คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Prince Carousel ;: องค์ชายที่ 1
2
Prince Carousel #1
องค์ชายอเล็กซานเดอร์
ครืน~
เสียงนภาสีครึ้มร้องดังก้องกัมปนาท ปลุกให้ฉันสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาพร่ามัว งัวเงีย พยายามปรับและโฟกัสไปยังภาพเบื้องหน้าที่ไม่คุ้นชิน ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงแสนอ่อนนุ่มในซุ้มโค้งที่ดูเหมือนฟักทองแต่มันไม่ใช่สีส้ม เป็นสีดำมืดมน ฉันชันตัวขึ้นแล้วก้าวขาลงจากเตียงนั้น
บรรยากาศที่นี่วังเวงมาก สิ่งมีชีวิตดูเหมือนจะไม่มีเลยแม้แต่ตัวเดียว จะมีก็แต่อีกาฝูงหนึ่งที่ตีปีกโผบินเกาะต้นไม้ที่มีแต่กิ้งก้านแห้งๆ แล้วโก่งคอร้องด้วยเสียงอันน่ากลัวก้องกังวาน อุณหภูมิหรือก็หนาวยะเยือกถึงขั้วกระดูก
"ที่นี่ที่ไหนกันนะ" ฉันลูบแขนให้ความอบอุ่นตัวเอง หายใจออกมาเป็นไอหมอกไอควันลอยไปในอากาศเย็นเยียบ
ทุกย่างก้าวดูจะกระทำยากเหลือเกิน ขาฉันเริ่มแข็งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่น่าให้อภัย ลมหนาวเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินไปข้างหน้า เสียงลมกระทบใบหน้าอื้ออึง ฉันหรี่ตาเมื่อมีความรู้สึกว่าสังเกตเห็นร่างกายของ... คน กำลังเดินตรงเข้ามาหาฉัน แต่ทว่าเป็นร่างคนบนหลังม้า... หืม... ฉันก็อยากจะลืมตามองต่อนะ ว่าร่างที่เป็นเงารางไกลๆ นั้น เป็นใคร แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่เอื้ออำนวยเสียแล้วล่ะ...
“หญิงสาวนางนี้เป็นใครกัน...” ใบหน้าเหลี่ยมคมเมียงมองผู้หญิงที่นอนหนุนขอนไม้ ลำตัวขาวผ่องของเธอถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ของเขา ขนตาที่เริ่มมีเกล็ดน้ำแข็งจับบวกกับปากซีดๆ จนน่าเป็นห่วงนั่น ทำให้ร่างสูงใหญ่ต้องใช้ร่างกายเป็นกำบังลมหนาวและเพิ่มความอบอุ่นให้แก่เธอ ด้วยสัญชาติญาณเธอรีบตวัดรัดร่างของเขาเป็นพัลวัน ร้องอืออาปนเสียงกระทบกันกับฟัน
ฮี้!
อาชาไนยสีขาวยกขาหน้าขึ้น สีหน้าแสดงความไม่พอใจ ทำให้เขาจำต้องปล่อยร่างบางขาวซีดลงหนุนนอนบนขอนไม้แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาม้าคู่ใจ ลูบหัวให้ผ่อนคลาย “ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ รีเบคก้า” ดวงตาเศร้าหมองจ้องมองไปที่ดวงตาของม้าผู้ซึ่งเป็นมากกว่าเพื่อน จุมพิตเบาๆ ลงบนศีรษะของมัน “ข้ารักเจ้านะ แต่นางกำลังจะตาย... เพราะข้า” เขาจ้องมองลงบนพื้นดินสีดำ
“อย่าคิดอย่างนั้นสิเอล็กซ์ มันไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้น” รีเบคก้าม้าสาวเอ่ยอ่อนโยนอย่างเข้าใจ นึกเสียใจที่เผลอแสดงความหวงเขาจนออกนอกหน้า ทำให้ชายหนุ่มตัดพ้อชีวิตแสนขมขื่นของเขา ทั้งๆ ที่มันเป็นความผิดของนางแม่มดในคราบนางสวรรค์นั่น!
“ท่านไปดูแลนางต่อเถิด ดูท่านางจะเริ่มแย่เพราะท่านตอกย้ำตนเองเวลาหน้าสิ่วหน้าหวานเช่นนี้ ประเดี๋ยวพายุอันเกิดจากท่านจะทำให้แม่นางผู้นั้นกลายเป็นน้ำแข็งหรอก" รีเบคก้าใช้ศีรษะดุนหลังชายหนุ่ม ที่เริ่มจะคิดได้ เขาสูดลมให้ใจลึกๆ เริ่มตั้งสติสะกดอารมณ์เพื่อที่ความหนาวเย็นซึ่งเขาเป็นผู้ควบคุมทั้งหมดจะได้ไม่กระทบกับหญิงสาวแปลกหน้า และหยุดกระทำลงเมื่อเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะพราวตามตัวของหล่อนละลายและเจ้าของร่างสะโอดสะองเริ่มขยับตัวตื่น...
"โอย" ปวดหัวจังเลย ปวดอย่างกับจะระเบิดเสียให้ได้ นั่นคือสิ่งแรกที่ฉันรู้สึกหลังจากลืมเปลือกตาอันหนักอึ้งของตัวเองได้สำเร็จ ฉันยันตัวขึ้น กระชับเสื้อคลุมซึ่งได้มาจากไหนยังไม่ทราบไว้แน่นเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเย็นๆ อยู่
ฉันสะบัดหน้ามองไปตามเสียงกรอบแกรบของใบไม้แห้ง ก็เห็นผู้ชายหุ่นดีหน้าหล่อกำลังย่ำเท้าเดินมาหา ก่อนนั่งยองๆ จ้องหน้าฉัน เป็นเหตุให้สัญชาติญาณหญิงทำงาน โดยกระเถิบตัวห่างออกจากเขา เพียงสักเล็กน้อยก็ยังดี
"คุณเป็นใคร" ฉันมองหน้าเขาอย่างประหวั่นพรั่นพรึง การที่มีชายแปลกหน้ามานั่งจ้องหน้าในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยอย่างนี้แล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่
"ข้าคือเอล็กซานเดอร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาหยัดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำเอาฉันต้องเงยหน้ามองเขาในมุมเกือบฉากจากตอนแรกที่สามารถมองได้ถนัด การที่เขายืนค้ำหัวเหมือนฉันเป็นเบี้ยล่างมันให้ความรู้สึกเสียเปรียบ ฉันก้มหน้ามองพื้นอย่างจนปัญญาจะหนี หลังจากมองหาทางหนีทีไล่ซึ่งทำได้ไม่นานนักเพราะมีร่างสูงใหญ่จ้องมองอยู่
"เจ้าชายเอล็กซานเดอร์" ฉันตวัดสายตาขึ้นจ้องเขาทันทีที่ได้ยินว่าเขาเป็นเจ้าชาย ร่างสูงทำท่าทางประกอบคำพูดด้วยการเท้าเอวจ้องหน้าฉันอย่างกับผู้ยิ่งใหญ่ ฉันทำหน้าฉงนและฉายแววไม่เชื่อทางสายตา ในขณะที่เขาจ้องมาด้วยแววตาแน่วแน่แต่ทว่าว่างเปล่าราวไร้ความรู้สึกพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากขึ้น โอ ฉันล่ะอยากจะตะกุยหน้า'เจ้าชายเอล็กซานเดอร์'นี่นักเชียว
"โอเค นาย... เอ่อ ท่านคือเจ้าชายเอล็กซานเดอร์เจ้าเมืองแห้งแล้งแสนหนาวเหน็บนี่ใช่ไหม" ฉันชี้นิ้วลงบนพื้นดินพร้อมจ้องตาที่มีแววกระตุกไหวของเขา พลันลมหนาวก็พัดวูบมากระทบต้นแขนของฉันแล้วจางหายไปเมื่อเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่หันหลังแล้วเดินไปที่ม้าของเขา เจ้าม้าตัวนั้นส่งสายตาประมาณว่าห้ามปรามอยู่ในที เขายกมือขึ้นลูบหัวเจ้าม้าอย่างแผ่วเบา
"ใช่ ทำไมรึ" เจ้าชายเอล็กซานเดอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กๆ เชิงถาม
"ฉันแค่จะถามทางออกจากที่นี่น่ะ" ฉันกระชับผ้าคลุมแล้วมองไปยังบุรุษเจ้าเมืองกำลังลูบหัวม้าตะเบ๊ะท่าเก๊กเท่ให้ฉันเห็นในระยะห่างพอสมควร
"เจ้ามาที่นี่ได้ยังไงล่ะ" เอล็กซานเดอร์ถาม
“ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นขึ้นมาก็นอนอยู่บนเตียง เอ่อ... ฟักทองสีดำ ฉันรู้ว่ามันแปลก แต่ฉันนอนอยู่บนเตียงนั้นจริงๆ อย่างไรก็ไม่รู้” ฉันพยายามเพ่งความคิดปะติดปะต่ออีกที อาจจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่ที่พามาเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศหรือที่ไหนสักแห่ง แต่... คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกจริงๆ เอ๊ะ! ฉันจำได้ว่าล่าสุดก็คือฉันนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน แต่โผล่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรน้า
“นี่เจ้าบอกว่าบนเตียงคล้ายฟักทองนั่น...?” เอล็กซานเดอร์ละความสนใจจากม้าสีขาว พุ่งตรงมาหาฉัน จนฉันผงะ สีหน้าเขาผสมความหวังความดีใจเศร้าใจปนเปจนไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกแบบใดในขณะที่จ้องตาของฉัน
"ใช่" ฉันพยักหน้าตอบ
เอล็กซานเดอร์ฉายแววยินดีออกทางสีหน้า เขารีบวิ่งไปที่ม้าอีกครั้งและจุมพิตหนักๆ ลงบนศีรษะของม้าตัวสวยเร็ว ลูบหัวลูบตัวไปมา ฉันว่าฉันเห็นม้ายิ้มด้วยนะ นี่อาจไม่ตลกแต่มันเกิดขึ้นจริง แม้จะแวบเดียวแต่มันก็ชัดมาก ซึ่งการกระทำนี่ทำให้ฉันไม่พอใจอย่างยิ่ง ฉันเพิ่งจะแสดงความกังวลผ่านการบอกและสีหน้าของฉันให้เขาทราบแล้วเมื่อสักครู่ แต่เขากลับดีใจอะไรหนักหนาเนี่ย
"นี่เจ้าชาย ไม่ทราบว่าท่านกำลังยินดีเรื่องอะไรหนักหนา ถ้า ท่านจะเก็บความปีติไว้ในใจของท่านแล้วหันมาสนใจความทุกข์เพราะพยายามออกจากเมืองที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ของฉันสักหน่อยจะได้หรือไม่"
"อ้อ ขอโทษที่ข้าละเลยเจ้า ข้าเพียงแต่ยินดีที่เจ้ามาจากเตียงฟักทองนั่นน่ะ" เจ้าชายเอล็กซานเดอร์เสยพระเกศาแล้วละความสนใจจากอาชาสีขาว เดินตรงมาหาฉันอีกครั้ง "และหวังว่าเจ้าชายจะไม่เดินไปมาแบบนี้อีก เพราะมันทำให้ฉันเวียนหัวและอาจพ่นเศษอาหารที่ผ่านกระบวนการไปติดอยู่บนพระพักตร์ของพระองค์ได้นะเพคะ" ฉันประชดประชัน
เจ้าชายหัวเราะออกมาน้อยๆ ก่อนจะตอบว่าไม่
"แล้วทีนี้ฉันจะออกจากที่นี้ได้ยังไงล่ะ" ฉันเปิดประเด็น เจ้าชายลงมานั่งบนขอนไม้ข้างๆ ฉัน สายตายังไม่ละจากเพื่อนคู่ใจ
"ที่นี่ไม่มีทางให้ออกมากนักหรอก"
"แล้วจะพูดกำกวมทำไมล่ะ ก็ทรงบอกมาสิว่าทางไหนบ้าง" ฉันพ่นราชาศัพท์งูๆ ปลาๆ ใส่เจ้าชายที่พูดจากำกวม
"ก็เพราะว่าที่นี่มันไม่ใช่เมืองมนุษย์ไงล่ะ" บุรุษผู้นั่งข้างๆ เลื่อนสายตามามองฉันแวบหนึ่งเมื่อตอบคำถาม
"หะ อะไรนะ" ฉันลุกพรวดหมุนตัวเคว้งไปมา มองไปรอบๆ สถานที่แห้งแล้งและหนาวเหน็บแห่งนี้ ที่นี่ไม่ใช่โลกแล้วที่นี้จะที่ไหน ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างสิ้นหวังเมื่อลองประมวลผลสถานที่ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นท้องฟ้าเป็นสีดำ เพราะเมื่อสักครู่นี้ยังเป็นตอนเช้าอยู่เลย
"มันขยายเพิ่มขึ้นอีกแล้ว" เจ้าชายพึมพำเหม่อมองท้องฟ้าที่ไม่ใช่ท้องฟ้าของ'เมืองมนุษย์'ด้วยสายตาล้ำลึกยากคาดเดา
"อะไรขยาย" ฉันถามด้วยความสงสัย พายุขยายงั้นรึ? ไม่น่าจะใช่นะ
"Black rope น่ะ มันเป็นเชือกต้องสาปของแม่มดซาร์เนียแห่งเกาะดอกไม้แดง ที่มีชื่อเสียงด้านการใช้เวทย์ศาสตร์มืด เชือกสีดำนั่นเป็นอาคมอย่างหนึ่งยิ่งมันขยายใหญ่ขึ้นก็เท่ากับย่นระยะเวลาของข้ามากยิ่งขึ้น"
"เชือกดำงั้นเหรอ... อย่าบอกนะว่าที่นี่คือ... เมืองม้าหมุน !"
"ใช่ ม้าหมุนต้องสาป"
"...ไม่อยากจะเชื่อ" ฉันรำพึงก่อนจะนึกขึ้นได้ "เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่าท่านก็คือเจ้าชายที่ขี่ม้าในม้าหมุนที่ฉันเห็น ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเจ้าชายองค์อื่นอีกน่ะสิใช่ไหม"
"ใช่ พวกเราต่างก็ถูกจองจำอยู่ในม้าหมุนชิ้นนี้ ซึ่งเจ้าคงจะเป็นเจ้าของรุ่นถัดมาสินะ" เอล็กซานเดอร์เดินไปที่ม้าสาวอีกครั้งและเตรียมอานม้าและสัมภาระเพื่อเตรียมการเดินทาง
"แล้วฉันจะออกไปจากที่นี้ได้อย่างไร"
"เจ้าคงจะปฏิญาณจะช่วยพวกเราให้หลุดจากการจองจำแสนโหดร้ายนี้ เจ้าถึงได้ตื่นขึ้นบนเตียงผู้ปฏิญาณ การที่เจ้าจะออกไปจากที่นี่ เจ้าจะต้องขึ้นไปนอนบนเตียงปฏิญาณอีกคราถึงจะมีสิทธิ์กลับไปเมืองมนุษย์เมืองแสนสุขของเจ้า"
หา! เตียงปฏิญาณมันคืออะไร แล้วฉันไปสัญญิงสัญญาอะไรกับใครตอนไหน หรือว่าจะเป็นตอนที่ฉันพูดเล่นนั่น จะบ้า หรือเปล่า มันมีผลด้วยหรอกหรือ
"แล้วมันอยู่ที่ไหนไอ้เตียงที่ว่านั่น"
"อันที่จริงมันอยู่ทางทิศตะวันตกด้านนั้น" เขาชี้ไปทางทิศที่กล่าว "แต่ตอนนี้เราไปที่นั่นไม่ได้ เนื่องจากแบล็คโรพขยายใหญ่มากขึ้น ถ้าเราเข้าไปในอาณาเขตนั้น มันจะทำการฉีกทึ้งเราให้เป็นชิ้นๆ ราวกับพายุรุนแรงเลยทีเดียว"
โธ่ถัง แล้วทีนี้ฉันจะออกจากที่นี่ยังไงล่ะเนี่ย
"แต่มีอยู่ทางหนึ่ง..."
แนะนำองค์ชายคนแรกแล้วเป็นยังไงกันมั่งอิมเมจนี้ 5555555 (ส่วนตัวแล้วปลื้มมาก)
เรื่องมันเป็นไงมาไงกันน้าม้าหมุนตัวนี้ ต้องรอถามให้ครบแปดองค์ (หลอกให้ตาม 5555)
ช่วงนี้เปิดเทอม ขี้เกียจอัพตัวเป็นขนแต่จะพยายามเนอะ 5555
ขำทุกบรรทัดน่าเกลียดมา -___- ตามต่อนะว่าองค์ชายที่สองจะเป็นใครรรร
ความคิดเห็น