ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สิเน่หามรณะ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ผู้หญิงปากร้าย ผู้ชายปากจัด

    • อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 56


    บทที่ 1
    ผู้หญิงปากร้าย ผู้ชายปากจัด


              อากาศที่อ่าวมอนเทอเรย์ช่วงปลายฤดูร้อนกำลังสบายๆเหมาะสำหรับการพักผ่อนยิ่งนัก เหล่ามนุษย์กินเงินเดือนจึงพากันมาจับจองเตียงผ้าใบริมหาดทรายอันสวยงามซึ่งรายล้อมด้วยผืนมหาสมุทรแปซิฟิกสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ระลอกคลื่นที่ม้วนตัวซัดกระทบโขดหินโสโครกเสียงดังครืนๆครั้งแล้วครั้งเล่าช่วยกล่อมเกลาจิตใจบรรดานักท่องเที่ยวที่นอนอาบแดดได้ดั่งบทเพลงแห่งคีตกวีชื่อก้องโลก
              ลมเย็นเคล้ากลิ่นคาวน้ำทะเลพัดไล้ผิวกายขาวละเอียดดุจไข่มุกงามใต้ผืนสมุทร แดดยามบ่ายไม่แรงนักแต่ก็ระคายนัยน์ตาจนต้องหยิบแว่นกันแดดเลนส์สีเทาดำทรงกลมรีมาสวมใส่ กระนั้นก็ไม่ได้บดบังความงดงามของหญิงสาวให้ลดน้อยลงแต่ประการใด รสินทราขับรถยุโรปเปิดประทุนสีขาวราคาแพงระยับซึ่งเช่ามาจากสนามบินมอนเทอเรย์ เพนนิซูล่า ตะลอนชมเมืองมอนเทอเรย์ (
    *** ) ทันทีที่เครื่องลงจอดเมื่อสามชั่วโมงก่อน จากนั้นก็หยุดเทียบริมชายหาดบริเวณเลิฟเวอร์ พอยท์ ปาร์ค สวนสาธารณะเล็กๆแต่ร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ ณ ขณะนี้
              ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะได้มาชมทัศนียภาพอันแสนงดงามของอ่าวมอนเทอเรย์ กว่าจะนั่งเครื่องบินจากนิวยอร์ก (
    *** ) มาลงที่ลอสแองเจลิส ( *** ) กว่าจะนั่งเครื่องบินจากลอสแองเจลิสมาลงที่มอนเทอเรย์ก็ใช้เวลานานโขทีเดียว ที่สำคัญ...กว่าจะผ่านการอนุมัติจากบิดามาเที่ยวรัฐแคลิฟอร์เนีย ( *** ) ดินแดนทางฟากฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาตามลำพังมันยากเย็นยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เนื่องจากท่านพยายามยัดเยียดบอดี้การ์ดสองนายกับสาวใช้ให้ติดสอยห้อยตามเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวสุดที่รักต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆระหว่างทาง ครั้นปฏิเสธท่านก็เสนอให้โรเบิร์ตไปด้วยโดยไม่รู้เลยว่าอีตานั่น คือ ตัวการสำคัญที่ทำให้หนีมาอยู่ต่างถิ่นแบบนี้
              ไม่ใช่หนีเพราะเสียใจที่โดนคู่หมั้นทรยศ แต่หนีเพราะรำคาญการตื้อขอคืนดีจากเขาต่างหาก
    !
              มีอย่างที่ไหนหอบดอกไม้กับของขวัญมาให้ที่บ้านทุกเช้าทุกเย็น พอหนีไปนอนบ้านเพื่อนๆก็ตามหาจนพบเล่นเอาใครต่อใครอิดหนาระอาใจ รสินทราเลยลงทุนบินลัดฟ้าข้ามรัฐด้วยหวังว่าโรเบิร์ตจะไม่บ้าพอตามเทียวไล้เทียวขื่ออีก แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน...เพราะทรัพย์สินของตระกูลคาร์เตอร์ คือ หลักประกันลงทุนในการหาเสียงชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ และ ปัจจัยอื่นๆในภายภาคหน้าของตระกูลเนลสันที่ถังแตกไม่มีอะไรเลยนอกจากความเป็นผู้ดีเก่า กระนั้นมหาเศรษฐีเดวิด คาร์เตอร์ ผู้เป็นบิดาก็ยอมแลกเปลี่ยนเงินทองเป็นชื่อเสียงที่ขาดแคลนโดยเอาเธอเป็นข้อต่อรอง
              ครั้นพักผ่อนริมทะเลจนพึงพอใจก็แตะคันเร่งเจ้ารถคันงามให้เคลื่อนตัวออกไปตามถนนโอเชี่ยนวิวซึ่งยาวเลียบอ่าวมอนเทอเรย์อย่างไม่รีบร้อน สองฟากฝั่งของถนนหนทางทำให้รสินทราสามารถสันนิษฐานได้ไม่ยากเย็น ว่า ผู้คนที่ตั้งรกรากอยู่แถบนี้ไม่ใช่ชาวประมงแต่เป็นผู้ดีมีเงินที่ปรารถนาจะสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เนื่องจากบ้านแต่ละหลังซึ่งประจันหน้ากับท้องทะเลสีครามอย่างไม่สะพรึงกลัวนั้นมีขนาดกลางจนถึงใหญ่ สูงสองชั้น ทำจากไม้และอิฐตามความชื่นชอบส่วนบุคคล รั้วทำจากพุ่มดอกไม้หลากสีสันระรื่นตายามพินิจมอง จนคล้ายเป็นบ้านพักตากอากาศของพวกเศรษฐีมากกว่าจะอาศัยอยู่จริงๆ
              กลับนิวยอร์กเมื่อไรเธอจะอ้อนพ่อให้ปลูกบ้านริมทะเลสักหลัง เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดที่จะถึงในอีกห้าเดือนข้างหน้า
    !
              รถเปิดประทุนคันหรูแล่นลัดเลาะตามเส้นทางที่ทอดยาวกระทั่งถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์อันเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา แม้อยากเข้าไปเยี่ยมชมเพียงใดรสินทราก็ทำได้แค่มองผ่านเมื่อท้องร้องประท้วงเสียแล้ว หญิงสาวจึงมุ่งตรงยัง คันเนรี โรว์ ย่านการค้าริมทะเลที่คับคั่งด้วยร้านรวงต่างๆ อาทิ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก เลือกจอดรถริมบาทวิถีหน้า SE(e)A FOOD ร้านอาหารเล็กๆแห่งหนึ่งริมทะเลซึ่งถึงก่อนโรงแรมที่จองไว้ไม่มากเท่าไร
              มือเรียวบางผลักประตูไม้สีไข่ไก่ออกพ้นทาง กวาดนัยน์ตาสีเดียวกับท้องทะเลแห่งมอนเทอเรย์ไปทั่วร้านขนาดกะทัดรัดอย่างนึกหยามหยันกับการตกแต่งแบบง่ายๆไร้รสนิยม ภาพวาดเอลวิส เพรสลีย์ ราชาเพลงร็อคแอนด์โรลตรงผนังไม้ กับ แจกันปักดอกทิวลิปสีเหลืองบนโต๊ะทุกตัวไม่ได้เข้ากับบรรยากาศริมทะเลสักนิด ถ้าไม่ติดว่าต้องการเปลี่ยนบรรยากาศคงบึ่งรถเข้าเมืองไปสรรหาภัตตาคารระดับห้าดาวเรียบร้อยแล้ว ชุดเดรสคอวีสีส้มสดยาวจรดเพียงต้นขาจัดจ้านดึงดูดสายตาหนุ่มๆหลายวัยที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในนั้นให้จดจ้องเจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองทุกย่างก้าว รสินทราไม่แยแสใครๆพลางกระแทกตัวนั่งลงยังโต๊ะว่าง ไขว่ห้างอวดเรียวขาขาวสะอาดพลางถอดแว่นกันแดดจากใบหน้าฉาบเครื่องสำอางมาเสียบไว้ตรงหว่างร่องอก หยิบเมนูเล่มโตมาเปิดดูคร่าวๆแล้วกวักมือเรียกบริกรประจำร้านให้มารับบริการ
              “คุณผู้หญิง...ต้องการรับประทานอะไรครับ?” เด็กหนุ่มหน้ามนในชุดเชิ้ตแขนยาวสีขาว ผูกผ้าพันคอสีแดงตัดสีกรมท่าของกางเกงยีนส์เอ่ยถามด้วยความสุภาพนอบน้อม
              “กุ้งมังกรย่างซอสกระเทียมกับเนย และ น้ำมะพร้าวปั่น” เธอสั่งอาหารแพงที่สุดของร้านโดยไม่ลืมย้ำอีกครั้ง “ขอเป็นกุ้งมังกรตัวใหญ่ที่สุดด้วย ฉันหิวจนแทบจะกินอาหารทั้งหมดในร้านนี้ได้อยู่แล้ว
    !
              “แต่กุ้งมังกรย่างซอสกระเทียมกับเนยใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องพิถีพิถันในการปรุงนะครับ”
              “อืม
    !
              พ่อหนุ่มหน้าใสโค้งคำนับรับคำสั่งแล้วรีบผลุบหายเข้าห้องครัวหลังร้านทันที ผ่านไปเกือบชั่วโมงเมนูจานเด็ดที่สั่งจึงได้ฤกษ์อวดโฉมแก่สายตาผู้เฝ้ารอ ทว่า รสินทราโมโหหิวจนหงุดหงิดเสียทุกอย่าง มองเจ้ากุ้งตัวแดงแจ๋ที่นอนแผ่หรากลางน้ำซอสสีเหลืองขุ่นบนจานกระเบื้องสีขาวอย่างไม่สบอารมณ์ รอจนความหิวกลายเป็นความโกรธ เพราะกว่าจะได้ยลโฉมรายการอาหารที่สั่งก็ซัดน้ำมะพร้าวปั่นถึงสองแก้ว
              เพล้ง
    !!!
              อาหารจานหรูถูกปัดกระเด็นตกพื้นจนย่อยยับในเสี้ยววินาทีท่ามกลางความตกใจและเสียดายของบรรดาลูกค้าแต่ละโต๊ะ บริกรหนุ่มยืนตัวสั่นกลัวหญิงสาวตรงหน้าเวลานี้ยิ่งกว่ามารดาร่างยักษ์ที่บ้าน ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอขุ่นมัวราวกับก่อเกิดพายุอยู่ภายใน
              “อาหารบ้าบออะไรกว่าจะได้เกือบชั่วโมง ฉันไม่กงไม่กินมันแล้ว และ จะไม่จ่ายเงินด้วย
    !” เธอโวยวายลั่นร้าน
              “ไม่ได้นะครับ...คุณผู้หญิงสั่งมาแล้ว แม้จะไม่กินก็ต้องจ่าย” เด็กหนุ่มพยายามอ้อนวอน
              “คนที่ควรจ่าย คือ พ่อครัวของร้านนี้ต่างหาก”
              “แล้วทำไมผมต้องจ่าย?” น้ำเสียงทุ้มดังแทรกขึ้นดึงความสนใจของรสินทราเหลียวมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หนวดเคราหรอมแหรมคล้ายผ่านใบมีดโกนสามถึงสี่วันมาแล้วเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดแก่ใบหน้าคมคายคล้ายพระเอกซีรีส์ยอดนิยมทางโทรทัศน์เรื่องหนึ่งให้ชวนหลงใหลมากกว่าเดิม อายุคงราวๆสามสิบกว่าแต่รูปร่างหน้าตายังดูดีและทะมัดทะแมง ร่างบึกบึนใต้เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ซึ่งคาดทับผ้ากันเปื้อนสีแดงบ่งชัดถึงตำแหน่งที่หญิงสาวเพิ่งกล่าวอ้าง
              “เพราะนายทำอาหารช้าจนฉันไม่อยากกินแล้ว
    !” เธอโพล่งดังหลังเรียกสติกลับคืนมา
              “ใช่
    ! ผมทำอาหารช้า” เขายอมรับคล้ายจำนน “แต่พนักงานก็บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ว่า...อาหารชนิดนี้ใช้เวลานานสักหน่อยเพราะต้องพิถีพิถันในการปรุง คุณเองก็รับทราบแล้วจะมาโวยวายเรียกร้องเอาอะไรอีก”
              “ก็ฉันไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้”
              “ผมว่าเครื่องสำอางบนหน้าคุณใช้เวลาแต่งนานกว่าอาหารของผมอีกนะ ทางที่ดีรีบๆจ่ายเงินแล้วออกไปจากร้านก่อนผมจะโทรฯเรียกตำรวจมาลากคุณเข้าตะรางจะดีกว่า คุณหนูไฮโซอย่างคุณคงไม่อยากลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจนเป็นข่าวดังไปทั่วมอนเทอเรย์...จริงไหม?” คำพูดฉะฉานกดดันคู่กรณีเสียแทบบ้าคลั่ง สายตาผู้คนที่เคยมองอย่างชื่นชมเปลี่ยนเป็นตำหนิติเตียน รีบควักธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ปาใส่หน้าหล่อๆของอีกฝ่ายแล้วสาวเท้าออกจากร้านทันที
              รสินทรากลัวการเป็นข่าวมากกว่ากลัวฝีปากพ่อครัวหนุ่ม แม้จะเป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นแต่หากหลุดเข้าไปอยู่ในมือคู่หมั้นของเธอแล้วล่ะก็ เขาอาจตามมาง้อถึงรัฐแคลิฟอร์เนียก็ได้ใครจะรู้
              ครั้นเห็นว่าปัญหาคลี่คลายลงแล้ว
    อเล็กซ์ ออแลนด์โด้ ผู้เป็นทั้งพ่อครัวและเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้ก็สั่งให้เจฟฟี่ หรือ บริกรหนุ่มหน้ามนทำความสะอาดพื้นและโต๊ะก่อนเดินกลับเข้าห้องครัวอีกครั้ง เขาระบายลมหายใจออกมาแรงๆเพื่อผ่อนอารมณ์ตึงเครียด นึกดูแคลนพฤติกรรมไร้มรรยาทของลูกค้าสาวเพราะเกลียดคนเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจแบบนี้ที่สุด ชายหนุ่มชื่นชอบชีวิตเรียบง่ายและสงบสุขจึงเดียดฉันท์ความอยุติธรรมซึ่งเกิดจากพฤติกรรมต่ำทรามของมนุษย์ ยอมอยู่อย่างสันโดษในห้องครัวแคบๆยังดีกว่าออกมาเจอผู้คนไร้อารยธรรมเฉกเช่นแม่สาวไฮโซคนนี้
              “คุณอเล็กซ์ครับ” เจฟฟี่โผล่หน้าเข้ามาเรียกตรงประตู
              “ทำความสะอาดเสร็จแล้วเหรอ?”
              “ครับ เอ่อ...มีลูกค้าใหม่...”
              “ลูกค้าสั่งอะไรก็พูดมาสิ ฉันจะได้ทำเลย” ชายหนุ่มตั้งท่าเตรียมโชว์ฝีมือหน้าเตาอีกครั้ง
              “ลูกค้าไม่ได้สั่งอาหารอะไร แต่บอกว่าต้องการพบคุณอเล็กซ์ครับ” ถ้อยคำนั้นส่งผลให้คิ้วเข้มๆของพ่อครัวใหญ่ขมวดมุ่น ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหาเขาเนื่องจากไม่มีญาติสนิทมิตรสหายที่ไหน ส่วนเพื่อนฝูงก็อยู่ไกลคนละรัฐจึงติดต่อทางโทรศัพท์บางครั้งบางคราวเท่านั้น
              มู่ลี่เล็กๆปิดกั้นบานประตูห้องครัวกับส่วนรับรองลูกค้าถูกแหวกออกนิดหน่อยเพื่อให้ดวงตาคมเข้มสีเดียวกับเหล็กกล้าแอบลอบมองบุคคลปริศนาได้ถนัด ณ โต๊ะตัวเดียวกับที่แม่สาวไฮโซเพิ่งตีจากไป มีชายผมทองสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์มอซอกำลังนั่งกุมมือประสานระหว่างรอคอยอเล็กซ์ซึ่งเบิกตากว้างอย่างตกใจทันทีที่เห็น
    !

              ป้าย Open ที่แขวนไว้ตรงประตูถูกเปลี่ยนเป็น Close เมื่อหน้าปัดนาฬิกาแสดงเวลาสามทุ่มตรง ภายในร้าน SE(e)A FOOD ตอนนี้ไม่มีลูกค้าหลงเหลืออยู่นอกจากบุรุษปริศนาซึ่งยังนั่งรอคอยเจ้าของร้านตรงโต๊ะตัวเดิมตั้งแต่ช่วงบ่าย เจฟฟี่แอบนับถือในความอดทนและนึกสงสัยที่เจ้านายไม่ยอมออกมาพบปะหรือไล่ชายผู้นั้นไปเสียที ทว่า ลูกจ้างอย่างเขาจะทำอะไรได้เลยปล่อยตามเลยแล้วรีบกลับบ้านกลับช่องด้วยเกรงว่าผู้เป็นมารดาจะรอรับประทานอาหารค่ำนานเกินกว่านี้
              โคมไฟถูกดับทั้งหมดภายในร้านจึงมืดสลัวและวังเวงต่างจากตอนกลางวันโดยสิ้นเชิง เก้าอี้ทุกตัวที่เคยรองรับลูกค้าถูกยกคว่ำพาดโต๊ะ หน้าต่างทุกบานถูกลงกลอนและปิดม่านมิดชิด โชคดีห้องครัวยังสว่างไสวเพราะใครบางคนกำลังสาละวนทำงานอยู่
    โทมัส แจ็คสันไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาจะยอมออกมาพบเมื่อไรแต่ก็ไม่ย่อท้อ พลางฮัมเพลงซเวย์ ของ ไมเคิล บูเบล นักร้องชาวแคนาดาคนโปรดแก้เบื่อ จู่ๆเบียร์สีชาสองขวดก็ถูกวางบนโต๊ะสิ้นสุดการรอคอยอันแสนยาวนาน ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆคว้าน้ำใจจากอเล็กซ์ขึ้นมากระดกใส่ปากอย่างรวดเร็ว ฟองเบียร์นุ่มผสมผสานรสแอลกอฮอล์ละมุนลิ้นช่วยดับกระหายมากโข ทั้งคู่นั่งมองหน้าและผลัดกันดื่มเบียร์กระทั่งหมด
              “ไม่เจอกันแค่สามปี...เวลาทำให้แกดูแก่ขึ้นเยอะเลยนะ” เจ้าของร้านเปิดประเด็นเป็นคนแรก เล่นเอาคนฟังแทบสร่างเมาลุกขึ้นมาตบศีรษะเพื่อนรักด้วยความหมั่นไส้
              “ไอ้เวรนี่
    !” นิสัยใจร้อนของโทมัสยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ต่างจากอเล็กซ์ซึ่งเป็นคนใจเย็นและควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่าหากไม่ถูกสะกิดต่อมโทสะเข้าจังๆแบบเมื่อตอนกลางวันก็สามารถพูดคุยกันได้เรื่อยๆ กระนั้นพวกเขาสองคนก็เป็นเพื่อนรักมานานกว่าสิบปี
              “พายุอะไรหอบแกจากวอชิงตัน ดี.ซี.(
    *** ) มาหาฉันถึงแคลิฟอร์เนียได้?”
              “ฉันมีเรื่องสำคัญให้แกช่วย” นัยน์ตาสีฟ้าสดของผู้ขอความช่วยเหลือดูแน่วแน่จริงจังจนทำให้ใบหน้าหล่อเหลาออกแนวทะเล้นพลอยตึงเครียดไปด้วย
              “เรื่องสำคัญขนาดไหนล่ะ?”
              “สำคัญระดับชาติ” โทมัสลดเสียงเบาลงพลางชม้ายตามองรอบด้านว่าปลอดภัยจากผู้อื่นจริงๆจึงค่อยเอ่ยต่อ “หน่วยงานฉันต้องการความช่วยเหลือจากแก...จากแกเท่านั้น
    !
              “ไม่
    !!!” อเล็กซ์ปฏิเสธโดยไม่ฟังต่อว่าเพื่อนรักมีปัญหาอะไร “ฉันไม่อยากวุ่นวายกับพวกหน่วยงานรัฐบาลอะไรอีกแล้ว...รำคาญ!!!
              “เฮ้ย
    ! แต่นั่นคืองานที่แกรักและยอมทำมาตลอดสิบปีไม่ใช่เหรอ”
              “ถ้าเป็นสมัยก่อน...ใช่ แต่ตอนนี้...ไม่ หมดธุระของแกแล้วก็กลับไปซะ
    !
              “แต่หน่วยงานใหม่ของฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหน่วยงานเก่าของพวกเรานะ” พยายามหว่านล้อมเพื่อนรักซึ่งชักสีหน้าขึงตึงจนน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม “แกอย่าเอามาเหมารวมสิวะ
    ...อีกอย่างงานนี้มันสำคัญระดับชาติจริงๆ!
              “ทำไมต้องเป็นฉัน...ทำไมแกไม่ไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ฉันไม่เชื่อว่าในหน่วยงานแกจะไม่มีคนเก่งๆเลยสักคน” อเล็กซ์สวนกลับอย่างเดือดดาล
              ใช่
    ! จะไม่มีได้อย่างไร เมื่อเพื่อนรักของเขาทำงานอยู่ในสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกาหรือที่รู้จักกันดี ว่า FBI ( *** ) เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนจะมีฝีมืออ่อนด้อยขนาดต้องมาไหว้วานเจ้าของร้านอาหารให้ช่วยงานสำคัญระดับชาติ!
              “มีน่ะมี...แต่มันไม่สนิทใจเว้ย!” โทมัสแหกปากลั่นราวกับไม่กลัวใครจะผ่านมาได้ยินเข้า ทุบโต๊ะเสียงดังโครมจนขวดเบียร์ตกพื้นแตกกระจาย “ถ้าฉันไว้ใจคนอื่น...ฉันจะถ่อมาที่นี่เพื่อขอร้องแกเหรอ พวกเราผ่านอะไรกันมาตั้งเยอะและฉันก็รู้ดีว่าแกยังเจ็บปวดเรื่องเก่าๆ แต่เรื่องนี้มันสำคัญจริงๆ ถ้าแกไม่คิดว่าช่วยฉัน ช่วยหน่วยงาน ก็ให้คิดว่าช่วยชาติเถอะ!” อ้างถึงชาติบ้านเมืองขนาดนี้ก็เล่นเอาคนใจแข็งสั่นสะท้านพอสมควร
              ตลอดสิบปีในหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ที่รู้จักในนามหน่วย
    Navy SEALs ( *** ) หรือ เรียกสั้นๆว่า หน่วย SEALs ไม่มีวันใดที่อเล็กซ์กับโทมัสจะไม่สำนึกรักบ้านเกิด พวกเขาเป็นทหารกล้าตายซึ่งผ่านการฝึกหนักทั้งบนอากาศ พื้นดิน และ ใต้น้ำมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เสี่ยงตายเพื่อรักษาประเทศชาติจนได้เป็นหัวหน้าทีมกับรองหัวหน้าทีม A แต่แล้ววันหนึ่งความอดทนต่อหน้าที่การงานก็สิ้นสุดลงจนต้องพากันถอนตัวออกมา อเล็กซ์ตัดขาดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาลแล้วหันเหมาเปิดร้านอาหารริมอ่าวมอนเทอเรย์ ส่วนโทมัสยังตัดใจจากงานเสี่ยงอันตรายไม่ขาดเลยสมัครเป็น FBI ซึ่งก็ผ่านการทดสอบอย่างง่ายดายเพราะมีประสบการณ์ต่างๆมาจากหน่วย SEALs นั่นเอง
              แม้ความอดทนต่างๆที่มีต่อหน่วยงานรัฐบาลจะสิ้นสุดลง แต่ในใจของอเล็กซ์ยังคงภักดีต่อประเทศชาติ ครั้นโดนเพื่อนรักพูดตอกหน้าแรงๆก็เริ่มไขว่เขวเอนเอียงขึ้นมา
              “เกิดอะไรขึ้น?”
              “เมื่ออาทิตย์ก่อนมีสายลับรายงานเข้ามา ว่า...ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในเดธ วัลเลย์ (
    *** ) พวกมันเป็นอาชญากรอันดับต้นๆของโลกที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมาแล้วหลายประเทศ แกเป็นคนท้องถิ่นเกิดในแคลิฟอร์เนียก็น่าจะรู้ดีว่าที่นั่นทุรกันดารขนาดไหน ให้พวกเอฟบีไอที่วันๆเอาแต่กินอาหารขยะแล้ววิ่งไล่จับคนร้ายในเมืองไปลุยกลางทะเลทรายคงตายก่อนเจอศัตรูแน่ๆ อีกอย่างตอนยังปฏิบัติภารกิจในหน่วยซีลแกก็เก่งเรื่องการแกะรอยกับการต่อสู้จู่โจมที่สุดและยังชำนาญพื้นที่ นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องการให้แกมาช่วยงานนี้!
              “แล้วแกจะให้ฉันช่วยอะไร?” อเล็กซ์ถามสั้นๆเหมือนเริ่มสนใจ แต่แค่นั้นคนเชิญชวนก็ดีใจแทบบ้าแล้ว
              “แกะรอยพวกมันว่าหลบซ่อนอยู่ตรงไหนในเดธ วัลเลย์”
              “แค่แกกับฉันสองคนมันจะไปทำอะไรได้ ฉันเองก็ไม่ได้จับปืนผาหน้าไม้มานานพลาดพลั้งขึ้นมาจะเสียงานเสียการเปล่าๆ”
              “ใครบอกแค่สองคน
    !
              “หมายความว่าอย่างไร?”
              “ฉันขอให้ลูกน้องในทีมเอทุกคนพักงานจากหน่วยซีล แล้วเรียกตัวมาเป็นกองหลังคอยเสริมกำลังเรียบร้อยแล้ว” พ่อหนุ่มจอมทะเล้นยักคิ้วอย่างยียวนกวนประสาท “ตกลงแกรับงานนี้ใช่ไหม?”
              “งานเริ่มเมื่อไร?”
              “ถ้าตกลงก็เริ่มวันมะรืนนี้เลย แต่ถ้าไม่ตกลงฉันก็จะมาตื้อแกที่ร้านนี้ทุกวันเลยสิเอา
    !
              “ไอ้บ้าเอ้ย
    ! จู่ๆจะให้มาตัดสินใจอะไรทันที แทนที่จะบอกล่วงหน้าให้นานกว่านี้ ขอเวลาฉันคิดบ้างสิวะ!
              “นี่ก็บอกล่วงหน้าตั้งสองวัน” โทมัสยักไหล่แล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ “นี่ก็ดึกแล้ว...ขอตัวกลับก่อนละกัน เบอร์โทรฯฉันเบอร์เดิม จะรอคำตอบแกนะ
    !” พูดจบก็หมุนตัวจะเดินออกจากร้านอาหาร
              “เดี๋ยวโทมัส
    !” เสียงเรียกนั้นรั้งอีกฝ่ายให้หันมองเพื่อนรักอย่างยินดีปรีดา
              “แกตกลงรับปากแล้วใช่ไหม?”
              “กวาดเศษแก้วบนพื้นด้วย ทำแตกแล้วจะหนีไปหน้าด้านๆเหรอวะ
    !” ชายหนุ่มชี้นิ้วลงพื้นที่เกลื่อนกลาดด้วยเศษขวดเบียร์ก่อนเดินหนีเข้าห้องครัวด้วยอากัปกิริยาเฉยเมย ไม่แยแสพ่อหนุ่มผมทองซึ่งสบถด่าไล่หลังลั่นร้านคนเดียวเหมือนคนบ้า

              ราคาหลายสิบดอลล่าห์ไม่ได้ช่วยเพิ่มความอร่อยแก่สเต็กปลาแซลมอนที่บริกรอวดอ้างว่านำเข้าจากประเทศนอร์เวย์แต่อย่างใด รสชาติไม่ได้เรื่องจนรสินทราต้องเลื่อนจานออกห่างทั้งที่เพิ่งรับประทานไม่กี่คำ ดื่มน้ำมะนาวล้างปากก่อนโทรศัพท์ต่อว่ารูมเซอร์วิชด้านล่างที่เอาอาหารสับปะรังเคมาให้คุณหนูคาร์เตอร์อย่างเธอเกือบห้านาที กระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงสะอึกสะอื้นและขอโทษขอโพยกลับมาอารมณ์จึงค่อยเย็นลงและยอมวางสายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
              โทรทัศน์ถ่ายทอดแต่รายการน่าเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะเป็น ข่าว เกมส์โชว์ รายการเพลง และ โฆษณาซ้ำซาก กระนั้นหญิงสาวก็จำใจเปิดมันทิ้งไว้เพื่อไม่ให้ห้องพักบนชั้นห้าของโรงแรมมอนเทอเรย์พลาซ่าแอนด์เดอะบีชเงียบจนเกินไป รสินทราเบี่ยงความสนใจมายังแล็ปท็อปคอมพิวเตอร์เมื่อจู่ๆ
    มาเรีย ฮิลล์เพื่อนสนิทสมัยไฮสคูลก็ส่งข้อความมาทักทายทางโปรแกรมสนทนาออนไลน์ คงเพราะปิดโทรศัพท์มือถือเกือบทั้งวันจึงไม่มีใครติดต่อได้
             
    #ชารอน...เธออยู่ที่ไหน?#
              #เธออย่ารู้เลย# ไม่จำเป็นต้องบอกใคร แค่ผู้เป็นบิดารับทราบคนเดียวก็เพียงพอแล้ว #มีอะไรเหรอ?#
              #ฉันได้ข่าวเรื่องเธอกับโรเบิร์ต...เสียใจด้วยนะ#
              #อย่าห่วงเลย! ฉันสบายดีและก็ยังไม่ได้เลิกกับเขา# รสินทราพิมพ์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
             
    #เหรอ...ก็ดีแล้ว ฉันได้ข่าวว่าเขาตามหาเธอทั่วนิวยอร์ก#
              #ก็ช่างเขาสิ!# คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกบินข้ามรัฐมากบดานอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
             
    #ถ้าเธอมีปัญหาอะไรก็ระบายให้ฉันฟังได้ตลอดนะ หรือ จะมาพักที่บ้านฉันก็ได้#
              #ขอบใจนะ...ฉันขอตัวก่อนล่ะ# ปลายนิ้วเรียวคลิกเม้าส์ปิดโปรแกรมสนทนาออนไลน์ พลางเดินออกไปเปิดม่านตรงประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ซึ่งกั้นระเบียงกับห้องพักเอาไว้เป็นสัดส่วน
              ฟ้าแดงฉานด้วยแสงสุดท้ายแห่งวันตัดผิวน้ำสีครามของอ่าวมอนเทอเรย์ได้สวยสดงดงามดุจภาพวาดราคาแพงในหอศิลป์ระดับชาติที่รสินทราเคยเห็นตอนไปออกงานกับมหาเศรษฐีเดวิดเมื่อสามปีก่อน ที่นั่นพ่อของเธอได้แนะนำให้รู้จักกับครอบครัวเนลสันตระกูลผู้ดีเก่าแก่แห่งมหานครนิวยอร์ก และ พยายามหมั้นหมายโรเบิร์ตลูกชายของพวกเขาด้วยหวังให้ลูกสาวเพียบพร้อมทั้งชื่อเสียงเงินทองและช่วยยกระดับตระกูลคาร์เตอร์มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ หญิงสาวไม่อยากปฏิเสธความต้องการของบิดาที่สู้อุตส่าห์ประคบประหงมเลี้ยงดูหลังมารดาเสียชีวิตจึงยอมเชื่อฟังโดยดี
              ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดช้าๆเพื่อรับลมเย็นซึ่งโหมพัดเข้ามาปะทะใบหน้าหวานสวย นัยน์ตาสีเขียวมรกตหรี่ลงเล็กน้อยแล้วรวบผมเผ้ายุ่งเหยิงด้วยมือข้างหนึ่ง ทอดมองเส้นขอบฟ้าตัดกันระหว่างท้องนภากับท้องนทีอย่างลงตัว สูดกลิ่นไอธรรมชาติผ่อนปรนความตึงเครียดในหัวและสลัดเรื่องบัดสีของคู่หมั้นหนุ่มทิ้งไปกับสายลม จากบนชั้นห้าสามารถเห็นระเบียงขนาดใหญ่บริเวณชั้นสองได้ถนัด หลายคู่รักกำลังนั่งจิบไวน์ขณะชมทัศนียภาพอันงดงามตรงโต๊ะเก้าอี้ที่ทางโรงแรมจัดไว้รับรอง บางคู่พากันเดินลงบันไดเชื่อมหาดเพื่อสัมผัสพื้นทรายและเกลียวคลื่นกันอย่างสนุกสนาน แม้หญิงสาวไม่มีโรเบิร์ตมาพะเน้าพะน้อเยี่ยงคู่รักอื่นๆก็ไม่นึกเสียดายเพราะในหัวใจไม่เคยมีเขาอยู่เลย
              จู่ๆลมก็โหมพัดเข้ามาปัดเป่าผ้าม่านจนไหวสะบัด หนังสือพิมพ์กับเศษกระดาษต่างๆปลิวกระจัดกระจายเกลื่อนห้องพักหรู รสินทราพ่นลมหายใจออกมาแรงๆแล้วกระแทกฝ่าเท้าตึงตังตามเก็บ นึกเจ็บใจตัวเองที่ดันอยากสร้างอารมณ์สุนทรีสูดอากาศสดชื่นริมทะเลเลยต้องลำบากลำบนแบบนี้ แต่แล้วอะไรบางอย่างกลับสะดุดตา...
              โฆษณาท่องเที่ยวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งซึ่งกางหราท้าแรงลมส่งผลให้ต้องรีบหยิบขึ้นมาดูด้วยความสนใจ แบดวอเทอร์ เบซิ่น ทะเลสาบเกลือในอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ หรือ หุบเขามรณะ ทางเขตแดนระหว่างรัฐแคลิฟอร์เนียกับรัฐเนวาดา (
    *** ) สีขาวโพลนท่ามกลางเทือกเขาและสันทรายสีน้ำตาลอมแดงก่อเกิดเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด หญิงสาวเปิดหาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆของสถานที่แห่งนี้ผ่านอินเทอร์เน็ตเพียงครู่ใหญ่ก็ตัดสินใจโทรศัพท์เช่าเครื่องบินเจ็ทเหมาลำกับจองห้องพักโรงแรมเรียบร้อย
              ทันทีที่ฟ้าสางรสินทราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้วมุ่งตรงสู่สนามบินมอนเทอเรย์ เพนนิซูล่า เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสายการบินพิเศษรีบกุลีกุจอช่วยลากกระเป๋าเดินทางใบเขื่องนำหน้าไปยังเครื่องบินเจ็ท ก่อนเจ้านกเหล็กยักษ์จะกางปีกเหินฟ้ามุ่งสู่สนามบินเฟอร์แนซ ครีก ณ อุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ อันเป็นจุดหมายปลายทางโดยใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว หญิงสาวเลือกรีสอร์ทของสนามบินเป็นสถานที่พักสำหรับสามวันจากนี้ เพราะสะดวกสบายมีสนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ และ ร้านอาหารพร้อมสรรพ ซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้นยังเป็นจุดนัดหมายคณะทัวร์ที่จะนำพาตะลอนอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า หวังว่าความร้อนระอุของดินแดนแห่งผืนทรายจะช่วยทำให้หัวใจอบอุ่นยามพบเจอเรื่องตื่นเต้นสนุกสนานและไม่ทำให้หัวใจแห้งผากกว่าที่เป็นอยู่
              ข้าวของเครื่องใช้ในกระเป๋าเดินทางถูกโยกย้ายออกมาจัดวางในห้องพักทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่อัดแน่นด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ราคาแพง ครั้นเห็นจวนใกล้เวลานัดหมายรสินทราก็สะพายกระเป๋าหนังจระเข้ยี่ห้อดังเดินนวยนาดไปยังรถมินิบัสสีฟ้าซึ่งจอดแช่อยู่หน้าทางเข้ารีสอร์ท เธอเลือกนั่งท้ายๆเพื่อตัดความรำคาญจากลูกทัวร์คนอื่นๆที่เริ่มทยอยขึ้นมาทีละคนสองคนกระทั่งเต็มคัน
              “ยินดีต้อนรับลูกทัวร์ทุกท่าน ผมชื่อปีเตอร์...เป็นไกด์พิเศษมีหน้าที่ดูแลทุกท่านตลอดสามวันนี้ครับ” ชายหนุ่มร่างบึกบึนรายงานตัวผ่านไมโครโฟน “สถานที่ที่เราจะไปวันนี้ คือ โกลเด้นท์แคนยอน ผาหินสีทองเหลืองอร่าม กับ แบดวอเทอร์ เบซิ่น ทะเลสาบเกลือกว้างไกลสุดลูกหูลูกตานะครับ” อธิบายจบรถก็แล่นออกไปช้าๆ
              แดดจัดจ้านยามสายสาดกระทบผืนทรายปนกรวดสีส้มอมน้ำตาลสองฟากฝั่งถนนจนเรืองรองตัดฟ้าสีสันสดใส ทุ่งโล่งกว้างรอบด้านแห้งแล้งไร้ไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีวัชพืชสีมอซอจากฝุ่นทรายเท่านั้นที่สามารถขึ้นปกคลุมบางจุด นั่งสักพักหนึ่งคุณหนูคาร์เตอร์ก็เกิดอาการเบื่อหน่าย อีกทั้งเครื่องปรับอากาศยังสู้ดวงตะวันกลมโตไม่ได้จึงคลายลมโชยเบาๆออกมาแทนที่จะเป็นไอเย็นฉ่ำชุ่มปอด เครื่องสำอางบนใบหน้าสวยเริ่มจางลงตามสภาพอากาศอบอ้าว หญิงสาวทนโทรมไม่ได้รีบควักตลับแป้งพัฟออกมาตบแก้ม แต่แล้วต้องชะงักเมื่อเงาสะท้อนในกระจกเผยเพื่อนร่วมทางตรงเก้าอี้แถวหลังเธอชัดเจน
              อีตาพ่อครัวหนวดดก
    !
              ให้ตายเถอะ...นี่เขาตามเธอมาหรือเปล่าเนี่ย! รสินทราอดคิดแบบนั้นไม่ได้จริงๆ เพราะไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือเรื่องเหนือธรรมชาติใดๆ รัฐแคลิฟอร์เนียออกจะกว้างใหญ่ไพศาลแต่ดันโคจรมาพบเจอคู่กรณีเก่ามันบังเอิญเกินไปหน่อยแล้ว
              ตอนนี้ตลับแป้งพัฟถูกใช้เป็นเครื่องมือสอดแนมฝ่ายตรงข้าม พยายามหามุมลอบมองใบหน้าคร้ามหนวดเคราอันแสนเคร่งขรึม หากไม่ติดว่าเคยปะทะฝีปากกันมาก่อนผู้ชายคนนี้คงดูดีในสายตาอีกมากโข พลัน คิดอะไรสนุกๆขึ้นได้รีบหยิบแว่นกันแดดมาสวมใส่ สวมหูฟังจากเครื่องเล่นเพลงพกพาแล้วปรับพนักพิงเอนลงจนสุด ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อต้องหดเท้ากับขาหลบเบาะอย่างไม่ทันตั้งตัว
              “นี่คุณ
    ! ทำแบบนี้รบกวนคนอื่นนะ” อเล็กซ์จำคู่กรณีไม่ได้เพราะแว่นกันแดดอันใหญ่บดบังใบหน้าของอีกฝ่ายกว่าครึ่งหนึ่ง ครั้นเห็นหญิงสาวไม่สนใจฮัมเพลงเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวก็ถอนหายใจแรงๆ ขี้เกียจมีเรื่องมีราวกับคนเห็นแก่ตัวจนทำลายความสุขลูกทัวร์คนอื่นๆ หารู้ไม่ว่ารสินทรากำลังหัวเราะดังกึกก้องอยู่ในใจที่ได้เอาคืนแบบเนียนๆ
             
    ยังไม่จบเท่านี้หรอก...ฉันจะเล่นงานนายตลอดสามวันเลยคอยดู!!!’

              นัยน์ตาสีเหล็กทอดมองผ่านกระจกออกไปไกลแสนไกล ในใจชายหนุ่มว่างเปล่าเสมือนอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ซึ่งโล่งเตียนไร้สิ่งใดๆมาบดบังทัศนียภาพนอกเสียจากผาหินและเนินเขาที่ลดหลั่นกันไปมา จะมีก็แต่พฤติกรรมไร้มรรยาทของแม่สาวด้านหน้าเท่านั้นที่ทำให้นึกรำคาญใจไม่น้อย แค่สัมภาระในเป้ใบใหญ่ตรงหว่างขาก็เทอะทะเกะกะอยู่แล้วยังต้องเจียดพื้นที่ให้พนักพิงเธออีก อเล็กซ์พยายามผ่อนคลายอารมณ์แล้วหวนคิดถึงการตัดสินใจอันยิ่งใหญ่ของตนเอง...การตัดสินใจเพื่อชาติบ้านเมือง!
              การแกะรอยผู้ก่อการร้ายข้ามชาติไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ยิ่งพวกมันหลบซ่อนอยู่ในอุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ด้วยแล้วยิ่งกลายเป็นเรื่องยากเย็นกว่าเดิม ในอดีตเคยมีผู้คนล้มหายตายจากและสาบสูญในสถานที่แห่งนี้มากมาย ด้วยอาณาบริเวณกว้างขวางและสภาพอากาศร้อนจัดทำให้หลายคนไม่กล้าเสี่ยงชีวิตออกนอกเส้นทาง อย่างมากก็แค่ขับรถไปตามถนนคอนกรีตและหยุดตามจุดชมวิวต่างๆเท่านั้น แม้ตอนนี้จะมีเทคโนโลยีอย่างโทรศัพท์มือถือหรือจีพีเอสนำทาง แต่ก็ยังมีผู้คนพลัดหลงร่ำไปเนื่องจากสัญญาณดาวเทียมต่างๆไม่สามารถใช้ในทะเลทรายและถนนที่ไม่ใช่เส้นทางหลักได้นั่นเอง กระนั้นความเป็นทหารในสายเลือดและมิตรภาพที่มีกับเพื่อนฝูงมายาวนานทำให้เขาไม่สามารถหันหลังหนีภาระหน้าที่ซึ่งทำเพื่อประเทศชาติได้ เลยตกปากรับคำโทมัสว่าจะช่วยงานนี้สุดความสามารถโดยปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวแสร้งพลัดหลงเข้าไปในหุบเขามรณะ ส่วนเพื่อนรักรับหน้าที่เป็นหัวหน้าหน่วย SEALs ทีม A เฉพาะกิจ สะกดรอยตามหลังห่างๆคอยช่วยเหลือหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือสถานการณ์คับขัน
              ไกด์หนุ่มจับไมโครโฟนประกาศบอกลูกทัวร์อีกครั้ง ว่า...ใกล้ถึงจุดหมายแรก หญิงสาวที่นอนเอกเขนกระรานจึงค่อยๆถอดแว่นตากันแดดออกแล้วหันมามองอย่างยียวนกวนประสาท วินาทีแรกที่เขาเห็นใบหน้าสวยๆของเธอถนัดตาก็จดจำได้ทันที
              “นี่คุณอีกแล้วเหรอ ซวยจริงๆ
    !
              “ให้ตายเถอะ
    ! ฉันต้องพูดคำๆนั้นมากกว่านะยะ” รสินทราแหวใส่ “สารภาพมาซะ ว่า...นายสะกดรอยตามฉันมา!” วาจาฉะฉานมั่นอกมั่นใจเกินเหตุส่งผลให้คนฟังถึงกับเหวอ
              “ห๊ะ
    ! ผมเนี่ยนะสะกดรอยตามคุณ”
              “แคลิฟอร์เนียออกจะกว้างใหญ่แต่ดันมาเจอกันอีกครั้งได้...มันคงบังเอิญเกินไปหน่อยมั้ง
    !
              “ผมไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวคุณจนถึงขนาดต้องตามมา
    !” เขาตอบเสียงเรียบ
              “อย่าให้ฉันรู้ละกัน
    !” เชิดใบหน้าสวยๆใส่ชายหนุ่มพลางเอนกายนอนต่อ
              ความทะนงตนว่าตัวเองเลิศเลอกว่าชาวบ้านชาวช่อง คือ พฤติกรรมน่ารังเกียจในความรู้สึกของอเล็กซ์ กระนั้นเขาต้องพยายามหักห้ามใจไม่สาวเรื่องให้ยืดเยื้อด้วยเห็นว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว จากนี้คงไม่พบเจอกันอีกเพราะต้องแยกตัวไปปฏิบัติภารกิจระดับชาติ ผู้คนเริ่มทยอยลงจากรถมินิบัสทีละคนสองคนทันทีที่รถจอดสนิทตรงลานว่าง กระนั้นรสินทรากลับยังนอนฮัมเพลงไม่ยอมปรับพนักพิงขึ้น
              “คุณถึงแล้ว
    !” อเล็กซ์ร้องเตือนเพราะลุกลำบาก แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่แล้วฟังเพลงจากเครื่องเล่นต่อ “คุณ!!!” ครั้นเตือนดีๆไม่ฟังความอดทนจึงสิ้นสุดลง ชายหนุ่มถดกายไปยังที่นั่งข้างๆด้วยความยากลำบาก จับเป้ใบใหญ่ไว้มั่นแล้วยกขึ้นกระแทกพนักพิงอย่างแรงจนศีรษะหญิงสาวสั่นคลอน ก่อนสาวเท้าออกจากรถอย่างว่องไวไม่ใส่ใจเสียงด่าทอไล่หลังสักนิดเดียว
              “คนบ้า
    ! ไร้มรรยาท! ไร้การศึกษา! ต่ำ! ฉันกลับไปนิวยอร์กเมื่อไรจะฟ้องพ่อให้มาปิดร้านอาหารห่วยๆที่นายทำงานอยู่ ไม่เชื่อก็คอยดู!!!” ด่าไปชายหนุ่มก็ไม่อยู่ฟังนั่นคือสิ่งที่หญิงสาวยอมไม่ได้ มือบางคว้ากระเป๋าสะพายแล้วพรวดพราดลงจากรถมินิบัสอย่างรวดเร็ว
              แรกเริ่มตั้งใจจะตามไปต่อว่าต่อขาน ทว่า พอเห็นผาหินสีทองเหลืองอร่ามสมชื่อโกลเด้นท์แคนยอนความโกรธที่มีก็แทบมลายหายเป็นปลิดทิ้ง ธรรมชาติสรรสร้างลวดลายหินมีแนวยาวหลายเส้นดูมีมิติและอ่อนช้อยคล้ายประติมากรรมบันลือโลก ลูกทัวร์ต่างเก็บบันทึกความทรงจำผ่านกล้องดิจิตอลหลายสิบตัวขณะที่รสินทรากลับสนใจที่จะจารึกรายละเอียดแห่งความงามลงสมองมากกว่า เชื่อว่าประสบการณ์ย่อมมีค่ามากกว่ารูปถ่ายหนึ่งใบ
              “เราจะใช้เวลาตรงนี้อีกสิบนาทีนะครับ เพราะแบดวอเทอร์ เบซิ่นห่างจากที่นี่พอสมควร
    !” ไกด์หนุ่มร้องเตือนเสียงดัง ทำให้คนที่ถ่ายรูปเสร็จและทนร้อนไม่ไหวยอมถอนทัพกลับขึ้นรถมินิบัส ส่วนบางคนที่ยังไม่ยอมแพ้ก็เก็บเกี่ยวช่วงเวลานี้สุดความสามารถระดมถ่ายรูปทุกมุมทุกช็อต
              จู่ๆสายตาของรสินทราก็เหลือบเห็นหลังไวๆของใครบางคนผลุบหายไปทางซอกเขาห่างจากจุดที่ยืนอยู่ หญิงสาวก้าวตามหมายเตือนอีกฝ่ายให้เตรียมตัวกลับขึ้นรถ แต่พอพบว่าเป็นคู่กรณีหนุ่มเดินตัวปลิวทั้งที่มีเป้ใบโตพ่วงท้ายสะพายหลังก็อดนึกสงสัยไม่ได้รีบเร่งตามเขาอย่างกระชั้นชิด จากสัญชาตญาณทำให้อเล็กซ์ทราบดีว่ามีคนกำลังเดินตามมาสักพักใหญ่ๆ จังหวะและน้ำหนักของฝีเท้าบ่งชัดว่าเป็นผู้หญิง...คงไม่ใช่ใครที่ไหน...
              “เลิกตามผมมาสักที
    !” เขาตวาดไล่ ทีแรกคิดว่าหญิงสาวจะเบื่อหน่ายและถอนตัวกลับไปที่รถเอง เพราะหากยังตามเข้าไปลึกกว่านี้เธออาจหาทางกลับไม่ถูกก็เป็นได้
              “สถานที่นี้ไม่ได้เป็นของนายสักหน่อย อย่ามาออกปากไล่ฉันให้ยากเลย
    !” เถียงกลับพลางเท้าเอว “นายคิดจะไปที่ไหนกันแน่ ไม่รู้เหรอว่าแบดวอเทอร์ เบซิ่นมันอยู่ห่างจากสถานที่นี้มาก นายจะเป็นตัวถ่วงทำให้ลูกทัวร์คนอื่นๆรอนะ!!!
              “อย่ามายุ่งกับผม ถ้าคุณไม่อยากตกรถก็รีบๆไปซะ
    !” อเล็กซ์ไม่กังวลเรื่องนี้เลย เพราะคนขับรถกับไกด์พิเศษคือพรรคพวกที่รับอาสามาช่วยสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ เมื่อส่งคนแกะรอยเข้าสู่พื้นที่ต้องสงสัยเรียบร้อยก็ไม่มีใครรั้งรอตามแผนการ
              เรื่องอะไรจะต้องเชื่อ
    ! หญิงสาวมองคู่กรณีหนุ่มที่เดินทิ้งห่างออกจากจุดนั้นด้วยความหมั่นไส้ พลางสาวเท้าตามต่อโดยไม่ล่วงรู้เลยว่านั่นคือการตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของชีวิต!!!

    *** มอนเทอเรย์ = เมืองชายฝั่งทะเลที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัวเมืองตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอ่าวมอนเทอเรย์ มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ความอุดมสมบูรณ์ และ สัตว์ทะเล
    *** นิวยอร์ก = เมืองใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และ เป็นเมืองเจริญที่สุดในโลก นับเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม บันเทิง ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา
    *** ลอสแองเจลิส = รู้จักในชื่อ แอลเอ ( L.A. ) นับเป็นอีกเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการบันเทิงเพราะเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
    *** แคลิฟอร์เนีย = รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก อักษรย่อของที่ทำการไปรษณีย์สหรัฐคือ CA มีชื่อเล่นว่า "The Golden State" ซึ่งมีที่มาจากทุ่งหญ้าที่เปลี่ยนเป็นสีทองในฤดูแล้ง ประชากรส่วนมากอยู่ทางใต้ของรัฐมากกว่าทางเหนือ
    *** วอชิงตัน ดี.ซี. = เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตฝั่งซ้ายของแม่น้ำพอตอแมก สร้างในสมัยประธานาธิบดี จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา
    *** สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FBI = หน่วยงานด้านการสืบสวนสอบสวนของกระทรวงยุติธรรมแห่งสหรัฐอเมริกา ดำเนินการต่อต้านการก่อการร้าย องค์กรอาชญากรรม การค้ายาเสพติด อาชญากรรมอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ และ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ตั้งอยู่ ณ อาคารเจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ เลขที่ 935 ถนนเพนซิลเวเนีย กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา รหัสไปรษณีย์ 20535-0001
    *** หน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา หรือ Navy SEALs = หน่วยปฏิบัติการพิเศษในสังกัดกองทัพเรือ ทำงานได้ทั้งทางทะเล อากาศ และบนภาคพื้นดิน รวมถึงการทำงานใต้ทะเลด้วย เพราะธรรมชาติของการฝึกและประสบการณ์หน่วยรบนี้จึงจัดได้ว่าเป็นหน่วยที่มีประสบการณ์การรบแบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกมากที่สุดในโลก มีการลาดตะเวนพิเศษ , การรบนอกระบบ , การป้องกันประเทศในกิจการภายใน , การช่วยตัวประกัน , การต่อต้านการก่อการร้าย สมาชิกทั้งหมดของหน่วย SEALs เป็นชายสังกัดกองทัพเรือ หรือ หน่วยป้องกันชายฝั่ง
    *** อุทยานแห่งชาติเดธ วัลเลย์ หรือ หุบเขามรณะ = ทะเลทรายทางทิศตะวันออกของรัฐแคลิฟอร์เนีย ( ฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ) มีอุณหภูมิถึง 49 องศาเซลเซียส แห้งแล้งทุรกันดาร อยู่ต่ำจากระดับน้ำทะเล 90 เมตร และ ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงชันมีหิมะปกคลุม ในฤดูร้อนพื้นดินและก้อนหินดูดซับความร้อนเอาไว้ แต่ความกดอากาศมากกว่าระดับน้ำทะเลทำให้อากาศร้อนที่คลายออกมาไม่สามารถลอยตัวขึ้นสู่ที่สูง เกิดลมร้อนไหลเวียนทั่วหุบเขาพื้นที่รายรอบจึงแห้งแล้งและกลายเป็นทะเลทรายในที่สุด
    *** เนวาดา = รัฐทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และ มีการเติบโตของประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ชื่อรัฐเนวาดามาจากภาษาสเปนมีความหมายถึง หิมะ นิยมอ่านทั่วไปว่า "เนวาดา" แต่คนในพื้นที่จะเรียกว่า "เนแวดา"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×