คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 100 MANKAI NO KISS ~GONE WITH THE WIND~
คานาซาชิ อิซเซย์มองดูใบหน้าแดงก่ำกับขอบตาที่บวมช้ำของเด็กสาวหลังจากปล่อยให้เธอก้มหน้าร้องไห้อยู่นานเกือบครึ่งชั่วโมงโดยไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากคอยนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ วางมือลงไปบนหลังมือที่สั่นเทาจากแรงสะอื้น ก่อนเปลี่ยนไปกอบกุมมันไว้แทนเมื่อรับรู้ถึงการกดกำเพื่อที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เธอกำลังรู้สึกแม้แค่เพียงนิดก็ยังดี และเมื่อเด็กสาวระเบิดอารมณ์ที่คั่งค้างออกมากระทั่งถึงช่วงเวลาสงบ ในที่สุดเธอจึงเอ่ยผ่านน้ำเสียงแผ่วเบาที่ฟังดูแปร่งปร่า...เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอก...ของโรคุทันดะ ฮีรากิที่เขาจำจดได้ว่า
“ขอโทษด้วยนะที่ต้องมานั่งฟังฉันร้องไห้แบบนี้ แต่พอได้เห็นหน้านายแล้วอย่างกับมีใครมาเปิดก๊อกเลย”
“ไม่เป็นไร มีอะไรก็ระบายมาเถอะ” อิซเซย์ปลอบโยนด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่ทำให้ฮีรากิรู้สึกไว้วางใจได้เสมอ “เราเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งกี่ปี ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแค่การได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งไม่มีทางทำให้ฮีรากิร้องไห้เป็นเผาเต่าขนาดนี้ได้อยู่แล้ว”
“แต่ฉันก็ดีใจมากจริงๆ นะที่ได้กลับมาเจออิซเซย์”
“งั้นฮีรากิก็รู้ใช่ไหมว่าไว้ใจฉันได้ทุกเรื่อง?”
ครั้นพยักหน้าแล้วฮีรากิก็ปล่อยมือของเขาออกอย่างสุภาพ ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋านักเรียนออกมาเปิดฝาพับ ไม่นานก่อนที่จะยื่นมันให้กับอิซเซย์ที่ย้ายไปนั่งฝั่งตรงกันข้ามแล้วดูรูปถ่ายของเธอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“อิวาซากิ ไทโช เพื่อนที่โรงเรียนของฉันเอง หน้าตาก็งั้นๆ ตัวสูงซะเปล่าแต่ก็ดันเก้งก้าง แต่งตัวก็ไม่เข้าท่า ชอบทำตัวงี่เง่าน่ารำคาญ เอาแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่นอยู่ได้ ไม่มีอะไรเทียบอิซเซย์ได้เลยสักอย่าง...”
“แต่ฮีรากิก็ชอบเขาใช่ไหม?” เจ้าตัวต่อประโยคให้อีกฝ่ายที่ก็พยักหน้ารับอย่างง่ายดายด้วยไม่เคยมีความลับต่อกัน
“ผู้ชายไม่เอาไหนแบบนั้นกลับมีแฟนที่ดีไปซะทุกอย่าง”
“ขนาดทำให้คนใจแข็งอย่างฮีรากิเสียน้ำตาได้แบบนี้ ชักอยากจะเจอแล้วสิ”
“แต่ฉันไม่อยากเจอ” ฮีรากิสวนย้อนกลับไป “ถ้ารักไม่ได้ก็ไม่อยากต้องมาทนเจอหน้ากันแบบนี้”
“อย่าเปลี่ยนความรักให้กลายเป็นความเกลียดเลยนะ”
“เกลียดคนง่ายกว่าการให้อภัย เรื่องนั้นนายก็รู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ อิซเซย์” ฮีรากิตอกย้ำ “เราทั้งคู่”
มิตรภาพของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นจากตอนที่ครอบครัวโรคุทันดะย้ายเข้าไปอยู่ในพาร์ตเมนต์หรูที่สามารถมองเห็นทะเลสาบได้ ด้วยเงินมรดกมากมายมหาศาลที่ครอบครัวได้รับมาอย่างเหลือเฟือ แต่แม้ว่าพวกเขาจะอายุเท่ากัน อาศัยอยู่ห้องข้างกัน ก็ใช่ว่าจะสนิทสนมกันตั้งแต่แรกเริ่ม บางทีอาจเป็นเพราะเพศที่แตกต่าง เพราะความนิ่งเงียบของฮีรากิ เพราะความไม่อยากผูกมิตรกับใครของอิซเซย์ หรือไม่ว่าเหตุผลนั้นจะเป็นเพราะอะไร อย่างไรก็ดี ในฤดูหนาวที่พวกเขาต้องเผชิญกับความเย็นยะเยือกที่บาดลึกลงไปจนถึงขั้วหัวใจ จากการที่พ่อของฮีรากิไปมีชู้รักในที่ทำงาน จากการที่แม่ของอิซเซย์นอกใจไปกับครูสอนพิเศษ นั่นเองคือช่วงเวลาที่พวกเขาได้ค้นพบกัน แบ่งปันเรื่องราวที่ไม่สามารถบอกเล่าให้ใครฟังได้แม้แต่กับเพื่อนสนิทของตัวเองให้แก่กัน กระทั่งก่อเกิดเป็นสายใยบริสุทธิ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน
ทั้งอย่างนั้นฮีรากิก็ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งอิซเซย์ที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับป้าที่ต่างประเทศ หลังจากพี่สาวคนเดียวที่อิซเซย์รักมากที่สุดหนีออกจากบ้านไปเพราะเรื่องราวอันน่าอดสูเหล่านั้น บ้านที่ไม่หลงเหลือความอบอุ่นอีกแล้วไม่สามารถเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ได้อีกต่อไป กระทั่งในอีกสองเดือนให้หลัง สมาชิกในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ของอิซเซย์ก็ย้ายออกไปโดยไม่ปริปากบอกใครว่าเป็นที่ไหน แล้วนับตั้งแต่นั้น ฮีรากิก็ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวความเป็นไปใดๆ ของครอบครัวคานาซาชิอีก
แก้วที่แตกร้าวไปแล้วไม่อาจต่อคืนมาได้ใหม่ ครอบครัวโรคุทันดะที่ดูเหมือนรักใคร่กลมเกลียวกันดีมีรอยร้าวเล็กๆ ที่มองไม่เห็นอยู่ แต่ถ้าสะกิดมันเบาๆ ฮีรากิก็รู้ว่าทุกอย่างจะพังครืนลงมาในชั่วพริบตา
เพราะอย่างนั้นเธอถึงไม่เคยให้อภัยพ่อกับแม่ที่เสแสร้งแกล้งทำ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสิ่งใดจะเป็นความลับ
“และมันก็ไม่ได้ทำให้เราทั้งคู่รู้สึกดีขึ้นไม่ใช่เหรอ?”
แต่ฮีรากิก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น
∞
ถึงแม้ว่าการประชุมคณะกรรมการฝ่ายกิจกรรมงานวัฒนธรรมจะเลิกเอาตอนค่ำมืดดึกดื่น ฮีรากิที่เหนื่อยล้า...มากกว่าคือความเหงา...ก็ยังลองเสี่ยงโทร.ชวนอิซเซย์ไปหาอะไรกินด้วยกัน ทั้งที่อุตส่าห์ย้ำด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจว่าถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร หากอีกฝ่ายก็จะตอบรับกลับมาด้วยความเริงร่า แม้แต่ในตอนที่โบกไม้โบกมือให้เธอที่นั่งรออยู่ในร้านอาหารบนชั้นสองโดยที่ยังสวมเครื่องแบบนักเรียนอยู่ และดื่มน้ำอัดลมเป็นเพื่อนฮีรากิที่ก้มตาก้มตากินแฮมเบิร์กไปเงียบๆ ก่อนที่เขาจะทำลายความเงียบนั้นทันทีที่ได้ยินบทเพลงที่กำลังเล่นอยู่ภายในร้าน
“อ๊ะ! ฉันชอบเพลงนี้!”
ฮีรากิย่อมต้องรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคือเพลง ‘ฮาวเอฟเวอร์’ ที่เพิ่งปล่อยและดังระเบิดระเบ้อจากการเป็นเพลงปิดของละครเย็นที่แม่เธอชอบดู และเมื่ออิซเซย์บอกว่า “ฮีรากิชอบเกลย์มากเลยนี่นา” ริมฝีปากของเธอก็วาดเป็นรอยยิ้มกว้าง
“เพลงนี้เหมือนพวกเราเลยเนอะ”
ตามมาด้วยเสียงหัวเราะรวนร่าจากฮีรากิ แม้ว่าอิซเซย์จะเปรียบเสมือนสายลมอ่อนโยนที่พัดโพยให้ข้างในใจของฮีรากิรู้สึกอบอุ่นได้ไม่ว่าเมื่อไหร่ แต่เนื้อหาของเพลงรักแบบนั้นก็จะทำให้เธอร้องประท้วงออกมา
“เราไม่ได้รักกันแบบนั้นสักหน่อย!”
อิซเซย์เองก็หัวเราะออกมากับคำพูดที่เป็นความจริงนั้นเช่นกัน
“แต่ตอนอยู่ที่เคปทาวน์ฉันก็คิดถึงฮีรากิจริงๆ นะ”
“งั้นเหรอ”
“ฉันคิดตลอดเลยว่าฮีรากิจะเป็นยังไง สบายดีไหม หวังว่าฮีรากิจะมีเพื่อนสนิทที่คอยปลอบใจ มีใครสักคนให้พูดคุยแบ่งปันเรื่องราว ทำให้ฮีรากิไม่ต้องคิดมากกับเรื่องอะไร ทำให้ช่วงเวลาอื่นนอกเหนือจากที่บ้านเป็นสรวงสวรรค์ แต่พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วได้เห็นฮีรากิร้องไห้ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกแย่มากเลยที่เหมือนกับทิ้งเธอมา”
“นายไม่ได้ทิ้งฉันสักหน่อย!” และก็เป็นอีกครั้งที่ฮีรากิต้องร้องประท้วงกับคำพูดที่ไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว!
“ฉันอยากให้ฮีรากิมีความสุขนะ มีความสุขมากจนไม่ต้องร้องไห้เพราะความเศร้าแบบนั้นอีก” สีหน้าของอิซเซย์เปลี่ยนเป็นจริงจัง “แต่ถึงจะเศร้าก็ไม่เป็นไรหรอก พวกเรายังเป็นวัยรุ่น อยากรักก็รักให้เต็มที่ เสียใจให้เต็มที่ แล้วสุดท้ายเราก็จะผ่านพ้นไปได้เอง”
“ถ้าทุกคนใจตรงกันได้ คงไม่มีใครต้องเศร้าเนอะ”
ฮีรากิยิ้มให้อิซเซย์อย่างนั้น
_______________
ความคิดเห็น