ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TS9] Short Fic Aontum 2*8

    ลำดับตอนที่ #2 : Aontum | รู้ตัวบ้างไหม รู้ตัวเอาไว้ เธอคือทุกอย่าง

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 56



    THE★ FARRY

    Title : รู้ตัวบ้างไหม รู้ตัวเอาไว้ เธอคือทุกอย่าง

    Couple : Aon x Tum

    Writer : คนที่กูก็ไม่รู้ว่าใคร?

    Rate : ทุกเพศทุกวัย



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






     

     

    แสงสี เสียงเพลง เครื่องดื่มแอลกฮอล์ ทำให้ผู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นต่างหลงระเริงไปกับความสุขภายนอกเพียงแค่ชั่วเวลาหนึ่ง ถึงแม้รู้ว่าเป็นความสุขจอมปลอม แต่พวกเขาก็ยอมที่จะแลกเงินจำนวนไม่น้อยกับความสุขอันน้อยนิดนั้น

                    และเขาคนนี้ก็เช่นกัน

                    อ้น กรกฏ

                    “เห้ยอ้น มาอีกแล้วเหรอวะ ช่วงนี้เที่ยวบ่อยนะมึง”  เสียงของดิวเพื่อนสนิทของ อ้น เอ่ยถามแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดดังมาก อ้นต้องเงี่ยหูฟังดีๆถึงจะสามารถฟังเพื่อนสนิทรู้เรื่อง

                    “ก็นิดนึงว่ะ คนกำลังกินกำลังนอน ฮ่าๆ”  ตอบไปแบบติดตลก พลางยกแก้วเครื่องดิ่มแอลกอฮอล์ขึ้นกระดกเข้าปากรวดเดียว สายตาคมมองไปทั่วบริเวณ หวังเพียงว่าจะเจอคนที่ถูกใจ คืนนี้อาจจะสนุก

                    “แล้วนี่บอกตั้มมันหรือเปล่า เดี๋ยวมันก็โกรธอีก”  ดิวถาม

                    “โกรธก็ช่างมันดิ เดี๋ยวก็ง้อได้แล้ว ตั้มมันง้อง่ายจะตาย”  อ้นตอบแบบขอไปที ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

                    “มึงนี่อย่างนี้ตลอดเลย ตั้มมันเป็นห่วงมึงนะเว้ย”

                    “เออ กูรู้แล้ว มึงทำเหมือนมันเป็นเมียกูเลย”  อ้นประชดอย่างหน่ายๆ เขาก็รู้ว่าตั้มเป็นห่วงเขา ตั้มเป็นรุ่งน้องคนสนิทที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่ก็สนิทกันเหมือนเพื่อนมากกว่าพี่น้อง บางทีอาจจะสนิทกันมากกว่าเพื่อนก็ได้

                    “ถ้ามึงสนิทกันมากกว่านี้อีกนิด กูคิดว่ามันป็นเมียมึงไปละ”  ถึงแม้ประโยคนี้จะเหมือนกับการพูดแซวเล่น แต่ดิวก็คิดจริงจัง ความสนิทสนมของทั้งสองคน มันทำให้อดคิดไม่ได้จริงๆ ถ้าเค้าไม่รู้จักทั้งสองคนนี้ คงคิดว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนแน่ๆ

                    “แม่งมีแต่คนคิดงี้อ่ะ เดี๋ยวกูก็จับมันทำเมียซะเลย ฮ่าๆ”  อ้นพูดพร้อมยกแก้วแอลกอฮอล์ดื่มอีกครั้ง ดิวส่ายหน้าให้กับเพื่อนคนนี้

                    “มึงจริงๆเลย” ดิวบ่นเบาๆ

                    “เห้ยๆๆๆๆ ไอ้ดิว คนนั้นแม่งโครตแจ่มเลยว่ะ”  อ้นรีบวางแก้วแอลกอฮอล์ลงที่โต๊ะ พร้อมสะกิดเรียกดิวให้ดูผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งกำลังดั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อยู่ไม่ห่างไปจากพวกเขา

                    “เออว่ะ สวยดี หุ่นก็ดี” ดิวเห็นด้วยกับอ้น

                    “เสร็จกูล่ะ”  พูดจบร่างสูงโปร่งก็ออกเดินไปที่เป้าหมายทันทีโดยไม่สนใจอะไร

                    “เอ่อ สวัสดีครับน้อง”  อ้นเอ่ยทักขึ้น หญิงสาวหันมามองหน้าคนที่เข้ามาทัก

                    “สวัสดีค่ะ”  พูดพลางยิ้มหวาน นั่นยิ่งทำให้อ้นหลง

                    “พี่ขอนั่งด้วยได้มั๊ย”  แล้วก็ตามเสต็ป อ้นขอนั่งข้างๆหญิงสาวเป้าหมายของเขาในคืนนี้ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา มีหรือที่จะปฏิเสธ

                    “ตามสบายค่ะ”  เธอผายมือให้เขานั่งลง ร่างสูงรีบนั่งลงทันที

                    “มาคนเดียวเหรอครับ” 

                    “เอ่อ..ค่ะ”

                    “ถ้างั้น เดี๋ยวคืนนี้พี่

                    “มึงเป็นใคร มายุ่งอะไรกับแฟนกู”  ยังไม่ทันที่อ้นจะได้พูดจบประโยค เสียงทุ้มหนักของชายหนุ่มอีกคนก็ดังขึ้น อ้นหันมองไปทางต้นเสียงทันที ร่างสูงลุกขึ้นประจันหน้ากับคนที่เข้ามาหาเรื่องเขาทันที

                    “นี่พี่จะมาอีกทำไม เราเลิกกันแล้วนะ”  เสียงของหญิงสาวดังขึ้น

                    “เลิกกันแล้ว งั้นเขาก็ไม่ใช่แฟนคุณ ผมก็มีสิทธิ์”   อ้นกวนใส่ ชายหนุ่มคนนั้นกระชากคอเสื้อร่างสูงอย่างแรง แต่ใบหน้าหล่อก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน จ้องหน้าอย่างไม่กลัว

                    “เขาเป็นแฟนกู มึงอย่ามายุ่ง”  ชายหนุ่มคนนั้นเน้นทีละคำ กดเสียงต่ำพยายามควบคุมอารมณ์

                    “ก็ผมจะยุ่ง”

                    พลั่ก!!

                    ร่างสูงล้มลงเมื่อกำปั้นหนักกระทบใบหน้าของเขาอย่างแรง หน้าหล่อหันไปตามแรงกระแทก ริมฝากปากเรียวมีเลือดไหลซึมออกมา  ด้วยความที่เป็นคนไม่ยอมใครร่างสูงรีบเด้งตัวขึ้นต่อยกลับทันที ทุกคนเริ่มหันมาสนใจคนที่มีเรื่องกัน ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแตกฮือ ชายหนุ่มคนนั้นพุ่งเข้าชกอ้นอีกครั้ง คราวนี้อ้นเสียหลักล้มลง ทำให้เสียเปรียบ

                    พลั่กๆ

                    ชายหนุ่งคนนั้นปล่อยหมัดหนักใส่อ้นอย่างแรงสองครั้งติดกัน อ้นยกแขนขึ้นพยายามป้องกันตัวเอง

                    “ทำไรเพื่อนกู”  เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น อ้นลืมตาขึ้นมองต้นเสียงก็พบร่างของตั้มที่วิ่งมากระชากคนที่ต่อยตัวเอง แล้วปล่อยหมัดเล็กใส่

                    “ตั้ม”  อ้นเรียกชื่อคนมาใหม่อย่างตกใจ ไม่คิดว่ตั้มจะมาที่นี่ จังหวะที่ตั้มหันมามองอ้น ร่างเล็กก็โดนต่อยเข้าอย่างจัง จนเซล้มไป อ้นรีบลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อชายหนุ่มคนนั้นทันที

                    “มึงทำเพื่อนกูเหรอ”  อ้นต่อยเข้าอย่างแรง โกรธที่บังอาจมาทำร้ายตั้ม ร่างเล็กรีบลุกขึ้นมาดึงแขนร่างสูง

                    “อ้น ไปเถอะเร็ว”  ตั้มล็อกตัวอ้นไว้แน่นแล้วแล้วลากออกไป อ้นอยากจะเข้าไปสั่งสอนคนที่บังอาจทำร้ายเพื่อนรักของเขา แต่ก็ยอมตามตั้มออกมา

                    “ตั้ม มึงมาได้ยังไง”  ทันทีที่ออกมาจากที่นั้นแล้ว ร่างสูงก็กระชากแขนร่างเล็กให้หยุดเดินแล้วหันมาประจันหน้ากับตนทันที

                    “มายังไงไม่สำคัญหรอก แต่มาช่วยมึงทันก็แล้วกัน”  ตั้มตอบกลับ

                    “กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั๊ย ว่าอย่ามาที่แบบนี้”  อ้นเพิ่มแรงบีบที่แขนเรียวจนตั้มนิ่วหน้า เขาไม่พอใจที่ตั้มมาในสถานที่แบบนี้ ตั้มยังมีความเป็นเด็ก ไม่ทันโลกในมุมเลวร้ายอะไรแบบนี้ เขากลัว กลัวว่าตั้มจะถูกล่อลวงหรือทำร้าย

                    “ทีมึงยังมาได้ ทำไมกูจะมาไม่ได้”  ตั้มเถียงกลับ

                    “ก็กูไม่ให้มึงมาไง ไปกลับคอนโด”  ร่างสูงลากแขนร่างเล็กไปที่รถคันหรูของตนทันที แล้วจัดการขับออกไปด้วยความเร็ว เพียงไม่นานนัก ก็กลับมาถึงคอนโดของเขา

                   

                    “มึงจำไว้เลยนะตั้ม ทีหลังอย่าไปที่แบบนี้อีก”  เมื่อมาถึงห้อง อ้นก็เปิดเข้าประเด็นเดิมทันที เสียงทุ้มกดหนัก เพื่อให้รู้ว่าเขาจริงจัง

                    “มึงทำยังกะกูเป็นเด็กห้าขวบไปได้ กูโตแล้วนะอ้น”

                    “นิสัยมึงก็ไม่ต่างจากเด็กห้าขวบหรอก”

                    “ถ้ามึงไม่อยากให้กูไป มึงก็ห้ามไปสิ”  ตั้มเถียงกลับบ้าง นั่นทำเอาอ้นพูดไม่ออก

                    “มึงไม่ต้องพูดมากเลย กูบอกว่าไม่ก็คือว่าไม่”  อ้นขึ้นเสียงใส่คนตัวเล็กหัวดื้ออย่างหงุดหงิด

                    “ก็มึงชอบทำให้กูเป็นห่วง ถ้ากูไม่มัวแต่เป็นห่วงมึง กูคงไม่ไปที่แบบนั้นหรอก กูคงไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอก”  ตั้มตอกกลับด้วยความโมโหบ้าง อ้นไม่รู้หรือไง ที่เขาต้องไปที่แบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงอ้น กลัวว่าจะโดนทำร้าย ด้วยนิสัยของอ้นเป็นคนไม่ยอมใครอยู่แล้ว แล้ววันนี้ก็เป็นจริงิย่างที่เขาคิด

    “กูมันเป็นตัวปัญหา มึงก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงกู ไม่ต้องมายุ่งกับกูก็ได้ กูไม่ว่า มึงอยากไปไหนมึงก็ไปซะสิ” ร่างสูงเผลอตัวตะคอกใส่คนตัวเล็ก ตั้มอึ้งไป ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น

    “อ้น กูเหนื่อยแล้ว กูไม่อยากเป็นห่วงมึงอีกแล้ว กูไม่อยากรู้ว่ามึงทำอะไรกับใคร เป็นยังไงบ้างอีกแล้ว ก็ไม่อยากเจ็บตัว เจ็บใจเพราะมึงอีกแล้ว กู กูไม่ไหวแล้ว”  น้ำใสไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยเป็นสาย อ้นมองดวงตาคนตัวเล็กที่ตอนนี้ถูกบดบังด้วยม่านน้ำตา ดวงตาที่เคยมองเขาด้วยความดีใจ มองด้วยความโกรธ มองด้วยความอ่อนโยน มองด้วยความเป็นห่วง บัดนี้ ดวงตาคู่นั้นมองเขาด้วยความรู้สึก ผิดหวัง   

    แต่กูทำไม่ได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา มึงเป็นคนที่มีอิทธิพลกับจิตใจกูมาก กูพยายามจะไม่สนใจมึงแล้ว แต่กูทำไม่ได้ ฮึก เพราะกู รักมึง”  เสียงปลายประโยคแผ่วลง น้ำตาก็ยังคงไหลอาบแก้มใส อ้นมองคนตรงหน้านิ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ ตอนนี้รู้แต่ว่า คนตัวเล็กร้องไห้ให้เขา และเขารู้สึกเจ็บปวด อยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆ ให้สาสม

    “แต่ในเมื่อมึงผลักไสกูขนาดนี้แล้ว กูคงไม่หน้าด้านอยู่ ดูแลตัวเองดีๆนะอ้น อย่าเที่ยวบ่อย เหล้าอย่ากินเยอะ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย โชคดีนะมึง”  ร่างเล็กปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พร้อมส่งยิ้มบางให้อ้นเป็นครั้งสุดท้าย คนตัวเล็กหันหลังกลับ ก้าวขาอันสั่นเทาออกไปช้าๆ วินาทีนั้นอ้นไม่รออะไรอีกต่อไปแล้ว เขาเสียคนคนนี้ไปไม่ได้ เขาเสียตั้มไปไม่ได้จริงๆ

    ร่างสูงโถมทั้งตัวเข้าไปกอดคนตัวเล็กจากด้านหลังแน่น แขนแกร่งกระชับเอวบางเอาไว้ให้แนบแน่นที่สุด กลัวเหลือเกินว่า คนคนนี้จะไปจากชีวิต และเขาคงจะอยู่ไม่ได้เป็นแน่ ใบหน้าหล่อซบลงกับไหล่บางที่สั่นน้อยๆ น้ำตาที่ไม่ค่อยได้เห็นของอ้นไหลออกมา

    “ตั้ม อย่า อย่าไป กูขอโทษ กูขอโทษ”  อ้นพูดออกมาอย่างยากลำบาก พยายามกลืนก้อนสะอื้นลงไป

    ”  คนตัวเล็กไม่ได้ตอบอะไร มือเรียวถูกยกขึ้นมาปิดปากตัวเองกลั้นเสียงสะอื้น

    “กูมันปากไม่ดีเอง กูขอโทษ มึงอ่าทิ้งกูไปนะ นะ” 



    “มึงเองก็มีอิทธิพลกับจิตใจกูมากนะตั้ม กูอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีมึง ใครจะคอยด่ากู ใครจะคอยเป็นห่วงกู ใครจะคอยดูแลกู ได้โปรด อย่าทิ้งกูไป”  อ้นกระชับอ้อมแขนให้แน่นยิ่งกว่าเดิม



    “เผื่อมึงยังไม่รู้อะไร มึงสำคัญกับกูมากนะ”

    จบประโยค ตั้มหมุนตัวกลับ โผเข้ากอดอ้นแน่น อ้นเองก็กระชับอ้อมกอดแน่น คนตัวเล็กในอ้อนแขนแกร่งร้องไห้ออกมาอีกครั้ง อ้นจับร่างเล็กดันออก มือหน้ายกขึ้นเช็ดน้ำตาข้างแก้ม

    “กูขอโอกาสได้มั๊ย ขอโอกาสให้กูได้เป็นฝ่ายดูแลมึงบ้าง”

    ”  ร่างเล็กเงียบไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ

    “เป็นแฟนกับกูนะ”  คำขอที่ไม่ได้หวาน ไม่ได้สวยหรู แต่ก็แสดงด้วยความจริงใจ ร่างเล็กยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆ

    “กูสัญญา กูจะดูแลมึงให้ดีที่สุด กรกฏคนนี้จะดูแลวราวุธเอง”  ร่างสูงดึงที่รักสุดหัวใจเข้ามากอด

    “ฮึก”  ร่างเล็กพูดอะไรไม่บอก ได้แต่ร้องไห้ อ้นดันตั้มออก แล้วเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง

    “ไม่เอา ไม่ร้องแล้วนะ มึงไม่เหมาะกับน้ำตาเลย ยิ้มให้กูหน่อยนะ คุณแฟน”  ประโยคนั้นทำเอาตั้มเผยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย สถานะที่เปลี่ยนไป ทำให้เขาเองก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน

    “จะไม่พูดอะไรกับแฟนหน่อยเหรอ”  อ้นแกล้งเย้าแหย่

    “มีสิ เผื่อมึงยังไม่รู้อะไร กูโครตรักมึงเลย J” พูดจบ ริมฝีปากเรียวก็ประกบลงบนริมฝีปากบางทันที ร่างเล้กหลับจาพริ้มด้วยความเต็มใจ ต่อจากนี้ไป เราจะมีกันตลอดไป

    “อยู่เป็นความหวังให้กันตลอดไปนะ

     

     

    รู้ตัวบ้างไหม รู้ตัวเอาไว้ เธอคือทุกอย่าง

    เหมือนเป็นหัวใจ ช่วยอยู่กับฉันต่อไป

    ให้วันที่เหลือยังคงมีเรา ให้วันที่เหงายังเห็นเธออยู่

    อยู่ใกล้ๆ ฉัน อยู่เป็นความหวังให้กันตลอดไป



     


     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×