คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #206 : Login 203: สถานที่ซึ่งอสูรตื่นจากนิทรา2
Login
203: สถานที่ซึ่งอสูรตื่นจากนิทรา2
พวกเขาตัดสินใจเข้าไปในศาลาซึ่งจมอยู่ในอ่าว
พอเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นว่าศาลานั้นที่จริงแล้วเป็นบ้านเรือนไทยแบบโบราณโดยจมเอียงอยู่ครึ่งหลังเพราะเสาคานที่ยกใต้ถุนให้พ้นน้ำนั้นหักไปฝั่งหนึ่ง
ตัวเรือนมีเสาอยู่หกต้นหักไปเสียสาม
เป็นเสาฝั่งที่ยื่นออกไปฝั่งทะเลทั้งหมดคิดว่าในอดีตคงจะโดนคลื่นซัดช่วงที่มีพายุเข้าศาลาถึงได้จมอยู่ในสภาพหงายหลังนั่นเอง
จากฝั่งไปถึงเรือนมีสะพานทำจากไม้ทอดไปถึง
แม้จะมีสภาพผุพังไปตามกาลเวลาแต่ดูแล้วก็ยังพอใช้งานได้
นรินทร์หยั่งเท้าลงไปบนสะพาน
มันส่งเสียงเอี้ยดอ้าดและโอนเอนอยู่เล็กน้อย
”งั้นพวกเราจะข้ามไปก่อน…”
นรินทร์ตั้งใจจะบอกแบบนั้นกับพวกราชครู
ทว่า…
โพแทสเซียมกับลิเธียมก็ชิงตัดหน้ากระโดดด้วยพลังเหนือมนุษย์ข้ามฟากไปถึงฝั่งศาลาก่อน
ราชครูทั้งสองลงจอดบนชานระเบียง
จากนั้นโพแทสเซียมก็โบกมือมา
“รีบๆ ตามมาน้า~~~”
พร้อมกับตะโกนอย่างสนุกสนาน
ถึงจะดูน่าหมันไส้ไปบ้างแต่แบบนี้ก็หมดห่วงเรื่องลำดับการข้ามสะพานแล้วแถมยังไม่ต้องพะวงว่าจะโดนตลบหลังด้วยรึเปล่า
ตอนนั้นเองเน็กส์ที่อยู่ข้างๆ
ก็ดึงแขนเขา
“พี่รินฮะ”
เน็กส์คงจะกังวลเรื่องความมั่นคงของสะพาน…นรินทร์ที่คิดแบบนั้นตั้งใจจะพูดให้กำลังใจว่าไม่ต้องห่วงตนจะคอยดูแลไม่ให้ตกลงไปข้างล่างเอง
แต่ทว่า…
“…”
เมื่อหันไปมองใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความกังวลของเด็กชาย
ซึ่งมันควรจะเป็นแบบนั้น
...แต่เน็กส์ในตอนนี้กำลังยิ้มซื่อๆ
อย่างไร้เดียงสา
เด็กชายชักเอาไม้เท้าออกมาตอนไหนก็ไม่รู้สะบัดมันแล้วร่ายสกิล
“วินด์วาร์ป”
ฟุ่บ
เกิดเสียงแบบนั้นแล้วอากาศรอบตัวก็ผันผวนกลายเป็นสายลมโอบล้อมพวกเขา
วินาทีถัดมาทั้งเขาทั้งเน็กส์ก็มาโผล่ที่เดียวกับพวกราชครู
”มากันไวดีนี่ครับ”
โพแทสเซียมกล่าวแบบนั้นพลางยิ้มร่าอย่างเอ็นดู
”รีบเข้าไปข้างในกันเถอะฮะ”
เน็กส์บอกเขาแล้วปล่อยมือที่จับไว้ตอนใช้สกิลพาข้ามฟากมาก่อนจะเดินตามหลังพวกราชครูที่ล่วงหน้าไปที่ประตูทางเข้าเรือน
“….”
ดูเหมือนคนที่ยังคิดด้วยสามัญสำนึกจนน่าอายคงมีแต่เราคนเดียวสินะ
แถมยังโดนเมินกันเห็นๆ
“ฮะ ฮะ ฮะ”
นรินทร์ได้แต่
ยิ้มเจื่อนแก้เขินแล้วเดินตามหลังพวกนั้นไป
แต่เมื่อลองคิดดูแล้วการที่เน็กส์ทำแบบนั้นก็หมายความว่าเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียอีก
พวกราชครูก็ว่าไปอย่างพวกนั้นเพิ่งจะมาถึงที่นี่โดยที่พังเส้นทางที่ใช้มาจึงถืออาวุธอยู่ในมือพร้ิมมาตั้งแต่แรก
แต่พวกเขาที่มุดท่อกันมาเลยเก็บอาวุธไว้
แล้วพอมาถึงที่นี่…
ได้เห็นอสูรที่ลอยผ่านหน้าตัวเองไป
จะไล่ตามสิ่งที่น่าจะเป็นอันตราย
…แต่กลับไม่เตรียมพร้อมตัวเอง
พอคิดแบบนั้นแล้วความตึงเครียดก็เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
เขาชักไม้เท้าของตัวเองออกมาเตรียมไว้บ้างแล้วเดินตามหลังทุกคนไป
ระเบียงชานบ้านนี้เอียงชันอยู่พอตัวทำให้เดินลำบาก
พวกเขามาถึงหน้าประตูไม้ตรงกลางเรือน
มันถูกเปิดแง้มไว้และมีตะไคร่เกาะเต็มสองบานประตู
ไม่รู้ว่าข้างในนั้นจะมีน้ำท่วมขังเต็มเลยรึเปล่าเพราะตัวเรือนด้านหลังบานประตูเป็นส่วนที่จมน้ำ
เมื่อโพแทสเซียมผลักประตูมันก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอย่างน่าวังเวง
บานประตูข้างหนึ่งดูเหมือนบานพับจะเสียอยู่หลังจากที่มันเคลื่อนเข้าไปด้านในบานประตูก็หลุดออกจากวงกบประตูและไหลไปตามพื้นที่ลาดเอียงหายไปในความมืดของห้องจนกระทั่งมีเสียงดังซู่ขึ้นมา
ท่าทางด้านในจะมีน้ำท่วมขังจริงๆ
ภายในห้องนั้นมืดสนิทไม่มีหน้าต่างให้แสงเข้ามาได้
ด้านนอกตอนนี้ก็ยังเป็นเวลากลางคืนจึงแทบไม่แสงให้ส่องเข้าไป
โพแทสเซียมเปิดหน้าจอระบบขึ้นแล้วหันมันให้แสงจากหน้าจอส่องเข้าไปในห้อง
น้ำท่วมขังอยู่ในห้องที่ลาดเอียงอยู่ครึ่งหนึ่งจนมีลักษณะเหมือนเป็นเนินลาดลงไปยังแม่น้ำ
ข้างในไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของอำนวยความสะดวกตั้งอยู่ซักชิ้นเดียว
เรือนไทยหลังนี้มีห้องใหญ่เพียงห้องเดียวและข้างในก็ว่างเปล่าบางทีในอดีตมันคงจะใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมของผู้ที่มาพักที่รีสอร์ท...
หรือไม่ก็ใช้ประกอบพิธีกรรมอะไรซักอย่างเนื่องจากภายในห้องมีกลิ่นอายของอาคมที่เฉพาะอาชีพผู้ใช้เวทเท่านั้นจะสัมผัสได้ลอยอบอวลอยู่เต็มห้อง
ทั้งที่เป็นแบบนั้น
“อะฮะ ได้กลิ่นไม่ดีโชยมาเลยนะครับเนี่ย”
โพแทสเซียมที่น่าจะมีอาชีพเรนเจอร์เหมือนกับอิงศรกลับพูดแบบนั้น
พูดเหมือนกับว่าสัมผัสถึงกลิ่นอายของพลังเวทได้
แต่พอโพแทสเซียมชี้ไปที่กลางห้องซึ่งแสงไฟจากหน้าจอส่องไป
ถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้สัมผัสกลิ่นอายพลังเวทอะไรได้หรอก
แต่เป็นกลิ่นอายของความตายต่างหาก
ที่กลางห้องนั่นมีเชือกมัดกับคานห้อยต่องแต่งอยู่
ส่วนปลายผูกเป็นบ่วง จากความเก่าของเชือกที่เห็นคร่าวๆน่าจะผูกไว้นานมากแล้ว
เห็นเพียงแค่นั้นก็เดาได้ทันทีว่า...
“เคยมีคนผูกคอตายที่นี่มาก่อนสินะ”
นรินทร์คาดเดาความเป็นไปได้ที่น่าจะใช่ที่สุด
ซึ่งโพแทสเซียมก็เสริมมาอีกว่า
“หรือไม่ก็เคยมีคนถูกฆ่าโดยการแขวนคออย่างนั้นสินะ”
“หมายความว่ายังไงน่ะ”
พอนรินทร์ถามอีกฝ่ายก็ขยับหน้าจอให้แสงส่องทั่วทั้งห้อง
“ก็มันไม่มีน่ะสิครับสิ่งที่ควรจะมีอยู่ที่นี่”
นรินทร์เข้าใจและพยักหน้าให้คำพูดนั้น
“ศพสินะ”
ที่นี่ไม่มีศพหรือแม้แต่โครงกระดูกของคนตายหลงเหลืออยู่เลย
ถ้าจะบอกว่านั่นเป็นเชือกสำหรับห้อยของที่ไม่เกี่ยวกับการฆ่าใครซักคนเลยก็เป็นไปไม่ได้
เชือกดูมั่นคงแข็งแรงแถมยังห้อยบ่วงต่ำลงมามากถ้าเอาอะไรไปแขวนไว้ก็จะเกะกะจนไม่น่าเป็นไปได้
ราชครูลิเธียมกล่าว
“จะว่าไปอสูรล่ะหายไปไหนแล้ว”
พูดถึงเรื่องนั้นแล้วก็ยังมีอีกเรื่องที่น่าสงสัย
นรินทร์หันไปถามกับพวกราชครูว่า
“จริงด้วยสิยังไม่ได้ถามเลยทำไมถึงรู้ว่านั่นคืออสูรล่ะ”
โพแทสเซียมตอบว่า
“ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเรายังทำงานเป็นราชครูอยู่มันก็มีภาระหน้าที่อันสำคัญที่ต้องไปเก็บกวาดสิ่งที่หลงเหลือของอารย-สนธยาเก่า
ก่อนจะตกไปอยู่ในมือท่านแฟรนเซียมหนึ่งในนั้นก็คืออสูรนี่ล่ะนะ”
พอได้ยินว่า อารย-สนธยา
แล้วนรินทร์ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาจนคิดอยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย
ตัวเขาที่เป็นเจ้าชายแห่งอารย-สนธยานั้นได้ตายไปแล้ว
แล้วก็ได้อิงศรช่วยไว้ถึงได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ดังนั้นจึงตัดสินใจไปแล้วว่าจะก้าวเดินไปข้างหน้าโดยละทิ้งอดีต
พูดถึงอดีตแล้ว...ในเมื่อสถานที่แห่งนี้น่าจะเก่าแก่ขนาดที่ไม่ใครเปิดมาหลายปีจนกระทั่งพวกเขามาถึงที่นี่
แต่...
“นี่รู้สึกกันไหมว่าเหมือนเพิ่งมีคนมาที่นี่ก่อนเราไม่นานมานี้เองน่ะ”
โพแทสเซียมเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“ก็จริงนะครับทั้งที่ข้างในนี่ปิดมิดชิดขนาดนี้แต่แทบไม่มีกลิ่นอับเลย”
กล่าวแบบนั้นแล้วเดินไปที่วงกบประตูที่ว่างเพราะบานประตูหลุดออกไป
”แถมประตูที่บานพับพังไปข้างนั่นรอยก็ยังใหม่อยู่ด้วย”
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเพิ่งมีคนเข้ามาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้
แล้วก็น่าจะไม่ใช่ฝีมือของอสูรด้วยเพราะพวกเขาเห็นมันทะลุผ่านประตูไปเลย
ดังนั้นประตูไม่น่าจะถูกเปิดโดยพวกมัน แต่คงมีใครบนเกาะมาที่นี่มากกว่า
สันนิษฐานหนึ่งผุดขึ้นมาทันที
สันนิษฐานว่าศาลาแห่งนี้คงเป็นที่พักพิงของพวกอสูรแล้วคนร้ายที่เข้ามาในศาลานี้ปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้นจะเป็น
“หรือว่ามิ่งขวัญ”
นรินทร์พึมพำกับตัวเองอย่างนั้น
ถ้ามิ่งขวัญเคยเข้ามาที่นี่กันนะถ้าก็จะตอบเรื่องกลิ่นแปลกๆ
ในห้องอิงศรได้
มิ่งขวัญเพิ่งมีอาการแปลกๆ
มาได้สองวันซึ่งถ้ามีสองวันหลังจากที่ประตูเปิดทิ้งไว้อากาศในห้องก็คงถ่ายเทออกไปหมดแล้วรวมถึงถ้ามีอสูรอยู่ที่นี่ก็คงจะออกไปเหมือนกัน
***บทนี้สั้นสุดๆ เลยต้องขอโทษจริงครับ
เมื่อคืนตอนที่ปั่นต้นฉบับอยู่ก็มีเรื่องทำให้ไรท์ต้องหยุดปั่นกะทันหันเนื่องจากมีคนในครอบครัวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นมาครับ
แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ไว้บทที่จะลงวันอังคารหน้าจะเพิ่มความยาวชดเชยส่วนที่ขาดให้นะครับ***
ความคิดเห็น