คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ตอนที่ 18 ฝันร้าย
ตอนที่ 18 ฝันร้าย
“ไรเนอร์?” มิคาสะเรียกชื่ออีกฝ่าย ไททันสวมเกราะไม่ได้หันมาฟังมิคาสะเลยแม้แต่น้อย กลับเร่งฝีเท้าหันไหล่เข้าใส่ไททันหญิง แต่ดูเหมือนเธอจะรู้ตัวจึงหลบออกข้าง ไททันสวมเกราะจึงชนเข้ากับไททันอีกสองตัวล้มคว่ำเป็นพินโบลิ่งไปตามพื้นถนนหินขัด เมืองที่ถูกสร้างขึ้นอย่างงดงามกำลังจะกลายเป็นสนามรบของยักษ์ร่างมหึมา
ฟู่...! เพียงแค่ลมหายใจของไททันสวมเกราะก็เป่าร่างของผู้คนที่เดินบนถนนปลิวไปหลายคน
“แอนนี่! เราต้องไปแล้ว!” มิคาสะตะโกน ไททันหญิงหันไปมองไททันสวมเกราะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหยิบร่างมิคาสะขึ้นมาไว้ข้างลำคอ ก่อนจะวิ่งไปสู่ทางออกติดทะเล บางคนถูกเหยียบระหว่างที่ไททันหญิงวิ่งไป และไม่น้อยตายในการสู้กันระหว่างไททันสวมเกราะและไททันนักรบตัวอื่นที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มิคาสะมองสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เงียบๆ จากประสบการณ์ที่เธอเคยเจอ...นรกอาจจะแล่นเข้ามาได้ทุกวินาที แต่ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตที่เธอจะคิดว่าหายนะที่ย่างกรายมาสู่นครแห่งขุนเขานั้นจะเกิดจากตัวพวกเธอเอง เรือเดินสมุทรลำหนึ่งถูกเหยียบจมลงสู่ผืนทรายใต้น้ำเมื่อไททันหญิงเหยียบย่ำสู่ผืนทะเล ทว่าก่อนที่เธอจะทันว่ายออกไปสู่อิสรภาพ...
เปรี้ยง!!! ร่างกายร้อนฉ่าของไททันสีแดงปรากฏกายขึ้นขวางทางพวกเธอไว้ ศัตรูนั้นอยู่ใกล้เกินกว่าที่คาดคิด พริบตาหนึ่งมิคาสะนึกภาพของเด็กหนุ่มตัวสูงที่ดูขี้ขลาด ทว่าภาพเหล่านั้นหายไปจากห้วงความคิดแล้ว...ตลอดกาล เมื่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเธอคือไททันสูง 60 เมตร ...เบลทรูท
เขาก้มลงมามองร่างไททันของแอนนี่ที่บัดนี้กลับดูเล็กกระจ้อยร่อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับร่างกายอันมหึมาของเขา เพียงแค่กางแขนออก เบลทรูทสามารถปิดปากอ่าวได้ทั้งหมด ไม่มีทางให้พวกเธอหนีอีกแล้ว
“ไอ้ทรยศ” มิคาสะพูด ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าเบลทรูทและไรเนอร์เคยทรยศมาแล้ว มีเหตุผลอะไรที่เบลทรูทจะไม่กล้าทรยศพวกเธอเพื่อเผ่าของเขาอีกครั้ง เบลทรูทเอื้อมมืออันมโหฬารลงเมื่อเพื่อจะจับตัวไททันหญิง
ตึงๆๆๆๆๆๆ ทว่าร่างของไททันสวมเกราะก็วิ่งผ่านหน้าไททันหญิงไป ก่อนจะเข้าปะทะกับขาขวาของเบลทรูท ไรเนอร์ยังคงเป็นพวกเธออยู่ แต่มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปเมื่อศัตรูของพวกเธอคือไททัน 60 เมตร หวืดด..ด... ตู้มมม! เบลทรูทเหวี่ยงขาไปด้านหลัง ก่อนจะเตะไททันสวมเกราะลอยไปปะทะกับหน้าผาของหุบเขาอีกฟากของเมือง แรงลมมหาศาลพัดเอาทั้งฝุ่นผง โขดหิน ท่าเรือและคลื่นน้ำเข้าปะทะตัวเมือง เบลทรูทก้มลงอีกครั้งเพื่อจะจับตัวไททันหญิง
“สู้สิ... ” มิคาสะพูด แม้รู้ว่าไม่มีทางชนะ แต่ไม่สู้ก็ตาย “สู้สิ!!”
แอนนี่อาจจะไม่ได้ยินมิคาสะ หรือบางทีเธอก็ไม่อยากสู้กับเบลทรูท ไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม ไททันหญิงไม่ยอมขยับ มิคาสะพยายามเอากำปั้นทุบท้ายทอยของไททันหญิง ทว่ามันก็ไม่มีผลอะไร แอนนี่ยืนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ถ้าหากอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติของมิคาสะไม่พังไปก่อน เธอคงโหนตัวขึ้นไปสู้กับเบลทรูทแล้ว
“แอนนี่!!!” มิคาสะตะโกน พลางแทงดาบเข้าไปในท้ายทอยของไททันหญิง
“!!!” ไททันหญิงสะดุ้งตื่นจากภวังค์และตัดนิ้วมหึมาของเบลทรูทด้วยแขนของเธอ แขนที่ปกคลุมด้วยผนึกแหลมคมสีฟ้าใส ไททันหญิงเงยหน้าขึ้นมาศัตรูที่สูงกว่าตนถึง 4 เท่า ไม่มีทาง...ถึงจะทำใจได้ว่าเบลทรูทเป็นศัตรู แต่ให้ล้มคู่ต่อสู้ที่ตัวโตขนาดนี้ มันเป็นไปไม่ได้...
งั้นเหรอ
ไททันหญิงย่อเข่าลงเล็กน้อยและยกมือขึ้นตั้งการ์ดอย่างที่แอนนี่ทำทุกครั้งเวลาพร้อมจะสู้ ถ้าไม่สู้ก็ต้องตาย ไม่มีอะไรที่เธอจะเสียแล้ว เบลทรูทก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง แต่เขาก็ไม่ยอมถอยให้ เท้าขนาดมหึมาของเขาเงื้อไปด้านหลัง ก่อนจะเตะกลับมาอย่างเต็มแรง ครืนน..น... บ้านเมืองด้านหลังเสียหายกระจกแตกเพราะแรงลม ทว่าไททันหญิงหลบได้เพียงชั่วพริบตาที่ลูกเตะนั้นจะถึงตัว ไททันหญิงวิ่งไปตามผืนน้ำทะเล ร่างกายของเธอเบาจนเกือบจะทำให้เธอวิ่งบนน้ำได้ด้วยซ้ำ ไททันหญิงพุ่งตัวไปยังขาอีกข้างที่เบลทรูทใช้ในการทรงตัว หน้าแข้งกลายเป็นผลึกสีฟ้าในพริบตาที่เตะ ฉัวะ! ร่างของไททัน 60 เมตรล้มลงทันทีที่ขาถูกเตะตัดให้ขาดตรงกลางเข่า
ซูมม..ม... น้ำทะเลถูกซัดเข้าหาฝั่งราวกับคลื่นยักษ์ ร่างของไททัน 60 เมตรหายไปกลายเป็นควันทันทีที่ตัวเขากำลังจะล้มทับบ้านเรือนไปครึ่งนคร เมื่อหมวกควันของไททันจางลง สิ่งที่ปรากฏคือภาพของดวงอาทิตย์กำลังตกลงสู่มหาสมุทร
ชนะงั้นเหรอ...?
ไททันหญิงก้าวลงไปในน้ำ พยายามพยุงตัวไม่ให้ล้มเพราะแรงลอยตัวของน้ำทะเล นี่เธอมัวทำอะไรอยู่ในอารีน่าที่โหดร้ายป่าเถื่อนนั่นกัน ในมืออิสรภาพนั้นอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมแค่นี้...
“แอนนี่! ระวั... ”
ตู้ม!!! มิคาสะกระเด็นตกลงไปในน้ำ ขณะที่ไททันหญิงถูกกรงเล็บสีดำตะครุบไว้และกระแทกหัวเธอลงใส่พื้นใต้น้ำ ไททันสัตว์ร้ายปรากฏกายขึ้นที่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ไททันหญิงพยายามจะสู้ ทว่าแรงของอีกฝ่ายมีมากกว่า กรงเล็บนั้นขย้ำศีรษะเธอเอาไว้ ก่อนที่ศีรษะของไททันหญิงจะแตกกระจาย ร่างของแอนนี่ตกลงไปในน้ำ และไททันสัตว์ร้ายก็หิ้วเธอขึ้นมาด้วยปลายเล็บ มันมองมาทางมิคาสะ แยกเขี้ยวขู่คำราม
เวลานั้นมิคาสะรับรู้ถึงความหวาดกลัวที่ไม่ได้พบมาแสนนานกับคำว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ เธอว่ายน้ำหนีทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น วินาทีต่อมาเธอจมลงไปใต้ผืนน้ำ พยายามตะเกียกตะกายว่ายขึ้นมา ทว่ามือสีดำขนาดใหญ่ก็กดเธอลงไปอีกครั้ง มิคาสะพยายามดิ้นหนีจากมือข้างนั้น แต่อากาศในปอดกำลังจะหมดลง ...สุดท้ายก็หมดสติไป
มืด?
มิคาสะลุกขึ้นมาท่ามกลางความมืด นี่เธอตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ นั่นสินะ คงต้องเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ มิคาสะก้มมองมือตัวเองยังไม่เห็นเสียด้วยซ้ำ พอลุกขึ้น... โป๊ก!? หัวก็กระแทกเข้ากับเพดานแข็งๆ เพดานสูงแค่ 165 เซนฯเท่านั้น
“นรกขุมไหนกันล่ะเนี่ย” มิคาสะพูดเบาๆ
“มิคาสะ?” เสียงแอนนี่ “อย่าขยับนะ”
เสียงของแอนนี่ฟังดูเหมือนอยู่ใกล้ๆ ทว่าในความมืดนี้มิคาสะแยกแยะไม่ออกว่าเสียงมาจากทางไหน ราวกับว่าเสียงนั้นสะท้อนจากทุกทิศทาง เหมือนว่าเธอกำลังอยู่ในห้องๆหนึ่ง ดูจากเพดานที่เธอเพิ่งจะเอาหัวโขกไปก็พอเดาได้ว่าเป็นห้องที่แคบมาก หรือไม่ใช่นรก...คุกคุมขังงั้นเหรอ ที่นี่มีกลิ่นที่ชวนให้นึกถึงสุสานไม่ก็สนามรบ มันเป็นกลิ่นของซากศพซากเน่าที่ถูกทิ้งให้ตายและไม่มีใครมาเก็บไปทิ้ง
“แอนนี่ ที่นี่ที่ไหน” มิคาสะถาม
“มิคาสะเงียบสิ” แอนนี่สั่ง
“ทำไม” มิคาสะพยายามถามให้เบาลง
“เขาอยู่ที่นี่... ” แอนนี่กระซิบ มิคาสะขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ใครอยู่ที่นี่? คอเตชเหรอ? หรือคนอื่น? ...ใครกัน?
“โอยย..ย... ” เสียงไรเนอร์ ฟังดูเหมือนเขาเพิ่งฟื้น โครม! และดูเหมือนจะลุกไม่ระวังพอๆกับมิคาสะ “โอ๊ย!? อะไรเนี่ย ฉันอยู่ที่ไหน?! ปล่อยฉันออกไปนะเว้ย!!!”
“ไรเนอร์เงียบ... ” แอนนี่กระซิบ แต่ไรเนอร์ไม่ได้ยินเพราะเสียงเขาดังกว่า เขาเคาะอะไรบางอย่างดัง ก๊องๆๆๆ ดูเหมือนจะเป็นลูกกรงโลหะ เสียงก้องไปทั่วและสิ่งที่แอนนี่หวาดกลัวก็ปรากฏตัวในความมืด
“.....?!” มิคาสะแทบไม่กล้าหายใจ ไม่ขยับและไม่ออกเสียง
สิ่งที่ปรากฏขึ้นในร่างเรืองแสงนั้นคือร่างของชายวัยกลางคนผู้ดูราวกับเพิ่งผ่านสนามรบแดนนรกมา คอของเขาบิดไปด้านข้างและเกือบขาด ดวงตาขาวโพรนดังเช่นคนตายเป็น เรื่องเล่าที่มิคาสะได้ฟังจากแอนนี่ไหลกลับเข้ามาในความทรงจำ นี่คือพ่อของแอนนี่...ดวงวิญญาณของนักรบ...นี่เองเจ้าของกลิ่นเหม็นเน่า
แสงที่เรืองออกจากวิญญาณดวงนั้นส่องให้เห็นสภาพภายในคุก สถานที่แห่งนี้เป็นห้องแคบๆห้องหนึ่ง และที่ริมห้องมีกรงขังเตี้ยๆปิดด้วยลูกกรงสีดำ แอนนี่ มิคาสะและไรเนอร์ถูกจับแยกใส่ไปคนละกรง วิญญาณดวงนั้นลอยไปหาไรเนอร์ช้าๆ ซึ่งไรเนอร์ดูไม่รู้สึกถึงการมาเยือนของอีกฝ่ายเลย ไรเนอร์ยังคงร้องเรียกตะโกนโวยวาย แต่แล้วก็ชะงักไปเมื่อดวงวิญญาณนั้นลอยผ่านลูกกรงเข้าไปบีบคอของเขาไว้
“อ่อก?! ค่อกๆ... ” ไรเนอร์พยายามดิ้นรนราวกับมีอะไรมารัดคอ แต่มือของเขาทะลุผ่านร่างดวงวิญญาณไปเสียเฉยๆ เขาพยายามทุบทั้งกรงทั้งผนังเพื่อหาทางออก มิคาสะมองแอนนี่ที่กำลังหวาดกลัว เธอก็มองตอบ
จะไม่ช่วยจริงๆงั้นเหรอ?!
“ปล่อยเขา!” มิคาสะตะโกนขึ้น ทำให้ดวงวิญญาณดวงนั้นหันมาทางเธอแทน แอนนี่มองเธอเหมือนอยากถามว่า จะฆ่าตัวตายรึไง แต่เธอก็ไม่กล้าออกเสียง มิคาสะตั้งการ์ดเตรียมสู้ แม้เธออาจจะชกทะลุตัวเขาไปโดยเขาไม่เป็นอะไร แต่อย่างน้อยก็ได้ลอง “ไรเนอร์...นายห้ามส่งเสียงอีกเด็ดขาด ห้ามขยับด้วย”
“วิญญาณนักรบ?” ไรเนอร์อุทานเบาจนไม่ได้ยิน นักรบทุกคนรู้ตำนานนี้ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามีใครไปลบหลู่นักรบคนไหนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่จึงไม่ได้ระวังปาก เขาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำส่วนที่ยังเคยเป็นนักรบอยู่
ดวงวิญญาณมองหน้ามิคาสะอย่างสนใจ หางตาของเข้าดูเหมือนยิ้มทั้งที่ตาเบิกโพรง เขาพุ่งเข้าใส่ มิคาสะก็ชกหมัดตรงสวนทว่ามันทะลุผ่านตัวเขาไปเฉยๆ และสองมือของดวงวิญญาณก็บีบรัดคอของมิคาสะ
“ฮ๊าา..า...!?” ดวงวิญญาณปล่อยมือออกทันทีและดูเหมือนมือของเขากำลังไหม้ มิคาสะมองแอนนี่เพื่อขอคำอธิบาย แต่เธอไม่ตอบ มองไปทางไรเนอร์ เขาก็ยังนึกไม่ออกจนมิคาสะนึกออกได้เอง
เครื่องรางของชาร์ล็อต?!
ดวงวิญญาณเปลี่ยนทิศทางไปหาแอนนี่แทน ซึ่งแอนนี่กลับนั่งนิ่งยิ่งกว่าเก่าจนดูเหมือนประติมากรรมประดับคุกไปแล้ว ดวงวิญญาณนั้นลอยอยู่ตรงหน้าเธอเหมือนยังไม่รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของแอนนี่ ตอนนั้นเองที่ไรเนอร์เหมือนจะนึกอะไรออก แต่เขาไม่กล้ากระซิบบอกแอนนี่เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้วิญญาณนักรบตนนั้นไปรึยัง
“ไรเนอร์...มีอะไร” มิคาสะกระซิบ เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย
“วิญญาณนักรบ...เรามีตำนานเดิมเล่าว่ามีเพียงนักรบที่มีห่วงเท่านั้นที่จะปรากฏตัวเมื่อมีคนลบหลู่” ไรเนอร์กระซิบเบาจนมิคาสะแทบไม่ได้ยิน แต่ก็พอจับใจความได้ “มันเลยดูเหมือนเป็นแค่เรื่องเล่า เพราะนักรบเกือบทั้งหมดไม่มีห่วงอะไรในโลกนี้อีกแล้ว พวกเขาอยู่เพื่อตัวเองและตายเพื่อตัวเอง”
“ฉันไม่เข้าใจ” มิคาสะกระซิบตอบ
“ถ้าเขาหมดห่วง เขาก็จะไป...ตลอดกาล” ตอนนี้มิคาสะและไรเนอร์ต่างคิดเป็นอย่างเดียวกัน
แล้วอะไรล่ะที่เขาห่วง
“เฮ้ย ไอ้ผีหัวหมุน” มิคาสะเรียก “มาทำอะไรที่นี่น่ะ”
“ฮูมม?” ดวงวิญญาณหันมาทางมิคาสะอีกครั้ง แต่ไม่เข้าทำร้ายเพราะเข็ดกับเครื่องรางแล้ว “ ...วอ..ร์.... ”
“วอร์? กำแพงน่ะเหรอ” มิคาสะพยายามจะแปลความหมายอีกฝ่าย
“ ..วอร์..ชิ..น่า... ” มันพูด “ ..แอน..นี่... ”
แอนนี่เบิกตาโพรง นั่งตัวสั่นกลัวว่าดวงวิญญาณพ่อของเธอจะรู้ว่าเธอนิ่งอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงเธอ เขาเพียงแต่ครวญครางและพยายามเรียกชื่อของแอนนี่ ราวกับทรมานทุกครั้งเวลาที่พยายามจะพูดชื่อนั้น แอนนี่ไม่ยอมขานตอบ ปล่อยให้เขาเรียกต่อไป มิคาสะก็ไม่รู้จะทำยังไง เธอทะลุกรงไปหาแอนนี่ไม่ได้แบบเขา
“วอร์ชิน่า? มันมีอะไร” มิคาสะถาม “ถ้าจะมาบอกว่าไททันอยู่ในกำแพง...อันนั้นรู้แล้ว”
“ ..กำ..ลัง...รักษา... ” ดวงวิญญาณตอบ “กลับไป...ในกำ...แพง.. ”
“พูดให้รู้เรื่องสิ!” มิคาสะเริ่มหมดความอดทน แต่ดวงวิญญาณไม่มีท่าทีว่าจะอธิบายต่อ
“แอนนี่... ” เขาร้องเรียกแต่ชื่อนั้น “ ...ลูก..ของฉัน.. ”
“แอนนี่... ” มิคาสะพูด “เธอทำไม”
“ ...ขอ..โทษ...แอนนี่... ” เขาพูด “ ..ยกโทษ..ให้ด้วย...ยก..โทษ... ”
“เกิดอะไรขึ้น” ไรเนอร์ถาม เขาไม่เห็นวิญญาณนักรบ...ไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำ มิคาสะเล่าให้ไรเนอร์ฟังและไรเนอร์ก็กระซิบตอบกลับมา
“แอนนี่...เธอต้องเป็นคนจบเรื่องนี้” มิคาสะพูดขึ้น
“ ...ขอโทษ..แอนนี่..ขอโทษ... ” ดวงวิญญาณนั้นคุกเข่าลงตรงหน้าแอนนี่
“ปล่อยเขาไปเถอะ” มิคาสะบอก
แอนนี่เอื้อมมือไปอย่างกล้าๆกลัวและแตะลงบนไหล่ของพ่อ
“พ่อ...หนูยกโทษให้ค่ะ”
*********************************************************************
แอนนี่ : ไรท์เตอร์...
ไรท์เตอร์ : ...เอ่อ...จ๊ะ
แอนนี่ : แกจับฉันมาเล่นบทอะไรของแก!!! //เดินเข้ามาพร้อมสีหน้าพร้อมฆ่าคน
ไรท์เตอร์ : อ...เอ่อ บทดราม่าไง
แอนนี่ : ทำใจไว้แล้วใช่ไหม //หักนิ้วดังกร๊อบๆ
คริสต้า : ช่วยไว้อาลัยให้ไรท์เตอร์กันหน่อยนะคะ
ไรท์เตอร์ : เฮ้ย!?! //เผ่น ทว่ามือของแอนนี่ก็คว้าคอเสื้อไรท์ไว้พร้อมกับเตะตัดขาและจับทุ่ม
พลั่ก!!!
ไรเนอร์ : ไปที่ชอบๆนะ
ช่วงนี้เน็ตล่ม พ่อบอกมันมีปัญหาที่องค์การโทรศัพท์อะไรสักอย่าง
ที่ลงตอนนี้ได้นี่เพราะใช้ไวไฟจากของพ่อเชื่อมคอมฯไว้
ซึ่งมีให้เล่นได้ไม่นานเท่าไหร่ ไม่รู้จะถึงพรุ่งนี้ไหม
บ้านใครเป็นแบบไรท์เตอร์บ้างเนี่ย หรือไรท์ดวงซวยอยู่คนเดียว
ความคิดเห็น