คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ll ADOLESCENT 2 ll
ADOLESCENT2
เสียงหัวเราะลั่นที่สนามหญ้าหน้าบ้านหลังใหญ่ ทำให้คนเป็นแม่ต้องยกยิ้มพลางส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดูเมื่อเห็นลูกชายเพียงคนเดียวของตนเองกำลังมีความสุขที่ได้มีเพื่อนเล่นเหมือนอย่างคนอื่นเขา หากแต่ฉีกยิ้มได้ไม่นานก็ต้องใจหายเมื่อต้องย้ายที่อยู่อีกครั้ง ด้วยหน้าที่ทางธุรกิจทำให้เขาไม่สามารถยืดติดกับที่เดิมๆได้เลย พลันได้นึกถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็อดจะเป็นห่วงความรู้สึกของเด็กวัยห้าขวบคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ
“นี่เราจะต้องย้ายที่อยู่อีกแล้วหรอคะคุณ?” เสียงหวานของหญิงวัยกลางคนเอ่ยถามคนเป็นสามีที่ตอนนี้ก็เป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
“เราไม่มีทางเลือกครับ ร้านอัญมนีสาขาที่โซลจะไว้ใจใครให้ดูแลไม่ได้เลย เราต้องเข้าไปควบคุมกิจการเอง”
“แต่ฉันสงสารอู๋ฟานนะคะ แกอดส่าห์มีเพื่อนแล้วทั้งที ฉันไม่อยากให้ลูกเราเหงาเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยออกไปพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังไหลริน เมื่อนึกถึงหัวอกคนเป็นลูกชายที่ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว
“ผมก็สงสารลูกเหมือนกัน แต่เราไม่สามารถทิ้งเขาให้อยู่คนเดียวได้นะคุณ รอให้อู๋ฟานโตกว่านี้พอจะดูแลตัวเองได้ ถึงวันนั้นเราค่อยตามใจเขาจะดีกว่านะ” ใบหน้าสวยตามวัยพยักหน้าเข้าใจกับสิ่งที่คนเป็นสามีพูดก่อนม่านตากลมจะมองออกไปยังเบื้องหน้าที่มีลูกชายตัวเล็กวิ่งเล่นกับเพื่อนอยู่ที่สนามอย่างรู้สึกเห็นใจ
.
.
.
“อู๋ฟาน เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาเล่นด้วยใหม่นะ ตอนนี้ค่ำแล้วคุณแม่เรียกไปทานข้าว” เด็กน้อยผิวขาวเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วพลันยิ้มน่ารักส่งไปให้เพื่อนตัวสูงกว่า ก่อนจะรีบวิ่งออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไปในทันที
“อี้ชิง สัญญาก่อนสิว่าจะมาจริงๆ” เท้าเล็กที่กำลังวิ่งออกไปพลันหยุดชะงักในทันทีก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนในวัยเดียวกันอีกครั้ง
“สัญญา...แล้วพรุ่งนี้จะมาหาแต่เช้าเลย...อี้ชิงรักอู๋ฟานนะ”
พูดเสร็จเด็กน้อยตัวเล็กก็วิ่งกลับบ้านตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยในอู๋ฟานเอาแต่ยืนยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อชีวิตที่ผ่านมาก็มีแต่อี้ชิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกไม่เหงาอีกต่อไป
“อู๋ฟานก็รักอี้ชิง”
.
.
.
.
“นี่คุณพ่อคุณแม่จะไปไหนหรอครับ? เอากระเป๋าลงมาทำไม?” อู๋ฟานเอ่ยถามหลังจากที่เดินเข้ามาภายในบ้านพลันดวงตากลมก็มองกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด
“คืนนี้เราจะไปเที่ยวต่างประเทศกันนะอู๋ฟาน เราจะไปเกาหลีกัน” คนเป็นพ่อเอ่ยให้ลูกชายได้หายคล้องใจ ไม่วายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเมื่อต้องโกหกอีกครั้ง
“ไปเที่ยวอีกแล้วหรอ? ถึงผมจะเป็นเด็กแต่ผมก็รู้นะว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้พาผมไปเที่ยวจริงๆ”
เด็กชายมองหน้าคนเป็นพ่อแม่อย่างรู้สึกผิดหวัง กี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผู้ใหญ่ทั้งสองมักจะหลอกเขาแต่เรื่องเดิมๆ ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็ไม่ใช่ไม่จดจำเรื่องที่ผ่านเสียเมื่อไหร่
“แม่ขอโทษนะลูก แต่เราต้องไปกันจริงๆ”
“ผมไม่ไป!”
เด็กน้อยสวนขึ้นมาทันทีจนทำให้คนเป็นพ่อแม่ถึงกับตกใจกับปฏิกริยาโต้ตอบแบบนั้น
“อย่าดื้อนะอู๋ฟาน พ่อบอกให้ไปก็ต้องไป” คนเป็นพ่อรั้งข้อมือเล็กของลูกชายให้เดินออกจากบ้านด้วยกันหากแต่ลูกชายก็ไม่ยินยอมจะทำตาม ยังขัดขืนและยื้ออย่างถึงที่สุด
“ผมไม่ไป! ผมจะอยู่กับอี้ชิง ฮึก ฮื้อๆ” เด็กหนุ่มตัวเล็กดิ้นอย่างสุดกำลังพร้อมทั้งร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร จนคนเป็นพ่อถึงกับทนไม่ไหวต้องอุ้มลูกชายขึ้นไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินไปที่รถอย่างหมดหนทาง
“ปล่อยผม ผมไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับอี้ชิง!!”
.
.
.
เฮือก!!!!!!!!!!
ร่างสูงสะดุ้งตื่นในทันทีหลังจากภาพในวันวานมันหวนกลับมาอยู่ในฝันของเขาเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา ไม่รู้ว่าฝันถึงเรื่องในอดีตมาแล้วกี่ครั้งต่อกี่ครั้งตั้งแต่จากเพื่อนเพียงคนเดียวในสมัยเด็ก หน้าอกแกร่งกระเพื่อมขึ้นลงพลางหอบหายใจแฮ่กอย่างหนักหน่วง พยายามลืมเรื่องเก่าๆที่ผ่านมาให้หมดหากแต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย ในเมื่อตลอดสิบสองปีที่ผ่านมาก็ยังฝันแบบเดิมอยู่ซ้ำๆ
“อี้ชิง นายอยู่ที่ไหนนะ?”
...ADOLESCENT...
ผู้คนมากมายภายในงานการแข่งขันสเก็ตบอร์ดต่างก็มาจับจองพื้นที่เพื่อเข้าชมการแข่งอันมหาโหดในวันนี้ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันทำให้ดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้นจากปีที่แล้วถึงสองเท่า จนทำให้ผู้ชมบางส่วนก็ถึงกับไม่มีที่นั่งเพื่อดูการแข่งขันกันเลยทีเดียว
“คริส! กูปวดฉี่ว่ะ พาไปหน่อยดิ” เซฮุนเอ่ยบอกเพื่อนตัวสูงพลางทำท่าทางประกอบให้เพื่อนรู้ว่ามันกำลังจะมาแล้วในอีกไม่ช้า
“มึงนี่นะ! จงอินมันจะแข่งอยู่แล้ว รีบๆเลย” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนตัวดีก่อนจะทำตามคำขอโดยการพาไปเข้าห้องน้ำอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่นัก ให้ตายเหอะถ้าจะปวดไม่ได้เวล่ำเวลาแบบนี้
.
.
คริสยืนรอเซฮุนอยู่หน้าห้องน้ำพลางมือหนาก็ยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดเล่นไปพรางๆ เลื่อนเข้าเมนูนู้นเมนูนี้อย่างเบื่อหน่ายก่อนในโสตประสาทการรับฟังจะแว่วได้ยินเสียงของคนเดินคุยกันมาไม่ใกล้ไม่ไกล
“อี้ชิง วันนี้ช่วยพี่เป็นกรรมการหน่อยนะ พี่ต้องการผู้ช่วย”
เสียงชายหนุ่มเอ่ยบอกกับคนที่เดินมาด้วยกัน ก่อนจะผ่านซอกหลืบของห้องน้ำที่คริสยืนอยู่ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ก้มหน้าก้มหน้ามองจอสี่เหลี่ยมเล็กๆอยู่ในตอนแรกต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจเมื่อชื่อเรียกที่ได้ยินนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
“อี้ชิง.....อี้ชิง….” คริสพึมพำกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันใบหน้าหล่อไปทางเสียงนั้นในทันที ได้ยินไม่ผิดแน่ว่าคนๆนั้นเรียกอีกคนว่าอี้ชิง
ขายาวรีบพาตัวเองเดินออกมาจากซอกหลืบของห้องน้ำเพื่อตามเจ้าของชื่อเรียกนั้นไป ใบหน้าหล่อตื่นตระหนกไม่น้อยเมื่อหวังว่าจะเจอกับใครที่ใจต้องการ หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมุ่นด้วยความเป็นกังวลทั้งเหงื่อเม็ดเล็กก็ผุดขึ้นบนใบหน้าด้วยความตื่นเต้นว่าจะได้เจอกันจริงๆ หากแต่พอย่างก้าวออกมาถึงทางเดินหลักกลับไม่พบวี่แววของร่างนั้นเสียแล้ว
“อี้ชิงหรอ?...เฮ้อ! คงไม่ใช่หรอกมั้ง ชื่อคนเหมือนกันเยอะจะตายไป” เมื่อไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง นึกได้แค่นั้นกายสูงโปร่งก็หันหลังเดินย้อนกลับไปทางเดิมอย่างจำใจ พลันในหัวก็ทวนชื่อเรียกที่ได้ยินนั้นซ้ำๆอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จะใช่ไหมนะ...
.
.
“ไปไหนมาวะมึง?” เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่นานเซฮุนก็เอ่ยถามเพื่อนตัวสูงที่เดินกลับมาอย่างนึกสงสัย พลางลอบมองสีหน้าของเพื่อนที่ตอนนี้มันดูจะเป็นกังวลเอามากๆ
“เปล่าหรอก ไปกันเถอะจงอินจะแข่งแล้ว” คริสตอบปัดไปอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้เซฮุนเองก็ไม่คิดจะซักไซร้ถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนไปมากกว่านี้ ก่อนคนทั้งสองจะรีบเดินไปหามุมดีๆเพื่อดูการแข่งขันต่อไป
“เห้ย! นั่นมันเลย์นี่หว่า? นั่งข้างกรรมการเลย” เซฮุนชี้ไปยังที่นั่งบนอัฒจรรย์ที่มีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินั่งอยู่ ก่อนจะเป็นคริสที่หันไปมองตามที่เพื่อนผิวขาวบอกในทันที ฉับพลันปากเรียวก็กระตุกยิ้มกับภาพที่เห็นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“ดูสนิทสนมกับกรรมการดีหนิ” พูดไปแค่นั้นก่อนจะนึกถึงเสียงพูดเมื่อครู่ที่ได้ยินแว่วเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้ง อี้ชิง วันนี้ช่วยพี่เป็นกรรมการหน่อยนะ พี่ต้องการผู้ช่วย ใบหน้าหล่อรีบส่ายไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นคนตรงหน้าจริงๆ คงไม่ใช่หรอกมั้ง
“ก็อย่างที่กูเคยเล่าไง เลย์เก่งมากจนบางครั้งมือโปรยังต้องมาขอคำปรึกษา แต่ที่กูแปลกใจคือเขาเลิกเล่น
สเก็ตบอร์ดทำไม กูอยากรู้อ่ะคริส”
พูดเสร็จเซฮุนก็ยกแขนสองข้างสอดประสานกันขึ้นแนบอกก่อนจะมองไปยังร่างบางผิวขาวที่ตอนนี้กำลังพูดคุยกับกรรมการของงานนี้อย่างเป็นกันเอง
“น่าสนใจดีแหะ” คริสเอ่ยออกมาแผ่วเบา พลันหวนคิดถึงคนหน้าหวานก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าเห็นตัวเล็กๆแบบนี้จะมีความสามารถในการเล่นสเก็ตบอร์ดได้จริงๆ
“จงอินจะลงสนามแล้วว่ะมึง กูตื่นเต้นแทนมันอ่ะ งื้อ...” เมื่อเห็นเพื่อนผิวเข้มที่กำลังรอเวลาเพื่อแข่งขัน
เซฮุนก็ทำท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเสมือนตัวเองลงแข่งเองก็ไม่ปราน มั่นใจเต็มร้อยว่าเพื่อนต้องคว้ารางวัลในการแข่งครั้งนี้มาได้อย่างแน่นอน จงอินไม่เคยทำให้เขาผิดหวังเลยสักครั้ง
.
.
.
“อี้ชิงคอยช่วยพี่ดูคนต่อไปหน่อยนะ น่าจับตามองมากๆ ดูท่าจะอนาคตไกล”เสียงทุ้มเอ่ยบอกรุ่นน้องหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างกัน ก่อนจะยื่นกระดาษที่ถืออยู่ในมือไปให้ดูอย่างชัดเจน
“อ่า...ชื่อจงอินหรอ?”
“ใช่แล้ว คนนี้ค่อนข้างจับผิดยากอยู่เหมือนกัน ทักษะในการเล่นของเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมากเลยทีเดียว”
“อี้จะพยายามนะครับพี่มินโฮ ห่างหายไปนานไม่ค่อยมั่นใจเลย” เสียงหวานเอ่ยบอกรุ่นพี่ไปพลันรอยยิ้มในตอนแรกก็มลายหายสิ้นไปจากใบหน้า รู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้นึกถึงเรื่องของตัวเองที่ไม่สามารถทำตามความฝันได้อีกแล้ว
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่อีกหรอ?” เมื่อเห็นสีหน้าเลย์แปลกไปมินโฮก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของอีกคนไม่ได้ รู้ดีเป็นไหนๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นน้องคนสนิทคนนี้
“ไม่อยากคิดแต่มันก็อดคิดไม่ได้หนิครับ” พูดแค่นั้นก็พยายามปั้นหน้ายิ้มให้อีกคนได้หายกังวลไป ก่อนจะส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดที่อยู่ในหัวออกไปให้หมดแล้วหันกลับไปมองผู้เข้าแข่งขันคนต่อไปอย่างสนอกสนใจ
“อ่า ลงสนามแล้วสินะคิมจงอิน” มินโฮพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นผู้เข้าแข่งขันที่รอคอยกำลังย่างก้าวเข้ามาในสนามแข่ง
จงอินเดินเข้ามาพร้อมกับสเก็ตบอร์ดคู่ใจ ไม่วายสไลด์แผ่นกระดานไม้เข้ามาก็ยกยิ้มมุมปากให้สาวๆที่มาเชียร์ในวันนี้ได้กรี๊ดกันเล่นๆ ก่อนจะรอสัญญาณเริ่มจับเวลาในการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อได้ยินสัญญาณบอกให้เริ่ม เจ้าของผิวสีเข้มก็สไลด์สเก็ตบอร์ดไปอย่างช้าๆก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จงอินใช้การแสดงแบบผาดโผนโดยการเล่นท่ากระโดดผ่านสิ่งกีดขว้าง เขาทำได้ดีไม่น้อยทั้งยังดูเท่ในสายตาของผู้ที่มาเข้าชมในวันนี้เป็นอย่างมาก
“ท่าเริ่มถือว่าดีมากเลยครับ สีหน้าดูมั่นใจทั้งยังดูผ่อนคลายเหมือนว่าไม่มีแรงกดดันอะไรเลย อี้ว่าแค่เริ่มเขาก็ดูเหนือกว่าคนอื่นแล้วนะครับพี่มินโฮ” เมื่อเริ่มดูการเล่นของจงอินไปไม่นาน เลย์ก็เอ่ยบอกรุ่นพี่ที่นั่งข้างกายในทันที จงอินเป็นคนที่น่าจับตาอย่างที่มินโฮว่าจริงๆ การสร้างความเชื่อมั่นก่อนการเล่นถือเป็นสิ่งที่ทำให้การแสดงออกมาดีอย่างที่มันควรจะเป็น
“แล้วอี้ชิงว่าท่าที่เขาเล่นเป็นยังไงบ้าง?” มินโฮเอ่ยถามความเห็นของรุ่นน้องหน้าหวานอีกครั้ง
“ท่าไฟว์โอไกรด์เขาทำได้ดีมากเลยครับ ทั้งท่าพิว็อตที่ดีดสเก็ตบอร์ตขึ้นก็เพอร์เฟคมากๆ ....อ่า...จบด้วยท่าสามหกศูนย์หรอ? ถ้าไม่สังเกตุดีๆจะไม่รู้เลยว่าเขาพลาด มันดูเนียนตาไปเลยนะครับ อี้ว่าตอนที่ล้อสเก็ตแตะที่พื้นยังไม่ค่อยสมูทเท่าที่ควร แต่เขาก็หลอกตาคนดูได้เก่งเลยทีเดียว ทั้งๆที่เท้าข้างซ้ายที่ลงแตะพื้นก็ดูเหมือนจะพลาดด้วยซ้ำ”
เสียงหวานเอ่ยออกมาเรื่อยๆหากแต่นันย์ตาคู่สวยกลับไม่ละไปจากภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย ตาก็ดูไปปากก็พูดข้อบกพร่องของจงอินออกมาไม่หยุด จนคนด้านข้างที่สังเกตุดูอยู่ก็ถึงกับยกยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย
“ว้า ทีหลังต้องให้อี้ชิงมาเป็นกรรมการบ้างแล้ว ตาดีจริงๆเลยนะ” มินโฮเอ่ยแซวหลังจากได้ฟังที่รุ่นน้องหน้าหวานพูดมาจนจบและนั่นก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ เมื่อเลย์ทำได้ดีอย่างที่คาดไว้
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ยังอ่อนกว่าพี่มินโฮเยอะเลย”
“จริงๆวันนี้พี่รอคนบางคนอยู่นะ แต่ก็ไม่เห็นรายชื่อในการแข่งขันซะหนิ” ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างรู้สึกผิดหวัง นอกจากจงอินแล้วก็ยังมีอีกคนที่มินโฮต้องการดูฝีมือของเขาอีกสักครั้ง
“ใครหรอครับ?” เลย์เอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นใบหน้าของรุ่นพี่ดูจะผิดหวังมากเหลือเกิน แสดงว่าคนที่ถูกเอ่ยถึงต้องฝีมือดีมากแน่ๆ
“ถ้าครั้งหน้าเขาลงแข่งพี่จะแนะนำให้รู้จักแล้วกันนะ”
“ได้ครับ”
“วันนี้คงไม่มีอะไรแล้ว ขอบคุณอี้ชิงมากเลยที่มาช่วยพี่ดูการแข่ง” มินโฮเอ่ยขอบคุณก่อนจะยกมือวางบนหัวทุยของอีกคนอย่างนึกเอ็นดูเหมือนน้องแท้ๆ พลางส่งยิ้มละมุนไปให้เหมือนอย่างที่ชอบทำ
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ อี้เต็มใจ วันนี้ก็สนุกมากๆด้วย แต่อี้ว่าให้พยาบาลไปดูข้อเท้าผู้เข้าแข่งขันคนเมื่อกี้หน่อยก็ดีนะครับ ดูท่าว่าเขาคงจะข้อเท้าพลิก” เลย์เอ่ยบอกมินโฮจนรุ่นพี่หน้าหล่อเองถึงกับขมวดคิ้มมุ่นด้วยความแปลกใจ
“รู้ได้ไงห๊ะเรา?”
“ก็เดาเอาน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วอี้กลับก่อนนะครับพี่มินโฮ” เลย์ส่งยิ้มไปให้คนเป็นรุ่นพี่ก่อนจะโค้งให้อย่างสุภาพเหมือนอย่างทุกครั้ง
“กลับยังไง? ให้พี่ไปส่งไหม?” มินโฮเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเป็นกังวล เป็นห่วงรุ่นน้องตัวเล็กทั้งยังเกรงใจที่วันนี้รบกวนเวลาเรียนพิเศษของอีกคนเพื่อให้มาดูการแข่งขันด้วยกัน
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวลุงโฮดงมารับที่ป้ายรถเมย์ อี้ไปนะครับ” เอ่ยลารุ่นพี่เสร็จเลย์ก็ขอปลีกตัวออกมาในทันที ขาเล็กพาตัวเองเดินออกมานอกสนามแข่งขันก่อนจะเดินเรียบตามฟุตบาทเพื่อไปรอคนขับรถประจำตระกูลตามที่ได้นัดหมายไว้
ร่างบางเดินก้มหน้าก้มตาไปตามทางเรื่อยๆพลางคิดอะไรในหัวไปเรื่อยเปื่อย เพียงเสี้ยววินาทีกลับรู้สึกแปลกๆเหมือนกับว่ามีคนเดินตามหลังอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองซ้ายมองขวาอย่างชั่งใจ รู้เท่าทันขาเล็กจึงรีบเร่งเดินให้เร็วขึ้นไปอีก หากแต่คนที่เดินตามมานั้นก็ไม่คิดจะหยุดสักที นั่นก็ทำให้เลย์รู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่เอาซะเลย
“จะเดินตามอีกนานไหม?” เมื่อเห็นว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ ร่างบางเลยหันขวั่บกลับไปถามเอาความจริงให้รู้กันไป ก็เล่นเอาแต่เดินตามอยู่แบบนี้มีอะไรก็พูดกันมาตรงๆเลยดีกว่า แต่...มาให้เจออีกแล้วสินะ อู๋ฟาน...
“อ้าว! เห็นเดินก้มหน้าก้มตารู้ด้วยหรอว่ามีคนตาม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจนัก ทำให้ใบหน้าหวานต้องยู่ลงพลันหัวคิ้วก็ขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างนึกหงุดหงิด
“ก็เล่นเดินตามติดขนาดนี้ ไม่รู้ก็ไม่ใช่คนละ” เสียงหวานประชดประชันจนทำให้ใบหน้าหล่อต้องยกยิ้มมุมปากในทันที ปากคอเราะร้าย...
“อ้อหรอ นึกว่าจะเดินถ่ายเอ็มวีอยู่คนเดียวโดยไม่มองรอบข้างซะอีก”
“แล้วที่เดินตามฉันมามีอะไร?” เมื่อเห็นว่าอีกคนไร้สาระเกินไป เลย์เลยเอ่ยถามออกไปตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม ยิ่งต่อล้อต่อเถียงก็ยิ่งอยากต่อยหน้าหล่อๆนั้นซะให้หายหมั่นไส้ กวนประสาทชะมัด
“เพื่อนฉันเล่นเป็นยังไงบ้าง? ....อ่า... ฉันหมายถึงจงอินน่ะ” สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็ถึงกับชะงักไปในทันที อย่าบอกนะว่าคริสเห็นเขาอยู่ที่งานแข่งขันวันนี้ด้วย งานหยาบแล้วไง
“นายพูดเรื่องอะไร?” เลย์พยายามเบี่ยงเบนคำตอบที่อีกคนตั้งคำถาม ใบหน้าหวานหันหลบสายตาคมอย่างรวดเร็วจนจับผิดได้ไม่ยาก ดวงตาที่กรอกไปมาทำให้คริสรู้ได้ในทันทีว่าอีกคนไม่เนียนเอาซะเลย
“ก็เห็นอยู่ว่าวิจารณ์เพื่อนฉันไปไม่น้อยเลยหนิ เก่งเหมือนกันนะเรา” ปากเรียวกระตุกยิ้มอย่างที่ชอบทำ หากแต่ในใจกำลังนึกสนุกที่ได้แกล้งคนหน้าหวานอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ที่เดินตามมาเพราะอยากจะพูดกับฉันแค่นี้ใช่ไหม?” ไม่ใช่ไม่รู้ว่าอีกคนมีจุดประสงค์อะไร คนที่เข้าหาเลย์ส่วนใหญ่ก็อยากรู้เรื่องราวที่ผ่านมาของเขากันทั้งนั้น
“เปล่า ก็แค่อยากรู้จัก”
สิ้นเสียงทุ้มก็เหมือนหัวใจมันได้โลดแล่นอีกครั้ง นั่นคริสบอกว่าอยากรู้จักเขาหรอ นี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม หากแต่คิดได้แค่นั้นเลย์ก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างนึกประหม่า ต้องห้ามใจอ่อนเด็ดขาด
“ถ้าอยากจะรู้จักฉันเพราะว่าเรื่องในอดีตของฉันแล้วละก็...อย่ารู้จักกันเลยดีกว่า คนที่เข้าหาฉันก็แค่จะสืบเรื่องของฉันเท่านั้นแหละ” พูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินหันหลังไปในทันที หากแต่ไม่ทันได้เดินหนีไปไหนข้อมือบางก็ถูกรั้งจากอีกคนให้หันกลับไปประจันหน้าอยู่อย่างเดิม
“ก็จริงนะ ใครๆก็อยากรู้เรื่องนาย แต่ไม่ใช่กับฉันหนิ ที่บอกว่าอยากรู้จักเพราะฉันอยากรู้จักนายจริงๆ” พูดแค่นั้นรอยยิ้มจางๆที่แต้มอยู่บนใบหน้าหล่อในตอนแรกก็หายไปในทันที แววตาที่จริงจังทำให้เลย์แทบระทวยทุกครั้งที่ได้มองมัน หากแต่จะเป็นไปได้หรือที่คนอย่างคริสต้องการรู้จักเขา มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย
“อย่าเลย ฉันมันไม่น่าให้รู้จักหรอก” ถึงจะเอ่ยออกไปแบบนั้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธเลยว่าอยากจะรู้จักอีกคนให้มากขึ้น อยากอยู่ใกล้ๆเหมือนตอนเด็กที่อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
เลย์ดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกคนเบาๆก่อนจะค่อยๆหันหลังแล้วเดินจากไป อยู่ตรงหน้าคนตัวสูงนานๆไม่รู้ว่าจะใจแข็งได้อีกนานแค่ไหน ได้แต่หวังว่าอีกคนจะจำเขาได้โดยที่เขาไม่ต้องย้ำเตือน จำเขาได้ในฐานะที่เขาเป็นอี้ชิงไม่ใช่เลย์
“เราเคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าเลย์?”
เท้าเล็กที่เดินอยู่พลันชะงักกึกในทันที รู้สึกหัวใจวูบโหวงเมื่อได้ยินคำพูดของอีกคนทั้งยังเรียกชื่อเขาอีก เป็นครั้งแรกที่คริสเรียกชื่อเลย์ตั้งแต่รู้จักกันมา ปากบางยกยิ้มน้อยๆ หากแต่รอยยิ้มแบบนี้ไม่ได้มาจากความดีใจแต่กลับเป็นความเจ็บปวดเสียมากกว่า บางทีคริสควรจะจำอะไรได้เองบ้าง มันคงดีที่สุดถ้าจะให้อีกคนจำเขาได้ด้วยตัวเอง
“ไม่รู้สิ”
เสียงหวานเอ่ยตอบไปอย่างแผ่วเบา ส่ายหน้าน้อยๆ โดยไม่ได้หันไปมองว่าอีกคนแสดงออกทางสีหน้าแบบไหน ก่อนม่านตากลมจะเหลือบไปเห็นรถของที่บ้านจอดรออยู่ก่อนแล้ว ไม่รอช้าเลย์จึงรีบพาตัวเองเดินไปขึ้นรถในทันที หากแต่ไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นรถดี ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เสียก่อน
“อ้อ ขอให้ข้อเท้าเพื่อนนายหายเร็วๆนะ”
...ADOLESCENT…
ครืน!!!! กึก!!! ครืน!!! กึก!!!ๆๆๆๆ
“เสียงอะไรวะ? ใครมันมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้ ดูบอลไม่รู้เรื่องเลยว้อย!” คนน่ารักที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับผ้าคุมสีแดงผืนใหญ่ที่มีสัญลักษณ์ของทีมฟุตบอลที่เจ้าตัวชื่นชอบ กำลังหงุดหงิดอย่างถึงที่สุดเมื่อไอ้เสียงแปลกๆด้านหน้าห้องที่ดังน่ารำคาญอยู่นานสองนานยังไม่เงียบไปเสียที
ไม่รอช้า เมื่ออารมณ์ที่พุ่งถึงขีดสุดทำให้ความอดทนที่มีน้อยอยู่แล้วมันขาดผึ่ง เท้าเล็กจึงรีบเดินไปเปิดประตูดูทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียงที่น่ารำคาญนั่น คอยดูเถอะแม่จะด่าให้โลกลืมเลย
“ฮื้อ...ไอ้ติ๋ม!!”
แค่แงมประตูออกไปดูอารมณ์ที่พุ่งสูงเป็นทุนเดิมก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนก่อกวนเวลาดูบอลอันมีค่านี้ เสียงหวานตะโกนออกไปอย่างเหลืออดในทันทีพลางแนวฟันสวยก็ขบริมฝีปากล่างเพื่อกดข่มอารมณ์ของตัวเองที่ตอนนี้มันพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“อ้าว! ยังไม่นอนอีกหรอจ๊ะ?” เมื่อเห็นใบหน้าน่ารักของอีกคน เซฮุนก็ยกยิ้มพร้อมทั้งเอ่ยถามออกไปหน้าทะเล้นจนลู่หานเองถึงกับนึกหมั่นไส้ อยากเอารองเท้าปาหน้าสักสองสามที
“ไอ้ติ้ม! บ้านนายเขาเอาสเก็ตบอร์ดมาเล่นหน้าห้องคนอื่นรึไง?! รู้ไหมว่ามันรบกวนเวลาอันมีค่าของฉัน ถ้ายังมีจิตสำนึกและมีมารยาทอยู่บ้างก็เงียบๆแล้วเอาลงไปเล่นข้างล่างเซ่! รู้ไหมมันทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนแล้วมันก็น่าหงุดหงิดมากด้วย นายไม่รู้เวล่ำเวลาบ้างเลยรึไงว่าตอนนี้มันกี่ทุ่มกี่ยามแล้ว? ย๊า!!”
เมื่อรู้ต้นเหตุของเสียงที่น่าหงุดหงิดนั่นลู่หานก็โวยวายเสียยกใหญ่ ยิ่งรู้ว่าอีกคนเป็นใครก็ยิ่งระงับโทสะตัวเองไว้ไม่อยู่ ไอ้หน้าวอกนี่มันตัวมารจริงๆ
“ถามอะไรหน่อยดิ นายหายใจทางเหงือกหรอ? บ่นไม่หยุดเลย ทำตัวให้มันน่ารักเหมือนหน้าตานายหน่อยไม่ได้รึไงนะ?”
เซฮุนเอ่ยยั่วโมโหอีกคน ยอมรับเลยว่ายิ่งได้เห็นหน้าตาไม่พอใจของคนน่ารักก็ยิ่งอยากจะแกล้งให้หนักเขาไปอีก รู้สึกเหมือนโรคจิตก็ไม่ปรานเมื่อตอนนี้มันเริ่มเสพติดคำด่าทอของคนตรงหน้าเสียแล้ว
“หายใจทางเหงือกบ้านป้านายสิ!! ปากดีนะเดี๋ยวจะโดน วันนี้ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับนายหรอกนะ ไปไกลๆไป รำคาญ!” มือเล็กโบกไล่อีกคนเมื่อไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียง ชักจะเหลืออดกับไอติ๋มหน้าห้องแล้วจริงๆ รู้สึกชีวิตเหมือนถูกก่อกวนตั้งแต่ได้พบเจอกับใบหน้าที่กวนเบื้องล่างของอีกคน เสียอรรถรสในการดูบอลหมด
“แล้วทำไมยังไม่นอน ดึกขนาดนี้แล้ว?” เซฮุนเอ่ยถามอีกครั้งก่อนจะใช้เท้าเหยียบไปที่สเก็ตบอร์ดของตัวเองเพื่อให้มันเด้งขึ้นมา พลันมือหนาก็รีบคว้าหมับมาหอบไว้เหมือนอย่างที่ชอบทำ
“ไม่ต้องยุ่งได้ไหม? ถามตัวเองก่อนเถอะว่าดึกขนาดนี้แล้วทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง”
“วันนี้ฉันมานอนกับไอ้คริส นี่มันก็ยังไม่กลับห้องเลยเนี่ย ในเมื่อเข้าห้องไม่ได้แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหนล่ะจ๊ะ...หรือว่า...นายจะใจดีให้ฉันไปนอนด้วยก็ได้นะ” เซฮุนกระพริบตาซ้ายไปให้ลู่หานหนึ่งทีก่อนจะเป็นลู่หานที่แสร้งยกยิ้มอย่างนึกหมั่นไส้กับพฤติกรรมกวนประสาทของอีกคน
“ติ๋มๆ มานี่หน่อยดิ” มือเล็กกวักเรียกคนตัวสูงพลางกลีบปากอมชมพูก็แสร้งยิ้มให้อีกคนตายใจ จนเซฮุนเองถึงกับสงสัยเมื่อเดาอารมณ์ของคนตัวเล็กไม่ถูก หากแต่ความสงสัยก็แปลเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีใจในทันทีเมื่ออีกคนทำท่าเหมือนเชื้อเชิญก็ไม่ปราน ไม่รอช้าเซฮุนจึงเดินเข้าไปหาคนน่ารักตรงหน้าอย่างไม่รีรอ
ป้าบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“โอ้ย! ฉันเจ็บนะไอ้เตี้ย”
เซฮุนร้องออกมาในทันทีเมื่อเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าลู่หาน มือเล็กก็ยกขึ้นประทับลงบนหน้าผากของเขาดังแปะจนผิวขาวๆของเซฮุนขึ้นสีแดงจางๆให้ได้เห็นอย่างชัดเจน เห็นตัวเล็กๆแบบนี้มือหนักใช่เล่นเลยนะ
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะให้นอนด้วย! แล้วเมื่อกี้เรียกใครว่าไอ้เตี้ย ห๊ะ!” ลู่หานยกมือขึ้นเหนือหัวพลางทำท่าจะฟาดลงที่ต้นแขนของอีกคนเมื่ออยู่ๆก็เล่นเอาปมด้อยของเขาขึ้นมาพูดเสียอย่างนั้น ไม่เกิดมาเตี้ยให้มันรู้ไปดิ
ไม่ทันจะได้ทำอย่างที่ใจคิด มือหนาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของคนน่ารักในทันทีก่อนจะผลักเบาๆให้เข้าไปในห้องของเจ้าตัวเล็กแล้วปิดประตูโดยไม่รีรออย่างถือวิสาสะ ร่างสูงหมุนตัวให้อีกคนแนบหลังไปกับประตูบานหนาก่อนจะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปหาใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นเหมือนกับมีแรงดึงดูด
จุ๊บ!!!!!!!!!!!!!!!!
เซฮุนประกบริมฝีปากลงไปที่กลีบปากเคลือบใสนั้นทันทีเมื่อได้โอกาส ทำให้คนตัวเล็กที่ถูกกระทำตามใจชอบก็ถึงกับดิ้นพล่านอย่างต่อต้าน พลางมือเล็กก็ยกขึ้นทุบอกแกร่งของอีกคนอย่างแรงโดยไม่มีแม้แต่ความเห็นใจเลยสักนิด
“ย๊า! นายทำอะไรวะไอ้ติ๋ม! ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต! ไอ้วิปริต! ไอ้....”
ไม่ทันจะได้ต่อว่าอีกคนอย่างที่ใจต้องการ คำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมาก็ถูกกลืนลงคอไปอีกครั้งด้วยริมฝีปากได้รูปเหมือนเดิม ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปอย่างไม่รีรอเมื่ออีกคนที่อ้าปากด่าทอเขาอยู่นั้นเชิญชวนมันเอง พยายามควานหาความหอมหวานจากคนตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เหลือบมองใบหน้าของคนตัวเล็กที่อยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจคั่นก็เห็นว่ามันแดงซ่านจนไม่รู้ว่ามาจากอารมณ์ไหนกันแน่ โกรธหรือเขินก็ไม่อาจล่วงรู้ ก่อนจะผละออกช้าๆเมื่ออีกคนดูจะอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างหมดแรง
“ทีหลังก็พูดจาให้มันน่ารักหน่อยสิครับลู่หาน” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ตอนนี้จ้องเขม่นมาที่เขาอย่างเปิดเผย รู้ได้เลยว่าอีกคนโกรธมากขนาดไหน แต่ก็แค่อยากจะสั่งสอนบ้างก็เท่านั้น
“รู้จักชื่อฉันได้ยังไง? แล้วช่วยเอาหน้าติ๋มๆของนายออกไปห่างๆฉันด้วย!”
พูดเสร็จก็ยกมือเล็กผลักหน้าหล่อๆของอีกคนให้ออกห่างในทันที
“แล้วก็ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะฆ่านาย!”
บอกอีกคนไปแค่นั้นก่อนลู่หานจะรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วล้างหน้าล้างตาไม่วายต้องล้างปากที่โดน
ไอ้ติ๋มกิมจิคนเมื่อครู่ขโมยจูบไปอย่างน่าตาเฉย อย่าให้เจอครั้งต่อไปนะ แม่จะไม่ปราณีเลย
.
“……………………………………..”
“เห้ย! ทำไมยังไม่ไปอีก รู้ไหมว่าฉันเบื่อขี้หน้านายขนาดไหนน่ะห๊ะ!?”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้า ลู่หานก็ถึงอุทานด้วยความตกใจเมื่อมองเข้าไปยังกระจกเบื้องหน้าไอ้คนที่กำลังนึกด่าอยู่ในใจดันมาโผล่อยู่ข้างหลังซะหนิ
“แต่ฉันอยากอยู่มองหน้านายนานๆนี่นา?” ปากเรียวยกยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะมองไปยังคนน่ารักผ่านกระจกเงาเช่นเดียวกัน
“ประสาทรึไง? นาย....นายทำ... โอ้ย! นายทำอะไรฉันเมื่อกี้ยังจะมีหน้ามาให้เห็นอีกหรอวะ?” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกักอย่างที่ไม่เคยเป็น นึกหงุดหงิดที่เมื่อครู่ทำอะไรไม่ได้เลยทั้งยังเกือบเผลอตามอารมณ์อีกคนไปอีกด้วยซ้ำ แต่ที่ดูจะทำให้หงุดหงิดที่สุดก็คงไม่พ้นไอ้หน้าติ๋มที่ยืนยิ้มเย้ยอยู่ข้างหลังนี่แหละ
“ก็นายน่ารัก ฉันเลยอดใจไม่ไหว”
“ไอ้บ้า! ใครเขาชมคนอื่นซึ่งๆหน้าแบบนี้กันเล่า” พูดเสร็จใบหน้าน่ารักนั้นก็ขึ้นสีแดงระเรื่อในทันที ก่อนจะกลบเกลื่อนโดยการก้มลงล้างหน้าล้างตาอีกครั้ง อารมณ์เดือดปุดๆเมื่อครู่ก็พลันหายไปสิ้นเมื่อได้ฟังคำชมเพียงคำเดียวจากอีกคน แต่ถามว่าโกรธอยู่ไหม ลู่หานบอกได้เลยว่ามาก
“ก็นายน่ารักจริงๆหนิ” ยังไม่หยุด เซฮุนยังคงพูดคำๆเดิมซ้ำไปมาจนลู่หานเริ่มจะอยากหนีหายไปจากที่ตรงนี้ซะเหลือเกิน
“พอแล้วติ๋ม กลับห้องเพื่อนนายไปได้แล้วไป ฉันจะนอน!” เสียงหวานเอ่ยบอกอีกคนก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปทันที ไม่วายเซฮุนก็ยังเดินตามหลังมาอีก คนหรือปลิงวะเกาะติดจริงๆ
“มั่นใจหรอว่าจะนอน แล้วนั่นอะไร?” ไม่พูดเปล่าเซฮุนยังชี้ไปยังทีวีจอยักษ์ที่เปิดค้างไว้อยู่ บอลนัดสำคัญที่กำลังถ่ายทอดทำให้ลู่หานถึงกับเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะออกไปมีปากเสียงเมื่อครู่เลยทำให้ลืมเวลาอันมีค่าในการดูฟุตบอลแมทช์สำคัญไปเสียสนิท
“โอ้ย! โดนนำเลย เพราะนายนั่นแหละมาก่อกวนฉัน เห็นไหมว่าแมนยูโดนนำแล้ว กลับไปได้แล้วไป!” เมื่อเหลือบสายตาไปดูที่เครื่องสีดำจอใหญ่ลู่หานก็ถึงกับยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันกลับไปมองคนตัวสูงแล้วจ้องเขม่นอย่างเอาเรื่อง
“อะไรเล่า! ฉันไม่ผิดนะ จะโทษก็ไปโทษนักบอลที่มันเล่นไม่ดีเองดิ”
“ชิส์!!”
ลู่หานส่งเสียงลอดริมฝีปากเบาๆก่อนจะเดินตึงตึงไปนั่งที่โซฟาในทันทีพลางเอาผ้าผืนหนาขึ้นมาห่มแล้วนั่งดูบอลอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่สนใจอีกคนที่อยู่ในห้องด้วยกันเลยแม้แต่น้อย
“ฉันขอรอคริสในห้องนะ” เสียงทุ้มเอ่ยขออนุญาติก่อนจะถือวิสาสะเดินไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับคนน่ารักอย่างเก้ๆกังๆ
“เออ! อยากทำอะไรก็ทำ เบื่อโว้ย!” เมื่อเห็นว่าทีมฟุตบอลที่โปรดปรานโดนนำห่าง ลู่หานก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ใบหน้าน่ารักงองุ้มอย่างนึกเซ็งเมื่อไม่ได้ดั่งใจ พลันเรื่องที่คนตัวสูงกระทำไว้กับเจ้าตัวก่อนหน้าก็ลืมมันไปได้อย่างง่ายดาย
“สมองยังปกติดีอยู่ปะเนี่ย? ทำไมใจดีจัง?” พูดเสร็จเซฮุนก็ค่อยๆขยับกายเข้าไปหาอีกคนให้ใกล้ขึ้นอีก ขอสักนิดก็ยังดี หากแต่...
“ไปนั่งไกลๆ อารมณ์ไม่ดีอยู่” เอ่ยบอกเซฮุนแค่นั้นก่อนลู่หานจะยกขาขึ้นพาดโซฟาแล้วใช้เท้าเขี่ยๆให้คนที่คิดจะเข้าใกล้เขาให้ออกไปห่างๆ ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆไหลตัวลงนอนราบไปกับโซฟาตัวหนาพลางหลับตาลงข่มอารมณ์ในลดลิมิตลงอย่างใจเย็น
ครืด ครืด ครืด ~~~~~~
เสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสาร ทำให้เซฮุนต้องหันกลับมาสนใจกับรายชื่อที่โชว์หลาอยู่บนหน้าจอสีเหลี่ยมเล็กๆ ก่อนมือหนาจะกดรับมันในทันทีหลังจากรู้ว่าปลายสายนั้นคือใคร
“เออ อยู่ไหนแล้วมึง?”
“กูกลับมาถึงคอนโดแล้ว มึงนั้นแหละไปอยู่ไหน?” คริสเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนผิวขาวรออยู่อย่างที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านั้น
“กูก็อยู่แถวนี้แหละ แล้วข้อเท้าจงอินเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็เห็นว่าดีขึ้นแล้วไม่ได้เป็นอะไรมาก รีบมานะมึง”
“เออๆเดี๋ยวไปหา” บอกเพื่อนตัวสูงไปแค่นั้นก่อนเซฮุนจะกดวางสายแล้วหันไปมองคนที่นอนอยู่ที่โซฟาอีกครั้ง ใบหน้าน่ารักเวลาหลับตาพริ้มก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย แต่เพียงแค่ลืมตาตื่นกลับกลายเป็นคนละคนซะงั้น น่ารักแบบนี้ ลักหลับเลยดีไหมวะ...
“ลู่หาน ฉันไปก่อนนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนน่ารักที่นอนหลับตาอยู่อย่างเกรงใจ ไม่รู้ว่าอีกคนหลับอยู่จริงหรือเปล่าแต่ก็อยากจะบอกลาให้เป็นทางการเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“เออ ไปไหนก็ไปดิ จะมาบอกทำไม” เสียความรู้สึกกับฟุตบอลนัดสำคัญ ทำให้ลู่หานไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ทั้งไอ้ติ๋มกิมจิที่นั่งอยู่ไม่ห่างนี่ด้วย ก็ไม่อยากจะสนใจ
จุ๊บ!!!!!!!!
ลู่หานถึงกับถลึงตาเบิกโพลงในทันที เมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ริมฝีปากอิ่ม จุมพิตแผ่วเบาจากอีกคนที่ทำให้ใจล่องลอยไปถึงไหนต่อไหน จุมพิตที่ทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ไม่เหมือนกับครั้งที่โดนคนตัวสูงผิวขาวคนเดียวกันขโมยไปในตอนแรกเลยสักนิด อ่อนโยน แผ่วเบาจนทำให้ร่างกายด้านชาไปหมด
“ขอบคุณที่ให้ยืมห้องนะครับลู่หาน”
เซฮุนเดินจากไปแล้วหากแต่คนน่ารักที่นอนตาค้างอยู่ที่โซฟากำลังสับสนอย่างถึงที่สุด เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนหัวใจวูบโหวงเมื่อได้รับสัมผัสนุ่มหยุ่นนั่น หากแต่คิดเพ้อฝันได้ไม่นานใบหน้าหวานก็ต้องส่ายไปมาเพื่อลบมันออกไปจากห้วงความคิดให้หมดพลันคิดได้ก็ตะโกนไล่หลังคนตัวสูงไปอย่างเหลืออดในทันที
“ย๊า! ไอติ๋ม! แกไม่ตายดีแน่!”
…ADOLESCENT…
สถานที่อันเงียบสงบที่รายล้อมไปด้วยหนังสือมากมาย ทำให้ร่างบางที่กำลังหมกหมุ่นอยู่กับเนื้อหาข้างในได้เพลิดเพลินจนลืมความเครียดต่างๆที่เข้ามาได้ทั้งหมด เมื่อมีเวลาว่างเลย์ก็มักจะหาหนังสือที่ช่วยผ่อนคลายสมองมาอ่านอยู่เสมอ ทั้งยังสะสมไว้เยอะแยะจนเต็มชั้นหนังสือของที่บ้านอีกต่างหาก หากแต่ความสุขที่มีก็พลันหายไปในทันทีเมื่อเงยใบหน้าขึ้นมาจากตัวหนังสือก็พบกับคนที่ไม่อยากจะเจอเข้าอย่างจนใจ
“มาห้องสมุดทุกวันเลยหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากเดินมานั่งหย่อนกายลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคนหน้าหวาน นึกแปลกใจเมื่อคนๆนี้มักจะมาที่นี่อยู่เสมอทั้งยังต้องเป็นเวลาเที่ยงวันที่ทุกคนใช้เวลาในช่วงนี้เพื่อผ่อนคลายสมอง
“มีอะไร?” ไม่คิดจะตอบคำถามของอีกคนหากแต่เลย์เลือกจะถามความต้องการของคนตัวสูงเสียมากกว่า ตากลมเหลือบมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามน้อยๆก่อนจะก้มหน้าลงสนใจเนื้อหาในหนังสือเหมือนเดิม
“ตอบไม่ตรงคำถาม”
“ก็เห็นอยู่แล้วจะถามทำไม?” เสียงหวานเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนักทั้งยังไม่คิดจะเงยใบหน้าเนียนใสนั้นขึ้นมองอีกคนเลยแม้แต่น้อย คิดว่าที่แห่งนี้สงบมากแล้วหากแต่ก็ไม่วายมีมารมาผจญอยู่ตลอดเวลา
“นายรู้ได้ไงว่าเพื่อนฉันเจ็บข้อเท้า” คริสเริ่มเอ่ยเข้าเรื่อง นั่นก็ทำให้เลย์นึกขึ้นได้ว่าเขาพูดอะไรกับอีกคนไปเมื่อวาน ที่มาหาก็เพราะเรื่องนี้สินะ
“เดา”
“เดาตรงไปหรือเปล่า?”
“อย่าถามมากได้ไหม? ฉันไม่มีคำตอบดีๆให้นายหรอก” เสียงหวานตอบกลับไปอย่างนึกรำคาญ หาเหตุผลไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้เฉพาะกับคนๆนี้ ทั้งยังมีอะไรอีกหลายอย่างจนทำให้เลย์เองถึงกับรู้สึกสับสนไปหมด
“นายเคยเล่นสเก็ตบอร์ด?”
“นายรู้?” ใบหน้าหวานดูตื่นตระหนกไม่น้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของอีกคน คริสรู้ได้ยังไงว่าเขาเคยเล่นมัน หากแต่ไม่ทันจะได้นึกคำตอบให้อีกคนไป ใบหน้าหวานก็เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด อีกแล้วสินะที่ความรู้สึกแบบนี้มักจะเข้ามาเมื่อได้นึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“เคยเล่นจริงๆด้วย?”
“นายไปเถอะ จะคาดครั้นยังไงฉันก็ไม่มีคำตอบให้นายหรอก อย่าพยายามอีกเลย” เหมือนรู้ว่าการเข้าหาของอีกคนก็แค่อยากรู้เรื่องของเขาเท่านั้น เลย์จึงเอ่ยไปอย่างที่ใจคิด เสียงหวานดูเศร้าลงทันทีจนคริสเองก็นึกแปลกใจกับอาการของอีกคนก่อนจะนั่งจ้องใบหน้าหวานของคนตรงข้ามไปพรางๆ
“เหมือนเคยเห็นนายที่ไหนรึเปล่านะ?” อยู่ๆคริสก็พึมพำออกมาเบาๆ หากแต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับไปได้ยินมันอย่างชัดเจน นัยน์ตากลมเบิกโพลงเล็กน้อยเมื่อคำพูดของอีกคนทำให้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะค่อยๆเงยใบหน้าหวานนั้นขึ้นมองคนตัวสูงอย่างชั่งใจ
คริสนั่งจ้องใบหน้าของเลย์อยู่เนิ่นนาน ทำเอาคนที่อ่านหนังสืออยู่ในตอนแรกก็ไม่สามารถมีสมาธิจดจ่ออยู่กับมันได้อีกเลย เมื่อทนไม่ไหวมือบางจึงปิดหนังสือลงอย่างไม่คิดจะอ่านมันอีก ไม่วายต้องเอ่ยถามอีกคนเมื่อรู้สึกอึดอัดซะเหลือเกิน
“จะจ้องอีกนานไหม?”
“ก็แค่แปลกใจ” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปพลางมือหนาก็ยกขึ้นเทาคางแหลม ก่อนจะจ้องมองสำรวจใบหน้าหวานของคนตรงหน้าอีกครั้ง
“นายว่างมากรึไงถึงมีเวลามานั่งหายใจทิ้งแบบนี้ บางทีควรจะหาความรู้ให้ตัวเองบ้างนะ ไม่เคยคิดจะเข้าเรียนเลยหนิ” เมื่ออีกคนเอาแต่จดจ้อง เลย์ก็เริ่มจะทำอะไรไม่ถูก นึกหงิดหงิดที่อีกคนทำเหมือนจะจำกันได้ แต่ก็ไม่เลยสักนิด
“อ่า...หน้านายสวยกว่าผู้หญิงบางคนอีกนะเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาให้อีกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน ไม่คิดจะละสายตาออกจากใบหน้าของอีกคนเลยสักนิด นั่นก็ทำให้เลย์ต้องก้มหน้างุดพลางเปิดหนังสือขึ้นอ่านอีกครั้ง สายตาแบบนี้ ให้ตายเหอะ มีอิทธิพลต่อหัวใจซะเหลือเกิน แล้วที่พูดสั่งสอนมันไปเมื่อครู่ เข้าหูบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้
“สวยแล้วไง ฉันก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดีนั่นแหละ!” บ่นงุ้งงิ้งจนคนตัวสูงที่มองอยู่ต้องกระตุกยิ้มอย่างนึกขัน ยิ่งเข้าหาอีกคนมากเท่าไหร่ ก็เหมือนจะรู้ว่าคนหน้าหวานคนนี้เป็นคนยังไง แข็งนอกอ่อนในสินะ
“แข็งกระด้าง”
“นายว่าใคร?”
“ก็ว่านายนั้นแหละ หน้าก็สวย ดูอ่อนโยน แต่นิสัยช่างผิดกันซะจริงๆ”
เมื่อคริสพูดจบมือบางก็กำเข้าหากันแน่นในทันที อารมณ์เริ่มมาคุเมื่ออีกคนช่างยั่วโมโหซะเหลือเกิน ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกดข่มอารมณ์ที่กำลังจะประทุออกมา เกิดมาก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองโกรธเป็นก็ตั้งแต่ได้เจอคนตรงหน้านี่แหละ ไม่คิดเลยว่าตอนเด็กกับตอนนี้จะนิสัยต่างกันราวฟ้าวกับเหว ไม่อยากจะบอกว่าที่แข็งกระด้างแบบนี้ก็เป็นกับคนตรงหน้าคนเดียวเท่านั้น
“.................................................”
เลย์ไม่พูดอะไรกลับไป เหมือนยิ่งตอบโต้อีกคนก็ดูจะไม่จบเรื่องสักที มือบางเอื้อมไปรวบหนังสือที่นำมาอ่าน ก่อนจะนำมันมาไว้ในอ้อมกอดแล้วเดินไปเก็บตามหมวดที่ได้หยิบมา พลันรู้สึกว่าที่แห่งนี้มันเริ่มจะไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
ขาเล็กเดินเอาหนังสือไปเก็บที่ชั้นวางได้ไม่นานก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมอีกครั้ง พลางมือบางก็รีบเก็บสัมภาระลงกระเป๋าอย่างรวดเร็วทั้งยังต้องรีบให้ขึ้นไปอีกเมื่อคนตรงหน้าไม่คิดจะไปไหนแล้วยังเอาแต่จ้องอยู่แบบนี้ มันเป็นอะไรมากไหมวะ...
ครืด ครืด ครืด~~~~~~~
เสียงสั่นของเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ทำให้ใบหน้าหวานต้องหันไปมองในทันที มือบางสไลด์กดรับหลังจากรู้ว่าปลายสายคือเพื่อนตัวเล็กที่โทรมาหาไม่บ่อยครั้งนัก
“ว่าไงลู่หาน” เอ่ยกับเพื่อนรักไปพลางมือบางก็เก็บของลงกระเป๋าไปเรื่อย
“อยู่ไหนอ่ะเลย์ ห้องสมุดหรือเปล่า?”
“อื้ม มีอะไรหรือ....?”
ไม่ทันจะได้เอ่ยจบประโยค ร่างกายก็เหมือนถูกสาบให้เป็นหินในทันที ม่านตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อปลายจมูกโด่งของคนร่างสูงที่เมื่อครู่ยังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมาคลอเคลียอยู่ข้างแก้มในขณะนี้ ก่อนจะสูดดมความหอมประจำกายของคนตัวเล็กเข้าไปฟอดใหญ่ ไม่วายยังส่งยิ้มกรุ่มกริ่มแล้วเดินจากไปอย่างหน้าตาเฉย อู๋ฟานทำอะไร...
“เลย์....เลย์...ฮัลโหล ได้ยินฉันหรือเปล่า?” เมื่อเห็นเพื่อนหน้าหวานเงียบไปลู่หานก็กรอกเสียงเข้ามาเรื่อยๆด้วยความเป็นห่วง
“อ...อื้ม นายว่าอะไรนะลู่หาน” ยังช็อกไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่จนต้องเอ่ยถามเพื่อนรักอีกครั้งว่ามีเรื่องอะไรถึงได้โทรมา พลันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทั้งใบหน้าหวานก็ยังแต้มไปด้วยสีระเรื่ออ่อน หน้าร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ แค่หอมเท่านั้นแต่ทำไมถึงทำให้หวั่นไหวได้มากขนาดนี้นะ
“นายเป็นอะไรรึเปล่าเลย์?”
“อ...เอ่อ...คิดว่าไม่นะ ขอโทษนะลู่หาน แต่ไว้เจอกันแล้วค่อยคุยดีกว่า ฉ..ฉันยังไม่ว่างน่ะ”
สิ้นเสียงหวาน มือเล็กก็ยกขึ้นกุมที่หน้าอกข้างซ้ายในทันที ไม่ได้การแล้วเมื่อความรู้สึกที่มีต่ออีกคนมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคริสถึงต้องทำแบบนี้ ทั้งยังจูบแรกของเขาที่ก็ไม่เข้าใจว่าคนตัวสูงต้องการอะไรกันแน่ คิดยังไงก็คิดไม่ตกจนต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหนื่อยใจ จะโดดเรียนคาบบ่ายดีไหมนะ...
...ADOLESCENT…
*** แฮ่ๆ ถ้ามันจะป่วงไปก็อย่าว่าไรท์เลยนะ ><
อีกไม่กี่วันผู้ชายก็จะมาแล้ว มีใครไปรับกันบ้างไหมเอ่ย?
อาจเดินสวนกับไรท์เตอร์ไม่รู้ตัวนะคะ จะไปติ่ง 555
ความคิดเห็น