ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♕ CONFIRM! ♕ เชื่อเหอะ...ผมเลิกร้าย(?)แล้วครับ {YAOI}

    ลำดับตอนที่ #2 : ♕ CONFIRM .CHAPTER 1 Here with me

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 57


    CRY .q

    Here with me

               
     

     “ฮึ่ม เมื่อไหร่จะมานะ” ผมเท้าคางเหม่อมองออกไปยังข้างนอกของกระจกห้องทำงาน บ่อยครั้งที่เป็นอย่างนี้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวจนคนเป็นพ่อต้องเอ่ยทัก

                “ไอ้ อัลติน เอ๊ย เลิกบ่นแล้วมาช่วยเฮียเค้าอ่านเอกสารได้แล้ว”

                “โถ่ป๊า เฮียเค้าเก่งอยู่แล้วผมไม่ต้องช่วยก็ได้ม้างง” ผมอิดออด ไม่ยอมไปช่วยงานที่เฮียโอตัสทำหรอก มีแต่คดีอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมดจนผมเบลอไปหมดแล้วเนี่ย

                “ไอ้ขี้เกียจ!!” เสียงป๊าตะโกนดุเสียงดัง ด้วยความที่ระยะห่างของผมกับป๊าไม่ไกลกันมากคลื่นพลังเสียงจึงตรงเข้ากระทบแก้วหูผมอย่างแรง

                “โห่ เฮียตัสยังไม่บ่นอะไรเลย ป๊าว่าตินทำไมอ่ะ” ผมกล่าวพาดพิงไปถึงพี่ชายตัวสูงของผม เฮียโอตัสเป็นคนที่ขยันมากถึงมากที่สุดและชอบทำงานอะไรคนเดียว เพราะเหตุผลที่ว่า คนยิ่งเยอะ ปัญหายิ่งแยะ

                “ไม่ต้องมาพูดเลย! เฮียตัสเค้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย เรียนจบทนายมาเพื่อมานั่งเหม่อหรือไงวะ ชีช่ำฮ่ะ!

                “ตินมันก็อู้อยู่ทุกวันอ่ะป๊า บ่นไปมันก็ไม่สะเทือนหรอก” นานๆทีเฮียตัสจะยอมสละงานแล้วเงยหน้าขึ้นมาผสมโรงบ่นเรื่องผมกับป๊า คราวนี้ผมจึงหมดโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองเอกสารแล้ว

                “ตินทำก็ได้ ไม่ต้องบ่นแล้วนะ!” ก่อนจะเริ่มทำงานก็ต้องยึกยักสักหน่อยเวลาทำจะได้ลดน้อยลง ถ้าเป็นบริษัทอื่นเขาคงตัดเงินเดือนผมวอดวายละ - -

                เพราะผมเป็นลูกคนเล็กด้วยแหล่ะ ทั้งป๊าม๊าแล้วก็เฮียตินเลยไม่ค่อยจะว่าอะไรมาก ยอมปล่อยให้ผมดื้อแล้วก็ตามใจตลอดจนผมเริ่มจะเสียนิสัยขึ้นเรื่อยๆ...ตอนนี้ป๊าเลยจะเริ่มดัดนิสัยให้ผมเป็นคนเอาการเอางานขึ้น

                ทุกคน บอกว่าผมเป็นคนที่ถ้าเอาจริงขึ้นมาก็ทำได้เรียบร้อยแทบจะไม่มีข้อบกพร่อง เสียอย่างเดียวเวลาผมเอาจริงนี่หาได้ยากมาก...ปีนึงมีได้ไม่ถึงสิบครั้ง

                “เฮ้ออ” ผมถอนหายใจออกมายาวๆอย่างไม่รู้จะเริ่มตรงไหนหลังจากไปหยิบงานมาปึกนึงจากกองเอกสารทั้งหมดแล้วนั่งลงโต๊ะข้างๆเฮียตัส

                บอกแล้วแต่ละงานที่เฮียทำอยู่ โคตรหิน

                “ติน ตั้งใจทำหน่อย” เฮียโอตัสพูดขึ้นมาโดยที่ไม่ละสายตาไปจากงานที่กำลังทำอยู่ น้ำเสียงเฮียเรียบๆแต่แฝงแววตำหนิผมอยู่...เฮียเป็นคนที่ทำงานอะไรทุกอย่างต้องเนี๊ยบ แต่ถ้าเป็นอะไรที่ไม่เกี่ยวกับงานก็จะเป็นคนที่น่ารักและอ่อนโยนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง -3-

                “มันยากอ่ะเฮีย” ผมยืดแขนพาดโต๊ะแล้วฟุบหน้าลง

                “ถ้าทำงานดี เดี๋ยวเฮียจะมีงานที่ตินต้องชอบแน่ๆให้ทำนะ” ปากว่ามือก็นั่งหาข้อมูลต่อไปเปิดหนังสือพระคัมภีร์เล่มใหญ่ที่ผมไม่มีวันที่จะย่างเข้าไปใกล้...

                “งานอีกแล้ว ตินไม่อยากทำงานแล้ว”

                “ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับเนฟล่ะ ตินสนใจเปล่า?” คีย์เวิร์ดสำคัญที่เฮียพูดขึ้นมาทำผมตาเป็นประกาย...เนฟเหรอ

                ร้อยวันพันปีเฮียไม่เคยพูดชื่อคนๆนี้มาเลย มีแต่ผมนี่แหล่ะที่เป็นคนเพ้อถึงฝ่ายเดียว สงสัยเฮียจะจำได้ขึ้นใจแล้ว...

                แต่ทำไมอยู่ดีๆเฮียมีข้อมูลได้...ขนาดผมที่อดทนหาข้อมูลของเขามามากแค่ไหนก็ยังไม่สามารถหาพบ เฮียที่วันๆเอาแต่ทำงานกลับพบ

                “เฮียพูดจริงเปล่าเนี่ย?”

                “จริง เรื่องงานเฮียเคยโกหกเราเหรอ?”

                “บ้าหน่า!! เฮียเจอได้ไง ตินหาตั้งกี่สิบปียังไม่เห็นเจอเลย” ผมเผลอตะโกนเสียงดังจนพนักงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆสะดุ้ง ทำให้ผมต้องลดเสียงลงเล็กน้อย

                “เบาๆสิ ว่าไงตินจะทำงานนี้ให้เสร็จก่อนไหม” เฮียเอ็ดผมเบาๆ

                “ง่า...” ใจผมมันบอกอยากจะรีบทำงานให้เสร็จไวๆ หากแต่เมื่อคิดดูแล้วความสามารถของผมไม่สามารถที่จะทำงานยากขนาดนั้นตามข้อตกลงได้จึงเกิดอาการลังเล

                “งั้นเฮียคงต้องยกงานของเนฟมาทำเองแล้วสินะ ตินก็นั่งทำงานนั้นไปละกัน ไม่เป็นไร” นั่นเป็นการสิ้นสุดบทสนทนาระหว่างผมกับเฮีย

                เอาวะ! ทำงานนี้เสร็จก็ทำของเนฟ ไม่ทำของเนฟยังไงก็ต้องทำงานนี้ให้เสร็จ -__-

                “ตินจะทำ” ผมเอ่ยอย่างหนักแน่นแล้วหันหน้าไปหาผู้เป็นพี่ชายที่ยังคงก้มหน้าอยู่กับงาน แวบนึงที่ผมเห็นรอยยิ้มจางๆของเฮียก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะหายไปเปลี่ยนเป็นถ้อยคำที่ทำร้ายจิตใจเป็นที่สุด

                “แอบอู้ในเวลาทำงานนาน หักห้าร้อย”

                “ไอ้เฮียขี้งก” ผมบ่นอุบอิบคนเดียวอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานอย่าจำยอม... โอเคนั่งทำงานก็ได้ ผมจะค่อยๆตั้งใจทำงานให้เสร็จแล้วจะได้ไปทำงานเกี่ยวกับเขา

                เปิดไปได้ไม่กี่หน้าก็เริ่มท้อ...เอกสารบ้าอะไรเนี่ย! คดีเยอะแยะวุ่นวายจริงๆ -__-

                 “ฟ้องร้องเพราะภรรยามีชู้เป็นผู้หญิง...อืม ปัญหาครอบครัวใหญ่น่าดู” อ่านไปแล้วก็สงสาร คนเราถ้าหากอยู่เฉยๆมันก็ไม่มีอะไรที่จะเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมต้องขยันหาเรื่องเพื่อให้ชีวิตดำเนินต่อไปก็ไม่รู้ จะว่าเพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่มีชีวิตเพื่อมาทำเรื่องอะไรที่แปลกๆเหรอ?...ก็คงไม่ใช่

                แต่ใครที่กำหนดว่าอะไรคือสิ่งที่แปลกล่ะครับ? ถ้าไม่ใช่เพราะมนุษย์ที่มีอิทธิพลมากำหนดค่านิยมว่าทำอะไรถึงดี อะไรถึงผิดแปลกไปจากคนอื่น โดยใช้ความคิดของตัวเองนั่นแหล่ะตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆขึ้น

                ถึงยังไงก็แล้วแต่ มนุษย์ส่วนใหญ่ก็เลือกที่จะทำตามสิ่งที่เขาทำกันเยอะๆตามอยู่ดี ความกลัวที่จะต้องอยู่โดดเดียวเป็นสิ่งที่คอยขัดขวางไม่ให้คนหลายๆคนทำตามฝันของตัวเอง และนั่นแหล่ะทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง

                “อืม...ปัญหาใหญ่จริงๆ” ป๊าที่เดินมาอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พูดขึ้นมาข้างๆหูผมแบบใกล้ชิดมากๆ จนผมเผลอสะดุ้งเบาๆแล้วหันไปมองด้านหลัง

                “ถ้าเป็นป๊า ป๊าจะช่วยยังไงอ่ะ”

                “เรื่องงี้งานใครงานมัน ไม่ใช่งานของป๊านี่ ไม่ต้องมาหลอกถามให้ยาก!” ป๊าดีดหน้าผากผมแรงๆทีนึง ไม่รู้ว่าเพราะแสงมันสะท้อนพอดีตอนที่ผมเงยหน้าไปมองหน้าป๊าหรือเปล่า มันเลยทำให้ผมตาเบลอมองไปว่าป๊ายิ้มแบบสมน้ำหน้าให้ผมด้วย...

                ฮึ่ม! เดี๋ยวงานจะเสร็จแบบที่ทุกคนต้องตะลึงกับการจัดการปัญหาของผมแน่!

                “โด่วๆ ป๊าคอยดู เดี๋ยวตินจะช่วยเขาแบบให้ทุกอย่างจบแบบสวยงามแน่ๆ” ผมยื่นปากไปใกล้ๆพุงป๊าแล้วพูดอย่างมั่นใจ

                “งั้นเหรอ งั้นก็แสดงฝีมือให้ป๊าดูหน่อย” ป๊าเลิกคิ้วขึ้นมาข้างนึงเหมือนกำลังวิเคราะห์ว่าผมจะมาไม้ไหนอีก แถมเริ่มยกแขนขึ้นมากอดอกเหมือนประเมินผมด้วยนี่คืออะไรกัน =[]=

                “เดี๋ยวรับรองได้เลยป๊า” ผมขยิบตาให้ป๊าก่อนจะก้มหน้าหลับตาใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง เวลานี้ผมต้องการสมาธิมากๆ ซึ่งนานๆทีผมจะมี...

                 

                แปะๆๆ

                เสียงปรบมือดังก้องทั่วห้องทั้งๆที่คนในห้องมีเพียงไม่กี่คน ภายหลังการนำเสนอทางออกของผมป๊ากับเฮียก็มองผมด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป...

                มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมแสดงความฉลาดออกมาให้ประจักษ์...ก็นั่นแหล่ะ น้อยครั้งที่จะพบ

                “เฮียไม่คิดว่าตินจะทำได้...”

                “ป๊าด้วย”

                “ม๊าอีกคน”

                ทั้งบ้านแล้วครับที่ไม่เชื่อว่าอัลตินผู้นี้จะแก้ไขปัญหาได้...ทำไมครับป๊า ม๊า เฮียตัส ตินมันไร้ความสามารถขนาดนั้นเลยเรอะ!

                “โห่ ถ้าทุกคนจะดูถูกตินขนาดนี้ ตินโกรธจริงๆนะ...” ผมทำหน้ายู่ เชิดริมฝีปากขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนรู้ว่าขณะนี้กำลัง งอน

                แต่ปฏิกิริยาที่ผมได้กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของทุกคนแทน...มันคืออะไรกันครับ?

                พอเห็นผมหน้าหงิก ป๊าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นจึงค่อยๆหยุดขำพลอยทำให้คนอื่นเงียบลงตาม คราวนี้ป๊าเริ่มทำหน้าจริงจังเป็นการเป็นงานขึ้น

                “ในเมื่อป๊ากับเฮียเห็นว่าลื้อทำงานได้ดีเกินคาด ป๊าเลยอนุญาตให้อาตัสมอบงานเกี่ยวกับคนที่ชื่อนาฟีอัสให้กับลื้อ ตกลงไหม?”

                “ตกลงดิป๊า!!” ผมแทบจะตะโกนตอบรับป๊าพร้อมกับกระโดดโลดเต้นไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคนอื่นนะ...ไม่เหลือ

                “แต่ลื้อต้องสัญญานะ ว่าลื้อจะเห็นงานสำคัญกว่าความรู้สึกส่วนตัว...เพราะงานนี้ห้ามเสียเด็ดขาด” ป๊าพูดเสียงเข้มแถมท่าทีที่ดูเคร่งเครียดจนผิดปกติเริ่มทำให้ผมใจเสียกับเนื้อหางานที่กำลังจะได้รับมอบหมาย

                แต่ยังไงแค่ได้เจอหน้าเนฟอีกครั้ง...มันก็คุ้มที่สุดแล้วแหล่ะครับ ฮะๆ

                “ว่าไงว่าตามนั้นเลยป๊า ตินจะทำให้งานนี้ดีที่สุด” เพียงแค่ผมได้รู้ว่าจะมีโอกาสที่ได้เจอคนที่เคยให้คำสัญญานั่นอีกครั้ง ใจผมก็ที่เคยห่อเหี่ยวก็เริ่มจะกระชุ่มกระชวยขึ้นทันที

                “อืม...งั้นลื้อก็ไปอ่านข้อมูลก่อนแล้วกัน แล้วค่อยไปเก็บกระเป๋าเพราะงานนี้ลื้อต้องไปทำถึงอเมริกาเลย” ระหว่างที่ป๊าพูด ป๊าก็สีหน้าเหมือนหนักใจไปด้วยจนผมอดถามไม่ได้

                “ทำไมป๊าทำหน้าเครียดงั้นอ่ะ ตินได้ไปเจอคนที่รอมาตั้งนานป๊าไม่ดีใจเหรอ”

                “ไอ้ดีใจน่ะ ป๊าก็ดีใจด้วย แต่ป๊าแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของลื้อมากกว่าต่างหาก” ว่าจบม๊าก็พยักหน้าตามไปด้วย   

                “อืม...เอาอย่างนี้ไหมเฮีย ให้อาตัสไปดูแลอาตินด้วย” ม๊าหันไปคุยกับป๊าด้วยสีหน้าเป็นกังวลด้วย ก่อนที่ทั้งสองจะได้ข้อสรุปผมก็เดินไปหาเฮียตัสเพื่อขอดูข้อมูลที่ได้รับมา

                “เฮียๆ ไหนอ่ะงานของเนฟ” ผมสะกิดเฮียโอตัสเบาๆ

                “แปปนึงนะ มันซ้อนๆอยู่แถวนี้แหล่ะ เฮียดูแปปนึง”

                “โอเค รอตรงนี้นี่แหล่ะ...โคตรตื่นเต้นเลยว่ะเฮีย” ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้หัวใจผมพองโตแค่ไหน มันแทบจะทะลุออกมาล้นหน้าอกข้างซ้ายของผมแล้วด้วยซ้ำ

                “รู้แล้วๆ” รู้สึกว่าพี่ชายบังเกิดเกล้าของผมจะเกิดอาการหมั่นไส้ จึงทำเป็นค่อยๆเปิดหางานช้าๆ เอื่อยเฉื่อยซะผมหงุดหงิด

                เดี๋ยวก็โดนรอยข่วนพิฆาตของอัลตินหรอกเฮีย ฮึ่ย!

                “อ่ะนี่ไง...เอาไปๆ” เฮียตัสยื่นกระดาษเอสี่สองสามใบที่แสดงถึงประวัติและข้อมูลต่างๆของผู้จ้างงานนี้ ซึ่งโดยรวมแล้วผมมองไม่เห็นคำว่าเนฟ หรือ นาฟีอัสเลยสักตัว เมื่อผมทำท่าจะโวยเฮียตัสจึงชูนิ้วชี้แล้วม้วนทีนึงเชิงให้เปิดดูหน้าต่อไป

                และเมื่อผมทำตามก็ทำให้พบคำว่า นาฟีอัส เต็มๆ...พร้อมรูปถ่ายของเจ้าตัวที่ตอนนี้ดูจะฮอตมากในหมู่สาวฝั่งตะวันตก หน้าคมได้รูป ดวงตาสีเขียวมรกตสุกใสจนทำให้คนที่มองผ่านภาพถ่ายเกิดความรู้สึกคล้ายจะหลงใหลบุคคลในภาพมาก คิ้วที่เรียงกันได้อย่างลงตัวรวมถึงจมูกโด่งตามสไตล์ของคนต่างประเทศ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนหากก็ดูเป็นคนสุขภาพดี เครื่องหน้าที่เมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นไร้ที่ติ

                ผมเจอเขาแล้ว... เนฟีอัส เนฟ แอลอส

     

    --

    #TALK

    โอเคสรุปพลอยดองทุกเรื่อง ;____; ฮือออออ

    ไม่รู้ว่าจะว่างตอนไหนหรือว่าทำอะไร แต่ถ้าเป็นไปได้พลอยจะหาเวลามาแต่งแล้ว

    มันอยากแต่งนะ แต่ปล่อยจนลืมเรื่องไปแล้ว กรี๊ดดด T[]T

    สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะลีดทุกคนนนนนนน <3

     

               

               

     

     

               

               

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×