ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Granger’s Diary (ฟิคชั่น แฮร์รี่ พอตเตอร์)

    ลำดับตอนที่ #2 : แด่มิตรภาพ(อวสาน)

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 59


    วันที่ 5 เมษายน



    ตลอดเวลา2เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกทุกข์ทรมานที่สุด รอนไม่คุยกับฉันแม้สักคำเดียว แม้แต่จะมองหน้าสักนิดก็ไม่มี ฉันพยายามหาเรื่องพูดคุยกับเขา แต่รอนหลบเลี่ยงตลอด หนำซ้ำช่วงนี้รอนเลยไม่ได้ไปไหนมาไหนกับแฮร์รี่ด้วยเลยเพราะแฮร์รี่เขามักจะมากับฉัน (ยังดีที่แฮร์รี่เชื่อว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำ ไม่งั้นฉันคงตายทั้งเป็นแน่) และก็ยังมีอีกคน...ที่ไม่เคยทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเลย….



    “สักวันรอนเขาจะต้องเข้าใจคุณครับ” วิกเตอร์พูดแบบนี้เสมอ ฉันเองก็ภาวนาขอให้เป็นเช่นนั้น



    ทีแรกวันนี้ฉันตั้งใจว่าจะไม่ไปดูการแข่งควิดดิชหรอกเพราะไม่อยากจะสู้หน้ารอน แต่การแข่งวันนี้เป็นแข่งรอบชิงถ้วยชนะเลิศกับทีมฮัฟเฟิลพัฟ และแฮร์รี่ก็รบเร้าให้ไปดูด้วย ฉันก็เลยตัดสินใจไปดูสักหน่อย ว่าจะชวนวิกเตอร์ไปด้วยกัน แต่ไม่รู้หายไปไหนของเขา ฉันก็เลยต้องไปคนเดียว



    ที่อัฒจันทร์คนแน่นมาก ฉันเคยคิดกลัวหลายครั้งว่าสักวันมันจะถล่มลงมา ฉันตรงเข้าไปตรงที่ว่างฝั่งกริฟฟินดอร์ แล้วก็เจอวิกเตอร์อยู่พอดี



    “อ้าว วิกเตอร์ มาตั้งแต่เมื่อไร”



    “มาได้พักหนึ่งครับ เฮิร์ม-ไม-โอน-นี่” วิกเตอร์ยืนอยุ่ใกล้ๆกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อเอริล เธอเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ปี5ซึ่งเป็นหัวโจกแฟนคลับของแฮร์รี่ - -คงจะมาเชียร์แฮร์รี่แหงเลย- -



    “หวัดดีจ้ะเอริล ถือกระติกอะไรมาด้วยน่ะเอริล” ฉันเห็นเอริลถือกระติกน้ำไว้ในมือ



    “อ๋อ น้ำพั้นช์น่ะค่ะ  หนูจะให้พี่แฮร์รี่ดื่มหลังจากแข่งเสร็จน่ะค่ะ” เอริลหน้าแดงเล็กน้อย - -ร้ายกาจจริงๆเพื่อนฉัน มีแฟนคลับมาคอยเสิร์ฟน้ำถึงขอบสนามเลยแฮะ…..- -



    การแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด เสียงเชียร์ของแต่ละทีมกระหึ่มขึ้นขณะที่ในสนามแข่งนั้นนักกีฬาทุกคนก็เล่นกันอย่างสุดความสามารถ ดูเผินๆก็คงจะเหมือนการแข่งครั้งนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง... วันนี้รอนดูแปลกไป ดูเหมือนเขาไม่สามารถบังคับไม้กวาดให้ไปตามทางที่เขาต้องการได้ ฉันเห็นจังหวะหนึ่งที่รอนพยายามหักไม้กวาดไปทางขวาเพื่อกันลูกควัฟเฟิลไม่ให้เข้าห่วง แต่ไม้กวาดกลับแล่นไปทางซ้าย และบางที เขาก็เกือบจะตกจากไม้กวาดเพราะมันจะหันไปในทิศตรงข้ามกับที่เขาต้องการ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่การแข่งเริ่มขึ้นแล้ว แต่ดูท่าทางคนที่เห็นส่วนใหญ่คิดว่ารอนทำพลาดเองจริงๆ มีแต่ฉันคนเดียวที่ไม่ได้คิดแบบนั้น



    “เกิดอะไรขึ้นกับรอนน่ะ ทำไมเป็นแบบนั้น”



    “ท่าทางเขาจะบังคับไม้กวาดไม่ได้เลยนะครับ” วิกเตอร์คิดเหมือนฉัน รอนไม่สามารถกันลูกควัฟเฟิลได้เลยแม้แต่ลูกเดียว จนกระทั่งการแข่งผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ ทีมฮัฟเฟิลพัฟที่กระหน่ำบุกทำคะแนนนำจากการยิงลูกควัฟเฟิลได้ 200:50 คะแนน ตายล่ะ ต่อให้แฮร์รี่จับลูกสนิชได้ก่อน ก็จะได้แค่เสมอ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ต้องไม่ปกติแน่ๆ ......ทางแก้ตอนนี้คือทีมเราจะต้องยิงลูกควัฟเฟิลให้ได้มากกว่า1ลูกแล้วจับลูกสนิชให้ได้จึงจะชนะได้....  



    “เยี่ยมไปเลย!! จินนี่ วิสลีย์ คนสุดท้องของตระกูลหัวแดงวิสลีย์ ทำคะแนนให้กับกริฟฟินดอร์ไปอีก10คะแนนแล้วครับ” คอลิน คลิฟวีย์(เป็นโฆษกแทนลี จอร์ดัน)ตะโกนขึ้น .....ขอร้องเถอะ แฮร์รี่ รีบจับลูกสนิชให้ได้เถอะ ไม่งั้นเราแพ้แน่ๆ……



    ขณะที่ฉันกำลังภาวนา ซีกเกอร์ของทีมฮัฟเฟิลพัฟ(ฉันไม่รู้จัก เขาเป็นเด็กใหม่)ดูเหมือนจะเจอลูกสนิชแล้ว เขาพุ่งจากอีกฝั่งหนึ่งของสนามไปทางห่วง3ห่วงที่รอนประจำอยู่ แฮร์รี่เองคงเห็นเช่นกัน เขาพุ่งตามไปติดๆ แฮร์รี่กับเด็กคนนั้นไล่เบี้ยกันอย่างสูสี ขณะที่ทั้งคู่กำลังอ้อมไปหลังห่วง3ห่วง แฮร์รี่ก็ขึ้นแซงได้และกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าลูกสนิช ......รีบคว้าเลย..แฮร์รี่... รีบคว้า!!



    ผลั่ก!! - - โอ้ ...ไม่นะ...- - รอนกันลูกควัฟเฟิลพลาดอีกแล้วและมันก็พุ่งไปกระแทกเข้าที่ข้างเอวของแฮร์รี่ จนทำให้เขาเสียหลักและพุ่งลงไถกับพื้นไปไกล



    “โอ้ พระเจ้า แซม คัลกิน ทีมฮัฟเฟิลพัฟ คว้าลูกสนิชได้แล้วครับ! ฮัฟเฟิลพัฟชนะ!!” เสียงเฮของกองเชียร์ทีมฮัฟเฟิลพัฟเฮสนั่น แต่ตอนนั้นฉันไม่สนอะไรทั้งนั้น - -รีบลงไปดูแฮร์รี่ดีกว่า จะเป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย- -



    แฮร์รี่โอดครวญและพยายามดันตัวเองลุกขึ้นอย่างลำบาก ฉันกำลังจะเข้าไปช่วย แต่ เอริลพุ่งไปถึงตัวแฮร์รี่ก่อนใคร



    “พี่แฮร์รี่คะ เจ็บมากมั้ยคะ กินน้ำก่อนนะคะ” เอริลจัดการป้อนน้ำในกระติกของเธอโดยที่แฮร์รี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร รอนลงจากไม้กวาดแล้วรีบวิ่งมาหาแฮร์รี่



    “แฮร์รี่ นายเป็นอะไรรึเปล่า ฉัน....” รอนยังพูดไม่ทันจบ แฮร์รี่ก็ขว้างกระติกน้ำของเอริลลงพื้นแล้วพุ่งเข้าชกรอนทันที!!! - ...โอ้..พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น....- -



    “รอน! นายเป็นคีปเปอร์ประสาอะไรฮะ!! ปล่อยให้ลูกควัฟเฟิลเข้ามาได้ทุกลูกน่ะ” - -ทำไม แฮร์รี่ดูเกรี้ยวกราดขนาดนี้ได้ เหมือนไม่ใช่แฮร์รี่เลย- - รอนจับปากตัวเอง เขาเลือดออกด้วย



    “นี่แฮร์รี่! ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นะ ฉันบังคับไม้กวาดไม่ได้ มัน…..” รอนพยายามอธิบายกลับ



    “ก็เพราะนายมันห่วยน่ะสิรอน ฉันจำได้ว่า ฉันไม่มีเพื่อนห่วยๆอย่างนาย” แฮร์รี่จ้องรอนอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ......- -นี่แฮร์รี่! มันจะมากเกินไปแล้วนะ- - ฉันชักโกรธขึ้นมาแล้วในตอนนั้น



    “แฮร์รี่ นายว่ารอนแรงเกินไปแล้วนะ”



    “ก็มันจริงนี่เฮอร์ไมโอนี่ คนแบบเนียะ ฉันไม่น่าคบเป็นเพื่อนเลย” แฮร์รี่พูดอย่างไม่มีเยื่อใย ฉันเห็นแววตาของแฮร์รี่ แววตาของเขามีแต่ความเกรี้ยวกราดและเย็นชา ไม่มีความเป็นมิตรเหลืออยู่เลย - -นี่มันอะไรกัน- - ฉันหันไปมองรอน รอนกำลังยืนตัวสั่นด้วยความโกรธเช่นกัน



    “ดี!! งั้นต่อไปนี้เราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน!!” รอนตะโกนลั่นแล้ววิ่งหายไป



    “เออ ดี!! ได้อย่างงั้นก็ดี!!” แฮร์รี่ตะโกนตามหลังรอนแล้วเอามือกุมขมับ ฉันไม่เข้าใจแฮร์รี่เลย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้



    “แฮร์รี่ ทำไม เธอทำแบบนี้”



    “หยุดพุดได้แล้ว เฮอร์ไมโอนี่ ฉันรำคาญ!” แฮร์รี่ตะคอกใส่ฉันจนฉันสะดุ้ง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่นา…



    “ฉัน...ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะพาลแบบนี้” ฉันรู้ตัวเลยว่าเสียงเริ่มสั่น



    “ฉันเป็นแบบนี้แหละ!! ในเมื่อเธอรู้ ก็อย่ามายุ่งซะสิ ฉันรำคาญเต็มทน กับการที่มีเพื่อนอย่างเธอ พวกเลือดสีโคลน!!” แฮร์รี่ตะคอกไม่หยุด..... เลือดฉันขึ้นหน้าทันที



    เพียะ!! ฉันรู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป ฉันไม่คิดเลยว่าคำๆนี้จะออกมาจากปากของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุด..... ไม่คิดเลยจริงๆ แฮร์รี่เซจากการถูกตบไปเล็กน้อย แล้วเขาก็เงื้อมือทำท่าจะสวนกลับ แต่วิกเตอร์ดึงมือเขาไว้ทัน น้ำตาเริ่มอาบแก้มฉัน - -แฮร์รี่ เธอคิดจะทำร้ายฉัน!! นี่มันมากเกินไปแล้ว เกินกว่าที่จะอภัยได้ ฉัน....ฉันเองก็ไม่มีเพื่อนแบบนี้เหมือนกัน.......ฉันสาบาน!!!- -



    “แฮร์รี่ …ฉันเกลียดเธอ!!” พูดจบ ฉันก็วิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต.....- -.....ทำไม..ปีนี้ ช่างเป็นปีที่โหดร้ายเหลือเกิน...........- -







    ***********************







    วันที่ 30 เมษายน



    ฉัน แฮร์รี่ รอน และมัลฟอยต้องอยู่ห้องพยาบาลตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มาดามพรอมฟรีย์บอกให้พวกเรานอนที่นี่เป็นวันสุดท้าย และเธอก็เพิ่งอนุญาตให้ฉันเขียนไดอารี่ได้ ฉันว่างเว้นจากการเขียนไดอารี่ไป1สัปดาห์เต็มๆ มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายก่อนที่พวกเราทั้งสี่คนจะต้องมาอยู่ที่ห้องพยาบาล ฉันจำเป็นจะต้องเก็บเรื่องราวเหล่านั้นไว้ ฉันคิดว่าฉันควรจะจดจำมันไปจนตายเลยทีเดียว...



    .....ฉันจึงต้องเขียนย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.....



    มันเหมือนกับฝันร้ายที่ฉันกับเพื่อนรักทั้งสองนั้นแตกหักกัน ฉันต้องทนทุกข์ทรมานกับการที่จะต้องพยายามไม่สนใจว่าแฮร์รี่หรือรอนจะไปไหน ทำอะไร ยังไง...



    “เขาทำกับคุณรุนแรงเกินไปครับ ยากที่จะให้อภัย” วิกเตอร์พูดแบบนี้เสมอซึ่งฉันก็เห็นด้วย ความจริงแฮร์รี่พยายามจะเข้ามาพูดคุยกับฉันเหมือนปกติอยู่หลายครั้ง แต่ฉันคิดว่าฉันคงจะให้อภัยเขาได้ยากเหลือเกิน ยิ่งตอนที่ฉันนึกภาพตอนที่แฮร์รี่เงื้อมือจะทำร้ายฉัน ฉันยิ่งรู้สึกเสียใจจนน้ำตาไหลออกมาและไม่สามารถให้อภัยเขาได้ ส่วนรอน เดี๋ยวนี้เขาไปจับกลุ่มกับดีนและเชมัสแล้ว และไม่สนใจใยดีฉันหรือแฮร์รี่เลยแม้แต่น้อย แฮร์รี่เองก็ได้แต่ไปไหนมาไหนคนเดียว - -ไม่อยากเชื่อเลย ว่ามิตรภาพของเราสามคนช่างเปราะบางและแตกหักง่ายขนาดนี้- - ทุกครั้งที่ฉันนึกถีงเรื่องนี้ น้ำตามันก็ไหลออกมาทุกที...



    พอดีวันนั้นตอนเย็นฉันมีธุระกับศจ.มักกอนนากัลซึ่งท่านกำลังคุยธุระอยู่กับมาดามพรอมฟรีย์ เมื่อฉันเสร็จธุระแล้วก็กำลังจะเดินออกมาจากห้องพยาบาลแต่มาดามพรอมฟรีย์เรียกซะก่อน...



    “เดี๋ยวก่อนมิสเกรนเจอร์ ฉันฝากยาไปให้มิสเตอร์พอตเตอร์หน่อย ฉันสั่งยาให้เขาไว้แต่เขาลืมหยิบไปน่ะ”



    “ยา?? แฮร์รี่เป็นอะไรเหรอคะมาดาม” ฉันคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับบาดแผลจากที่เขาโดนลูกควัฟเฟิลกระแทกจนตกไม้กวาด แต่กลับไม่ใช่...



    “ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ ผลข้างเคียงจากน้ำยาเคืองโกรธในวันที่แข่งควิดดิชน่ะ เลยเกิดผลข้างเคียงกับร่างกายเขา ต้องทานยารักษาราวๆ1เดือนน่ะจ้ะ นี่จ้ะยา” ฉันอึ้งไปสักพักแล้วรับยาจากมาดามมาไว้ในมือ....ภาพที่เอริลป้อนน้ำให้แฮร์รี่ในวันที่แข่งควิดดิชรอบชิงผุดขึ้นมาในสมองของฉันทันที - - -....แฮร์รี่ต้องโดนวางยาชนิดนี้แน่ๆ ...มิน่า.....วันนั้นแฮร์รี่ถึงได้เกรี้ยวกราดผิดปกติ อย่างนี้นี่เอง ใครกันนะที่ทำแบบนี้ คงไม่ใช่เอริลแน่ เธอคลั่งแฮร์รี่จะตาย....  โธ่!!! ทำไมฉันนึกไม่ถึงนะ นี่ฉันเข้าใจเขาผิดมาตลอดเลยหรือนี่... ไม่ได้การล่ะ...ต้องรีบไปขอโทษเขา.......- - -



    ฉันรีบจ้ำอ้าวมาถึงห้องนั่งเล่นกริฟฟินดอร์ แต่กลับไม่มีใครอยู่เลยนอกจากจินนี่



    “จินนี่ แฮร์รี่ล่ะ”



    “เห็นออกไปเมื่อกี้นี้ค่ะ ไม่รู้ไปไหน” จินนี่ตอบกลับมา - -....ไปไหนของเขานะ....- - ฉันยืนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็เหลือบไปเห็นเศษกระดาษแผ่นหนึ่งตกอยู่ใต้โซฟา ฉันจึงก้มลงเก็บแล้วเปิดอ่านดู



    แฮร์รี่ พอตเตอร์



                        เจอกันที่สนามหน้าโรงเรียน ถ้ายังอยากให้มิตรภาพของแกกลับคืนมา



    - -แฮร์รี่นัดกับใครสักคนที่หน้าปราสาทงั้นหรอ คนนั้นไม่ได้ลงชื่อด้วย ใครกันนะ.....- - ฉันรีบก้าวออกมาจากห้องแล้วตรงไปที่ประตูทางออกของปราสาททันที



    เมื่อฉันลงมาถึงหน้าปราสาท ฉันก็เห็นแฮร์รี่คุยอยู่กับใครบางคนอยู่ ฉันจึงหลบเข้าหลังพุ่มไม้ที่อยู่หน้าปราสาท…



    “วิกเตอร์งั้นเหรอ??” ฉันแปลกใจมาก วิกเตอร์เนี่ยนะ ที่เขียนจม.แบบนั้นนัดแฮร์รี่ลงมา ทั้งคู่ดูซีเรียสมาก โดยเฉพาะแฮร์รี่ และดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ทันสังเกตเห็นฉัน....



    “นายเรียกฉันมาทำไม แล้วจดหมายนั่น หมายความว่าไง ครัม!” แฮร์รี่ดูเป็นปกติแล้วถ้าเทียบกับวันที่แข่งควิดดิชวันนั้น แล้วเขาก็ดูเครียดมากกว่าทุกครั้งที่ฉันเคยเห็นด้วย



    “หึๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” วิกเตอร์หัวเราะแปลกๆ - -ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้- - แล้วเขาก็พูดต่อ



    “ถ้าแกอยากรู้ก็ตามฉันมาสิ กล้ามั้ยล่ะ!!” วิกเตอร์ยิ้มเยาะในแบบที่ฉันไม่เคยเห็น แล้วเขาก็หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วจู่ๆก็เกิดเสียงครืนนนน....... น้ำในทะเลสาบเดิอดพล่าน เหมือนกับว่ามันเป็นกระทะร้อนใบใหญ่ยักษ์ยังไงยังงั้นเลย แล้วน้ำในทะเลสาบก็เริ่มบิดตัวกลายเป็นน้ำวนลึกลงไปอยู่ใจกลางทะเลสาบ และมีแสงเรืองขึ้นมาจากใต้น้ำวนนั่นด้วย...........ฉันได้แต่มองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง.....ตอนนั้นฉันได้แต่คิดว่า นั่นไม่ใช่วิกเตอร์แน่ๆ อาจจะเป็นคนอื่นที่ปลอมตัวมาก็ได้...



    วิกเตอร์หันกลับหลังแล้วก้าวลงไปในทะเลสาบ แล้วเดินตรงไปยังใจกลางน้ำวนนั่น ก่อนที่จะหันกลับมาทางแฮร์รี่



    “ถ้าแกกล้า และยังอยากได้เพื่อนของแกกลับมา ก็ตามมาสิ พอตเตอร์!!” วิกเตอร์ตะโกนแล้วกระโดดลงไปในหลุมน้ำวนนั้น แฮร์รี่เองก็ไม่รีรอ เขาวิ่งตามและกระโดดตามวิกเตอร์เข้าไปทันที



    “ไม่!!! แฮร์รี่ อย่าไป.......” - -มันต้องไม่ปลอดภัยแน่ๆ- - ฉันพรวดพราดออกไป แล้ววิ่งตามแฮร์รี่ในทะเลสาบทันที แต่ก่อนที่ฉันจะกระโดดลงไปในน้ำวน ก็เหมือนกับมีใครฉุดฉันไว้….



    “ไม่ได้นะเกรนเจอร์ อย่าทำอะไรโง่ๆ” - -... มัลฟอยเหรอ?? นายเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย แล้วมาฉุดแขนฉันไว้ทำไมกัน....- - หลุมน้ำวนก็กำลังเล็กลงๆทุกที แสงที่เรืองอยู่ใต้น้ำวนก็ริบหรี่ลงเรื่อยๆ....



    “ฉันจะไปตามเพื่อนฉัน นายอย่ามายุ่ง!!!” ฉันรีบสะบัดแขนแล้วกำลังจะกระโดดลงไปแต่......



    “นี่นาย!! ปล่อยชั้นนะ” มัลฟอยโอบรอบเอวฉันไว้อย่างเร็ว ฉันตกใจมาก



    “นี่เกรนเจอร์ ถ้าเธอลงไป เธออาจจะไม่ได้กลับขึ้นมาเลยก็ได้นะ....ไม่เห็นรึไง ว่าแหวนของเธอ มันเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้วน่ะ!!!” มัลฟอยตะโกนใส่ฉัน ฉันอึ้งไปวูบหนึ่งแล้วรีบก้มลงมองไปที่แหวน.. มันร้อนและเปลี่ยนเป็นสีส้มจริงๆ- - -หมายความว่า มัลฟอย...เป็นคนให้แหวนมางั้นเหรอ  เป็นไปไม่ได้- - -ฉันเงยหน้ามองเขา หน้าของเขาเป็นสีชมพู มัลฟอยอ้าปากพูดต่ออย่างยากลำบาก



    “พ..พอตเตอร์มันทำร้ายเธอขนาดนั้น ยังอยากจะไปช่วยมันอีกหรือไง!!!!!!!” .....ฉันได้ยินแบบนั้นก็ยัวะขึ้นมาทันที ฉันจึงดิ้นสุดแรง ......



    “ยังไงซะ เขาก็ยังเป็นเพื่อนรักของฉัน นายห้ามฉันไม่ได้หรอก” พอพูดจบ ฉันก็หันกลับหลังแล้วกระโดดลงไปในหลุมน้ำวนที่เกือบจะปิดสนิทลงไปทันที



    ฉันจำได้ว่ามันเหมือนกับมีแรงมหาศาลมาฉุดตัวฉันลงไปอย่างรวดเร็ว ความเยือกเย็นไหลผ่านตัวฉันไปอย่างรวดเร็วจนฉันแสบผิวไปหมด และฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างโอบรอบตัวฉันไว้ด้วย



    ตุ้บบ!! ตัวฉันกระแทกลงบนอะไรบางอย่างที่นุ่มเกินกว่าที่จะเป็นพื้น ฉันรีบตั้งสติแล้วลุกขึ้นจึงเห็นว่าตัวฉันทับร่างของมัลฟอยอยู่!!



    “นี่นาย.....ตามลงมาทำไม... แล้ว..นายมารองรับฉันไว้ทำไมเนี่ย” ฉันงงกับการกระทำของเขามาก เขาลุกขึ้นนั่งช้าๆแล้วพูดอย่างหน่ายๆ



    “ก็ตกลงมาตั้งสูงขนาดเนียะ มีหวังเธอได้คอหักตายพอดี” เขาพูดแปลกๆ.. หน้าของฉันร้อนผ่าว.....ดูเหมือนกับ.....เป็นห่วงฉันงั้นแหละ......ไม่ใช่หรอก แต่ฉันเห็นเขาหูแดงนิดๆนะ  ฉันกำลังจะอ้าปากถามเขาแต่ก็เปลี่ยนใจ



    “ที่นี่ที่ไหนกัน แล้ว แฮร์รี่อยู่ไหน” ฉันเริ่มกังวล แล้วลุกขึ้นเดินไปรอบๆด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ที่นี่เหมือนเป็นถ้ำหินสีดำเก่าๆสลัวๆ มีตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มผนัง แล้วฉันก็เห็นทางเข้าแคบๆมืดๆอยู่หลายทาง แต่มีอยู่ทางหนึ่งมีเสียงคนพูดคุยเล็ดลอดออกมา ฉันจึงตรงเข้าไปอย่างไม่รีรอ ส่วนมัลฟอย เขายืนขึ้นแล้วเดินตามฉันมา - -..แฮร์รี่จะเป็นยังไงบ้างนะ- -



    ฉันกับมัลฟอยไม่พูดอะไรเลยจนเดินมาถึงทางออก ฉันเกือบจะก้าวพลาดตกลงไปแล้วเพราะมันเชื่อมต่อกับห้องโถงหินขนาดใหญ่ซึ่งมีพื้นต่างระดับซึ่งต่ำจากทางที่ฉันเดินมาอยู่มาก ดีที่มัลฟอยดึงไว้ทัน



    “ขอบใจนะ”....”ไม่เป็นไร” ฉันไม่เคยเห็นมัลฟอยเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้มาก่อนเลยแฮะ - -ไม่ได้ ฉันมาช่วยแฮร์รี่นะ- - ฉันรีบหันหน้าหนีและก้มลงมองเข้าไปในห้องโถงนั้น แล้วฉันก็เห็นแฮร์รี่กับวิกเตอร์ ฉันกำลังจะเดินลงไปแต่มัลฟอยกลับดึงฉันเข้ามาหลบในซอกกำแพงหินเสียก่อน



    “อะไรของนายฮึ มัลฟอย!!”..........”จะบ้ารึไงเกรนเจอร์ อย่าได้ออกไปเชียวนะ ถ้าเธอไม่อยากตาย” มัลฟอยพูดเสียงดุ ........ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรมากกว่าฉันซะอีกนะ



    “นี่....นายรู้อะไรงั้นเหรอ” ฉันลองถามเขาไป แต่ดูเหมือนเขาจะชะงัก แล้วเงียบไป - -... ทำไมถึงไม่ตอบฉันล่ะ....- - ฉันอ้าปากจะถามต่อ แต่ก็ได้ยินเสียงของแฮร์รี่ก็ดังขึ้นมา



    “ครัม นายพาฉันมาที่ทำไม แล้ว .....มันหมายความว่ายังไงกัน” แฮร์รี่ถามอย่างโกรธๆอีกครั้ง



    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ สะใจจริงๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้โด่งดัง ตอนนี้ เขาไร้เพื่อนแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” วิกเตอร์หัวเราะอย่างน่ากลัว - -นี่มัน....ต้องไม่ใช่วิกเตอร์คนเดิมแน่ๆ...- -



    “หมายความว่า ทั้งหมด เป็นฝีมือนายงั้นเหรอ ครัม!!” แฮร์รี่กำหมัดแน่นจนมือสั่น ตัวฉันเองก็ได้แต่อ้าปากค้าง - -ไม่จริง วิกเตอร์น่ะเหรอจะเป็นคนทำ ...- - วิกเตอร์สะบัดไม้กายสิทธิ์มาที่แฮร์รี่ โดยที่แฮร์รี่ไม่ทันตั้งตัว



    “เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส” แฮร์รี่ล้มลงไปนั่งกับพื้นทันทีเพราะแขนขาของเขาติดกับลำตัว



    “ก็ไม่เชิงหรอก พอตเตอร์...ที่ฉันทำจริงๆน่ะ ก็แค่........ทำลายไอ้แบบจำลองของเจ้าหน้ากระนั่น.... คาถาขั้นสูงที่ใช้ทำลายครอบแก้วนั่นน่ะ ที่เดิร์มสแตรงก์สอนมาเป็นชาติแล้ว ได้ผลเกินคาดแฮะ ทำให้เจ้าหน้ากระกับยายผมฟูนั่นกลายเป็นศัตรูกันไปเลย 555555 การที่ทำให้เพื่อนของแกทั้งสองเกลียดกันเนี่ย ส่งผลมาที่ตัวแกมากเลยทีเดียวล่ะพอตเตอร์... มิตรภาพที่พวกแกมีในตอนนั้น หายไปเกินครึ่ง สะใจจริงๆ” วิกเตอร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา



    “ หลังจากที่ฉันทำลายมิตรภาพของเพื่อนแกทั้งสอง ทีนี้ ก็ถึงตาแก ที่เพื่อนโง่ๆทั้งคู่ของแก จะต้องเกลียดแก พอตเตอร์!! มันไม่ยากเลย.....ฉันก็แค่ใช้คำสาปเล็กๆน้อยๆกับไม้กวาดของเจ้าหน้ากระนั่นในวันแข่ง แล้วฉันก็แอบใส่น้ำยาเคืองโกรธลงไปในกระติกของยายเด็กเอริลตอนที่เขากำลังเชียร์แกอย่างเอาเป็นเอาตาย จะว่าไป ไอ้ยาเคืองโกรธของสเนปฤทธ์แรงดีใช้ได้นะเนี่ย...ทำเอาเพื่อนๆของแกเกลียดแกไปเลย 5555555 ฉันนี่อัจฉริยะจริงๆ”



    “นาย....นายทำเพื่ออะไร ครัม! ฉันไปทำอะไรให้นาย....” แฮร์รี่โกรธจนตัวสั่น



    “ทำอะไรงั้นเรอะ “ วิกเตอร์พุ่งถลามากระชากคอเสื้อแฮร์รี่



    “ยังจะมีหน้ามาถามอีกเรอะ พอตเตอร์ ในเมื่อแก ...ทำให้พ่อกับแม่ของฉันติดคุกที่อัซคาบัน.....แล้วก็โดนจุมพิตของผู้คุมวิญญาณ!!...”



    “อะไรนะ พ่อแม่นาย....ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง” แฮร์รี่งงพอๆกับฉัน วิกเตอร์ปล่อยมือจากแขนเสื้อของแฮร์รี่ หน้าของเขาดูเศร้าลงไปทันที



    “พ่อกับแม่ฉัน เป็นผู้เสพความตาย” วิกเตอร์พูดเรียบๆ ฉันได้ยินถึงกับอ้าปากค้าง



    “เป็นไปได้ยังไง ในเมื่อ.. ตอนปีสี่ ฉันก็ไม่เห็นพ่อแม่นายในกลุ่มผู้เสพความตายเลยนี่นา...” แฮร์รี่ถามคำถามเดียวกันกับที่ฉันอยากจะถาม……- -.พ่อแม่วิกเตอร์น่ะเหรอ เป็นผู้เสพความตาย เป็นไปได้ยังไงกัน......- -



    “พ่อแม่ฉันเป็นผู้เสพความตายอย่างลับๆ เป็นผู้เสพความตายคู่เดียวที่ไม่มีในรายชื่อ และจะไม่เคยมาปรากฏตัวพร้อมกับผู้เสพความตายคนอื่นน่ะสิ ....แต่เพราะแก!! พอนายท่านถูกโค่นล้มอำนาจ... กระทรวงบ้านั่นก็ตามจับผู้เสพความตายทุกคน แล้วก็สืบจนรู้เรื่องพ่อแม่ฉันเข้า พ่อแม่ฉันจึง....” ครัมหยุดพูด น้ำตาของเขาค่อยๆไหลออกมา



    น้ำตาฉันไหลพรากอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน... มัลฟอยได้แต่มองฉันแล้วส่ายหน้า.. วิกเตอร์สูดลมหายใจลึกแล้วพูดต่อ



    “ฉันจึงต้องแก้แค้นแก ฉันคิดหาวิธีที่จะแก้แค้นแกมาตลอด.....และฉันก็นีกออก ฉันต้องทำให้ความเป็นเพื่อนของพวกแกทั้งสามคนต้องพังทลายลง.....555” วิกเตอร์หัวเราะอีกครั้ง



    “ทำไม...ทำไมต้องทำแบบนั้น” แฮร์รี่ถามต่ออีก ฉันเห็นแฮร์รี่เหงื่อออกท่วมตัว



    “ก็เพราะ ‘มิตรภาพ’ มันมีอำนาจมาก.. ทำให้ฉันฆ่าแกไม่ได้..... เหมือนอย่างที่แกรอดจากนายท่านคนเก่าเมื่อตอนที่พ่อแม่แกตายไงล่ะ......” วิกเตอร์กระชากคอเสื้อแฮร์รี่อีกครั้ง



    “และพอถึงวันนี้ ฉันก็จะได้ฆ่าแก สมใจฉัน 555555”



    ฉันได้ยินดังนั้นก็รีบลุกพรวดขึ้นทันที แต่...



    “นี่......มัลฟอย…..ปล่อยฉันนะ” มัลฟอยโอบรัดเอวฉันไว้แน่น ฉันพยายามดิ้นแต่ไม่เป็นผลเลย มัลฟอยแรงเยอะกว่าฉันมาก…



    “เธอจะบ้ารึไง จะออกไปให้ไอ้ค่อมโรคจิตนั่นฆ่างั้นเหรอ เจ้าพอตเตอร์น่ะ มันเอาตัวรอดได้น่า ก็เห็นมันรอดมาทุกงานเลยไม่ใช่รึไง ขนาดจอมมารยังพ่ายแพ้มันเลย” เขาพูดตะคอกใส่ฉันจนหูแทบชา ....จริงของเขา... แฮร์รี่รอดมาทุกครั้งแม้ว่าจะไม่มีฉันคอยช่วยเหลือ แต่ว่า........



    “ในที่สุดฉันก็มีวันนี้ วันที่ฉันจะได้แก้แค้น วันที่ฉันจะได้ฆ่าแก.....อะวาดา.....” วิกเตอร์ชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่แฮร์รี่ ............



    ไม่นะ!!!!!!...............ฉันดิ้นสุดแรงเกิดจนหลุดจากอ้อมแขนของมัลฟอยแล้วกระโดดลงไปในห้องโถงนั่น แล้วชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่วิกเตอร์ทันที



    “ไม้กายสิทธิ์วิกเตอร์ แอกซิโอ!!” ฉันรับไม้กายสิทธิ์ของวิกเตอร์ไว้ในมือแล้วก็........



    “ไฟไนท์ อินคานทาเท็ม” ฉันคลายคาถาให้กับแฮร์รี่ด้วย ส่วนมัลฟอยก็ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่วิกเตอร์



    “เฮอร์ไมโอนี่ เธอมาได้ยังไง” แฮร์รี่ลุกขึ้นแล้วหันมาถามฉันทันที แต่ฉันยังไม่ทันได้ตอบ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของวิกเตอร์ดังขึ้น



    “555555555.......เดรโก มัลฟอย.....ฉันอยากจะรู้นักว่าถ้าพ่อของแกรู้เข้า เขาจะเสียใจแค่ไหน ที่มีลูกสิ้นคิดอย่างแก” วิกเตอร์มองมัลฟอยอย่างสะใจ มัลฟอยโกรธจัดจนมือสั่น ….....



    “แก...แกหุบปากเน่าๆของแกซะ!!! ไอ้ค่อม” ฉันเห็นมัลฟอยพูดรอดไรฟัน แต่วิกเตอร์ก็เอาแต่หัวเราะเหมือนเดิม



    “555555 ....อย่างฉัน ไม่จำเป็นจะต้องลดตัวมาสู้กับพวกกระจอกอย่างแกหรอกมัลฟอย!!!” วิกเตอร์พูดจบ ก็ผิวปากฟังดูเหมือนจะเป็นสัญญาณ.....ทันใดนั้น .....มีเสียงครืนดังขึ้น บางอย่างกำลังวิ่งเข้าใส่มัลฟอยอย่างรวดเร็ว



    “มัลฟอย ระวัง!!!!!!!!” ฉันตะโกนบอกเขา มัลฟอยรีบหันไปมอง วิกเตอร์จึงได้โอกาสฉวยเอาไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยมา แต่มัลฟอยไม่มีเวลาเอาไม้กายสิทธิ์คืนเพราะเขาต้องรีบหลบเจ้าสัตว์ประหลาดที่พุ่งเข้าใส่เขา โชคดีที่เขาหลบพ้นอย่างหวุดหวิด...



    เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั่น หันขวับกลับมายังมัลฟอย ฉันจึงเห็นหน้ามันอย่างชัดเจน - - -ให้ตายเหอะ....นี่มัน...ตัวมันติคอร์!!!!- - -(มันติคอร์ คือสัตว์ที่ดุร้ายมาก หัวเป็นมนุษย์ ตัวเป็นสิงโตและมีหางเหมือนแมงป่อง มันมีชื่อเสียงในการร้องเพลงอย่างไพเราะเวลากินเหยื่อ หนังของมันติคอร์ป้องกันคาถาได้แทบทุกชนิด เหยื่อที่ถูกต่อยจะถึงแก่ความตายทันที อ้างอิงจาก หนังสือ”สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่” หน้า33) มันจ้องมัลฟอยด้วยสายตาราวกับว่ามันอยากจะกินเลือดกินเนื้อยังไงยังงั้น



    วิกเตอร์เดินเข้าไปลูบหัวมันติคอร์ตัวนั้นอย่างรักใคร่ - -น่าขยะแขยงเป็นที่สุด- -



    “เจ้ามันติคอร์ตัวนี้ มันเชื่องกับฉันคนเดียวเท่านั้น” วิกเตอร์พูดเสียงเยียบเย็นก่อนที่จะหันไปพูดกับสัตว์เลี้ยงของเขา “ฉันขอมอบหน้าที่ให้แก จัดการกับเจ้าเลือดบริสุทธิ์และยายเลือดสีโคลนนั่นซะ!!” พูดจบเขาก็ตรงรี่ไปยังแฮร์รี่ทันที



    “ส่วนฉัน จะฆ่าแก ด้วยมือของฉันเอง พอตเตอร์!!” เขาเล็งไม้กายสิทธิ์มาที่แฮร์รี่ และทั้งคู่ก็เริ่มต่อสู้กัน



    ส่วนเจ้ามันติคอร์ มันส่งเสียงฟ่อๆเป็นการตอบรับคำสั่งของนายของมัน แล้วหันขวับมาที่ฉัน - -วิกเตอร์ ..ทำไมนาย....ทำกับฉันแบบนี้ได้ลงคอ...- -



    มันติคอร์ตัวนั้น พุ่งเข้าใส่ฉันทันที ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นฉันคงตายแน่ๆ ถ้ามัลฟอยไม่รวบตัวฉันไว้ หางของมันติคอร์พุ่งผ่านหลังของมัลฟอยไปอย่างฉิวเฉียด



    “มัลฟอย! นายเป็นอะไรรึเปล่า”



    “ไม่เป็นไร เธอน่ะ ตั้งสติหน่อยสิ” เขาหันมาดุฉัน “เราจะจัดการยังไงกับไอ้ตัวประหลาดนี่ดี” มัลฟอยถาม น้ำเสียงฟังดูระแวงๆ แล้วก็ดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นได้...



    “เอางี้ เดี๋ยวฉันจะล่อมัน แล้วเธอก็จัดการมันนะ” มัลฟอยพูดเสร็จก็วิ่งผ่านหน้าเจ้าตัวมันติคอร์ไป มันวิ่งตามเขาไปทันที - - เฮ้ยย....มันเสี่ยงมากเลยนะ  - - - แล้วฉันก็นึกขึ้นได้ว่าไม้กายสิทธิ์ของวิกเตอร์อยู่ที่ฉัน



    “มัลฟอย รับ!” ฉันโยนไม้กายสิทธิ์อันหนึ่งไปให้มัลฟอย แต่มันไม่ถึงมือเขา ไม้กายสิทธิ์ตกลงพื้นใกล้ตัวมัลฟอยแต่เจ้ามันติคอร์เห็นและเหยียบไม้กายสิทธิ์จนแตกละเอียดเสียก่อน



    “ไอ้บ้าเอ้ย” มัลฟอยพูดอย่างหัวเสีย....”รีบทำอะไรเข้าสิยายเกรนเจอร์”



    ฉันพยายามนึก - - -เอ... มันติคอร์หรอ.....ใช้คาถา คงไม่ได้ผล เพราะหนังมันทนต่อคาถามาก..- - -



    “เร็วๆสิ ยายเกรนเจอร์” มัลฟอยตะโกนขณะที่กำลังหลบจากการไล่ฉกด้วยหางของมันติอคร์ตัวนั้น



    - -ใช้คาถาไม่ได้ ...มันต้องมีจุดอ่อนสิ..คิดๆๆๆ .....ใช่!! ตาของมันไงล่ะ ฉันต้องทำให้มันหันหน้ามาทางฉัน- -



    ฉันใช้ไม้กายสิทธิ์อีกอันที่อยู่ในมือชี้ไปที่มันติคอร์ที่กำลังจะเล่นงานมัลฟอย…



    “ดิฟฟินโด!!” คาถาทำได้แค่ให้ผิวของมันติคอร์เป็นรอยเล็กๆเท่านั้น มันหันขวับและตรงรี่มาที่ฉันอย่างรวดเร็ว แต่มัลฟอยเอามือโอบรั้งหางมันเอาไว้ มันติคอร์จึงตวัดหางอย่างรุนแรงจนมัลฟอยกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงจนสลบ



    “มัลฟอย!!!” ฉันตกใจมากเมื่อเห็นมัลฟอยแน่นิ่งไป จนลืมนึกไปว่าตัวมันติคอร์กำลังตรงมาเล่นงานฉัน มันพุ่งมาเร็วมากจนฉันไม่สามารถเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่ตาของมันได้ทัน - -เสร็จกัน!!!- - -



    แต่จู่ๆ มันติคอร์ก็หยุดชะงัก เพราะมีบางอย่างเกาะแน่นอยู่ข้างหลังมัน



    “รอน!!” ฉันโพล่งออกมา - - รอนมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย!!!- -



    “รีบๆทำอะไรเข้าสิ เฮอร์ไมโอนี่!!” รอนล็อกคอเจ้ามันติคอร์ที่กำลังดิ้นไว้ ทำให้หน้ามันเงยขึ้นมา - -จังหวะนี้ล่ะ!!!- - ฉันเล็งไม้กายสิทธิ์ไปที่ตาของมัน



    “ดิฟฟินโด!!!!!” ตาของเจ้ามันติคอร์ทั้งสองข้างฉีกขาดทันที มันร้องโอดครวญและดิ้นไปมาอย่างเจ็บปวด จนรอนตกลงมาจากหลังของมัน ฉันรีบเข้าไปประคองรอนทันที



    “รอน เป็นอะไรรึเปล่า แล้ว...นายมาได้ยังไง” ฉันรีบถามเขาทันที



    “ไม่เป็นไร... ฉันเห็นเธอที่หน้าปราสาท แล้วก็เห็นทะเลสาบนั่น ฉันจึงตามเธอมา แต่ฉันหลงทาง เลยมาช้าไปหน่อย” รอนตอบยาวพลางลุกขึ้นยืน



    “แล้ว นายเข้ามาที่นี่ทำไม มันอันตรายนะ!!”



    “ฉันก็ต้องมาช่วยเพื่อนรักของฉันทั้งคู่น่ะสิ” รอนพูดแล้วยิ้มให้ฉัน



    “นายไม่โกรธฉันแล้วเหรอ” ฉันพูดเสียงสั่นด้วยความดีใจ



    “อื้ม แล้วก็ไม่โกรธแฮร์รี่ด้วย ก็พวกเธอ เป็นเพื่อนรักของฉันนี่นา ถ้ามีใครคนใดคนหนึงเป็นอะไรไป ฉันคงแย่แน่ๆ” รอนยิ้มกว้างให้ฉัน



    เปรี้ยง!! ตุ้บ!! ฉันและรอนหันไปยังที่มาของเสียง - - - แย่แล้ว แฮร์รี่กำลังเสียเปรียบวิกเตอร์ - - -



    แฮร์รี่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ตอนที่ฉันกับรอนกำลังสู้กับตัวมันติคอร์ เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ และไม้กายสิทธิ์ของเขาก็กระเด็นไปไกล วิกเตอร์เล็งไม้กายสิทธิ์มาที่แฮร์รี่



    “แกตายแน่ พอตเตอร์!!! ครูซิโอ!!!” ....



    ฉันและรอนวิ่งถลาไปหาแฮร์รี่อย่างไม่คิดชีวิต วินาทีนั้น....ฉันไม่สนใจ...แม้แต่ชีวิตของตนเอง...ฉันคิดอย่างเดียวว่า - - -...แฮร์รี่....เธอจะต้องไม่เป็นอะไร....เธอจะตายไม่ได้...เธอคือเพื่อนรักของฉัน!!! - - - ฉันและรอนเอาตัวเข้าบังแฮร์รี่ไว้ คำสาปกรีดแทงพุ่งตรงมาที่พวกเราอย่างรวดเร็ว...



    ...วินาทีสุดท้าย ก่อนที่คำสาปกรีดแทงจะถูกตัวพวกเราสามคน...จู่ๆก็มีแสงสีขาว สว่างวาบเข้ามาในตาของฉันขณะที่ฉันหลับตาปี๋ ฉันจึงลืมตาขึ้น และเห็นบางอย่างดูคล้ายๆกับเกราะสีขาวสว่างจ้าขึ้นก่อรอบตัวเราสามคน ฉันจำภาพในตอนนั้นได้ติดตา เมื่อคำสาปกรีดแทงกระทบกับเกราะนั่น ก็เกิดแสงสว่างจ้าและเสียงระเบิดดังกระหึ่มขึ้น คำสาปกรีดแทงไม่เป็นผลอะไรกับเราสามคนเลยแม้แต่น้อย แต่มันกลับสะท้อนกลับไปยังวิกเตอร์ทันที



    “อ้ากกกกกกกกกกกก.........” วิกเตอร์ร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด ร่างของเขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงแล้วลงไปกองกับพื้นทันที เลือดทะลักออกมาจากปากของเขามากจนน่ากลัว เขาพยายามพูดอย่างยากลำบาก



    “ทำไม....ทั้งๆที่ พวกแกเกลียดกัน.. อั้กก...มิตรภาพของพวกแก ...แตกหักไปอย่างสิ้นเชิงแล้วนี่....”



    ฉันเข้าใจแล้ว - - -เพราะเหตุนี้นี่เอง ที่วิกเตอร์ต้องทำลายความเป็นเพื่อนระหว่างเราสามคน- - -



    “นายคิดผิดแล้ว ครัม!!” รอนลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนและเดินไปชี้หน้าวิกเตอร์ที่นอนกองอยู่กับพื้น



    “ฉันโกรธแฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่มากก็จริง แต่.....พวกเขา ยังเป็นเพื่อนฉันเสมอ!!” รอนตะโกนต่อ



    ฉันถึงกับน้ำตาคลออีกครั้ง - - - อย่างที่รอนพูด ถึงตอนนั้น ฉันจะเกลียดพวกเขาทั้งสองมาก แต่ลึกๆ...ฉันรู้ดี ...แฮร์รี่และรอน ยังเป็นเพื่อนรักของฉันเสมอ ...ไม่มีวันเปลี่ยน- - -



    “รอน..นายไม่โกรธฉันจริงๆเหรอ” แฮร์รี่ถาม เขาเองก็มีน้ำตาคลอเบ้าเหมือนกันรอนหันกลับมาและส่งยิ้มให้แฮร์รี่



    “ยังไง นายก็เป็นเพื่อนฉันอยู่ดีน่า” คราวนี้รอนเป็นฝ่ายมีน้ำตาเองเหมือนกัน ฉันหันไปหาแฮร์รี่และยิ้มให้เขาด้วยอีกคน



    “ใช่ แฮร์รี่ ยังไงเราสามคนก็เป็นเพื่อนรักกัน” ฉันบอกกับแฮร์รี่ แฮร์รี่ก้มหน้าแล้วดึงชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา ฉันกุมมือเขาสักพักแล้วปล่อยมือก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปยืนข้างๆรอน รอนส่งยิ้มตอบกลับมา



    “ทั้งๆที่ พอตเตอร์ทำร้ายแก...แค่กๆ.. และแกก็เข้าใจว่าเฮิร์ม-ไม-โอน-นี่ ทำแบบจำลองของแกแตก...แค่กๆ.. งั้นเหรอ” วิกเตอร์พูดปนกระอักเลือดไป รอนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่วิกเตอร์อย่างโกรธแค้น แต่ฉันห้ามเขาไว้



    “นี่เฮอร์ไมโอนี่....เธอยังจะปกป้องอีกเหรอห๊ะ!!”



    “เปล่า...ฉันแค่จะจัดการเอง มันเป็นความผิดฉัน....ที่เชื่อใจเขามากไป” ฉันรู้ตัวดี ว่าตอนนั้นตัวเองก็กำลังมองวิกเตอร์อย่างโกรธแค้นเช่นกัน.....



    “เฮิร์ม-ไม-โอน-นี่ เธอเกลียดมันสองคนไม่ใช่เหรอ...พวกมันทำกับเธออย่างไม่น่าให้อภัยเลยนะ” วิกเตอร์พูดกับฉันฟังดูเหมือนกับจะวิงวอน ...แต่ฉันไม่มีวันเชื่อเขาอีกแล้ว.... ฉันเอาไม้กายสิทธิ์ชี้ไปที่วิกเตอร์ วิกเตอร์เบิกตาโพลงด้วยความกลัว เขารีบคลานหนีห่างออกไปด้วยแรงที่เขามี



    “นายดูถูกความเป็นเพื่อนของพวกเรามากเกินไป รู้ไว้ซะ! ว่ามิตรภาพที่พวกเรามีให้กันน่ะ มันไม่มีวีนสลายเพราะไอ้แผนกระจอกๆของนายหรอกวิกเตอร์!!” ฉันตั้งใจจะร่ายคาถามัดแขนขาใส่เขา ไม่ให้เขาหนีไปได้ แต่......



    วิกเตอร์คลานหนีอย่างไม่ดูทิศดูทาง จนไปชนกับเจ้ามันติคอร์ที่กำลังดิ้นทุรนทุรายกับตาที่บอดสนิทของมัน มันจึงตวัดหางพิษเข้าแทงที่ท้องของวิกเตอร์ด้วยความตกใจแล้ววิ่งออกไปจากห้องโถง ......วิกเตอร์ล้มลงกองกับพื้นและแน่นิ่งไปทันที



    “เฮ้ย!!!” ฉันกับรอนอุทานแล้ววิ่งไปดูพร้อมกัน ร่างของวิกเตอร์นิ่งสนิท



    “เขาตายแล้ว... พิษของมันติคอร์ทำให้คนที่โดนต่อยตายทันที” ฉันหันไปบอกรอน เราสองคนรู้สึกช็อคกับการตายอย่างกะทันหันของวิกเตอร์ สักพักรอนก็ถอนหายใจ  



    “เขาสมควรที่จะตายแบบนี้ เฮอร์ไมโอนี่” รอนหันมาพูดกับฉัน - - - จริงของรอน แต่...มันไม่น่าเป็นแบบนี้เลย- - - ฉันน้ำตาไหลพรากอย่างไม่รู้ตัว รอนเอามือตบไหล่ฉันเบาๆเป็นการปลอบ



    “เราออกจากที่นี่กันเถอะ” รอนพูดก่อนที่จะหันหลังและเดินไปพยุงแฮร์รี่ขึ้น



    และฉันก็นึกอะไรขึ้นได้ - - เฮ้ยย..มัลฟอยล่ะ!- - - ฉันรีบเข้าไปปลุกเขาทันที



    “มัลฟอย ..มัลฟอย.. นายเป็นอะไรรึเปล่า” ฉันเขย่าตัวเขา มัลฟอยค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วเอามือกุมหัวตรงที่โดนกระแทก  - - เฮ้อ...เขาไม่เป็นอะไร ค่อยยังชั่ว- -



    “โอยย...เกรนเจอร์!..เธอเป็นอะไรรึเปล่า” เขารีบถามฉัน ทำให้ฉันรู้สึกหน้าร้อนๆชอบกล มัลฟอยพยายามลุกขึ้นยืน ฉันจึงเข้าไปประคอง เขาจึงหันมามองสบตาฉันพอดี... วินาทีนั้น ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นบางอย่างภายในดวงตาสีซีดของเขา ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย...



    “เฮอร์ไมโอนี่ กลับกันเถอะ” เสียงตะโกนของรอนที่กำลังช่วยพยุงแฮร์รี่ทำให้ฉันกับมัลฟอยสะดุ้ง - - อีตาบ้านี่ ไม่เห็นต้องตะโกนเลย ตกใจหมด- -



    แล้วพวกเราทั้งสี่ก็เดินทางกลับปราสาทกัน ...ความรู้สึก มันช่างต่างกับตอนมาอย่างสิ้นเชิง ฉันรู้สึกโล่ง ปลอดโปร่ง และดีใจ ที่ได้รู้ว่า ความเป็นเพื่อนของฉัน แฮร์รี่ และรอนที่มีให้กัน ไม่เคยจางหายไปเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราทั้งสาม เราก็ไม่มีวันที่จะทิ้งกัน เกราะกำบังสีขาวนั้น มันจะอยู่กับพวกเรา ตลอดไป.................







    ****************************



    วันที่ 27 มิถุนายน (วันสอบ ส.พ.บ.ส.)



    วันนี้ดูนักเรียนปี7จะเครียดกันเป็นพิเศษ ก็แหงล่ะ วันนี้สอบส.พ.บ.ส.นี่นา ทุกคนดูซีเรียสมาก แม้แต่รอนก็ยังเครียดถึงกับกินอะไรไม่ลงเลย - - เหลือเชื่อแฮะ- - ฉันมองรอนแล้วก็อดขำไม่ได้



    ขณะที่พวกเรากำลังรอเข้าสอบวิชาสมุนไพรเป็นวิชาสุดท้าย จู่ๆก็มีนกฮูกตัวหนี่งบินมาหย่อนจดหมายให้ฉันโดยไม่รอให้ฉันตอบจดหมายกลับ



    “จดหมายอะไรน่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถามฉัน - - จะไปรู้ได้ยังไง ก็นั่งอยู่ด้วยกันนี่- - ฉันเปิดจดหมายนั่นดู - - ลายมือนี่มัน คนเดียวกับที่ส่งแหวนมาให้ฉันนี่นา- -



    ถึง เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์



    หลังจากสอบเสร็จ ลงมาเจอกันที่หน้าปราสาทด้วย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ



    - - ใครกันนะ ไม่ยอมลงชื่ออีกแล้ว- - แล้วฉันก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ทะเลสาบวันนั้น ที่มัลฟอยห้ามไม่ให้ฉันไป



    - - ตอนนั้นเขาพูดถึงแหวนด้วยนี่ รึว่า........- - - ฉันส่ายหัวและบอกกับตัวเองว่ามันไม่ใช่



    “ใครส่งมาเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” รอนถามฉันอีกคน



    “ไม่รู้เหมือนกัน”…….



    การสอบส.พ.บ.ส.วิชาสมุนไพรไม่ได้ยากเท่าไรนักสำหรับฉัน ฉันทำเสร็จก่อนหมดเวลา15นาที แต่ฉันใช้เวลาที่เหลือเพื่อตรวจทาน(แน่นอนล่ะที่เนวิลจะต้องทำเสร็จเป็นคนแรก เขาส่งก่อนหมดเวลาตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ) พอได้สัญญาณหมดเวลา ฉันและคนอื่นๆก็รีบส่งข้อสอบและเดินออกมาทันที



    “เอ่อ.... ฮ... แฮร์รี่... เฮอร์ไมโอนี่ “ รอนพูดทันทีที่ออกมาเจอกันหน้าห้องสอบ แถมยังหน้าแดงๆอีกด้วย



    “นัดกับปัทมาไว้ล่ะสิ ไปเหอะๆ” แฮร์รี่พูดตัดบท รอนหน้าแดงหนักกว่าเดิม - - ดูตลกดีแฮะ- -



    “อ..อื้ม” แล้วรอนก็รีบวิ่งไปทันที ส่วนฉันเองก็มีนัดกับคนในจดหมายนั่นเหมือนกัน ฉันจึงขอตัวอีกคน (รู้สึกเขาจะบ่นประมาณว่า “ไปกันหมด” อะไรทำนองนี้ด้วย)



    เมื่อฉันลงมาถึงหน้าปราสาท ก็เห็นคนๆหนึ่งยืนรออยู่



    “มัลฟอย!” - - เป็นเขาจริงๆหรือเนี่ย- -



    “อื้ม ฉันเอง เกรนเจอร์” เขาตอบเรียบๆ



    “นายนัดฉันมาทำไม”



    “เอ่อ..ธ.. เธอทำข้อสอบได้มั้ย” เขาถามเสียงสั่นๆ หน้าเป็นสีชมพูนิดๆด้วย - - สีหน้าแบบนี้ เขาดูน่ารักดีเหมือนกันแฮะ- -



    “ก็ พอทำได้น่ะ ...นายล่ะ” ……”อื้ม...ก็พอทำได้เหมือนกัน”



    แล้วความเงียบก็ก่อตัวขึ้น มัลฟอยมองตรงไปที่ทะเลสาบ เราเงียบไปสักพักหนึ่ง



    “ฉันอยากจะถามนายนานแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น” ฉันพูดเพื่อทำลายความเงียบ



    “นายรู้เรื่องวิกเตอร์มาตลอดใช่มั้ย” ฉันเห็นมัลฟอยถอนหายใจก่อนที่จะตอบ เขาหันกลับมามองฉัน



    “ใช่ ฉันรู้ ฉันรู้เรื่องที่พ่อแม่ของครัมเป็นผู้เสพความตายอย่างลับๆ เธอก็รู้นี่ว่าพ่อฉัน ...ก็เป็นผู้เสพความตายเหมือนกัน และฉันก็รู้จุดประสงค์ที่ครัมมาที่นี่ตั้งแต่วันเปิดเทอมแล้ว” มัลฟอยหยุดถอนหายใจแล้วพูดต่อ



    “ฉันคิดว่า มันมาไม่ดีแน่ๆ ทีแรกฉันตั้งใจจะทำเป็นไม่สนใจ เพราะมันตั้งใจจะมาแก้แค้นพอตเตอร์ ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว แต่ฉันก็เปลี่ยนใจ ฉันต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วยเพราะ...” มัลฟอยหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าฉัน



    “...เพราะ มันใกล้ชิดกับเธอ” พอถึงตรงนี้ฉันรู้สึกเลยว่าใจฉันเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมอย่างไร้สาเหตุ



    “ฉันเคยเตือนมัน ไม่ให้ยุ่งกับเธอ ฉันคิดว่า มันไม่ปลอดภัยกับเธอแน่ๆ แต่มันไม่ทำตามฉัน ฉันเลย....ฉันเลยคิดว่า ต้องเตือนให้เธอระวังตัวมากขึ้น ต...แต่ฉัน...ไม่รู้จะทำยังไง...เลยได้แต่...ส่งแหวนนั่น...มาให้เธอ” มัลฟอยพูดตะกุกตะกักขึ้น หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้ม



    ส่วนตัวฉันก็ได้แต่พูดไม่ออก ไม่รู้อะไรมันยึดขากรรไกรไว้ หน้าฉันร้อนผ่าวไปหมด แถมหัวใจยังเต้นเป็นตีกลองอีกต่างหาก - - - เขา..เป็นคนส่งแหวนมาให้ฉัน...จริงๆหรือเนี่ย - - -



    “ล...แล้ว....แล้วนาย...ทำแบบนี้ทำไม” ฉันพยายามจะเค้นเสียงถามเขา เขาเดินเข้ามาใกล้ฉัน แล้วก็จับมือฉันซึ่งเย็นเฉียบ - - - ทำไงดีๆๆๆๆ - - -



    “ก็เพราะ...ฉันเป็นห่วงเธอน่ะสิ ยายเลือดสีโคลน” เขาพูดพลางจ้องลึกมาในดวงตาของฉัน ความรู้สึกแบบนั้นมันมาอีกแล้ว ....ความอบอุ่นที่แปลกประหลาดแบบนั้น ที่ฉันไม่เคยได้จากใคร....ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วตอนนี้……………………………………







    **



    ******



    **************



    **********************



    **********************************



    เฮอร์ไมโอนี่กำลังเคลิบเคลิ้มกับอดีตอันแสนหวานของตัวเอง ก็ต้องอารมณ์ค้างและหัวเสีย เพราะเจ้าเพื่อนตัวแสบทั้งสองที่นอกจากจะมาสายแล้วยังจะแกล้งเธอโดยการฉวยไดอารี่ไปจากมือของเธออีกต่างหาก



    “เอาคืนมานะรอน”หญิงสาวรีบฉวยไดอารี่สุดหวงของเธอคืน รอนกับแฮรี่หันมองหน้ากันแล้วหัวเราะลั่นร้านกาแฟ “55555555 หวงขนาดนั้นเลยเหรอ เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดเย้ยๆก่อนที่จะนั่งลงตรงข้ามกับเธอ



    “ก็ใช่น่ะสิ นี่มันของส่วนตัวของฉันนะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างขุ่นเคือง



    “ฉันว่าเมื่อกี้ฉันเห็นเธอเขียนเกี่ยวกับเดรโก มัลฟอย สามีสุดรักของเธอด้วยแว้บๆนี่นา” รอนยังแกล้งเฮอร์ไมโอนี่ต่อ เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับหน้าแดงเถือก แฮร์รี่กับรอนหัวเราะกันอีกยกใหญ่ จนเห็นสายตาขุ่นเขียวของหญิงสาวตรงหน้า พวกเขาจึงเลิกหัวเราะได้



    “นี่ใช่ไดอารี่ที่เธอเขียนตอนปี7รึเปล่า” แฮร์รี่ถามขึ้น



    “ใช่แล้ว ปีนั้นนี่มีอะไรเกิดขึ้นเยอะเลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงนุ่มลง แล้วทั้งสามก็มองไปยังไดอารี่เล่มนั้นพลางนึกถึงอดีตที่เคยเกิดขึ้น………..อดีต...ที่พวกเขา..ไม่มีวันลืม



    “มันช่างโหดร้ายมาก มากเสียจน ..ฉันคงจำไปจนวันตายเลยล่ะ”รอนพูดขึ้นเบาๆ



    “แต่มันก็ดีไม่ใช่เหรอ... มันทำให้พวกเรารู้ว่า มิตรภาพของพวกเรา ไม่มีวันจางหายไปยังไงล่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นบ้าง เขามองเพื่อนทั้งสองด้วยสายตาที่มีความหมาย …..สายตาที่บ่งบอกว่า เพื่อน สำคัญกับเขา..มากแค่ไหน....



    “ใช่เลย มันจะอยู่กับพวกเราไปจนตาย” รอนพูดกับทุกคนแล้วยิ้มกว้าง ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็ยิ้มโดยมีน้ำตาคลอเบ้าด้วย........ทั้งสามมองตากันอย่างเงียบๆสักพักหนึ่ง



    “มาดามฟลอว์เรนซ์ครับ ขอกาแฟเพิ่มอีกสองที่ครับ” แฮร์รี่หันไปสั่งกาแฟกับเจ้าของร้าน แล้วทั้งสามก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันระหว่างรอกาแฟ จนกระทั่งมาดามฟลอว์เรนซ์นำกาแฟมาเสิร์ฟ แฮร์รี่ก็หยิบถ้วยกาแฟแล้วชูขึ้นพร้อมกับพูดว่า……



    “แด่มิตรภาพของเรา” เฮอร์ไมโอนี่กับรอนหันสงยิ้มให้กัน ก่อนที่จะทำตามแฮร์รี่



    “แด่มิตรภาพของเรา” เสียงของทั้งสามประสานกับเสียงของถ้วยกาแฟกระทบกัน แล้วทั้งสามก็หัวเราะคิกคักกันโดยมิได้นัดหมาย...............



    ****************************************THE END




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×