คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหวั่นไหว (ต่อ)
******เราขับรถออกจากกรุงเทพโดยใช้ทางด่วนมุ่งตรงไปยังหัวหิน
บรรยากาศในรถเงียบสนิทไม่มีบทสนทนาใดๆ ยังดีที่ยังมีเสียงเพลงที่เขาเปิดไว้
ก็จะให้พูดอะไรใครจะไปทำได้อย่างเขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ฉันเป็นผู้ถูกกระทำนี่จะให้ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนเขาได้ยังไง
“ตึ้ง ตึ้ง” เสียงไลน์จากโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นมาสยบความเงียบบนรถ
ฉันจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านก็พบว่าเป็นข้อความจากพี่คชา
“ฤทัยพุ่งนี้คุณจิ่งหยูวต้องไปร่วมงานฉลองครบรอบ
10 ปีของนิตสารอลิส พี่จะให้คนส่งชุดไปให้ที่โรงแรมแล้วพี่จะส่งรถไปรับตอนหกโมงเย็นนะ”
ทันทีที่ฉันอ่านข้อความจบฉันก็หันไปบอกเขา
“พรุ่งนี้คุณต้องไปร่วมงานฉลองครบรอบ 10
ปี ของนิตยสารอลิส บริษัทจะส่งรถมารับคุณตอนหกโมงเย็น”
ทันทีที่ฉันพูดจบเขาก็หันมาสั่งฉัน
“ต่อสายคุณคชาให้ผม”
ฉันรีบกดต่อสายพี่คชาให้เขาทันที
เพราะคิดว่าเขาคงมีเรื่องที่ต้องซักถามพี่คชาเรื่องงานอีก
“คุณคชาผมต้องการให้ฤทัยไปด้วยเพราะเขาต้องคอยดูแลผม”
พูดจบเขาก็ยื่นโทรศัพท์ส่งให้ฉันคุยกับพี่คชาต่อ
“ฤทัยพี่จะให้คนส่งชุดไปให้ฤทัยด้วยนะ
คุณจิ่งหยูวเขาจะให้ฤทัยไปคอยดูแลเขาด้วย”
“แต่พี่คชาค่ะ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะปฏิเสธพี่คชาก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“ฤทัยก็รู้ถ้าเขาต้องการให้ฤทัยไปฤทัยก็ต้องไป เพราะมันเป็นหน้าที่ของฤทัยที่ต้องคอยไปดูแลเขา”
“แต่” ฉันพยายามจะคัดค้านอีก
“ไม่มีแต่ พรุ่งนี้พี่จะให้คนส่งชุดไปไปให้พร้อมชุดของคุณจิ่งหยูว
อ้อพี่จะให้ช่างแต่งหน้าไปแต่งหน้าให้ที่โรงแรมเลย
รถจะไปรับหน้าโรงแรมตอนหกโมงเย็น” พูดจบพี่คชาก็วางสายทันที หลังจากวางสายจากพี่คชาฉันก็หันควับไปถามคนเจ้าปัญหาทันที
“ทำไมคุณต้องให้ฉันไปกับคุณด้วย”
“อ้าวผมนึกว่าคุณอยากไปซะอีก
จะได้ไปเจอไอ้หน้าตี๋นั่น”
“ฉันไม่อยากไปกับคุณ”
ฉันเริ่มทำเสียงแข็งเมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันจากเขา
“แต่คุณก็ต้องไป เพราะคุณมีหน้าที่ดูแลผม”
เขาอ้างเหตุผลเดิมที่ฉันไม่มีทางปฏิเสธได้เลย เป็นเหตุผลที่ฉันต้องยอมทุกครั้ง
ฉันไม่พูดต่อปากต่อคำกับเขาอีกได้แต่นั่งนิ่งเงียบไปตลอดทางจนถึงชายหาดหัวหิน
เขาเลี้ยวรถหาที่จอดและพาฉันเดินเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ติดกับชายหาด
“ผมหิวแล้ว หาอะไรกินก่อนแล้วกัน” ฉันยกนาฬิกาขึ้นมาดูนี่มันก็ใกล้เที่ยงแล้วอย่าว่าแต่เขาหิวเลยตอนนี้ฉันก็หิวเหมือนกันเพราะเมื่อเช้าฉันแทบไม่ได้กินอะไรเลย
แถมท้องเจ้ากรรมดันส่งเสียงร้องเตือนดังจนคนที่มาด้วยได้ยิน เขาเปิดประตูลงจากรถฉันจึงเปิดประตูลงจากรถเดินตามเข้าไปในร้าน ดีที่คนที่เข้ามากินข้าวในร้านนี้ไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนต่างชาติ
แต่ก็มีคนไทยบางกลุ่มที่มองมาที่เขาและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเขากันมือระวิง
แต่ดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์มะรุมมะตุ้มเกิดขึ้นอย่างมากก็แค่หันมามองทำท่ากรี๊ดกร๊าดและหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาถ่ายรูป
พนักงานในร้านพาเราไปนั่งโต๊ะริมซึ่งอยู่ติดกับระเบียงมองเห็นชาดหาดขาวทอดยาว
เขาสั่งอาหารทะเลมาสองสามอย่างแล้วก็หันมาถามฉัน
“คุณจะสั่งอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
“ไม่หละ ที่คุณสั่งมาก็เยอะแล้ว”
ฉันตอบเขาเพราะอาหารที่เขาสั่งมาก็เยอะแล้วจริงๆ
เราใช้เวลานั่งกินข้าวกันสักพักใหญ่ก็เรียกพนักงานมาเก็บเงินแล้วเดินออกจากร้าน
ขณะที่กำลังเดินออกจากร้านแฟนขลับของเขาที่จำเขาได้และมองเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านก็มารุมขอถ่ายรูปกับเขา
เสียงแฟนขลับผู้หญิงคนหนึ่งถามเขาด้วยความสงสัย
“พี่แมวน้อยมากับแฟนหรือค่ะ”
คำถามของเด็กสาวคนนั้นทำให้แฟนขลับอีกหลายคนรอฟังคำตอบจากเขาจิ่งหยูวไม่ได้ตอบอะไรเด็กสาวคนนั้น แต่กลับส่งยิ้มมีเลศนัยและหันมามองที่ฉันก่อนที่เขาจะขอตัวพาฉันออกมาจากร้าน
ระหว่างอยู่บนรถฉันก็ป้อนคำถามที่ค้างคาในใจตั้งแต่เด็กสาวคนนั้นถามเขา
“ทำไมคุณไม่ปฏิเสธพวกแฟนขลับไปว่าฉันไม่ใช่แฟนคุณ”
จิ่งหยูวไม่ตอบอะไรกับคำถามของฉันเขาหันมามองหน้าฉันแว็บเดียวแล้วก็หันกลับไปขับรถต่อหน้าตาเฉย
มันเลยทำให้ฉันไม่อยากจะถามอะไรเขาอีกเพราะถึงถามไปเขาก็คงไม่มีคำตอบเหมือนเดิม
เขาขับรถแวะจอดที่ชายหาดแห่งหนึ่งที่มีหาดทรายขาวทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
น้ำทะเลเป็นสีฟ้าใส เราเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทบรรยากาศตอนนี้เป็นเวลาแดดร่มลมตกพอดีอากาศกำลังเย็นสบาย
ลมทะเลพัดเกรียวคลื่นมากระทบหาดทรายเป็นระลอกคลื่น ฉันยืนมองทะเลและฟังเสียงคลื่นที่ซัดมากระทบกับหายทรายขาวถ้าหากสามารถโยนทิ้งความกังวลและความสับสนต่างๆ
ไปกับทะเลได้ตอนนี้ฉันก็อยากทำมันมากที่สุด
ความคิดเห็น