ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    If Only I Can Touch You [Yaoi, BL]

    ลำดับตอนที่ #2 : Part I : ผู้เฝ้ามอง : CH2 : ความรู้สึกที่ยากจะยอมรับ

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 56


    Part I : ผู้เฝ้ามอง : CH2 : ความรู้สึกที่ยากจะยอมรับ

    เขาโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างสง่างาม และสุดท้ายก็กลายเป็นเด็กหนุ่ม ตัวเขาสูงโปร่งขึ้นจนเกือบจะเลยบิดาของเขา โครงใบหน้าเรียวลงดูหล่อเหลา ดวงตาสีฟ้าครามของเขาเรียวเล็กลงและออกจะคมปราด ..ไร้ร่องรอยของดวงตากลมโตของเด็กชายตัวน้อยของผม

     มือเล็กของเขากว้างขึ้น  แม้กระทั่งเสียงกังวานนั้น ก็ยังทุ้มต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เขามักจะพูดกับเพื่อนๆ  ของเขาว่าตนรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่เปล่งเสียงของตนออกมา เพราะมันแปลกไปจนราวกับไม่ใช่เสียงของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักสิ่งนี้ เพราะมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเขากำลังกลายเป็นผู้ใหญ่

    ผมเฝ้ามองเขาเติบโตตลอดมา รู้สึกประหลาดใจว่าเด็กทารกตัวน้อยในตอนนั้นเติบโตเป็นเด็กหนุ่ม ที่บัดนี้ตัวสูงกว่าผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงของเขาทุ้มต่ำยิ่งกว่าเสียงของผม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงน่าฟังเฉกเช่นเสียงของเขาก่อนที่จะทุ้มแหบลง และถึงแม้จะเติบโตมากเพียงใด ใบหน้ายามหลับใหลก็ยังคงน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน..สำหรับผมอยู่ดี

    ไม่ว่าเขาจะโตไปมากกว่านี้หรือไม่ สำหรับผมเขาก็ยังเป็นสมบัติที่แสนสำคัญอยู่ดี

    เพราะว่าผมเกิดมาเพื่อเขา

    +++++++++++++++++++++++

    ผมยังคงเฝ้ารอ [เวลานั้น] ที่ผู้ซึ่งบอกความหมายแห่งชีวิตของผม คนนั้นบอกเสมอ

    ซักวันเมื่อถึงเวลานั้น..ผมจะสวมกอดเขาให้แน่นเท่าที่จะทำได้ จะพร่ำเรียกชื่อของเขา จะยิ้มให้เขาจะจุมพิตหน้าผากในยามหลับใหล จะปลอบโยนด้วยอ้อมกอดและคำพุดยามที่เศร้าใจ

    แล้วจากนั้น..ผมหวังให้เขายิ้มให้ผม ผมหวังให้เขาหัวเราะกับผม ผมหวังให้เราได้พูดคุยกันอย่างที่เขามักคุยกับเพื่อนๆ ของเขาและพวกผู้ใหญ่ให้ภาพของผมได้สะท้อนในดวงตากลมโตสีฟ้าครามแสนสวยของเขา

    ให้ตัวตนของผมได้ประทับลงในความทรงจำ ดวงตา และมือของเขาคนนั้น

    เขาผู้เป็นที่รักของผม

    ++++++++++++++++++++++++

    เด็กชายตัวน้อยของผมกลายเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัว และแม้มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีหลายอย่างเหลือเกินที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เขายังคงชอบออกวิ่งไปบนเนินเตี้ยๆ หลังหมู่บ้าน ชอบกลิ่นหอมของดินและต้นไม้ใบหญ้า รวมทั้งรักในการฟังเสียงดนตรีที่แว่วมาตามสายลม

    แต่ถึงกระนั้น เขาก็สุขุมขึ้น อ่อนโยนขึ้น ตอนนี้เขารู้จักดูแลตัวเองและไม่ต้องให้มารดาของตนพร่ำบ่นอย่างระอาอีกแล้ว เด็กชาย..ไม่สิ เด็กหนุ่มที่แสนสำคัญของผมเริ่มช่วยงานบิดาของเขา..พ่อของเขาเป็นช่างแกะสลัก ดังนั้นเขาจึงเรียนแกะสลักกับพ่อของตนด้วย ในตอนแรกเขาพลาดจนมีดบาดนิ้วไปหลายครั้ง ทำออกมาไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างไปหลายครา..แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็หัวเราะ..หัวเราะแล้วก็ทำต่อไปด้วยใจรัก แล้วสุดท้ายก็ได้เป็นตุ๊กตาไม้ที่แสนสวยออกมา

    เด็กหนุ่มคนสำคัญของผมเริ่มทำอะไรอีกมากมาย เขาช่วยพ่อผ่าฟืน ช่วยแม่เตรียมอาหาร ทำในสิ่งที่แบ่งเบาภาระบิดามารดา และกล่าวราตรีสวัสดิ์บุพการีทั้งสองทุกค่ำคืน

    ตอนนี้ในยามค่ำคืน เขาหลับใหลโดยไม่เตะผ้าห่มออกแล้ว ดังนั้นทุกค่ำคืนหลังจากนั้น ผมจึงเพียงแค่ยืนอยู่ข้างเขา..และกล่าวราตรีสวัสดิ์เท่านั้น

    ถึงแม้ว่า..จะรู้สึกเหงาอยู่บ้างก็ตามที

    ++++++++++++++

    เด็กหนุ่มมีเพื่อนมากมาย เขาเป็นคนอารี.. คนส่วนใหญ่จึงมักจะรักมากกว่าเกลียดเขา เด็กหนุ่มมีรอยยิ้มเสมอ คนมากมายจึงตกหลุมรักเขา และเพราะเด็กหนุ่มหน้าตาดีเด็กสาวที่เริ่มโตเป็นสาวมากมายหลายคนจึงทยอยมาพูดคุย ทำความรู้จักกับเขา ซึ่งเขาก็พูดคุยด้วยโดยไม่ถือตัว ไม่ล่วงเกิน และนั้นทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของเด็กสาวหลายคน

    เด็กหนุ่มคนสำคัญของผมมักเป็นศูนย์รวมของผู้คน เขามีความเป็นผู้นำ และเมื่อเดินไปที่ใดก็มีแต่คนเรียกเขาไว้พร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม บ้างก็เข้ามาสัมผัสอย่างสนิทสนม บ้างก็เพียงทักอย่างเขินอายแล้วเดินจากไป และบางครั้งเช่นกันที่เขาจะถูกคนมากมายรุมล้อม ทั้งเหล่าเด็กหนุ่มม เด็กสาว หรือชายหญิงที่เอ็นดูเขา ในเวลานั้นจะมีแต่ความครึกครื้นสนุกสนาน และเสียงหัวเราะที่ปะปนไปกับเสียงโวยวาย

    สิ่งนั้นทำให้ผมจำเป็นต้องถอยออกมาจากเขาหนึ่งก้าว แล้วเฝ้ามองเขาที่หัวเราะอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่รักเขา รอยยิ้มของผมระบายลงบนใบหน้าด้วยความรู้สึกสุขใจที่เขาเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อผมได้เห็นกระจกที่สะท้อนใบหน้าของตน ผมกลับพบว่ามันฝืดเฝื่อนสิ้นดี..

    ทั้งที่เป็นเรื่องที่ผมควรดีใจเมื่อเขาเป็นคนเนื้อหอม มีคนมากมายมารัก และอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะ..

    แต่ทำไม เสียงกรีดร้องลึกๆ ในใจของผมถึงปฏิเสธมันและกู่ร้องขึ้นมานะ

    +++++++++++++++++++++++++

    เขาเริ่มหลงรักเด็กสาวคนหนึ่ง

     เด็กสาวคนนั้นเป็นลูกสาวของชายคนหนึ่งซึ่งบังเอิญเดินทางผ่านมาที่หมู่บ้าน และลงากปักฐานยังหมู่บ้านแห่งนั้น เขาเป็นชายซึ่งไร้รอยยิ้ม แต่ฝีมือในการทำงานของเขาอ่อนช้อยงดงามขัดกับใบหน้าและนิสัย..เขาเป็นช่างแกะสลัก เช่นเดียวกับบิดาของเด็กหนุ่ม

    เขาพบเด็กสาวคนนั้นในตอนที่ติดตามพ่อไปพูดคุยกับช่างแกะสลักคนนั้น เด็กสาวผิมีผิวขาวจัด ดวงตาสีทองสว่างของเธอประกายอ่อนโยน รอยยิ้มองเธอเรี่ยหวานสงบ เด็กสาวไม่ได้งดงามหรือโดดเด่น กระนั้นก็ดูเหมือนจะจับหัวใจของเด็กหนุ่มเอาไว้ได้

    หลังจากนั้น แม้ไม่ได้ติดตามพ่อของเขาไป เด็กหนุ่มก็มักเดินทางไปหาเด็กสาว เขามักจะนั่งกันสองคนในกระท่อมเล็กๆ ที่มีกลิ่นอบอวลของดินกับไม้ และอ้าวไปด้วยความร้อนจากเตาอบเครื่องปั้นดินเผา หลังจากนั้นก็จะคุยกันทุกเรื่องเท่าที่ทั้งสองอยากจะคุย เด็กสาวมักนั่งอยู่ตรงข้ามกับเด็กหนุ่ม มองเด็กหนุ่มที่ใช้มือวาดลายไปตามเรื่องกระเบื้องและแกะออกมาเป็นลวดลายอย่างเพลิดเพลิน เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มที่รู้สึกอิ่มเอิบกับายตานั้น..บรรยากาศที่ไม่มีใครเข้าไปขัดได้

    และทำให้ผมต้องก้าวออกมาอีกก้าว และรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าไม่อยากเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเลย

    ผมรักรอยยิ้มของเขา..แต่เกลียดรอยยิ้มของเขาที่มอบให้เด็กสาว

    ผมรักเสียงหัวเราะของเขา..แต่มเกลียดเสียงหัวเราะที่คลอไปกับเสียงของเด็กสาว

    ผมรักการเฝ้ามองเขา รักการอยู่เคียงข้างเขา

    แต่ตอนนี้ผมอยากไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่เห็นเขา ไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่ต้องรู้สึกถึงตัวตนของเขา อยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกแบบนี้

    ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกเช่นนี้ ไม่เข้าใจถึงสาเหตุและทางแก้ไข แต่ผมก็ทำได้แค่หนีจากมันชั่วคราวเท่านั้น

    ผมทรุดนั่งลงกับผนังกระท่อมด้านนอก ขาสองข้างอ่อนล้าจนรู้สึกราวกับจะไม่อาจลุกขึ้นมายืนได้ ผมถอนหายใจพรู..ก่อนจะรู้สึกถึงหยาดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงบนขาทั้งสองข้างของตน

    ผมมองขึ้นไปบนฟ้า ทว่าท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆหมอก ก่อนจะรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหลเป็นทางบนแก้มของตน

    อา…..ดูเหมือนมันว่าจะเป็นน้ำตาของผมเอง

    ฉับพลัน หยาดน้ำใสก็ร่วงหล่นลงมาอีกครั้งพร่างพรูไม่สิ้นสุดจากดวงตาของผม

    +++++++++++++++++++++

    สุดท้ายผมก็ร้องไห้หนัก ร้องไห้จนรู้สึกคอแห้งผาก ร้องไห้ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงร้อง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ร้องไห้จนเหมมือนกับจะน้าจะไม่มีวันหมดสิ้น ร้องไห้โดยกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ..ร้องไห้กระทั่งผมหลบแทบไม่ทัน เมื่อเด็กหนุ่มของผมปรากฏตัวออกจากกระท่อม และโบกมือลาเด็กสาวเพื่อกลับบ้าน

    เมื่อกลับถึงบ้าน พ่อของเขาก็แซวเขาเรื่องเด็กสาว และทำให้เด็กหนุ่มหน้าแดงเรื่อขึ้นมาด้วยความขัดเขิน พร้อมบอกปัดว่าตนเพียงไปขอความรู้จากชายผู้เป็นพ่อของเด็กสาวเท่านั้น และเด็กสาวก็เพียงดูเขาทำเครื่องแกะสลัก แต่ถึงอย่างนั้น พ่อของเขาก็ยังคงหัวเราะพร้อมยิ้มกริ่ม ก่อนจะเอ่ยพึมพำว่าอีกไม่นานตนคงได้ลูกสะใภ้เร็วกว่าบ้านอื่น ซึ่งทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มยิ่งแดงเถือกยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะยิ้มบางขึ้นมาด้วยความสุขใจ แล้วหัวเราะแห้งๆ อย่างขัดเขิน

    รอยยิ้มที่ทำให้ผมยิ้มตาม..แต่เป็นยิ้มที่ถึงไม่เห็น ผมก็รู้ว่ามันคงขมขื่นสิ้นดี

    และค่ำคืนนั้นเป็นค่ำคืนแรกที่ผมไม่ได้กล่าวราตรีสวัสดิ์กับเขา แต่เลือกที่จะนั่งอยู่ในจุดที่มองเห็นเขา และไม่เข้าใกล้แทน

    +++++++++++++++++++++++++

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×