คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [ตอนจบ]
“ขอบใจนะ...” คำขอบคุณสั้น ๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากของคนหน้าตี๋ เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน หากแต่ริทก็จำต้องหุบยิ้มอย่างคนรักษาฟอร์ม
“ขอบใจทำไม ฉันก็พูดไปงั้นแหล่ะ เสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับบ้าน” เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้าเบา ๆ คนร่างเล็กก็ลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกไป ใบหน้าหวานก็หันมามองคนที่ยังนั่งอยู่ พลางถามถึงสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจ
“นายเป็นเกย์หรอ ?”
คำถามสั้น ๆ ที่ออกมาจากริมฝีปากสวย ทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที
อยู่ดี ๆ ก็มาถามว่าเขาเป็นเกย์หรอ...
ไอ้ตัวเล็กนี่...ยังไงของมันวะ ?
“นายไปเอามาจากไหนว่าฉันเป็นเกย์” โตโน่ถามคนตรงหน้ากลับ พลางยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้าช้า ๆ
“ก็เพื่อนฉันบอกว่านายไม่ชอบผู้หญิง...” ริทตอบพลางเดินถอยหลัง เมื่อเห็นท่าทางคุกคามของคนร่างสูง
“ไม่ชอบผู้หญิง ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันเป็นเกย์...”
ปึก!
แผ่นหลังบางกระแทกเข้ากับผนัง ก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปใกล้ พลางยื่นมือทั้งสองข้างไปยันไว้ที่กำแพงเพื่อกางกั้นให้คนร่างเล็กตกอยู่ในอาณัติของเขา
“นะ นายเขยิบออกไปเลยนะ คิดจะทำอะไรน่ะ!” ริทเริ่มโวยวายเมื่อใบหน้าหล่อตี๋เลื่อนมาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดพวงแก้มขาวของเขา
“แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ...” ถามพลางเลื่อนปลายจมูกเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น และเพราะการกระทำนี้ของโตโน่ที่ทำให้ร่างเล็กเริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวผสมกับความรู้สึกแปลก ๆ
ใจหนึ่งเขาก็กลัวว่าจะโดนคนตรงหน้าทำอะไร...
แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกแปลก...เพราะตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นแรง จนเหมือนมันจะกระเด็นออกมานอกอก
เขาไม่เคยใจเต้นแรงแบบนี้กับใครมาก่อน...แม้แต่กับนาว...
ส่วนโตโน่เองก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากคนตรงหน้านัก เพราะมือที่ยันกำแพงของเขาสั่นน้อย ๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไร
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบผู้ชาย
แต่กับคนตรงหน้าคนนี้..ทำไมทำให้เขารู้สึกอยากแตะ อยากสัมผัส อยากอยู่ใกล้แบบนี้ก็ไม่รู้...
หรือเขาจะเป็นเกย์...
ไม่น่ะ! เพราะกับผู้ชายคนอื่นเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้...
“บ้าเอ๊ย!” โตโน่สบถออกมา ก่อนที่เขาจะก้าวถอยหลังแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม มือหนายกขึ้นมาขยุ้มผมของตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ
นี่เขาเป็นอะไร ??
“นะ นาย...เป็นอะไร...” ริทเอ่ยถามออกมา พลางยกมือขึ้นมาจับที่อกด้านซ้ายของตัวเอง เพื่อต้องการบรรเทาอาการใจเต้นแรง
“ที่ฉันบอกเพื่อนนายว่าฉันไม่ชอบผู้หญิง เพราะฉันแค่อยากจะปฏิเสธเค้า...ฉันไม่ได้เป็นเกย์...” คำตอบที่มาพร้อมกับดวงตาที่จริงจัง ทำให้คนที่ได้รับคำตอบพยักหน้ารับรู้เบา ๆ
“อืม...ฉันหายข้องใจแล้ว งั้นฉันกลับก่อนนะ...” พูดจบ ร่างเล็กก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องนี้ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นประตู คำถามของคนที่อยู่ด้านหลังก็เรียกใบหน้าหวานให้หันกลับมา...อีกครั้ง
“นายชื่ออะไร...?”
“ฉันชื่อริท”
“ฉัน...โตโน่นะ...”
“อืม...”
บทสนทนาหยุดลงเพียงเท่านั้น ก่อนที่ริทจะเดินออกไปจากคลินิกด้วยใบหน้าที่อมยิ้มหน่อย ๆ เนื่องจากความสุขที่ลอยเกลื่อนในหัวใจ
ความสุขที่ไม่รู้ว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดาง่าย ๆ น่าจะมาจาก...คนที่ชื่อ ‘โตโน่’
ส่วนคนอีกคนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะเขายกยิ้มขึ้นมาทันที ที่ร่างเล็กเดินพ้นประตูออกไป
บางที...เขาอาจจะเริ่มผู้ชายขึ้นมาแล้วก็ได้...
แต่ต้องเป็น ‘ผู้ชายคนนี้’ คนที่เพิ่งเดินออกไปคนเดียวนะ!
“ริท...นาวขอโทษนะที่ช่วยริทย่องานไม่ได้ พอดีช่วงนี้นาวกำลังอกหัก นาวไม่อยากทำอะไรเลย...”
“ไม่เป็นไรหรอกนาว เดี๋ยวริทหาวิธีทำเอง นาวกลับไปพักผ่อนเถอะ แล้ว...นาวดีขึ้นแล้วใช่ไหม” คำถามของริทคล้ายไปสะกิดต่อมน้ำตาของคนถูกถาม หญิงสาวร้องไห้ออกมาก่อนจะวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันที ร่างเล็กลุกขึ้นและทำท่าจะวิ่งตาม หากแต่เมื่อนึกถึงงานที่เขากำลังทำค้างอยู่ เขาก็ไม่สามารถวิ่งตามคนที่วิ่งออกไปแล้วได้
นาวเป็นคนสำคัญก็จริง...แต่งานที่เขาต้องย่อให้เสร็จเพื่อส่งพรุ่งนี้เช้าสำคัญกว่า...
เพราะถ้าเขาย่องานไม่เสร็จ เขาจะตกต้องวิชานี้...
นาวจ๋า...ริทขอโทษนะ
“เฮ้อ...แล้วจะเขียนยังไงวะเนี่ย ดันเป็นมือขวาซะด้วย...” ริทบ่นพลางยกมือข้างขวาที่มีผ้าสีขาวพันอยู่ขึ้นมาดู แล้วใบหน้าหวานก็ระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
สายลมที่หอบเอาดอกชมพูพันธุ์ทิพย์สีชมพูร่วงหล่นมาตรงหน้า เรียกมือบางให้เอื้อมไปหยิบ จังหวะนั้นก็มีมือหนาของคนอีกคนหนึ่งยื่นมาหยิบเช่นเดียวกัน
ริทเงยหน้าขึ้นไปมองคนเป็นเจ้าของมือทันที แล้วเขาก็พบกับใบหน้าขาวตี๋ของคนที่เขากำลังคิดถึงเมื่อสักครู่นี้
“นาย ?”
“ฉันน่าจะอายุมากกว่านายนะ เรียกฉันว่าพี่สิไอ้ตัวเล็ก” โตโน่ว่าพลางทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ม้าหินตรงข้ามกับคนที่มองเขาตาโต
“ทำไมฉันต้องเรียกนายว่าพี่ด้วย...โอ๊ย!” พูดกวนยังไม่ทันจบประโยคดี หน้าผากมนก็โดนนิ้วเรียวดีดมะกอกใส่
“ฉันอยู่มหาลัยปีสุดท้ายแล้ว ส่วนนายอยู่แค่ม.ปลาย เพราะงั้น...นายก็ต้องเรียกฉันว่าพี่สิ หรือไม่จริง”
“ก็จริง แต่ไม่อยากเรียก อ๊ะ ๆ ๆ ๆ เรียกก็ได้...ทำไมชอบใช้กำลังนักนะ...” คนหน้าหวานบ่น พลางทำปากจู๋ใส่คนหน้าคมที่กำลังอมยิ้ม
“แล้วทำอะไรอยู่”
“กำลังจะย่องานส่งอาจารย์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำอีท่าไหน มือข้างที่ถนัดก็ดันมาเจ็บแบบนี้” พูดพลางชูมือขึ้นให้คนถามดู
“ให้ฉันช่วยทำให้ไหม ?” โตโน่ถาม ก่อนที่เขาจะหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“เฮ้ย!!! ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันหาทางทำเอง” ริทรีบปฏิเสธ แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ฟังเขา เพราะมือหนาเอื้อมมาหยิบสมุดของเขาไป
“ย่อตรงไหน ย่ออะไรบ้าง บอกมาสิ...จะได้เสร็จก่อนมืด”
เมื่อเห็นว่าคนถามคงจะไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจ ริทจึงตัดสินใจชะโงกหน้าเข้าไปแล้วเริ่มอธิบายว่าเขาจะต้องย่องานบทไหนบ้าง และเมื่ออธิบายเสร็จ มือหนาก็เริ่มจรดปากกาและเขียนย่องานตามที่คนตรงหน้าบอกทันที
เวลาผ่านไป คนที่นั่งมองก็ค่อย ๆ หลับตาลงเนื่องจากบรรยากาศรอบตัวชวนให้หลับใหล ริทแนบใบหน้าไปกับกองหนังสือกองโตที่วางอยู่เบื้องหน้า แล้วเขาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ใบหน้าหวานที่หันไปทางคนที่กำลังนั่งเขียนย่องาน เรียกดวงตาเรียวตี่ให้เงยขึ้นมามอง
“หลับซะแล้ว...ไอ้ตัวเล็กเอ๊ย...” โตโน่พึมพำออกมาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเอื้อมไปปัดผมม้าที่ระหน้าผากมน ใบหน้าคมยิ้มออกมา แล้วก้มหน้าก้มตานั่งย่องานให้คนตรงหน้าต่อ
อย่าถามถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาทำแบบนี้
เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...
ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะแห่งนี้เฉย ๆ ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเจอ ‘ใคร’ แต่เมื่อได้มาเจอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาทัก และเมื่อเขามาทัก...เขาก็ต้องมาทำแบบนี้
เวลาที่เคลื่อนตัวจากที่เห็นแสงแดดสีอ่อนในยามบ่ายก็ค่อย ๆ ถูกความมืดกลืนกิน จนบัดนี้ คนที่นั่งเขียนย่องานจนถึงบรรทัดสุดท้ายก็ต้องยกนาฬิกาขึ้นมาดู
“ทุ่มนึงแล้วหรอเนี่ย ไวชะมัด...เสร็จสักที” และเมื่อตัวอักษรตัวสุดท้ายถูกเขียนลงไป ร่างสูงก็ยกสองแขนขึ้นมาบิดขี้เกียจ
อากาศที่เย็นจนเกือบหนาว ทำให้โตโน่ต้องยกมือขึ้นมาถูไปถูมาเพื่อให้เกิดความอบอุ่น ดวงตาเรียวมองไปยังคนที่ยังคงหลับ ร่างเล็กที่สั่นเทาเบา ๆ เรียกมือหนาให้ถอดเสื้อยีนส์แขนยาวที่เขาสวมอยู่ไปคลุมให้กับร่างเล็ก
“เจ้าตัวเล็ก...ริท...ไอ้ตัวเล็กกกกกกกกกกก” เมื่อเห็นว่าเรียกดี ๆ ไม่ยอมตื่น ใบหน้าคมก็ก้มลงไปใกล้กับใบหูเล็กแล้วตะโกนเรียกคนตรงหน้าด้วยเสียงที่ดังมาก
“งื้อ...ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วยเนี่ย เรียกเบา ๆ ก็ตื่นแล้ว” ริทว่าพลางยกสองมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง พลางทำปากจู๋ใส่คนที่กำลังหัวเราะเขา
“กลับบ้านได้แล้ว มืดแล้วนะ อีกอย่าง...งานนายก็เสร็จแล้วด้วย” คนพูดไม่พูดเปล่า แต่ยังยื่นสมุดที่มีลายมือที่พอดูได้เขียนอยู่ขยุกขยิกคืนให้คนที่เหมือนจะยังไม่ตื่นดี
“โห...ว้าว! สุดยอดไปเลยพี่โน่!!! ขอบคุณนะครับ” ริทเอ่ยขอบคุณ พลางยกมือขึ้นมาไหว้คนทำงานให้เขาจนเสร็จ และด้วยความดีใจเกินไปหน่อย ทำให้ร่างเล็กโน้มตัวข้ามโต๊ะไปกอดร่างสูงที่นั่งหลังตรงตรงหน้า
“อะ เอ่อ...” เสียงห้าวที่ดังขึ้นจากคนถูกกอด ทำให้คนกอดรู้สึกตัว ริทรีบผละออกจากร่างสูง แล้วยกมือขึ้นมาเกาจมูกตัวเองแก้เขินทันที
“ขอโทษที พอดีดีใจมากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร รีบกลับบ้านดีกว่า มันมืดแล้ว...” โตโน่ว่า พลางช่วยคนมือเจ็บเก็บของที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นกระเป๋านักเรียนสีดำที่อยู่ในมือบางก็ถูกมือหนาดึงไปถือไว้
“อ๊ะ!”
“เดี๋ยว ‘พี่’ ถือให้...” คำแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ทำให้คนเป็นเจ้าของกระเป๋าต้องยกยิ้มหวานออกมา
“วันนี้กินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า นอกจากจะมาบังคับคนอื่นเรียกตัวเองว่าพี่ มาช่วยเค้าปั่นงาน และยังจะแทนตัวเองว่าพี่อีก...”
“ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรือไง” คำถามที่ย้อนกลับมา ทำให้คนถูกถามถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก
ริทไม่รู้ว่าจะตอบคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ยังไงดี...
จะตอบว่าชอบอย่างที่หัวใจกำลังรู้สึก มันก็กระไรอยู่...
แต่จะตอบว่าไม่ชอบ ก็เป็นการโกหกคนถามและตัวเองเกินไปอีก
ตอบยังไงดีนะ ?
แต่ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้ตอบอะไร ผู้ชายร่างสูงประมาณ 20 คนที่เดินมาดักเบื้องหน้าก็ทำให้คนสองคนต้องหยุดเดิน
“ไงไอ้โน่...ไม่ได้เจอกันนานนี่มึง!”
“ไอ้แชมป์!?!”
“ขอบใจที่จำชื่ออริเก่าได้นะ...เฮ้ย! พวกมึงไปจับไอ้ตัวเล็กนั่นมา!!!” เมื่อได้รับคำสั่งจากคนเป็นลูกพี่ ลูกน้องร่างสูงหน้าโหด 3 คนก็เดินย่างสามขุมเข้ามาหาริท แต่โตโน่ก็ใช้ร่างของเขากำบังร่างเล็กไว้ และส่งกระเป๋านักเรียนกลับไปให้คนเป็นเจ้าของ ก่อนที่เขาจะปล่อยหมัดและเท้าใส่คนที่เดินเข้ามา
ไม่ถึง 3 นาที คนสามคนที่เดินเข้ามา ก็เป็นอันต้องลงไปนอนนับดาวที่พื้น
“ถ้าใครกล้าแตะเจ้านี่ มันได้ลงไปนอนแบบไอ้สามตัวนี้แน่!!!”
เมื่อโตโน่พูดจบ แชมป์ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ กูเพิ่งเคยเห็นมึงปกป้องผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อของมึง หรือว่า...ไอ้ตัวเล็กนั่นจะเป็นเมียมึงวะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พูดจบ คนพูดก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกชุดใหญ่ เรียกโทสะของคนหน้าตี๋ให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โตโน่ย่างสามขุมเข้าไปหาคนพูดทันที
เปรี้ยง!
ฝ่าเท้าที่ยันไปเต็ม ๆ ใบหน้าก็ทำให้ร่างของคนที่กำลังหัวเราะหงายหลังล้มตึง เมื่อเห็นว่าคนเป็นลูกพี่โดนทำร้ายแบบนั้น คนเป็นลูกน้องก็ตรงเข้ารุมร่างสูงที่ยืนกำหมัดตั้งการ์ดรอทันที
แล้วการต่อสู้อย่างดุเดือดก็เริ่มต้นขึ้น คนที่ไม่มีฝีมือทางด้านนี้อย่างริทก็รีบถอยฉากออกมายืนดูอย่างห่าง ๆ
การต่อสู้ที่ดูเหมือนว่าโตโน่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบกลับกลายเป็นว่าร่างสูงค่อย ๆ ได้เปรียบเนื่องจากศิลปะการต่อสู้ที่เขามีนั้นสามารถล้มคนจำนวนเท่านี้ได้อย่างสบาย ๆ
หากแต่ในจังหวะที่ริทไม่ทันได้ระวังตัว เขาก็ถูกคนที่ชื่อแชมป์ซึ่งไม่รู้ว่าลุกจากพื้นตอนไหน มาล็อกคอไว้
“พี่โน่!!!! ช่วยริทด้วย!!!!” ร่างเล็กตะโกนออกไปทันทีที่เขาตกอยู่ในอันตราย ใบหน้าหวานเริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกดจากน้ำหนักแขนบริเวณลำคอ
“ไอ้แชมป์...มึงปล่อย ‘คนของกู’ เดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” โตโน่ซึ่งบัดนี้จัดการกับลูกน้องของคนที่ล็อกคอริทเรียบร้อยแล้ว ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาคนสองคนตรงหน้า
“คนของกู...ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไอ้ตัวเล็กนี่เป็นคนสำคัญของมึงจริง ๆ สินะ...ไหนกูขอชิมหน่อยสิว่าคนของมึง...รสชาดหวานหอมแค่ไหน” แชมป์พูด พลางแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหูของร่างเล็กแล้วก้มหน้าลงไปสูดดมที่ลำคอขาว พลางเสยาะยิ้มใส่คนหน้าตี๋ที่บัดนี้กำหมัดแน่นยืนตัวสั่นอยากปล่อยหมัดใส่เขาเต็มแก่
“ฮึก...ฮึก...ยะ อย่าทำอะไรฉันนะ...พี่โน่...เอาริทออกไปที...” ใบหน้าหวานที่มีน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ทำให้คนมองทนไม่ไหวตรงดิ่งเข้าไปหาคนตรงหน้าทันที
“หยุดนะมึงไอ้โน่! ไม่งั้นกูกระซวกไส้มันแน่!!!” แชมป์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังชักมีดออกมาจากเอว แล้วจ่อปลายมีดไปที่เอวบางของริท ขายาวหยุดชะงัก แล้วเริ่มตั้งสติ
เขาต้องใจเย็น ๆ ตอนนี้ชีวิตริทขึ้นอยู่กับเขา...
เขาต้องปกป้องเจ้าตัวเล็กให้ได้!
“มึงจะเอายังไงไอ้แชมป์...มึงพูดมา! มึงจะให้กูทำอะไรมึงถึงจะปล่อยคนของกู!”
“หึ...กราบตีนกู...แล้วกูจะปล่อยมัน...!”
ร่างสูงชะงักไปทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ ใบหน้าตี๋เงยหน้าขึ้นไปสบตากับใบหน้าหวาน
“ไม่ต้องทำนะพี่โน่ ไม่ต้องทำ...อย่าทำนะ...!” แม้จะรู้สึกกลัว แต่ริทก็ไม่ยอมให้คนตรงหน้าต้องเสียศักดิ์ศรีด้วยการก้มกราบไอ้เศษสวะคนนี้
“ปากดีไปไอ้ตัวเล็ก...เดี๋ยวก็โดนปากปิดปากหรอก!” แชมป์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังหันใบหน้าไปหาคนที่อยู่ในอ้อมแขน ริทพยายามขืนใบหน้าตัวเองให้ออกห่างจากใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้ด้วยความรังเกียจและขยะแขยง เมื่อโตโน่เห็นแบบนั้น เขาก็ทนไม่ไหว ต้องตะโกนประโยคนี้ออกไป
“หยุดนะไอ้แชมป์...กูยอมทำ...”
และแค่เพียงประโยคนี้ ร่างสูงก็ค่อย ๆ คุกเข่าลง...
“ไม่นะพี่โน่ อย่าทำแบบนี้ ลุกขึ้น!!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เอาเลย กราบตีนกูเลย กราบ!!!!”
จังหวะที่ร่างสูงกำลังก้มลง มือหนาก็หยิบไม้บรรทัดฟุตเหล็กที่สอดอยู่ที่เอวออกมาฟันที่ข้อเท้าของคนที่กำลังหัวเราะอย่างแรง เป็นผลให้คนถูกฟันรู้สึกเจ็บจนต้องแขนที่ล็อกคอร่างเล็ก
“พี่โน่...” ริทตะโกนออกมา พลางวิ่งเข้าไปหาคนที่ยืดตัวเต็มความสูงแล้ว โตโน่รับร่างเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่เขาจะลูบหัวเล็กเบา ๆ อย่างปลอบโยน แล้วเดินย่างสามขุมเข้าไปหาคนที่ยืนกุมข้อเท้าตัวเอง
ปั้ก!
ปลายเท้าที่เตะเสยปลายคาง ส่งผลให้คนโคนเตะหงายหลังล้มลงไปนอนที่พื้น โตโน่ยกเท้าขึ้นไปเหยียบยอดอกของคนที่นอนเลือดกลบปาก
“เมื่อกี้มึงบอกให้กูกราบตีนมึงใช่ไหม คราวนี้คงต้องเป็นมึงแล้วล่ะ ที่ต้องกราบตีนกู...” โตโน่ว่า ก่อนที่เขาจะบดเท้าของเขาไปที่อกคนที่ค่อย ๆ ยกมือขึ้นมา
“กะ กะ กูขอโทษ...”
หวอ ๆ ๆ ๆ
เสียงรถตำรวจที่ดังมาแต่ไกล ทำให้ร่างสูงยกปลายเท้าออกแล้วคว้ามือบางให้วิ่งออกไปจากบริเวณนี้ คนสองคนรีบวิ่งไปตามทางเดินที่ทอดยาวภายในสวนสาธารณะ
“แฮ่ก ๆ ๆ พักก่อนได้ไหมพี่โน่ ริทเหนื่อย...” ร่างเล็กหยุดวิ่งพลางยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง เขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย การวิ่งระยะไกล ๆ ในตอนที่เพิ่งเจอเหตุการณ์ระทึกมา ทำให้เขาหายใจไม่ทัน
“อดทนอีกนิดริท เดี๋ยวก็พ้นแล้ว เฮ้ย!” เมื่อเห็นว่ามีร่างของนายตำรวจสองนายวิ่งมาทางนี้ โตโน่ก็คว้าเอวร่างบางให้หลบเข้าไปหลังต้นมะขามเทศต้นใหญ่ เงามืดของต้นไม้ทำให้ตำรวจสองนายต้องใช้ไฟฉายสาดส่องมองหาคนที่พวกเขาเห็นว่าวิ่งมาทางนี้
“เขาจะเห็นเราไหมพี่...อุ๊บ!” ริทยังพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากของเขาก็ถูกมือหนาปิดเอาไว้ โตโน่ยกมือขึ้นมาทำท่าจุ๊ พลางก้มหน้าลงมาจนใกล้กับใบหน้าหวาน คนสองคนที่ยืดเบียดจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกันหายใจหอบถี่ด้วยความตื่นเต้น
ตื่นเต้นจากการหลบตำรวจ...
และตื่นเต้นจากการที่ได้อยู่ใกล้กัน
เมื่อเห็นว่าตำรวจสองนายเดินจากไปแล้ว คนสองคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน มือบางฟาดไปที่ไหล่หนาเมื่อริมฝีปากของเขายังไม่เป็นอิสระเสียที
“โอ๊ะ! โทษที...ลืม ๆ”
“ตำรวจสองคนนั้นไปแล้ว”
“อืม...เราไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ร่างสูงถามพลางยื่นมือไปแตะสำรวจที่ใบหน้าและลำตัวของคนตรงหน้า อากัปกิริยานี้ของโตโน่ทำให้ริทหน้าขึ้นสีแดงเถือก
“มะ มะ ไม่เป็นไรครับ คนที่เป็นน่ะมันพี่ต่างหาก...” ริทว่าก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกงและใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นซับเลือดที่ปลายคิ้ว แก้มและมุมปากของคนร่างสูง
ดวงตากลมโตที่แสดงออกถึงความเป็นห่วง เรียกมือหนาให้เลื่อนขึ้นมาจับมือบาง ใบหน้าคมค่อย ๆ ก้มลงไปหาใบหน้าหวาน...
ริมฝีปากเรียวแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากบางและจากสัมผัสที่แผ่วเบาก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นการไล่เล็มรอบกลีบปากสวยอย่างหยอกล้อเพราะถูกใจในความหวาน สองแขนเรียวเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอร่างสูง จากนั้นร่างสูงก็เขยิบเดินไปข้างหน้าส่งผลให้ร่างบางต้องเดินถอยหลังจนแผ่นหลังบางพิงกับต้นมะขามเทศ
“อืม...” ร่างเล็กครางออกมา เมื่อร่างสูงเลื่อนริมฝีปากขึ้นไปขบเม้มที่ใบหูของเขา ริมฝีปากสวยลากเลื่อนไปตามโครงหน้าเรียวแล้วหยุดริมฝีปากนั้นไว้ที่ลำคอขาว จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากร่างบาง พลางเลื่อนใบหน้าขึ้นไปแตะริมฝีปากของเขากับริมฝีปากบางอีกครั้ง...
“ถึงแล้ว...นี่บ้านริทเอง” เมื่อเดินมาถึงบ้านหลังใหญ่ที่อยู่เกือบท้ายซอย คนที่เดินมาส่งก็แทบอยากจะเดินกลับทันที
แค่ดูก็รู้ว่าเรา ‘ต่างกัน’ แค่ไหน...
“เป็นอะไรพี่โน่ ทำไมทำหน้าแบบนี้” ริทถาม พลางยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าตี๋ที่กำลังทำหน้านิ่ง
“ไม่มีอะไรหรอก ริทรีบ ๆ เข้าบ้านเถอะ” พูดจบ คนพูดก็โบกมือไล่ร่างเล็กให้เข้าบ้าน
“โอเค ๆ พี่ก็กลับบ้านดี ๆ นะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมารับริทไปเรียนล่ะ รับปากริทไว้แล้ว ห้ามเบี้ยว!” เสียงหวานที่เอ่ยย้ำ ทำให้ร่างสูงอดที่จะเอื้อมมือไปโยกหัวทุยตรงหน้าเบา ๆ ไม่ได้
“รู้แล้วน่า...ไม่เบี้ยวหรอก แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”
“อื้อ...” รับคำเสร็จ ร่างเล็กก็เปิดประตูรั้วเข้าบ้านไป โตโน่มองตามร่างบางไปจนสุดสายตา พลางก้มลงมองสภาพของตัวเอง
เราสองคนไม่เหมาะสมกันจริง ๆ
“พี่ขอโทษนะริท...เราไม่ควรต้องเจอกันอีก...”
“ริท...ทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีกลูก...นี่มันจะ 8 โมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปเรียนสายหรอก” เสียงของคนเป็นมารดา เรียกใบหน้าหวานที่บัดนี้งอง้ำเนื่องจากถูกผิดสัญญาให้หันมามอง
“ริทรอเพื่อนมารับอยู่แม่”
“แม่ว่าเพื่อนริทไม่มาแล้วล่ะ ไปเองได้แล้วลูก”
“ก็คงงั้นน่ะแม่ งั้นริทไปเรียนก่อนนะครับ สวัสดีครับ” พูดจบ ร่างเล็กก็คว้ากระเป๋ามาถือไว้แล้วยกมือไหว้คนเป็นมารดาแล้วก้าวเดินออกไปจากบ้าน
ในสมองของริทเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
ทำไมพี่โน่ถึงผิดสัญญา ?
และเพราะความไม่เข้าใจ ทำให้ร่างเล็กเปลี่ยนเส้นทางจากการไปโรงเรียนของเขาเป็นคลินิกที่เขาเคยไป เมื่อเดินมาถึงหน้าคลินิกริทก็เจอเข้ากับผู้ชายร่างสูงคนหนึ่ง
“พี่โน่!” เสียงหวานที่เรียกด้านหลัง เรียกคนที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าคลินิกให้หันมามอง
“ลุงไม่ใช่เจ้าโน่หรอก แต่เป็นพ่อของมัน เรามาหาเจ้าโน่หรอ” คำถามของคนที่หน้าเหมือนพี่โน่ ทำให้คนที่เรียกผิดเดินเข้าไปหาคนถาม
“ใช่ครับ ผมหามาพี่โน่”
“นี่เจ้าโน่มันไม่ได้บอกเราหรอ ว่ามันมีไปฝึกงานที่ต่างจังหวัด แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกที่มันจะต้องไปรายงานตัว” คำตอบของคนตรงหน้า คล้ายเป็นสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวคนฟัง
“ละ แล้วพี่โน่เค้าจะกลับมาวันไหนครับ”
“กว่ามันจะฝึกงานเสร็จก็อีก 4 เดือนนู่นแหล่ะ เผลอ ๆ เห็นมันบอกว่าถ้าถูกใจกับที่นั่น ก็อาจจะอยู่ทำงานยาวเลย อาจไม่มีกำหนดกลับน่ะ...”
เมื่อฟังประโยคนี้จบ น้ำตาของริทก็ไหลออกมาทันที
ไอ้พี่โน่บ้า!!!!
พี่มาทำแบบนั้นกับผมแล้วก็หนีผมไปแบบนี้เนี่ยนะ!!!!!
บ้าเอ๊ย!!!!!!!
ริทไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องรู้สึกแบบนี้กับใครนอกจากนาว เพราะเขาคิดว่าเขารักนาวมาโดยตลอด
แต่เมื่อเขาได้พบกับพี่โน่...
เขาก็ได้รู้ว่า...ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รักนาว เขาแค่ชอบนาวเฉย ๆ
แต่กับพี่โน่...มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าชอบ
แม้จะรู้จักกันได้แค่วันเดียว...แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับวันและเวลา
เขาเพิ่งเข้าใจคำว่า ‘รักไม่ต้องการเวลา’ ก็วันนี้...
แต่ความรักของเขาก็หายไปแล้ว พร้อมกับคนที่หนีเขาไปแสนไกล
ยังไม่ทันได้เริ่มต้น...ก็ต้องสิ้นสุดเสียแล้ว...
ทางด้านคนที่หนีหัวใจของตัวเองมาแสนไกล ก็ต้องนั่งเหม่อมองไปยังท้องทุ่งกว้างสีเขียวขจีเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกที่หม่นหมอง
เขาไม่ได้อยากจะทำแบบนี้...
เขารู้ดีว่า...ริทรู้สึกยังไงกับเขามากพอ ๆ กับที่เขาเองก็รู้สึกว่าตัวเขาเองรู้สึกอย่างไรกับริท
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสัมผัสเมื่อคืนทำให้เขารู้ว่า...
เขารักริท...
รัก...ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน
แต่เขาจำเป็นต้องหยุดความรักไว้เพียงเท่านี้...
เพราะเขารู้ดีว่าเขาไม่เหมาะสมกับริทสักนิด...ไม่มีอะไรเหมาะสมเลย
ริทควรมีอนาคตที่ดี ซึ่งอนาคตที่ว่านั้น...ต้องไม่มีเขา!
วันเวลาในแต่ละวันของคนสองคนค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกทรมานที่เกิดขึ้นทำให้คนที่เคยร่าเริงเสมออย่างริทกลายเป็นคนที่เงียบขรึม เมื่อเรียนจบมัธยมปลายริทตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพื่อลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ส่วนโตโน่...เขาได้มาทำงานที่ไร่ชาในภาคเหนือ และเกิดติดใจจนเขาตัดสินใจทำงานอยู่ที่นี่ เป็นผู้จัดการดูแลไร่ชา...
เขาไม่อยากกลับไปที่บ้านของเขา เพราะไม่อยากจะต้องคิดถึงเหตุการณ์และคนที่นั่น...คนที่เอาหัวใจของเขาไป...
ในเช้าวันหนึ่ง...
“คุณโน่ครับ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ” เสียงตะโกนโหวกเหวกบริเวณหน้าบ้าน เรียกร่างสูงที่กำลังติดกระดุมเสื้อให้เดินไปเปิดประตู
“อ้าวอาจิ้ง...เกิดเรื่องอะไรแต่เช้าครับ”
“พอดีมีป้อจายคนหนึ่งครับ เปิ้นมาเหวี่ยงพวกเฮาหาว่าพวกเฮาไปหลอกให้เปิ้นดื่มชาไม่มีคุณภาพครับ” คำอธิบายที่มาพร้อมกับภาษาเหนือ ทำให้คนฟังต้องรีบติดกระดุมเสื้อแล้วก้าวยาว ๆ ตามคนที่มาตามเขา
ใครกันนะ...มาเหวี่ยงโวยวายแต่เช้าแบบนี้...?
“ชาแบบนี้มันไม่ได้คุณภาพ มันต้องใช้วิธีการอบแบบนี้ต่างหาก” ร่างเล็กที่ยืนหันหลังหยิบหนังสือเล่มโตออกมาจากกระเป๋า พลางพลิกเปิดหน้าที่มีกรรมวิธีการอบชาให้กับพนักงานสาวที่อยู่ในชุดชาวเขาพื้นเมือง
คนที่เพิ่งเดินมาถึงเมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้า เขาก็รู้สึกเหมือนความรู้สึกเก่าที่เขาพยายามกดเก็บไว้ค่อย ๆ ฟื้นคืนมา...
ไม่...ไม่ใช่หรอก...
“คุณโน่...” แล้วเสียงเรียกของคนเป็นพนักงาน ทำให้ร่างเล็กหันไปมองคนเป็นเจ้าของชื่อ
และทันทีที่คนสองคนหันมาเผชิญหน้าและสบตากัน ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงก็ฉายชัดในดวงตาของคนทั้งคู่
“ริท...”
“พี่โน่...”
คนสองคนโผเข้ากอดกันด้วยความรู้สึกที่คิดถึงสุดขั้วหัวใจ
“ฮึก...ฮือ...พี่โน่จริง ๆ ด้วย...พี่โน่จริง ๆ...” ร่างเล็กเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
“อืม...ใช่...พี่เองริท...พี่โน่เอง...” โตโน่ว่าพลางใช้มือลูบไปมาที่เรือนผมนุ่ม แล้วร่างสูงก็ดันร่างเล็กออกจากอ้อมกอด แล้วก้มหน้าลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากบางด้วยความโหยหา...
ริมฝีปากที่บดจูบกันกำลังถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งสองคน
ทั้งความรู้สึกโหยหา...คิดถึง...รัก...และอีกหลายร้อยหลายพันความรู้สึกที่หากใช้คำพูดอธิบายก็คงต้องพูดทั้งวันทั้งคืน...แต่เมื่อใช้สัมผัสทางร่างกายก็คล้ายจะอธิบายได้ทุกความรู้สึกที่มีทั้งหมดของหัวใจ
เมื่อวันเวลาของคนสองคนมาบรรจบกัน...
ความรักและความผูกพันที่เคยคิดว่าเลือนหายก็ค่อย ๆ กลับคืนมาอีกครั้ง...
The End
..อย่างที่แจ้งแต่แรกค่ะว่านี่เป็นเพียงฟิคที่กวางแต่งเพื่อง้อเพื่อนสนิท..เพราะงั้นมันจึงจบเพียงในตอนนี้นะคะ...ขอบคุณสำหรับคนที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^-
ความคิดเห็น