คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งหวั่นไหว
*******คืนนี้เป็นอีกคืนที่ยาวนาน ฉันก็มานั่งทอดกายลงบนโซฟามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวผ่านกระจกใสของโรงแรม วันนี้ดวงดาวดูสว่างไสวเต็มท้องฟ้า ฉันเม้มริมฝีปากบางที่ยังคงหลงเหลือรอยช้ำและความเจ็บจากสิ่งที่เขามอบให้
ยิ่งนึกถึงหัวใจก็เต้นแรงสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ เขาจะรู้หรือเปล่าว่านี่เป็นจูบแรกของฉันแต่เขาเห็นฉันเป็นอะไร
ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงพวกนั้นที่เขาควงแต่ละคนที่ชอบเขาก็เพราะหน้าตา
ชื่อเสียง และเงินทอง เขาดูถูกฉัน เขาใจร้ายกับฉันมาก แต่อีกใจหนึ่งก็เฝ้าถามตัวเองความรู้สึกที่มันซ่อนเร้นอยู่ลึกๆ
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมองฉันสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงตอนที่เขาจูบฉัน
เวลาที่เขาจ้องตา ใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เราสบตากัน ทำไมฉันถึงได้ปล่อยใจให้เคลิบเคลิ้มไปกับรอยจูบที่เขามอบให้
นี่ฉันกำลังเป็นอะไรไป ไม่นะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาทั้งนั้น
ฉันจะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนถึงวันที่เขากลับ
แล้วฉันกับเขาก็จะไม่ได้พบกันอีก ฉันเฝ้าคิดตอกย้ำตัวเองอยู่อย่างนั้น
เช้าวันนี้อากาศดูไม่สดใสเหมือนวันที่ผ่านมา
ฉันไม่อยากลุกออกจากเตียงไม่อยากเจอหน้าเขา ไม่รู้จะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอกัน ฉันนอนทอดกายอยู่บนเตียงไม่ยอมลงไปกินอาหารเช้ากับเขาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ใช่ภารกิจในตอนเช้าทุกวันของฉันก็คือต้องไปกินอาหารเช้ากับเขาเพราะเขาเป็นคนสั่งและตั้งกฎนี้เอาไว้
แต่วันนี้ฉันกินอะไรไม่ลงจริงๆก็เลยไม่ยอมลงไปดื้อๆ
“ก๊อกๆๆๆๆๆๆ”
เสียงเคาะประตูดังรัวมาจากหน้าห้องจนทำให้ฉันต้องลุกไปหยิบเสื้อคลุมเพื่อเดินไปเปิดประตูว่าใครมา ฉันแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อยก็รู้ว่าคนที่มาเคาะประตูรัวนั้นไม่ใช่ใครก็เป็นคนที่ตอนนี้ฉันไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด
เมื่อรู้ว่าเป็นเขาฉันรีบดึงประตูเพื่อที่จะปิดแต่เหมือนจิ่งหยูวจะรู้ว่าฉันจะทำอะไร
เขารีบใช้มือดึงประตูเอาไว้ก่อนที่ฉันจะปิดมันซะอีก
“ทำไมไม่ลงไปกินข้าวเช้ากับผม” เขาถามเสียงเข้ม
“ก็ฉันไม่หิว” ฉันตอบเขากลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“หิวหรือไม่หิวคุณก็ต้องลงไปกินข้าว
คุณลืมกฏที่ผมตั้งไว้แล้วใช่ไหม”
“ฉันจะทำตามกฏกับคนที่ปฏิบัติตามกฏกับฉันเท่านั้น
ไม่ใช่คนที่แหกกฏอย่างคุณ” ฉันเริ่มออกอาการดื้อดึงอีกครั้ง อีกมือก็พยามยามที่จะดึงประตูให้ปิด
แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ไหวเขาดึงประตูออกแล้วดันร่างของตัวเองเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูจนสนิท
“นี่นายจะทำอะไร เข้ามาในห้องฉันทำไม”
ฉันรีบเดินถอยหลังกรูดเมื่อเห็นเขาค่อยๆเดินตรงมาที่ฉัน
แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบคำถามใดๆ ยังคงเดินตรงมาที่ฉันแต่ตอนนี้ฉันไม่รู้จะถอยไปทางไหนเพราะตอนนี้หลังของฉันมันติดผนังห้องแล้ว
จิ่งหยูวใช้มือสองข้างดันผนังห้องเพื่อกั้นฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก
“ทำไมคุณดื้อจัง ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจผมจะลงโทษคุณในแบบที่คุณไม่ชอบแน่ๆ”
ไม่พูดเปล่าเขาโน้มตัวลงมาจนใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากหน้าของฉันไม่กี่เซ็น
“ตกลงจะลงไปกินข้าวด้วยกันไหม”
เขายังถามคำถามเดิม แต่คราวนี้เป็นฉันที่เป็นฝ่ายนิ่งเฉยได้แต่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น ต้องทำเป็นใจดีสู้เสือเข้าไว้
แต่เสือตัวนี้ดูจะไม่กลัวฉันเอาซะเลย
การกระทำของฉันเหมือนเป็นการท้าทายให้อีกฝ่ายยิ่งลุกล้ำเข้ามาใกล้เข้าไปอีก
นี่ฉันลืมตัวไปหรือเปล่าว่าตัวเองยังอยู่ใน
ชุดนอน มิหนำซ้ำฉันกับเขายังอยู่ในห้องกันแค่สองคน เขาใช้มือสองข้างรั้งเอวและดึงตัวฉันเข้าไปหาเขา
จนตัวของเราแนบชิดกัน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้
ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย”
ฉันเริ่มดิ้นรนเมื่อรู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสถานะที่เสียเปรียบ
พร้อมใช้มือสองข้างดันแผงอกกว้างของเขาเอาไว้
“นี่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าบนชั้นนี้มีแค่เราสองคนที่พักอยู่”
คำพูดของเขาทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ เออใช่ชั้นบนนี้ไม่มีใครนอกจากฉันกับเขา
เพราะบริษัทปิดชั้นบนไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
“ผมจะถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย
ตกลงคุณจะลงไปกินข้าวกับผมหรือเปล่า”
แต่ครั้งนี้เขาไม่พูดเปล่าวงแขนแข็งแรงเริ่มกระชับตัวฉันเข้าไปเบียดกับตัวเขาจนฉันสัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อแผงหน้าอกเป็นมัดๆที่อยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวบางที่เขาสวมใส่
หน้าเรียวค่อยๆก้มต่ำลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มเต้นดังระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
จากความกล้าแปรเปลี่ยนเป็นความกลัวซะแล้ว และก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปกว่านี้ฉันต้องตัดสินใจหยุดการกระทำของเขาด้วยการตอบคำถามที่หวังว่าจะทำให้เขาพอใจ
“ก็ได้ฉันจะลงไปกินข้าวกับคุณ
แต่ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวก่อนแล้วฉันจะตามลงไป”
คำตอบของฉันสร้างความพอใจจนเห็นรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าจอมเผด็จการอย่างเขา
“ก็แค่เนี้ย
ผมจะไปรอคุณที่ห้องอาหารและอย่าให้ผมรอนานเพราะผมอาจโมโหหิวจนทำอะไรไม่ยั้งคิดอีก”
นี่เป็นคำขู่ของเขาใช่ไหม
แต่มันก็เป็นคำขู่ที่ได้ผลหลังจากที่เขายอมปล่อยฉันแล้วเดินออกจากห้อง
ฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปที่ห้องอาหารทันที
เมื่อถึงโต๊ะอาหาร ฉันเดินไปขยับเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาเพื่อจะนั่งลงกินอาหารเช้ากับเขา
แต่ยังไม่ทันที่จะนั่งลงเสียงเข้มก็สั่งขึ้นมาอีก
“ใครให้คุณนั่งตรงนั้น” เล่นเอาฉันยืนงง
ก็ปรกติฉันก็นั่งตรงนี้นี่นา
“แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหน
ก็ปรกติฉันก็นั่งตรงนี้”
“ตั้งแต่วันนี้ผมจะให้คุณนั่งข้างๆผม”
คำสั่งของเขายิ่งทำให้ฉันแปลกใจมากขึ้นไปอีก
เจ้าของคำสั่งไม่สั่งเปล่ายังใช้สายตามองมาที่ฉันแกมบังคับจนทำให้ฉันต้องยอมทำตามเขาแต่โดยดี
เรานั่งกินข้าวด้วยกันแต่ตอนนี้สำหรับฉันอย่าเรียกว่ากินเลยเรียกว่าเขี่ยดีกว่า
ตรงกันข้ามกับเขาที่กินข้าวได้อย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาดูเป็นปรกติทุกอย่างผิดกับฉันที่นั่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเขา
นี่เขาทำให้สูญเสียความกล้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“วันนี้อยากไปเที่ยวทะเล ผมอยากไปหัวหิน”
นี่หูฉันไม่ฟาดใช่ไหมเขาอยากจะไปหัวหิน
“ก็แล้วแต่คุณ ฉันเคยห้ามคุณได้ด้วยเหรอ”
ฉันตอบเขาแบบประชดประชัน
“รู้ก็ดีแล้ว”
แต่เขากลับตอบฉันมาหน้าตาเฉย เล่นเอาฉันนี่อึ้งไปเลยทีเดียว
นี่ฉันต้องอดทนกับเขาอีกนานแค่ไหน ฉันรู้ดีว่าจะถอนตัวตอนนี้ก็คงไม่ได้บริษัทคงไม่ยอมให้ฉันถอนตัวง่ายๆ
และอีกอย่างเขาเองที่เป็นคนต้องการให้ฉันมาดูแล
ยังไงซะบริษัทก็ต้องเชื่อเขามากกว่าฉัน ยังไงฉันก็หนีเขาไม่รอดอยู่ดี
ฉันคงต้องจำใจดูแลเขาต่อไปจนกว่าเขาจะเดินทางกลับจีน
เมื่อถึงวันนั้นฉันก็จะเป็นอิสระซะที
“อดทนไว้ฤทัย อดทนไว้” ฉันนึกในใจ
ความคิดเห็น