ในอกตอนนี้ก็ไม่อาจหยุดยั้งเขาได้เลย
“หึ! ปากดีจังเลยนะหนุ่มน้อย เจ้าน่ะยังช้ากว่าข้าเป็นร้อยปี”
พูดแค่นั้นฟายอาร์ก็ร่ายมนต์ส่งลำแสงทอดไปยังร่ายกายบางในทันที เล่นทีเผลอจนคนที่ไม่ได้ตั้งตัวอย่างเลย์ก็ลอยไปข้างหลังก่อนจะกระแทกเข้ากับพนังอิฐของปราสาทอย่างเต็มแรง
“เลย์! อ๊ะ!”
คริสที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นานก็อดจะเป็นห่วงคนหน้าหวานไม่ได้ กำลังจะก้าวเท้าวิ่งออกไปช่วยพยุงร่างบาง แต่อยู่ๆในหัวมันก็ปวดจี๊ดขึ้นมาเสียดื้อๆจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเองก่อนจะนั่งคุกเข่าลงกับพื้น
ภาพเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมามันผุดขึ้นในสมองอยู่ชั่วครู่ สักพักก็หายไปเป็นครั้งคราว คริสเป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆหลังจากที่สายฟ้าของฟายอาร์ฟาดผ่าลงมา เลือนลางภาพของเขากับใครอีกคนที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน คริสกำลังทรมานอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาพยายามจะนึกมันให้ออก
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรอกนะพ่อหนุ่ม แต่ข้าต้องการเจ้า”
ฟายอาร์ย่างสามขุมเข้าไปหาร่างที่นอนอยู่บนพื้นอย่างคนที่เหนือกว่า ปากเรียวแสยะยิ้มกับภาพตรงหน้าอย่างพอใจ เขาต้องการเลย์ เพราะเลย์สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งและเป็นเจ้าของทุกอย่างบนโลกใบนี้
“อ๊ะ!”
ร่างของฟายอาร์กระเด็นออกไปข้างหลังในทันที เมื่อเลย์ก็เล่นทีเผลออย่างที่อีกคนทำเหมือนกัน มือบางยกไม้คฑาชี้ขึ้นปล่อยมนต์ไปยังร่างเจ้าพ่อหมดดำจนไปไกลสายตา ก่อนจะค่อยๆพยุงร่างกายของตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
“ข้าเริ่มจะโกรธขึ้นมาจริงๆแล้วนะหนุ่มน้อย” ฟายอาร์ลุกขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะปัดเศษฝุ่นที่เปรอะเปื้อนตามเสื้อคลุมสีดำที่เขาสวมใส่อยู่ออกอย่างมีมาด
“แต่ฉันโกรธมานานแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ลองฝีมือกับข้าหน่อยเป็นไร”
สิ้นเสียงแหบพร่าของเจ้าพ่อมดดำ เลย์ก็ถึงกับขนลุกเกรียว ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาก็กลัวมันไม่น้อย แต่นั่นเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขา เป็นต้นเหตุก็ต้องหาทางแก้ไขมันเอง อย่างน้อยถ้าเขาคนนึงเป็นอะไรไป ทุกคนก็อาจจะรอด
ทั้งฟายอาร์และเลย์ต่างเริ่มตั้งท่ายกไม้คฑาเข้าหากันเพื่อเตรียมพร้อม นัยน์ตาคู่สวยสบเข้ากับดวงตาสีเลือดของอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ เดินวนไปรอบๆเมื่อรอเวลาที่เหมาะสม ต่างฝ่ายต่างยื้อยักคะยอกันอยู่นาน ก่อนจะเป็นเลย์เองที่ออกแรงวิ่งไปหาที่กำบังเพื่อป้องกันภัย
ตุ้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ลำแสงของฟายอาร์ส่งไปยังร่างบางที่กำลังวิ่งห่างออกไป แต่ก็ไม่ได้ทันเพราะเลย์เองก็ไหวพริบดีไม่น้อย
“นี่หรือคนที่ถูกเลือก” รอยยิ้มพรายภายใต้หน้ากากเหล็กของอีกฝ่ายกำลังนึกขันกับภาพเบื้องหน้า คงจะคาดหวังกับคนที่ถูกเลือกมากเกินไป
“แต่มันก็ทำให้แกอยากได้ตัวฉันไม่ใช่รึไง?”
“นั่นสินะ แล้วเจ้าจะทำให้มันยุ่งยากไปเพื่ออะไร? เพราะยังไงเจ้าก็ต้องมาเป็นทาสของข้าอยู่ดี”
ฟายอาร์ค่อยๆย่างเท้าเข้าไปหาคนที่หลบอยู่หลังกองอิฐสูง บรรยากาศรอบข้างเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างก็ตั้งรับอีกฝ่ายเต็มที่หากแต่ก็ยังพะวกพะวงว่าเลย์จะเป็นอันตราย
“เสียเวลาเกินไปแล้ว มาทำให้มันจบๆไปเถอะ”
เพียงแค่นั้นกายบางหลังกองอิฐก็ค่อยๆก้าวออกมาหยุดยืนตรงหน้าของฟายอาร์ อกบางกระเพื่อมขึ้นลงพลางหอบหายใจเทิ้มด้วยความเหนื่อยล้า บวกกับมือไม้ที่สั่นเทาก็ทำให้ฟายอาร์ถึงกับแสยะยิ้มกับเด็กที่กล้าต่อกรกับเขาอย่างไม่เจียมตัว
“อ๊า!”
“เลย์! ฆ่ามันเลย”
มัวแต่ให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มตรงหน้า ฟายอาร์คงไม่ทันได้รู้ว่าศาสตราจารย์ผู้มากฝีมือทั้งหลายพร้อมรอสังหารเขาอยู่แล้ว เอริคส่งมนต์ตราไปยังร่างกายกำยำของฟายอาร์ ก่อนร่างนั้นจะลอยขึ้นอยู่บนอากาศ ไม่ทันที่ร่างของฟายอาร์จะตกลงสู่พื้นดี ลำแสงที่ส่งกลับมาจากเจ้าแห่งพ่อมดดำก็กระแทกเข้าที่หน้าอกของเลย์เต็มๆ
“เลย์ นายเป็นอะไรมากรึเปล่า?”
คริสรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงอีกคนที่ตกลงกระทบกับพื้นที่เต็มไปด้วยกวาดอิฐอย่างรวดเร็ว เขย่ากายบางให้ตื่นอยู่ตลอด ให้มีสติจะได้ไม่สลบไปและอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เลือดที่กรอกอยู่ในโพลงปากเล็กก็ไม่ต่างอะไรกับฟายอาร์เช่นกัน ทำให้คริสเป็นห่วงและเป็นกังวลกับคนตัวเล็กเอามากๆ
“ย..ยังไหวอยู่”
เลย์ค่อยๆปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าช้าๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความยากลำบาก หากแต่ยังมีอีกคนที่คอยเป็นห่วงก็ทำให้เขาเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง
“อ๊ะ!”
“นายเป็นอะไรคริส?” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความร้อนลน ดูท่าอาการของคริสจะย้ำแย่ มือหนาที่กุมขมับอยู่นั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าอีกคนคงทรมานน่าดู
“ป...ปวด...หัว”
“เป็นอะไรมากไหม?” มือบางยกขึ้นกุมใบหน้าหล่อของอีกคนก่อนจะเอ่ยถามออกไป น้ำตาพลันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อสงสารคนตรงหน้ามากเหลือเกิน
“ฉันไม่เป็นอะไร อย่าร้องไห้นะ” พูดแค่นั้น มือหนาจึงค่อยประคองใบหน้าสวยของอีกคนให้เชิดขึ้น ก่อนจะโน้มเข้าไปหาแล้วจุมพิตที่ริมฝีปากเคลือบใสที่ปะปนไปด้วยเลือดอย่างอ่อนโยน ผละออกมาก็ค่อยๆขยับริมฝีปากเอ่ยประโยคที่ทำเอากำลังใจทั้งหมดของเลย์ให้กลับคืนมา
“……………………….”
“คริส...รักเลย์”
สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็อึ้งไปในทันที หัวใจมันโลดแล่นจนแทบจะหลุดออกมาจากอกก็ไม่ปราน ก่อนจะรู้ตัวเรียกสติกลับมาได้อีกทีคริสก็สติดับวูบไปแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะคิดว่าอีกคนไม่ได้ล้อเล่น และจะเป็นไปได้ไหมว่าคริสจะจดจำเรื่องราวต่างๆระหว่างเขาได้แล้ว
ชางมินและยุนโฮรีบถลาเข้าไปอุ้มคริสให้ออกมาจากที่ตรงนั้น ก่อนจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเลย์ในการจัดการกับฟายอาร์ต่อไป เลย์กำมือเข้าหากันแน่นจนมันสั่นไปหมดด้วยความแค้น ช่วงเวลาที่เศร้าและทุกข์ระทมของเขา มันก็เพราะฟายอาร์คนเดียวนั่นแหละ ความทรงจำที่หายไปของคริสก็เพราะเจ้าพ่อมดดำที่ยืนยิ้มสมเพสเขาตรงหน้านี่ไง
“เลย์ระวัง!”
เอริครีบวิ่งเข้าไปหาเลย์ก่อนจะปล่อยมนต์ส่งไปยังร่างของฟายอาร์ แต่นั่นคงช้าไปนิด ร่างของเลย์โดนลำแสงของฟายอาร์เข้าอีกครั้ง ก่อนจะล่วงลงมากระแทกกลับพื้นจนกระอั่กไปหมด
“แก…”
เลย์พยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อยันร่างกายของตัวเองให้ยืนขึ้น สติสตังเริ่มไปอยู่กับล่องกับรอย ในขณะเดียวกันกับที่ลมพายุที่ไหนก็ไม่รู้โหมเข้ามาอย่างรุนแรง จากเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ใครๆมองก็ต้องบอกว่าน่ารักน่าเอ็นดู หากแต่ตอนนี้มันช่างกลับกัน เด็กหนุ่มตรงหน้าช่างน่ากลัวและน่าเกรงขาม เขากำลังโกรธและเครียดแค้นอย่างถึงที่สุด
สัตว์ในตำนานทั้งสองแล่นเข้าไปกอดรัดร่างของฟายอาร์ทันทีโดยไม่ต้องให้เจ้าของมันสั่ง นัยน์ตาที่ฉายแววระยิบสวยตอนนี้มันกลับเพ่งไปยังร่างชายชุดดำตรงหน้าจนคนที่ถูกมองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน
“เจ้าจะทำอะไรน่ะพ่อหนุ่ม?”
“ก็ฆ่าแกไง” เสียงหวานในตอนนี้มันกลับแข็งกร้าวและนักแน่น เคล้าเดิมของคนน่ารักคนนี้ได้หายไปแล้ว
ฟายอาร์ลุกลนจนเห็นได้ชัด สะบัดใบหน้าภายใต้หน้ากากไปมาก่อนจะเรียกกำลังจากเหล่าลูกสมุนให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่นั่นเพียงแค่เหล่าชายชุดดำหน้าตาประหลาดทั้งหลายย่างก้าวเข้ามาต้องแสงสีขาวแดงที่หลอมรวมกัน ก็กระเด็นออกไปจนล้มพับกับพื้นอย่างไม่เหลือท่า
“ไม่...ไม่นะ...ปล่อยข้าลงไปเดี๋ยวนี้”
ด้วยพลังของสัตว์ในตำนานทำให้ฟายอาร์ลอยแคว้งขึ้นบนอากาศ ตะเกียกตะกายไร้ซึ่งภาพเดิมของเจ้าแห่งพ่อมดดำอย่างน่าตลก ก่อนจะร้องตะโกนอ้อนวอนขอชีวิตจากเด็กหนุ่มธรรมดาคนนี้ แต่นั่นใครเล่าจะหลงกลเจ้าปีศาจอย่างฟายอาร์
ไม้คฑาของทุกคนถูกส่งไปยังร่างที่ลอยอยู่บนอากาศ ก่อนจะปล่อยลำแสงออกไปพร้อมกัน ภาพเบื้องหน้าที่ฉายถึงความทรมานของฟายอาร์คงไม่ต่างอะไรกับพ่อมดหรือมนุษย์คนอื่นๆที่เคยได้รับมา และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีมันคอยทำให้โลกใบนี้ลดความน่าอยู่ลง
“อ๊ะ! อ้าก!”
ตู้ม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงร้องโหยหวนชวนขนลุกดังก้องอยู่ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงระเบิดของภาพตรงหน้าจนต้องหันหลังหลบหนีพร้อมทั้งยกมือขึ้นบดบังแสงสว่างจ้า ร่างของฟายอาร์กายเป็นจุลจนไม่เหลือซาก ก่อนจะสลายกายเป็นผงละอองคล้ายกากเพชรเป็นเศษเล็กเศษน้อย พร้อมกับสัตว์ในตำนานทั้งสองที่ลอยอยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆจางหายไป
“เลย์! เป็นอะไรมากไหม?” ประธานปราสาทรีบวิ่งเข้าไปดูรุ่นน้องในกลุ่มเดียวกันทันที ช้อนกายที่นอนฟุบอยู่กับพื้นให้ขึ้นอยู่ในอ้อมกอดพลันรีบพาไปยังห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“มันตายง่ายจัง ว่าไหมครับรุ่นพี่ แค่กๆ”
“ยังจะมาตลกอยู่อีก เลือดเต็มปากขนาดนี้” ชางมินที่ยืนอยู่ข้างๆก็อดจะบ่นค่อนขอดเสียไม่ได้เมื่อเห็นรุ่นน้องหน้าหวานยังคงยิ้มทะเล้นส่งมาให้
“แค่กๆ”
“เลย์! นายอย่าเพิ่งหลับสิ ตื่นก่อนๆ” ยูชอนรีบตบเข้าที่แก้มนิ่มของลูกพี่ลูกน้องอย่างรวดเร็ว คอยทำให้อีกคนมีสติอยู่ตลอดเวลา เสียเลือดมากแบบนี้ปล่อยให้หลับไม่ได้เลย
“......................................”
“ฉันบอกว่าอย่าหลับไงเลย์!”
ดูเหมือนอีกคนจะไม่รับรู้อะไรเสียแล้ว เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนมันจะกลายเป็นสีขาวโพลนเต็มไปหมด ไม่พร่ามัว ไม่เลือนลาง มีแต่สีขาวที่ว่างเปล่าบริสุทธิ์ รู้สึกได้ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันช่างเบาหวิวเหลือเกิน เพียงไม่นานสติทั้งหมดที่ไม่รับรู้อะไรอีกแล้วก็ดับไป...
… มันจะจบหรือยังครับ ผมเหนื่อยมากแล้ว บางทีก็อย่าให้ผมได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย โลกใบนี้มันโหดร้ายยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก การที่ผมได้อยู่อีกโลกนึง มันอาจจะทำให้ชีวิตของผมมีความสุขกว่านี้ก็เป็นได้....
…THE WIZARD…
*** กลับมาแล้ว งื้อออออ >< ตอนนี้แต่งยากมากค่ะ ยิ่งตอนต่อสู้นี่ตื่อ 555555555
มันดูอึนๆมึนๆไหม? น่าเบื่อพอประมาน พี่คริสนี่ก็นะแต่งเองหมั่นไส้เอง แหงะ =_=
ฟายอาร์ตายยากเนาะ แต่ก็ตายๆไปเถอะ รึยังไม่ตาย? 5555555555
คือรีดเดอร์อาจจะหมั่นไส้ไรท์น้อยๆ ตกลงไรท์จะเอาไงกันแน่ 55555555555
ความคิดเห็น