คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : SF Sehun x Chen Bad Guy I
SEHUN x CHEN
Bad Guy
ฉันอยากจะลืมว่าเธอเคยทำเลวอะไรไว้...
ฉันอยากจะลืมเรื่องราวในอดีตนั้นเสีย...
ฉันคิดว่าฉันพร้อมที่จะลืมเรื่องเลวร้ายพวกนั้นนะ
แต่ว่า...มันต้องเป็นตอนที่เธอได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเคยรู้สึก
ภายในร้านอาหารหน้ามหาลัยฯ ไม่ได้มีคนเยอะเท่าไหร่เพราะตอนนี้ก็เริ่มที่จะมืดแล้วนักศึกษาก็เริ่มกลับไปพักผ่อนกันหมด
ภายในร้านอาหารตามสั่งจึงมีเพียงคู่สามีภรรยาที่คงเพิ่งจะเลิกงานมานั่งทานกันสองคน
มีนักศึกษาชายอีกคนที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่สนใจใคร นักกีฬาสี่ห้าคนที่กินไปด้วยคุยกันไปด้วย และอีกคู่ที่กำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอย่างกระหนุงกระหนิงผลัดกันป้อนผลัดกันกิน ก็ดูเหมือนจะน่ารักดี... หึ!
ร่างสูงที่หลบซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารดังกล่าวยกยิ้มมุมปากขึ้นแววตาและสีหน้าเย้ยหยันอยู่ในที
สายตาคู่สวยจับจ้องไปยังคู่รักนักศึกษาชายทั้งสองคนก่อนจะเกิดความว่างเปล่าในดวงตาและใบหน้าที่กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม
ไม่มีใครรู้ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
เวลาเพียงไม่นานร่างของคู่รักนักศึกษาชายที่ถูกจับจ้องอยู่ก็ลุกออกมาจากร้านหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย
ทั้งสองเดินกุมมือกันออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเสื้อคลุมของคนตัวโตกว่าถูกนำมาคลุมไหล่ให้คนตัวเล็กเพื่อคลายหนาว
ใบหน้าน่ารักนั้นเงยขึ้นมาส่งยิ้มจนตาหยีให้อย่างน่ารักเลยได้รางวัลเป็นนิ้วยาวของคนตัวโตหนีบเข้าให้ที่จมูกที่เริ่มแดงเพราะความหนาวเบาๆ ทุกเหตุการณ์อยู่ในสายตาของชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนหลบแสงไฟอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหมด
ขายาวก้าวออกมาจากที่มืดตามสองร่างที่ไม่ทันได้สังเกตอะไรไปเงียบๆ
มือทั้งสองข้างล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงหมวกที่ติดอยู่กับเสื้อแขนยาวเป็นตัวช่วยในการอำพรางใบหน้า
ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเริ่มมีหยดน้ำตกลงมาเล็กน้อยให้ได้ชุ่มชื้น
ร่างสองร่างที่เดินตามกันไปก็ไม่ได้รีบเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วขึ้นจังหวะการเดินของทั้งคู่ยังคงเป็นจังหวะเดิม
จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพักซึ่งเป็นที่พักของคนตัวเล็กทั้งสองจึงหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ากัน ร่างสูงของอีกคนที่เดินตามมาปลีกตัวออกมายืนหลบแสงไฟที่ข้างพุ่มไม้ใหญ่สายตายังคงจับจ้องไปที่คนทั้งคู่เช่นเคย...
เป็นเวลาไม่นานที่ทั้งสองร่างยืนคุยกันอยู่อย่างนั้นใบหน้าหล่อหวานของคนที่ตัวสูงกว่าก็ค่อยๆ
โน้มลงมาใกล้ใบหน้าน่ารักที่หลับตาพริ้มรออยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มแสยะยิ้มให้กับภาพที่เห็นแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้จูบกันลึกซึ้งหรือเนิ่นนานอะไรแต่แววตาที่แสดงถึงความกรุ่นโกรธของคนที่แอบมองอยู่นั้นช่างแรงกล้าเสียเหลือเกิน
ร่างทั้งสองผละออกจากกันก่อนที่คนตัวเล็กจะก้มหน้าอย่างขัดเขิน ร่างสูงก้มลงไปกระซิบอะไรบางอย่างก่อนจะได้รับกำปั้นน้อยๆ กลับไป
ร่างเล็กโบกมือลาก่อนที่ทั้งสองคนจะแยกย้ายกันไป
ชายหนุ่มที่ยืนหลบอยู่ที่พุ่มไม้ก้าวออกมายืนอยู่จุดเดิมที่คนทั้งสองยืนก่อนหน้านี้ เพียงไม่นานไฟในห้องชั้นสามก็สว่างจ้า
ชายหนุ่มแหงนหน้ามองไปที่ห้องเดิมที่เคยมายืนเฝ้ามองอย่างนี้ทุกวัน ฝนเริ่มจะตกหนักขึ้นกว่าเมื่อกี้ทำให้ผมของชายหนุ่มร่างสูงเปียกลู่ลงมาตามใบหน้าด้านข้าง
รอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่ใบหน้าใต้หมวกของเสื้อคลุมอีกครั้งมันเป็นรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาตามเคย ขายาวก้าวถอยหลังออกมาทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปยังห้องพักชั้นสามไม่วางตาแล้วจึงยอมเดินออกมาจากหน้าหอพักด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งอย่างเคย...
ต่อ
วันนี้ผมตื่นสายกว่าทุกวันเพราะเมื่อตอนเจ็ดโมงแบคฮยอนโทรมาบอกว่าอาจารย์ติดธุระเลยยกเลิกคลาสนี้ไปผมเลยนอนยาวมาถึงสิบโมงกว่า
ถือเอาวันนี้เป็นวันพักผ่อนไปเสียเลยหลังจากที่โหมทำโปรเจคงานต่างๆ นานา
อันที่จริงแล้วผมมีโครงการว่าจะนอนต่อยาวกว่านี้แต่เพราะทนกับอาการหิวไม่ไหวเลยต้องถ่อสังขารลงมาหาของกินที่ร้านสะดวกซื้อหน้าหอพักทั้งที่หนังตายังไม่เปิดต้อนรับแสงแดดเต็มที่เสียด้วยซ้ำ
ผมเดินวนอยู่ในร้านสะดวกซื้อมาได้สักพักแล้ว
ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรดีนี่ก็ต้องซื้อของไปตุนไว้ในห้องอีกเผื่อวันหลังขี้เกียจออกมาหาซื้อ
รูมมงรูมเมทก็ไม่มีกับชาวบ้านชาวช่องเขาหรอกครับ เคยประกาศรับรูมเมทไปแล้วครั้งหนึ่งแต่พอมาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานมันก็เกิดปัญหายิ่งกว่าใหญ่นั่นก็คือปัญหาหัวใจนี่แหละครับ
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้เลย...
“จงแด คิมจงแด!”
“ฮะๆๆ”
ผมหันรีหันขวางตกใจกับเสียงตะโกนเรียกชื่อลั่นจนผมคิดว่าแก้วหูของผมมันคงจะสะเทือนไปไม่มากก็น้อย
“ย๊า! ฉันเรียกตั้งนานมัวแต่ยืนเหม่ออะไรอยู่ได้”
“อ่า ชานยอลเองหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ คิดว่าเป็นใครล่ะ”
“เปล่า” ชานยอลเบะปากใส่ผมเล็กน้อยพอให้ดูน่ารัก (มั้งนะ)
ผมไม่ได้สนใจชานยอลมากเพราะหมอนี่ก็เป็นแบบนี้แหละ “แล้วนายมีอะไรกับฉันงั้นเหรอ” ผมถามพลางหยิบขนมปังใส่ลงในตะกร้า
“ย๊าๆๆ เจ้าคิมจงแดถามแบบนี้กับเพื่อนได้ยังไงกัน! ถ้าฉันไม่มีอะไรกับนายนายก็ห้ามให้ฉันเข้าไปทักงั้นเหรอ”
ชานยอลพูดเสียงดังเสียจนผมแทบจะยกมือขึ้นมาปิดหูอยู่มอรอมมอร่อ ผมเลิกสนใจขนมปังที่วางเรียงกันอยู่บนชั้นแล้วหันกลับมาคนที่เอาแต่โวยวายอยู่ข้างๆ
“เปล่า ฉันก็แค่ถามเฉยๆ”
“ชัดช่า! เอาเถอะจะว่าไปฉันก็แค่เข้ามาทักนายไปงั้นแหละ
แล้วนี่ลงมาจากห้องด้วยสภาพแบบนี้คงจะเพิ่งตื่นล่ะสิ”
“อืม”
“ซื้อของไปตุนหรอ”
“อืม”
ผมหันกลับมาเลือกขนมปังใส่ตะกร้าอีกเล็กน้อยแล้วจึงผละออกมาเลือกนมที่ผมไม่ได้ดื่มมันมานานพอสมควร...
ก็คงตั้งแต่ตอนที่เขาคนนั้นทิ้งผมไป...
อ่า แล้วผมยังต้องมาคิดถึงเขาทำไมเนี่ย น่าโมโหชะมัดเลยคิม จงแด!
“ถ้าจะสะบัดขนาดนั้นก็ตัดมันทิ้งเสียเลยไหมหัวน่ะ”
ผมหันกลับไปตวัดสายตามองชานยอลอย่างเคืองๆ
หมอนั่นเพียงแค่ไหวไหลเล็กน้อยแล้วหยิบนมรสจืดที่ผมไม่ได้จับมันใส่ในตะกร้าเลยสักขวดลงมาใส่ในตะกร้าให้ผมแทน
“ดื่มนมจืดสิจะได้โตเร็วๆ”
“ย๊า! เอามือนายออกไปจากหัวฉันเลยนะชานยอล”
ผมหันไปแหวชานยอลเสียงแหลมขึ้นจมูกตอนที่หมอนั่นเอามือมาขยี้ผมของผมจนมันยุ่งฟูกว่าเดิมจากที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้ว
หมอนั่นเพียงแค่หัวเราะเสียงดังลั่นจนคนที่มาซื้อของพากันหันมามองผมจึงส่งสายตาเขียวปั๊ดกลับไปให้หมอนี่หยุดหัวเราะเสียที
“นายก็รู้ว่าฉันไปดื่มนมรสจืด เชิญนายไปบอกเจ้าแบคฮยอนให้ดื่มเสียดีกว่ามั้ง”
“นายกับหมอนั่นก็ไม่ต่างกันหรอกน่า
เป็นนายเสียด้วยซ้ำที่ต้องหาอะไรบำรุงตัวเองเสียบ้าง
ดูสิเนี่ยผอมอย่างกับโครงกระดูกเดินได้”
ไม่ว่าเปล่าเจ้าคนตัวสูงทำท่าประกอบด้วยการคู้ไหล่ทั้งสองของตัวเองเข้าหากันแล้วโค้งตัวลงต่ำเล็กน้อยทำท่าแขนอ่อนขาอ่อนจนผมอดจะหมั่นไส้ไม่ไหวเตะเข้าให้ที่ท่อนขาโก่งๆ
นั่นเสียดังปั๊ก
“โอ้ย!! เจ็บนะเจ้าเตี้ย เจ็บๆๆๆ”
“ก็เตะให้เจ็บ...”
ผมมองชานยอลที่กระโดดโหยงเหยงมือทั้งสองข้างกุมขาข้างที่โดนผมเตะแน่นอย่างน่าสงสาร
แต่สำหรับผมแล้วผมคิดว่าผมสะใจมากกว่าอ่ะครับ
ผมส่ายหน้าให้กับท่าทางเบะปากปัญญาอ่อนของเจ้าชานยอลแล้วเดินออกมาจากตู้แช่นม
เดินลัดเลาะออกมาหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับโจ๊กใส่ลงในตะกร้าแล้วเดินออกไปจ่ายเงิน
ขณะที่พนักงานกำลังคิดเงินผมก็ยืนจ้องขวดนมรสจืดที่ชานยอลเป็นคนหยิบลงใส่ตะกร้าให้นิ่งๆ
มันทำให้ผมอดที่จะคิดถึงเขาคนนั้นไม่ได้จริงๆ...
ก้อนแข็งๆ
แล่นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอซึ่งมันทำให้ผมรู้ซึ้งแล้วว่า...ผมกำลังจะร้องไห้
ผมเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแล้วหันออกไปมองข้างนอกร้านแทน
ผู้คนมากมายเดินพลุ่งพล่านตามท้องถนนผมไม่ได้เจาะจงมองใครเป็นพิเศษเพราะถึงยังไงผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมานั้นก็คงจะไม่ใช่คนที่ผมรู้จักมักจี้ด้วยอยู่แล้ว
แต่แล้วสายตาของผมก็ดันไปสะดุดกับใครบางคนที่ผมคิดว่า...เป็นคนคนนั้น
รูปร่างสูงโปร่ง ไหล่กว้าง ผอมเพรียว
ใบหน้าถูกบดบังด้วยหมวกสีดำมากไปกว่าครึ่งแต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงจำเขาได้ดี
ร่างสูงยืนอยู่อีกฝั่งของถนนใกล้ๆ กับห้องพักของเขา
ถ้าหากว่าผมไม่ได้ตาฝาดไปผมเห็นว่ามุมปากของเขากำลังยกสูงขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับจากเขา
เขากลับมาแล้ววอย่างนั้นหรือ... ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ?
“พี่ครับ พี่!”
“ครับ?”
เสียงเรียกจากพนักงานเคาน์เตอร์ดึงผมให้หันกลับมาสนใจอย่างเดิม
เด็กผู้ชายคนเดิมที่เรียกผมยื่นของที่ใส่ถุงเรียบร้อยแล้วกลับมาให้และบอกราคาของทั้งหมด
ผมจ่ายเงินให้น้องแล้วหยิบเอาของมาถือไว้พอหันกลับไปมองที่เดิมที่ที่ผมเห็นเขาคนนั้นมันก็ว่างเปล่าไปเสียแล้ว
เขาไปแล้วใช่ไหม?
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่คิดว่าบางทีผมอาจจะตาฝาดที่เห็นเขาคนนั้น เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงป่านนี้เขาคงจะกำลังมีความสุขอยู่กับคนของเขาไม่มาสนใจคนอย่างผมเสียหรอก
เมื่อกลับมาถึงห้องผมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าบานประตูนั้นปิดไม่สนิททั้งที่ตอนออกไปผมจำได้ว่าปิดมันสนิทดีแล้วแท้ๆ
หรือบางทีผมอาจจะนึกว่าผมปิดประตูสนิทแล้วทั้งที่ความจริงนั้นยัง ฮ่า เอาเข้าไปสิจงแดขี้หลงขี้ลืมนี่ไม่มีใครเกินจริงๆ
ผมเคาะหัวตัวเองสองสามทีแล้วเปิดประตูเข้าไปวางของที่ซื้อมาทั้งหมดไว้ที่โต๊ะแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาเปิดทีวีดูช่องนู้นช่องนี้ไปเรื่อยจนเริ่มเบื่อเลยลุกขึ้นเดินลากเท้าไปทางห้องนอน หวังจะทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มๆ ให้สบายกายไปเลยทั้งวัน
แต่ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาภายในห้องนอนได้เพียงก้าวเดียวขาของผมก็เหมือนจะเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ
ลำคอแห้งผากเหมือนไข้ขึ้นกะทันหันมือชื้นเหงื่อแต่กลับรู้สึกว่ามันเย็นจนชาทั่วปลายนิ้ว
ร่างสูงโปร่งในชุดสีดำทั้งตัว ไหล่กว้าง ผิวขาวละเอียด ริมฝีปากสีสด
ใบหน้าหล่อเหลา เขาเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับคนที่ยืนอยู่ข้างหอผมตอนที่ผมกำลังรอจ่ายเงินอยู่
ผู้ชายคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผมและเป็นคนเดียวกันกับคนที่ทำให้ชีวิตผมเหมือนพังทลายลง...
ผู้คนคนนี้เป็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด...
และผู้ชายคนนี้ก็ยังเป็นคนที่ผมไม่อยากเจอมากที่สุดเหมือนกัน!
...โอ เซฮุน!
ต่อ
“นะ นาย...”
เหมือนกล่องเสียงทำงานผิดพลาดจนทำให้ผมไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาเป็นคำพูดได้
ตามร่างกายชาวูบทำอะไรไม่ถูก ร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงลุกขึ้นมายืนจ้องตากับผมริมฝีปากสีสดนั้นเหยียดยิ้มจนดูน่ากลัว
แววตาของเขาที่ใช้มองผมมันไม่เหมือนเดิม...ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
ความแค้น และความเกลียดชัง ผมมองว่ามันเป็นสายตาแบบนั้น เพียงไม่นานใบหน้าของเขากลับมานิ่งสนิทเหมือนเดิมก่อนที่ขายาวๆ
จะก้าวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ส่วนผมที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินถอยห่างออกมา
เขาไม่เหมือนเดิม ไม่สิ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่ โอ เซฮุนคนเดิมแล้วก็ได้
เซฮุนคนเดิมไม่เคยใช้สายตาแบบนั้นจ้องมองผม
แต่ก็อย่างว่า...เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน ขนาดทิ้งผมไปหมั้นกับคนอื่นเขายังทำได้
เขามันเป็นคนเลือดเย็นกว่าที่ใครจะคิดเสียอีก คนอย่างโอ เซฮุน
ไม่สามารถมีใครเข้าถึงได้หรอก
“อ๊ะ!”
เหมือนฉากในละครน้ำเน่าที่ผมดันสะดุดเข้ากับธรณีประตูจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า
คนตัวสูงที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก้มลงมาหาจนใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซ็น
ผมเบือนหน้าหนีพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอตัวโผล่เข้ากอดอีกคน เคยคิดว่าเกลียดคนๆ
นี้ไปแล้ว แต่ที่ไหนได้พอได้กลับมาอยู่ใกล้กันแบบนี้หัวใจผมยิ่งสั่นไหว
รับรู้ได้เลยว่าตลอดระยะเวลาที่ผมพยายามทำใจให้ลืมเขานั้นมันไม่ได้ผลเลย
ทุกอย่างมันสูญเปล่าตั้งแต่ผมได้สบตากับเขา...
ไม่ว่าโอ เซฮุนจะเคยทำอะไรไว้กับผม แต่ผมก็ยังคงรักเขาเหมือนเดิม...
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน...จะหนีผมไปไหนล่ะครับ จงแดฮยอง ^^”
“...”
รอยยิ้มที่เซฮุนยิ้มจนตาหยีนั้นผมบอกได้แค่ว่ามันไม่ได้ดูน่าไว้ใจหรือใสซื่อจริงใจเหมือนแต่ก่อน
รอยยิ้มนั้นมันเคลือบไปด้วยยาพิษดีๆ นี่เอง
“ผมถามว่าจะหนีผมไปไหน...ครับ!”
“อึก!”
ใบหน้าของผมหันกลับมาสบตากับเซฮุนอีกครั้งเมื่อมือใหญ่ๆ
ของเขาจับเข้าที่สันกรามจนมันรู้สึกปวดไปหมด
น้ำตาผมแทบร่วงเมื่อเจอเขาใช้กำลังด้วย...เพียงแค่คิดถึงแต่ก่อนที่เวลาผมโดนอะไรกระทบผิวกายนิดหน่อยเขาก็แทบจะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจะไปเอาคืนให้ผมให้ได้แม้แต่โดนแค่มดกัดเขาก็แทบจะบี้มดพวกนั้นให้แหลกสลาย
แต่วันนี้คนที่ทำให้ผมเจ็บกลับเป็นตัวเขาเสียเอง
มันไม่ได้เจ็บแค่กายแต่มันเจ็บไปทั้งใจ...
ผมไม่ชอบเซฮุนในตอนนี้เอาเสียเลย...
“ใช่สิ! ผมมันไม่ใช่ไอ้จงอินของฮยองนิ
แค่เห็นหน้าผมฮยองก็แทบจะพุ่งหนีไปเสียให้ได้”
“...”
“ทำไม! ผมมันไม่เร้าใจ
ไม่ทำให้พี่พอใจได้เหมือนไอ้จงอินรึไงพี่ถึงได้ถ่อไปหามันแล้วทิ้งผมไปน่ะ ห๊ะ!”
เสียงตวาดลั่นมาพร้อมกับแรงบีบเข้าที่สันกรามแน่นกว่าเดิม
ผมหลับตาปี๋อยากจะเถียงใจจะขาดว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทิ้งใครแต่เพราะแรงของอีกคนที่บีบสันกรามไว้แน่นจึงทำให้ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยหรือแม้แต่เปล่งเสียงออกมาได้
ทำไมนายถึงพูดเหมือนตัวเองไม่ได้ผิดอะไรแบบนั้นกัน! คนที่เลือกที่จะทิ้งกันไปมันเป็นนายเองไม่ใช่รึไง!
“อยู่กับมันคงจะจัดกันบ่อยจนหายเงี่ยนแล้วสินะ โสโครกจริงๆ โอ้ย!!”
เพราะทนฟังคำพูดร้ายกาจที่พ่นออกมาจากปากอีกคนไม่ไหว
ผมเลยอาศัยจังหวะที่มือของเซฮุนผ่อนแรงบีบที่สันกรามลงนิดหน่อยนั้นรีบยกมือขึ้นไปดึงเอามือของเขาออกแล้วกัดเข้าที่มือขาวนั้นอย่างจังจนร่างสูงรีบผละออกไป
ผมลุกขึ้นยืนแล้วเตะเข้าที่หน้าขาของเซฮุนจนร่างสูงนั้นล้มลง
“พูดให้ดีนะเซฮุนคนที่ทิ้งกันไปมันนายต่างหาก
อย่ามาทำเป็นไขสือแล้วป้ายความผิดมาให้คนอื่นในเมื่อนายเลือกที่จะทิ้งฮยองไปเองนายก็ไม่ควรกลับมา
...” ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลืนก้อนแข็งๆ ที่วิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
ผมและเซฮุนต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่ผมจะตัดสินใจพูดทุกสิ่งออกไป
“....”
“นายควรจะกลับไปดูแลคู่หมั้นนายซะ...แล้วก็ไม่ต้องกลับมาหาฮยองอีก...”
คราวนี้ผมหยุดไปนายพอสมควรจนต้องก้มหน้าลงหลบสายตาของเซฮุนที่จ้องกลับมาด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก
ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมที่จะจ้องตากับเขาตรงๆ สักนิด
“...”
“นายน่ะ...
ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างเรื่องให้ฮยองเป็นคนเลวนอกใจนายเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการเลิกกันหรอกนะ
จงอินเขาเองก็เป็นเพื่อนของนายเขาเป็นคนดีนายไม่ควรที่จะดึงเขามาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“...”
“ฮยองจะยอมรับบทเป็นคนสารเลวอย่างที่นายว่านั่นก็ได้
แต่นั่นหมายถึงฮยองคนเดียวจงอินไม่เกี่ยว แล้วนายจะไปป่าวประกาศบอกใครต่อใครก็ได้ว่าฮยองมันเลวที่นอกใจนายไปมีคนอื่น
...แต่ขออย่าให้คนๆ นั้นเป็นจงอินเลยนะ เขาไม่ อ๊ะ!”
“หยุดพล่ามซะที!!”
ผลัก!!
ผมเบิกตากว้างเมื่อร่างของผมถูกมือใหญ่ดึงลงไปนอนราบอยู่กับพื้นห้องอย่างแรง
ดีที่มือของเซฮุนนั้นใช้รองหัวผมไว้อยู่ถ้าไม่เช่นนั้นหัวผมคงจะฟาดพื้นเลือดออกสลบหรือไม่ก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้
“นายจะทำอะไร!” ผมถามเสียงดังเมื่อเซฮุนดึงเอาเนคไทนักศึกษาของผมที่วางอยู่บนเก้าอี้เขียนหนังสือมามัดข้อมือของผมทั้งสงข้างเข้าด้วยกัน
ผมพยายามดิ้นให้หลุดพ้นแต่เพราะขาทั้งสองข้างถูกเซฮุนนั่งทับไว้เลยไม่สามารถดิ้นได้มาก
“ปกป้องมันดีนักนิไอ้จงอินน่ะ ผมก็แค่อยากรู้ว่าถ้าไอ้จงอินมันรู้ว่าฮยองมันแปดเปื้อนแค่ไหนมันยังจะอยากเข้าใกล้ฮยองอยู่รึเปล่า”
“อย่าคิดที่จะทำอะไรบ้าๆ นะ เซฮุน ปล่อยฮยองเดี๋ยวนี้!”
ผมพยายามดึงแขนออกมาแต่ก็คงจะไม่ทันแล้วเมื่อเซฮุนมัดเชือกทบสุดท้ายด้วยความแน่นหนา
ผมเลยทำได้เพียงพยายามดีดตัวออกจากร่างสูงที่คร่อมทับไว้
แต่เพราะขนาดตัวที่ดูก็รู้ว่าแตกต่างกันขนาดไหนความแข็งแรงของร่างกายมันก็ต้องต่างกันอย่างแน่นอน
...ผมไม่มีทางสู้เขาได้เลย
“จะกลัวอะไรกัน ...ถ้าไอ้จงอินมันดีอย่างที่ฮยองว่าจริงๆ
มันไม่ทิ้งฮยองหรอก และผมจะบอกไว้อีกอย่างนะว่า...”
“...”
“ผมกับไอ้จงอิน ไม่-ใช่-เพื่อน-กัน-อีก-ต่อ-ไป!!”
ผมได้ยินเพียงแค่นั้นก็เริ่มไม่มีสติเพราะผ้าเช็ดหน้าที่เซฮุนเอามาโป๊ะจมูกของผมไว้จนแทบหายใจไม่ออก
ได้แต่ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอและพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ...
ทุกสิ่งรอบตัวมันดับมืดไปเสียแล้ว...
TBC
..............................................................................................
ในที่สุดก็มาอัพได้ซะที อยากบอกว่าช่วงเวลาของการสอบไรท์ยังไม่ผ่านพ้นค่ะ
ยังมีให้สอบมาเรื่อยๆ เรื่องนี้ก็จะมีต่อแต่ไรท์ยังไม่แน่ใจว่าจะมีกี่ตอนอาจจะมีตอนพิเศษอีกก็ได้
รอกันอีกหน่อยนะคะ มาลุ้นกันว่าเซฮุนจะทำอะไรจงแด แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ
เม้นเป็นกำลังใจหน่อยสิจ๊ะ แล้วเราจะมาไขข้อข้องใจไปด้วยกัน ฮิ้งงงง
ปล.ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและคอมเม้นให้เป็นกำลังใจนะคะ จุ๊บ
เหมียวหง่าว
ความคิดเห็น