ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Giant Baby

    ลำดับตอนที่ #2 : giant baby ; one

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 298
      0
      5 พ.ค. 56










     

     

    chapter one;
    : มีคำหยาบเล็กน้อย ขออภัยด้วยนะคะ :

     












    ในเช้าวันจันทร์ที่แสนวุ่นวาย ผู้คนมากมายต่างพากันเดินทางออกไปทำหน้าที่ของตน บ้างก็ไปทำงาน บ้างก็ไปเรียน และเพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ถนนหนทางก็ดูจะคราคร่ำไปด้วยรถยนต์เสียทุกสาย เช่นเดียวกันกับร่างสูงคนนี้ที่ต้องไปเรียนเป็นวันแรกในระดับชั้นอุดมศึกษา เพียงแต่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาจากเตียงเอาเสียเลย เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่มันจะถูกปิดไปพร้อมๆกับร่างสูงที่ลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นห้อง

     

     


     

    "โอ๊ยยยย ตัวเล็ก ถีบพี่แบบนี้อีกแล้วนะ พี่เจ็บนะครับ!!" ร่างสูงเงยหน้ามอง 'ตัวเล็ก'  ที่ว่าพร้อมกับทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บปวดที่ถูกคนเป็นน้องถีบลงมาจากเตียง

     

     

     
     

    "ถ้าตัวเล็กไม่ถีบแล้วพี่จะตื่นมั้ย ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกต้องไปแต่เช้านะพี่คริส"
    ว่าแล้วคนตัวเล็กก็รีบวิ่งมาฉุดแขนคนตัวโตให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะรุนหลังพี่ชายให้เข้าห้องน้ำไปอย่างยากเย็น ร่างเล็กยืนถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องของพี่ชายคนโตมาหยุดที่หน้าห้องถัดไปแล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ส่งสัญญาณใดๆให้คนข้างในทราบ ร่างเล็กทอดถอนหายใจอีกครั้งแล้วส่งเสียงเรียกคนที่หลับอยู่บนเตียง

     

     


     

     

    "ฉันรู้ว่านายตื่นแล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้"
    สองขาก้าวเข้าไปใกล้ ก่อนจะใช้ดวงตากลมโตก้มลงสังเกตใบหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นฝาแฝดของเขา หากแต่ใบหน้าของทั้งคู่กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดวงตาเรียวที่กำลังปิดสนิทแต่สำหรับเขาไม่ว่าจะดูอย่างไรก็รู้ว่าแกล้งหลับ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉยจึงเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิดก่อนที่ขาเล็กจะยกขึ้นเตรียมออกแรงถีบ หากแต่แรงฉุดที่ขาข้างนั้นทำให้ตัวเขาเสียหลักล้มลงไปทับอีกฝ่ายที่นอนอยู่บนเตียง

     


     

     

    "แบคฮยอน ไม่เล่นนะ มันจะสายแล้ว"
    ร่างเล็กพูดพลางพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็สู้แรงของอีกฝ่ายที่กอดรัดเขาไว้แน่นไม่ได้เลย ดวงตากลมถลึงใส่คนข้างล่างที่ยังคงยิ้มแป้นไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ ซ้ำยังค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้จนต้องย่นคอหนี กระซิบเสียงแผ่วเบาที่ริมหูก่อนที่คนตัวเล็กจะรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นเบาๆที่แก้มขวา เรียกริ้วแดงให้ปรากฏบนใบหน้าหวานได้ไม่ยาก ดวงตาเรียวของอีกฝ่ายยกยิ้มกว้างจนเกิดเป็นเส้นเดียว ก่อนจะยอมปล่อยให้เขาออกจากอ้อมแขนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้น้องชายฝาแฝดตัวเล็กนั่งลูบใบหน้าแดงก่ำอยู่คนเดียวบนเตียง

     

     

     




     

    'มอนิ่งคิส....คยองซู จุ๊บ'

     

     

     

     
     

     

     

    กว่าสามพี่น้องจะออกจากบ้านได้ก็เป็นเวลาเกือบสายมากแล้ว พี่ชายคนโตจึงรีบบึ่งรถไปส่งน้องชายทั้งสองที่โรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ รถยนต์คันหรูขับมาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยโซล ก่อนที่คนขับรถจะเอี้ยวตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ

     
     

     

    "ตอนเย็นมีกิจกรรมรับน้องในสายน่ะ พี่คริสกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวตัวเล็กกลับกับแบคฮยอนเอง"
    พี่ชายคนโตพยักหน้ารับคำ โน้มใบหน้าไปสูดดมความหอมหวนที่พวงแก้มขาวทั้งสองข้างของน้องคนเล็กอย่างที่ทำประจำก่อนจะหันไปหาน้องชายอีกคนที่นั่งอยู่เบาะหลัง

     
     

     

    "ดูแลตัวเล็กดีๆล่ะไอ้เตี้ย พาน้องกลับดึกล่ะตายแน่"
    มือยาวเอื้อมมาขยี้กลุ่มผมสีน้ำตาลเบาๆ สำหรับน้องชายคนนี้ คริสคุ้นชินกับการแสดงความรักที่ออกจะรุนแรงไปสักหน่อย จะให้เขามาหอมแก้มเหมือนอย่างที่ทำกับคยองซูก็รู้สึกแปลกๆเกินไป แบคฮยอนได้แต่พยักเพยิดรับคำของพี่ชายก่อนจะเปิดประตูรถลงไป รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนเป็นพี่ที่มองตามน้องชายทั้งสองคนซึ่งกำลังเดินเข้าโรงเรียนไป คนที่มีความสูงมากกว่าใช้มือข้างหนึ่งโอบไหล่อีกฝ่ายที่มีความสูงน้อยกว่าให้เดินเข้ามาใกล้ชิดกัน เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินไปจนลับสายตาแล้วจึงค่อยๆแตะคันเร่งให้รถยนต์ขับเคลื่อนไป

     


     

     

    ‘เป็นพี่น้องที่ดูจะรักกันมากเกินไปหน่อยนะว่าไหม?’

     

     

     
     

    ชายหนุ่มตัวสูงเดินเข้ามาในบริเวณมหาวิทยาลัยโซล เรียกสายตาหลายคู่ให้จับจ้องไปที่เขา ริมฝีปากกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย มือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมที่ถูกย้อมเป็นสีทองของตน เขาเคยชินเสียแล้วกับสายตาของทุกคนที่มองมาที่เขาเป็นจุดเดียวแม้จะเพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่เป็นวันแรกก็ตาม ก็เขาออกจะหล่อขนาดนี้ คนที่ไม่มองมาน่ะสิแปลก

     

     

    ดวงตาคมสอดส่องหาเพื่อน เมื่อหันไปพบคนที่คุ้นเคยจึงเดินไปหาก่อนจะทรุดตัวนั่งลง คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วส่งสายตาเอือมระอามาให้

     

     
     

    "เลิกเก๊กซักวันได้ไหมวะ กูรำคาญ"
    เซฮุน  เพื่อนสนิทของคริสกล่าวขึ้นพลางทำหน้าบึ้งตึง คิ้วทั้งสองข้างขมวดชนกันก่อนจะก้มหน้าลงไปให้ความสนใจกับหนังสือในมือต่อ สำหรับเซฮุนแล้วใบหน้าปราศจากรอยยิ้มแบบนี้คือหน้าปกติของเขา แต่สำหรับคนอื่นๆกลับมองว่ามันน่ากลัวเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงมีเพื่อนสนิทแค่เพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งในนั้นก็คือคริสที่คบกันมานานมากตั้งแต่ประถมแล้ว

     

     
     

    "โถ่ มึงยังไม่ชินอีกเหรอวะ อีกอย่างกูก็เปล่าเก๊กสักหน่อย"
    คริสยักไหล่ให้เพื่อน ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนสนิทอีกคน เซฮุนที่รู้ดีว่าเพื่อนมองหาอะไรอยู่จึงเอ่ยปากพูด

     
     

     

    "คงกำลังไปหว่านเสน่ห์สาวๆที่ไหนเหมือนมึงนั่นแหละ เดี๋ยวได้เวลามันก็มาเอง"
    พูดยังไม่ทันจะขาดคำ ร่างโปร่งของใครอีกคนก็วิ่งกระหืดกระหอบมาทรุดนั่งลงข้างๆ วางกองของขวัญที่หอบหิ้วอยู่ในอ้อมแขนมานาน

     
     

     

    "โห นี่มึงมาวันแรกก็ได้ของขวัญขนาดนี้แล้วเหรอวะ"
    คริสอดถามเพื่อนสนิทอีกคนไม่ได้ จงอิน ที่มีใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้กับเขา เพียงแต่ใบหน้าคมเข้มบวกกับผิวสีน้ำผึ้งตามประสาคนที่ชอบเล่นกีฬาจึงทำให้อีกฝ่ายดูจะได้รับคะแนนนิยมไปมากกว่าสักหน่อย จงอินเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับคริสและเซฮุนตั้งแต่ตอนมัธยมปลาย แต่เริ่มมาสนิทกันมากขึ้นก็ตอนเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันและคณะเดียวกันนี่แหละ

     

     
     

    "เฮ้อ คนมันหล่อก็อย่างนี้แหละนะ"
    จงอินกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเริ่มลงมือแกะของขวัญนานาชนิดที่มาจากทั้งรุ่นพี่และเพื่อนรุ่นเดียวกัน

     
     

     

    ปึก....เซฮุนปิดหนังสือที่อ่านไว้ก่อนจะเก็บข้าวของแล้วลุกขึ้นยืน คริสคว้าข้อมือเพื่อนตัวบางที่กำลังจะออกเดินเอาไว้ก่อนจะไถ่ถาม

     

     
     

    "จะไปไหนวะ"

     
     

     

    "พวกมึงไม่ไปเรียนกันเหรอไง นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว"
    จงอินยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนลุกขึ้นยืนบ้าง

     
     

     

    "เออ จริงด้วยว่ะ เฮ้ย ช่วยกูถือของด้วยดิวะ เมื่อกี้แบกมาหนักจะแย่"

     

     
     

    "ของๆใคร คนนั้นก็ถือเองสิ"
    เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนจะบิดข้อมือออกจากการกอบกุมของเพื่อนแล้วเดินหนีขึ้นตึกเรียนไป คริสได้แต่มองตามไปด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

     

     
     

     

    รถยนต์คันหรูขับมาจอดเทียบที่หน้าประตูโรงเรียนประถมสาธิตมหาวิทยาลัยโซล ก่อนที่คนขับรถจะเอี้ยวตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

     
     

    "วันนี้มินมินเลิกกี่โมงครับ เค้าจะได้มารับถูก"
    ชายหนุ่มอายุประมาณสิบเก้าปีพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าออดอ้อนให้กับเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

     
     

    "ในตารางบอกว่าเลิกบ่ายสองฮะ พี่ลู่หานล่ะเลิกเรียนกี่โมง"

     

     
     

    "โอ๊ย ตั้งแต่เที่ยงก็ไม่มีเรียนแล้ว งั้นเดี๋ยวเค้ามารอมินมินที่โรงเรียนเลยแล้วกันนะครับ"
    พูดจบก็ยื่นหน้าทำปากจู๋เข้าไปใกล้กับใบหน้าของอีกฝ่าย

     
     

     

    "พอเลยๆ พี่ลู่หาน ชักจะมากไปแล้ว น้องชายนั่งอยู่ตรงนี้แท้ๆแต่พี่ไม่สนใจเลยได้ยังไง ชานชานจะฟ้องป๊าแน่"
    คนเป็นน้องส่งเสียงประท้วงก่อนที่จะเอื้อมมือไปดันใบหน้าของพี่ชายให้ออกห่างจากใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างคิมมินซอก แรกๆที่โดนบังคับให้สละที่นั่งข้างคนขับให้กับเพื่อนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของพี่ชายต่างมารดาคนนี้ก็โวยวายอยู่หรอกนะ แล้วก็เกือบจะไปฟ้องป๊าแล้วด้วย แต่เป็นเพราะพี่ชายยอมสละห้องนอนห้องใหญ่ในบ้านที่เพิ่งย้ายมาใหม่ให้กับเขาก็เลยยอมรูดซิบไม่ปริปากบอกใครว่าพี่ชายคนนี้กินหญ้าอ่อนที่เป็นถึงเด็กประถมและยังเป็นเพื่อนสนิทของเขาอีกด้วย

     

     
     

    "เฮ้ย ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่สนใจ ก็คุยกับมินซอกอยู่นี่หว่า เอาเหอะๆ เดี๋ยววันนี้เลิกเรียนจะมารับเลย ป๊ากับคุณแม่บอกว่าจะพาพวกเราไปทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านใหม่ด้วย"
    ดวงตากลมค้อนขวับไปที่พี่ชายก่อนจะพยักหน้ารับคำ เมื่อเห็นว่าน้องชายตัวดีลงจากรถไปแล้ว ลู่หานจึงทำหน้าออดอ้อนคนตัวเล็กอีกครั้ง

     
     

     

    "วันนี้เค้าเปิดเทอมวันแรกเลยน๊า อยากได้จุ๊บๆเป็นกำลังใจจังเลย"
    ดูเหมือนว่าการอ้อนของลู่หานจะได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเคลื่อนใบหน้าเข้ามาฝังจูบที่แก้มขวาของเขาอย่างรวดเร็ว ลู่หานยิ้มกว้างก่อนจะหลับตาลงแล้วค่อยๆเคลื่อนใบหน้าของตนหมายจะหอมแก้มอีกฝ่ายบ้าง

     

     
     

    ปังๆๆๆ  เสียงทุบกระจกรถดังขึ้นก่อนที่ประตูรถข้างนั้นจะถูกเปิดออกโดยน้องชายตัวดีแล้วฉุดแขนเพื่อนให้ออกจากรถไป ลู่หานที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรอย่างที่มาดหมายไว้ก็ได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด เงยหน้ามองร่างสองร่างที่กำลังเดินไปด้วยกัน ร่างหนึ่งนั้นเป็นเด็กชายที่มีความสูงตามเกณฑ์ของเด็กประถมทั่วไป อีกร่างหนึ่งนั้นเป็นเด็กชายที่อายุเท่ากันกับอีกคน หากแต่มีความสูงมากกว่าเขาที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเสียอีก

     


     

    ‘ขึ้นมัธยมแกจะสูงสองเมตรเลยไหมวะชานยอล?’

     






     

    เสียงออดดังขึ้นเป็นสัญญานให้รู้ว่าเวลาของการเรียนการสอนในวันแรกได้หมดลงแล้ว เด็กน้อยตัวสูงคว้ากระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพายแล้วรีบคว้ามือเพื่อนตัวเล็กให้ออกจากห้องเรียนไป เพราะตอนเย็นมีการ์ตูนเรื่องโปรดที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด ชานชานจึงต้องรีบกลับไปดู และก็นึกขึ้นได้ว่าจะต้องไปทำความรู้จักกับเพื่อนบ้าน หม่าม๊าจะต้องทำขนมไว้แบ่งคนอื่นๆแน่ๆ แล้วก็คงจะไม่ลืมทำเผื่อไว้ให้ลูกชายสุดที่รักอย่างเขาด้วย ทั้งคู่วิ่งมาหยุดตรงที่ที่นัดกับพี่ชายเอาไว้เป็นประจำแต่ก็ยังไม่พบร่างของอีกฝ่ายที่บอกเอาไว้ว่าจะมารอรับ

     

     

     

     
     

    คริสเร่งฝีเท้าเข้ามาในบ้าน นี่ก็เพิ่งจะหมดเดือนพฤษภาคมไปเอง แต่ทำไมอากาศมัันถึงได้ร้อนขนาดนี้นะ มือเรียวคว้ารีโมทเครื่องปรับอากาศมากดเปิดก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

     


     

     "ไอ้ลูกคนนี้ กลับมาก็ล้มตัวลงนอนเลยนะ แล้วนี่มันเพิ่งจะสามโมงเองจะเปิดแอร์ทำไมค่าไฟได้ขึ้นกันพอดี"
    เสียงแหลมเล็กของคนเป็นแม่ดังขึ้นพร้อมๆกับมือที่ฟาดลงมาที่แขนของร่างสูง

     
     

     

    "โอ๊ยๆๆ ก็อากาศมันร้อนนี่นา"



    "ถ้าร้อนมาก งั้นแกก็จ่ายค่าไฟเองก็แล้วกันนะ ทั้งวันฉันไม่เห็นจะต้องเปิดแอร์ก็ยังไม่รู้สึกร้อนอะไรขนาดนั้นเลย"



    "ก็แม่อยู่บ้านแต่หนูไปทำกิจกรรมตากแดดมานะจะละลายอยู่แล้วเนี่ย ขอเปิดแป๊ปนึงก็ได้"



    "แกช่วยทำงานหาเงินมาจ่ายค่าไฟไหมห๊ะ ไอ้..."
    เสียงกริ่งที่หน้าประตูบ้านเรียกความสนใจจากแม่ลูกที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ คุณนายอู๋มองออกไปทางหน้าต่างก็พบว่าเป็นเพื่อนข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาใหม่จึงออกไปเชิญให้เข้ามาในบ้าน คริสขยับตัวมาเป็นท่านั่งเมื่อเห็นว่ามีแขกมา แม่ของเขาพูดคุยทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านใหม่อย่างถูกคอจนลืมเขาไปเสียแล้ว

     


     

    "อ้อ ลืมแนะนำไปเลย นี่อี้ฝานลูกชายคนโตของฉันค่ะ แต่จะเรียกว่าคริสก็ได้ เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโซลปีแรกนี่เอง ส่วนลูกชายอีกสองคนเรียนอยู่ม.ปลายปีสองแล้ว แต่ว่ายังไม่กลับบ้านเลยค่ะ"

     


     

    "อ้าว จริงเหรอคะ ลูกชายคนโตของฉันก็เพิ่งเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโซลปีแรกเหมือนกัน ส่วนคนเล็กยังเรียนประถมอยู่เลย ไว้วันหลังจะพามาแนะนำบ้างนี่ก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนกันค่ะ"
    ทั้งคู่พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันต่ออย่างเพลิดเพลิน คริสที่ได้แต่นั่งฟังก็รู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกินสำหรับผู้ใหญ่จึงขอตัวขึ้นห้องนอนไป

     

     

     
     


    ชานยอลเดินปึงปังอารมณ์เสียเข้ามาในบ้าน ก็พี่ชายของเขาน่ะสิกว่าจะมารับก็ปาไปสามโมงกว่าแล้ว ไหนบอกมาจะมารอตั้งแต่บ่ายโมงไง อากาศก็ร้อนปล่อยให้คนยืนรออยู่ได้ แล้วกว่าจะไปส่งมินซอกที่บ้าน กว่าจะร่ำลากันอีก เดี๋ยวไม่ได้ดูการ์ตูน ไม่ได้ทานขนมกันพอดี แต่โชคดีที่คุณแม่ทำไว้ให้เขา พลันเห็นคัพเค้กแสนอร่อยของโปรดก็ทำให้อารมณ์เย็นขึ้นมาทันที ระหว่างนั่งทานกันที่โต๊ะคุณแม่ก็เล่าให้ฟังถึงเพื่อนบ้านที่ไปทำความรู้จักกันมา

     

     


    "อ้อ บ้านข้างๆเราเนี่ย ลูกชายคนโตเขาก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยโซลเหมือนกันเลย แม่ว่าทำความรู้จักกันไว้ก็ดีนะลู่หาน"
    ลู่หานหันมายิ้มรับคำแม่เลี้ยงของเขาซึ่งเป็นแม่แท้ๆของชานยอล พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เหมือนกับบางครอบครัว กับน้องชายต่างแม่คนนี้ก็รักกันดี จริงๆแล้วเขาก็หวงน้องคนนี้อยู่ไม่น้อยเพียงแต่แสดงออกไม่เก่งก็เท่านั้นเอง ยิ่งน้องชายของเขาเป็นคนใสซื่อ ไร้เดียงสา ดูจะไม่ค่อยทันคนอยู่ด้วย

     

     

     
     

    ตกเย็นฟ้าที่เคยมีแสงแดดส่องสว่างกลับปกคลุมไปด้วยเมฆฝนที่ทำท่าว่าจะตกลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ชานยอลที่จัดตารางเรียนของวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวจะไปอาบน้ำ



    ปังๆๆๆ 





     

    "ชานยอลนอนยังอะ เปิดให้พี่เข้าไปหน่อยดิ"
    เสียงพี่ชายส่งเสียงเรียกจากหน้าห้องทำให้เขาต้องเดินไปเปิดประตู สีหน้าของพี่ชายแบบนี้มันคือตอนที่อยากจะขอให้เขาทำอะไรให้บางอย่างแน่ๆ

     

     

    "คือแบบ...พี่รู้มาว่าหน้าหมู่บ้านมีร้าน........"
    ลู่หานเขย่งตัวขึ้นไปกระซิบที่หูของน้องชาย

     

     

    "พี่อยากให้ชานยอลไปซื้อมาให้หน่อยนะๆๆ ทีนี้ถ้าอยากได้อะไร พี่จะให้หมดเลยจริงๆนะ"

     

     

    "แต่ชานชานเพิ่งอยู่ป.หกนะ!! พี่จะให้ชานชานไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย แล้วทำไมพี่ถึงไม่ไปเองเล่า"

     

     

    "แค่ดูส่วนสูงของแกก็ไม่มีใครสงสัยอะไรแล้ว แต่ดูพี่ดิเคยเดินเข้าไปเขาก็ไล่ออกมาเลยอะ"

     

     

    "พี่บ้าไปแล้ว หน้าตัวเองก็ไม่ใช่ว่าจะเด็กสักหน่อย อย่ามาๆ"

     

     

    "แกหาว่าฉันหน้าแก่เหรอวะ เห้ย ช่วยพี่หน่อยเหอะ นะๆๆ"

     

     

    "จ้างให้ชานชานก็ไม่ไปหรอก!!!"

     

     

    "ห้าพันวอน..."

     

     

    "ไม่!!!"

     

     

    "เจ็ดพันวอน..."

     

     

    "ไม่ไปโว้ย!!!"

     

     

    "หมื่นวอนเลย เอ้า!!"

     

     

    "ก็บอกว่าไม่ไปไง!!!"

     

     

    "ห้าหมื่น!!!"

     

     

    "โอเค ไปก็ได้!!!"
    ลู่หานแยกเขี้ยวใส่น้องชายที่ยืนยิ้มกว้างแบมือมาให้เขา หนอย ไอ้เด็กเห็นแก่เงิน

     

     

    "นี่เงินเอาไว้ซื้อ ส่วนค่าจ้างต้องซื้อมาให้ก่อนถึงจะได้"
    ชานยอลรับเงินมาจากลู่หานก่อนจะเดินปึงปังออกไป แต่พอนึกว่าเงินห้าหมื่นวอนจะซื้อขนมได้มากมายขนาดไหนแล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมา











    คริสเปลี่ยนช่องในโทรทัศน์ไปๆมาๆแต่ก็ไม่มีอะไรให้เขาดูเลย ยิ่งอยู่ว่างๆแบบนี้ก็ยิ่งน่าเบื่อ เมื่อนึกได้ว่าหน้าหมู่บ้านมีร้านวิดีโอก็ตัดสินใจออกไปซื้ออะไรมาดูเสียหน่อย

     

     
     

    "เชิญค่ะ"
    คริสยิ้มมุมปากพยักหน้าตอบรับการทักทายของพนักงาน ก่อนจะเดินไปที่มุมภาพยนต์

     

     


     


     

    ชานยอลเดินวนไปวนมา หาสิ่งที่พี่ชายเขาจดมาให้ในกระดาษไม่เจอเอาเสียเลย ยิ่งรู้ว่ามันเป็นประเภทอะไรแล้วล่ะก็ใบหน้าหวานก็ยิ่งมีสีแดงแต่งแต้มมากขึ้นเท่านั้น ดวงตากลมเหลือบไปเห็นพนักงานคนหนึ่งที่กำลังจัดของอยู่ไม่ไกลจึงทำใจกล้าเดินเข้าไปสอบถาม พนักงานคนนั้นอมยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินนำไป ชานยอลได้แต่ก้มหน้าก้มตาเดินตาม

     

    'adult video'

     

     

    พนักงานเดินนำชานยอลมาที่มุมวิดีโอประเภทนี้ เขาไม่รู้หรอกว่ามันแปลว่าอะไร ชานชานอ่อนภาษาอังกฤษจะตายไป แต่เท่าที่ไอ้พี่ลู่หานบอกมามันก็คงจะเป็นวิดีโอประเภท......นั่นแหละ พนักงานหยิบวิดีโอมาใส่ในตะกร้าให้ตามที่จดไว้ในกระดาษ ชานยอลได้แต่ก้มหน้าพึมพำว่าขอบคุณก่อนจะรีบวิ่งไปจ่ายเงิน

     

     

     

     

     



     


     

    "โอ๊ย!!"

    "โอ๊ะ!!"


     

     

     



     

     

     

    ขณะที่คริสเดินออกมาจากมุมภาพยนต์นั้นก็มาชนเข้ากับชายคนหนึ่งที่วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ ต่างฝ่ายต่างปะทะกันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ คริสเพียงแค่เซไปนิดหน่อย แต่ในขณะที่อีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น







    'ไอ้นี่วิ่งมาไม่ดูตาม้าตาเรือเลยแฮะ'

    ร่างสูงข่มความไม่พอใจไว้ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อจะช่วยเก็บข้าวของที่กองกระจายอยู่บนพื้นอย่างเสียไม่ได้

     


     'โห รู้แล้วว่าทำไมต้องวิ่ง คงจะอายสินะที่มาซื้อวิดีโออะไรแบบนี้ แถมยังเป็น GV ซะด้วยสิ'

     

     

     

    ร่างสูงเก็บของทั้งหมดลงในตะกร้าก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ แต่ในเสี้ยววินาทีที่เขาหันมานั้นก็สบสายตาเข้ากับอีกคนที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี
    คริสเบิกตาโต เมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆคลออยู่เล็กน้อย พวงแก้มป่องที่ขึ้นสีแดงทั้งสองข้าง ริมฝีปากอิ่มที่เบะออกนิดหน่อย ใบหน้างดงามหมดจดราวกับผู้หญิงนั้นทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

     


     

    "ขะ ขอโทษนะ คือว่า.."
    คริสพูดอย่างตะกุกตะกัก ดวงตากลมโตที่มองมานั้นทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด

     


     

    "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละ!"
    อีกฝ่ายพูดด้วยเสียงห้วนก่อนจะลุกขึ้นมายืนเต็มความสูง ดวงตากลมนั้นยังคงมีน้ำตาคลออยู่ คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน ฟันบนขบกัดอยู่ที่ริมฝีปากล่างอย่างแน่น

     
     

     
     

    คริสแอบใช้สายตาสำรวจในขณะที่คนตรงหน้านี้กำลังก้มดูของในตะกร้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนสูงที่ต่ำกว่าเขาเพียงเล็กน้อยทว่าร่างกายกลับผอมบาง

    ‘อายุเท่าไหร่กันนะ หน้าก็ดูเด็กอยู่หรอกแต่สูงขนาดนี้ คงจะอยู่ประมาณมัธยมปลายล่ะมั้ง’


     

     

     

    ร่างสูงหยุดสายตาของตนเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงจนเป็นเสียงดังฟืดฟาด ก่อนจะรีบเดินหนีไป ร่างสูงได้แต่มองตามไปด้วยความเสียดาย เมื่อนึกว่าจะไม่ได้เจอคนตรงหน้านี้แล้วหัวใจก็เจ็บหน่วงๆแปลกๆ คนๆนี้แตกต่างจากคนอื่นๆอย่างไรนะถึงได้ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดไปจากจังหวะเดิมของมันแบบนี้ ความรู้สึกนี้คืออะไรกัน แม้แต่ผู้หญิงแท้ๆก็ยังไม่เคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย

     

     

     


    คริสตัดใจละสายตาออกจากร่างโปร่งคนนั้นก่อนจะหันไปที่มุมภาพยนต์อีกครั้ง หวังจะหาภาพยนต์ตลกๆมาดูให้ลืมเรื่องราวเมื่อสักครู่ เมื่อได้ตามที่ใจต้องการแล้วก็เดินไปชำระเงิน ขณะนี้ฝนได้ตกลงมาเสียแล้ว โชคดีที่เขาหยิบร่มมาเผื่อด้วย ร่างสูงยืนกางร่มอยู่หน้าร้าน พลันดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนหลบฝนอยู่ใกล้ๆ คริสยกยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว

     

     



    "ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าบ้านคุณอยู่ตรงไหนเหรอ"
    คิ้วของชานยอลที่ขมวดอยู่ถูกทำให้ชิดติดกันมากขึ้นไปอีกเนื่องจากคำถามของร่างสูง เขาลังเลที่จะตอบแต่ด้วยสายตาและรอยยิ้มที่ส่งมาจึงทำให้ยอมเอ่ยปากบอกไป

     



    "อยู่ซอยหกฮะ"


     
     


    "โอ๊ะ ซอยเดียวกันเลยนี่นาให้ผมไปส่งไหม ถือเป็นการไถ่โทษที่ผมเดินชนเมื่อกี้ก็ได้"
    ชานยอลชั่งใจอยู่สักพัก แต่เมื่อเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่ยังคงมีฝนกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้คืนนี้จะได้กลับบ้านหรือเปล่า ถ้าฝ่าฝนออกไปแล้วเป็นหวัดล่ะก็โดนป๊าตีแน่ๆ คิดได้ดังนั้นจึงหันหน้ามาหาร่างสูงอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าตกลง

     

     
     

     
     


    เนื่องจากฝนที่ตกลงมาค่อนข้างหนักทำให้ร่างสองร่างต้องเดินเบียดชิดกันอยู่ใต้ร่ม ต่างฝ่ายต่างก็เงียบไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมา โดยเฉพาะคริสที่ดูเหมือนจะต้องมนต์ไปเสียแล้ว ยิ่งได้มาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายใกล้ๆขนาดนี้ใจก็ยิ่งเต้นแรง สายตามองจ้องแต่ใบหน้าหวานอย่างไม่รู้ตัวจนทำให้เจ้าของรู้สึกถึงความผิดปกติ

     


     
     

    "มองหน้าชานชานทำไมฮะ มีอะไรติดอยู่เหรอ"
    คนหน้าหวานหันมาทำตาโตใส่เขา เล่นเอาคริสไม่รู้จะตอบอย่างไร

     



     

    "อะ เอ่อ คือว่า คุณชื่ออะไรเหรอ ผะ ผมชื่อคริสนะ"

     

     

    "ชื่อชานยอลฮะ ปาร์คชานยอล เรียกว่าชานชานก็ได้ เอ๊ะ ไม่ได้สิๆ หม่าม๊าบอกว่าชื่อนี้ให้คนที่สนิทเท่านั้นที่เรียกได้"
    ชานยอลตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ทำให้หัวใจของคริสกระตุกอีกครั้ง คริสยิ้มตามไปกับความไร้เดียงสาของคนตรงหน้า พลันจะถามถึงอายุอานาม อีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

     

     

    "อ๊ะ ถึงบ้านชานชานแล้ว ขอบคุณคุณคริสมากๆนะฮะที่มาส่ง กลับบ้านดีๆนะฮะ"
    ว่าแล้วร่างโปร่งก็รีบวิ่งเข้าไปในรั้วบ้าน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาโบกมือบ๊ายบายส่งรอยยิ้มกว้างมาให้กับเขาก่อนจะเข้าบ้านไป ทำเอาคริสนิ่งค้างยืนยิ้มโบกมือไปมาอย่างไร้สติอยู่ท่ามกลางสายฝน

     

     

     

     
     


    "คยองซู...ไอ้เฮียมันไปยืนทำอะไรอยู่หน้าบ้านอะ ฝนตกด้วยนี่"
    แบคฮยอนที่นั่งดูโทรทัศน์กับคยองซูอยู่ในห้องนั่งเล่น เหลือบไปนอกหน้าต่างก็เห็นร่างสูงที่คุ้นเคย

     

     
     

    "จริงด้วย แล้วโบกมือกับใครอยู่น่ะ ไปเรียกเข้าบ้านซิ"

     
     





     

    พี่คริส!!”

    “....”

    เฮีย!!”

    “...”

    “เฮียคริส!!”

    “...”

    ไอ้เฮี่ย!!”

    เฮียโว้ย ฮ่งเฮี่ยอะไรไอ้เตี้ย เดี๋ยวเหอะๆ
    คยองซูกับแบคฮยอนส่งเสียงเรียกพี่ชายอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะได้สติ คริสทำหน้าเหรอหราเมื่อเห็นว่าตนมายืนอยู่หน้าบ้านแล้ว คิ้วเข้มขมวดติดกัน สมองประมวลความคิดที่กำลังตีพันกันอย่างยุ่งเหยิง นึกไปถึงคำพูดของคุณนายปาร์คที่พูดเอาไว้เมื่อตอนเย็น รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

     
     

     

    ‘ลูกชายคนโตของฉันก็เพิ่งเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโซลปีแรกเหมือนกัน’






























    มาลงตอนแรกแล้วค่า ต้นฉบับของตอนนี้พระนางเจอกันเพราะนางเอกไปซื้อผ้าอนามัยให้พี่สาวค่ะ
    แต่เค้าเอามาเปลี่ยนซะแบบ.....นะ  ถถถถถถถถ ผิดพลาดยังไงก็ขอโทษนะคะไม่เคยไปซื้อค่ะ 
     #ใสใส
    ขอบคุณทุกคอมเมนท์มากๆเลยนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ




     

     

     

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×