ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 :: Alexandria
ชายผู้หนึ่งยืนอยู่บนดาดฟ้าของพระราชวังที่สูงใหญ่ยักษ์ราวกับภูผา
มีเพียงแสงเดือนที่สาดส่องแสงมากระทบชายผู้นี้เผยให้เห็นดวงตาสีดำ
ที่อยุ่เหนือจมูกเรียวๆ ผมที่เป็นสีขาวเพราะความชรา และนวดเคราที่ปกปิดใบหน้า
ดวงตาสีดำตอนนี้เป็นประกายเมื่อกำลังชื่นชมความงามของอาณาจักรอเล็กซานเดรีย
ที่ตั้งอยู่ในเบื้องล่าง ซึ่งอาคารบ้านเรือนสาดส่องแสงไฟลอดออกมาตามหน้าต่างนับพันหลังดูสว่างไสวแม้เป็นยามกลางคืน
ถนนด้านล่างดูเงียบสงบไร้ผู้คนเหตุเป็นเพราะพระอาทิตย์ร้างลาลงไปเป็นเวลาหลายยามมาแล้ว
ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักซึ่งสง่างามกว้างขวางแลดูรื่นรมย์ปราศจากรอยราคี
เหลือบมองปราการที่สูงใหญ่ดั่งภูผาซึ่งครอบคลุมปกป้องบ้านเมืองก็ดูมีพลังแกร่งกล้า
ราวกับแม้เทพองค์ใดเสด็จลงมาก็มิทำอันตรายแก่ปราการนี้มิได้
ปราการนี้ตั้งตระง่านทอดยาวโอบกอดอาคารบ้านเรือนไว้แน่นหนาแข็งแรง
มีคบเพลิงขนาดใหญ่ตั้งตามรอยต่อของปราการคอยสาดแสงเพื่อแหวกความมืดอันเงียบสงบสาดแสงเป็นระยะทางไกลทั้งภายนอกและภายในอาณาจักร
และยังมีเงาตะคุ่มๆของทหารรักษาการยืนสอดส่องภัยอันตรายเฝ้าการอยู่เป็นระยะซึ่งคอยพลัดเปลี่ยนอยู่เสมอ
เปรียบได้ว่ามิอาจมีสิ่งใดผิดแปลกหลุดลอดสายตาของเหล่าผู้เฝ้าการที่แข็งขันไปได้
ชายผู้นี้เฝ้ามองอย่างเนิ่นนานด้วยหัวใจที่เปี่ยมปิติยินดีราวกับผืนอาณาจักรแห่งนี้เป็นเสมือนลูกของเขา
ซึ่งบัดนี้ได้เติบโตยิ่งใหญ่แล้ว เขาคิดในใจว่าแม้ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตามก็จะรักษาอาณาจักรแห่งนี้
ให้ยืนยงยิ่งใหญ่สืบไปให้จงได้แม้ว่าจะมีอุปสรรคใดใดก็ตาม
“ท่านยังมิได้บรรทมอีกหรือ” ชายอีกผู้หนึ่งซึ่งดูหนุ่มแน่นกว่าย่างก้าวออกมาจากภายในพระราชวังอย่างนอบน้อม
แสงไฟภายในพระราชวังสอดแสงลอดหน้าต่างออกมากระทบใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์
แววตาสีดำสนิทที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงอย่างจริงใจมิได้มีสิ่งใดเจือปน
มีผมสีดำขลับจัดได้ทรงเรียบร้อย จมูกซึ่งขึ้นเป็นสัน ได้อย่างสวยงามราวกับถูกจัดแต่งโดยเทพเจ้าผู้สร้างมนุษย์มาอย่างดี
เช่นเดียวกับริมฝีปากอ่อนใสงดงามอย่างไร้ที่ติ และอีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่ได้สัดส่วนแม้ไม่ถึงกับสูงมากแต่กำยำแข็งแรงจากการขัดเกลาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
“สายลมยามดึกจะทำให้ท่านประชวรเอาได้นะขอรับ” ชายหนุ่มกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและเคารพ
ชายแก่ผู้นั้นหันใบหน้ามาด้านหลังเพื่อสบตากับชายหนุ่มทำให้แสงไฟสาดส่องใบหน้าจึงปรากฏใบหน้าที่สูงอายุและอ่อนแรง หนวดเคราสีขาวยาวเหยียดแต่จัดได้อย่างเป็นระเบียบอยู่ภายใต้คางที่สง่า ดวงตาสีดำซึ่งดูเข็มแข็งแน่วแน่มีพลังน่าเกรงขามและน่าประหวั่นพรั่นพรึง
แต่บัดนี้หยุดมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนเมตตาไม่ต่างกับที่มีให้แก่อาณาจักร
“ขอบใจมาก วินเซนต์ ข้าเพียงแต่อยากสูดอากาศนิดหน่อย” ชายแก่เอ่ยน้ำเสียงเอ็นดูและใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
\"ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าไปเข้านอนเถิด”
“มิได้ขอรับ ท่านเป็นดั่งหัวใจของอาณาจักรและประชาชน ให้มาตากลมอยู่ดึกดื่นเยี่ยงนี้คงมิได้” วินเซนต์พูดอย่างเคารพและเป็นห่วงสุขภาพ “หรือประสงค์ให้ข้าเอาเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่นกว่านี้มาให้หรือไม่ขอรับ”
“เจ้านี่ยังหนุ่มยังแน่นนักใยถึงได้พูดจาราวกับชายแก่เช่นนี้เล่า” ชายแก่พูดน้ำเสียงรำคาญแต่ยังคงแฝงไปด้วยความเอ็นดู
และรอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้า “เห็นแบบนี้แต่ข้ายังแข็งแรงอยู่นะ อย่าดูถูกเชียว” ชายแก่เย้าแหย่อย่างสนิทสนม “รีอาเข้านอนแล้วหรือ” ชายแก่เอ่ยถาม
“ขอรับ เมื่อกลางวันนางเที่ยวเล่นในป่านานอยู่ขอรับ เลยทำให้เพลียมาก” วินเซนต์เอ่ยเสียงใส \"ข้าให้แม่บ้านส่งนางเข้าห้องนอนอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ” วินเซนต์พูดเพื่อไม่ให้กังวล
“รีอายังคงซุกซนเหมือนเดิม” ชายแก่พูดอย่างอ่อนโยน “เด็กๆซุกซนเพียงใดตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”
“ขอรับ” วินเซนต์เห็นด้วย  “ถึงเช่นนั้นนางก็เป็นที่ต้องตาของเหล่าบุตรแห่งอาณาจักรต่างๆ”
“เรื่องนั้นข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่เจ้าหญิงตัวน้อยของเราคงทำความลำบากให้คู่ครองของนางเป็นแน่” ชายแก่พูดแกมหัวเราะในลำคอ และวินเซนต์ที่ยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย “และข้าคงทำใจไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวข้าจากไปในตอนนี้”
“ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลานั้น ข้าจะปกป้องคุ้มครองนางไม่ให้ผู้ใดทำร้ายแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้าก็ตาม” วินเซนต์กล่าวอย่างแน่วแน่ “ท่านมิต้องกังวล”
“ข้าดีใจที่มีคนอย่างเจ้าอยู่เคียงข้าง” ชายแก่เอ่ย “ข้าเห็นความพิเศษในสายตาเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเก็บเจ้ามาเลี้ยง ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่เหมือนทหารคนอื่นๆ และมันก็เป็นจริงเช่นนั้น”
“หามิได้ขอรับ” วินเซนต์เอ่ยอย่างนอบน้อม
“อย่าถ่อมตัวนักเลย” ชายแก่พูดอย่างเอ็นดู
วินเซนต์ก้มหน้าไม่โต้เถียงอีกต่อไป
“พรุ่งนี้ท่านต้องกล่าวปราศัยแก่ทหารใหม่แต่เช้านะขอรับ” วินเซนต์เอ่ยขึ้นอย่างจำเป็นแม้ว่าไม่อยากให้บทสนทนานี้จบลงก็ตาม
“ได้โปรดเข้าบรรทมเถิดขอรับ”
“ข้ายอมแพ้เจ้า จริงๆ” ชายแก่เอ่ยแกมหัวเราะ “ข้าจะเข้านอนเดี๋ยวนี้หละ”
ชายแก่สบัดชายเสื้อที่ยาวลากพื้นและเดินหายเข้าไปในพระราชวังโดยมีชายหนุ่มเดินตามเขาไม่ห่าง เมื่อทั้งสองหายลับไประเบียงแห่งนี้ก็กลับอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งหนึ่ง
มีเพียงแสงเดือนที่สาดส่องแสงมากระทบชายผู้นี้เผยให้เห็นดวงตาสีดำ
ที่อยุ่เหนือจมูกเรียวๆ ผมที่เป็นสีขาวเพราะความชรา และนวดเคราที่ปกปิดใบหน้า
ดวงตาสีดำตอนนี้เป็นประกายเมื่อกำลังชื่นชมความงามของอาณาจักรอเล็กซานเดรีย
ที่ตั้งอยู่ในเบื้องล่าง ซึ่งอาคารบ้านเรือนสาดส่องแสงไฟลอดออกมาตามหน้าต่างนับพันหลังดูสว่างไสวแม้เป็นยามกลางคืน
ถนนด้านล่างดูเงียบสงบไร้ผู้คนเหตุเป็นเพราะพระอาทิตย์ร้างลาลงไปเป็นเวลาหลายยามมาแล้ว
ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักซึ่งสง่างามกว้างขวางแลดูรื่นรมย์ปราศจากรอยราคี
เหลือบมองปราการที่สูงใหญ่ดั่งภูผาซึ่งครอบคลุมปกป้องบ้านเมืองก็ดูมีพลังแกร่งกล้า
ราวกับแม้เทพองค์ใดเสด็จลงมาก็มิทำอันตรายแก่ปราการนี้มิได้
ปราการนี้ตั้งตระง่านทอดยาวโอบกอดอาคารบ้านเรือนไว้แน่นหนาแข็งแรง
มีคบเพลิงขนาดใหญ่ตั้งตามรอยต่อของปราการคอยสาดแสงเพื่อแหวกความมืดอันเงียบสงบสาดแสงเป็นระยะทางไกลทั้งภายนอกและภายในอาณาจักร
และยังมีเงาตะคุ่มๆของทหารรักษาการยืนสอดส่องภัยอันตรายเฝ้าการอยู่เป็นระยะซึ่งคอยพลัดเปลี่ยนอยู่เสมอ
เปรียบได้ว่ามิอาจมีสิ่งใดผิดแปลกหลุดลอดสายตาของเหล่าผู้เฝ้าการที่แข็งขันไปได้
ชายผู้นี้เฝ้ามองอย่างเนิ่นนานด้วยหัวใจที่เปี่ยมปิติยินดีราวกับผืนอาณาจักรแห่งนี้เป็นเสมือนลูกของเขา
ซึ่งบัดนี้ได้เติบโตยิ่งใหญ่แล้ว เขาคิดในใจว่าแม้ว่าจะต้องแลกกับอะไรก็ตามก็จะรักษาอาณาจักรแห่งนี้
ให้ยืนยงยิ่งใหญ่สืบไปให้จงได้แม้ว่าจะมีอุปสรรคใดใดก็ตาม
“ท่านยังมิได้บรรทมอีกหรือ” ชายอีกผู้หนึ่งซึ่งดูหนุ่มแน่นกว่าย่างก้าวออกมาจากภายในพระราชวังอย่างนอบน้อม
แสงไฟภายในพระราชวังสอดแสงลอดหน้าต่างออกมากระทบใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์
แววตาสีดำสนิทที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงอย่างจริงใจมิได้มีสิ่งใดเจือปน
มีผมสีดำขลับจัดได้ทรงเรียบร้อย จมูกซึ่งขึ้นเป็นสัน ได้อย่างสวยงามราวกับถูกจัดแต่งโดยเทพเจ้าผู้สร้างมนุษย์มาอย่างดี
เช่นเดียวกับริมฝีปากอ่อนใสงดงามอย่างไร้ที่ติ และอีกทั้งรูปร่างสูงใหญ่ได้สัดส่วนแม้ไม่ถึงกับสูงมากแต่กำยำแข็งแรงจากการขัดเกลาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
“สายลมยามดึกจะทำให้ท่านประชวรเอาได้นะขอรับ” ชายหนุ่มกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและเคารพ
ชายแก่ผู้นั้นหันใบหน้ามาด้านหลังเพื่อสบตากับชายหนุ่มทำให้แสงไฟสาดส่องใบหน้าจึงปรากฏใบหน้าที่สูงอายุและอ่อนแรง หนวดเคราสีขาวยาวเหยียดแต่จัดได้อย่างเป็นระเบียบอยู่ภายใต้คางที่สง่า ดวงตาสีดำซึ่งดูเข็มแข็งแน่วแน่มีพลังน่าเกรงขามและน่าประหวั่นพรั่นพรึง
แต่บัดนี้หยุดมองชายหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยนเมตตาไม่ต่างกับที่มีให้แก่อาณาจักร
“ขอบใจมาก วินเซนต์ ข้าเพียงแต่อยากสูดอากาศนิดหน่อย” ชายแก่เอ่ยน้ำเสียงเอ็นดูและใบหน้าที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
\"ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก เจ้าไปเข้านอนเถิด”
“มิได้ขอรับ ท่านเป็นดั่งหัวใจของอาณาจักรและประชาชน ให้มาตากลมอยู่ดึกดื่นเยี่ยงนี้คงมิได้” วินเซนต์พูดอย่างเคารพและเป็นห่วงสุขภาพ “หรือประสงค์ให้ข้าเอาเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่นกว่านี้มาให้หรือไม่ขอรับ”
“เจ้านี่ยังหนุ่มยังแน่นนักใยถึงได้พูดจาราวกับชายแก่เช่นนี้เล่า” ชายแก่พูดน้ำเสียงรำคาญแต่ยังคงแฝงไปด้วยความเอ็นดู
และรอยยิ้มยังไม่จางไปจากใบหน้า “เห็นแบบนี้แต่ข้ายังแข็งแรงอยู่นะ อย่าดูถูกเชียว” ชายแก่เย้าแหย่อย่างสนิทสนม “รีอาเข้านอนแล้วหรือ” ชายแก่เอ่ยถาม
“ขอรับ เมื่อกลางวันนางเที่ยวเล่นในป่านานอยู่ขอรับ เลยทำให้เพลียมาก” วินเซนต์เอ่ยเสียงใส \"ข้าให้แม่บ้านส่งนางเข้าห้องนอนอย่างเรียบร้อยแล้วขอรับ” วินเซนต์พูดเพื่อไม่ให้กังวล
“รีอายังคงซุกซนเหมือนเดิม” ชายแก่พูดอย่างอ่อนโยน “เด็กๆซุกซนเพียงใดตอนนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น”
“ขอรับ” วินเซนต์เห็นด้วย  “ถึงเช่นนั้นนางก็เป็นที่ต้องตาของเหล่าบุตรแห่งอาณาจักรต่างๆ”
“เรื่องนั้นข้าก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่เจ้าหญิงตัวน้อยของเราคงทำความลำบากให้คู่ครองของนางเป็นแน่” ชายแก่พูดแกมหัวเราะในลำคอ และวินเซนต์ที่ยิ้มกว้างอย่างเห็นด้วย “และข้าคงทำใจไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวข้าจากไปในตอนนี้”
“ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลานั้น ข้าจะปกป้องคุ้มครองนางไม่ให้ผู้ใดทำร้ายแม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตของข้าก็ตาม” วินเซนต์กล่าวอย่างแน่วแน่ “ท่านมิต้องกังวล”
“ข้าดีใจที่มีคนอย่างเจ้าอยู่เคียงข้าง” ชายแก่เอ่ย “ข้าเห็นความพิเศษในสายตาเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าเก็บเจ้ามาเลี้ยง ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่เหมือนทหารคนอื่นๆ และมันก็เป็นจริงเช่นนั้น”
“หามิได้ขอรับ” วินเซนต์เอ่ยอย่างนอบน้อม
“อย่าถ่อมตัวนักเลย” ชายแก่พูดอย่างเอ็นดู
วินเซนต์ก้มหน้าไม่โต้เถียงอีกต่อไป
“พรุ่งนี้ท่านต้องกล่าวปราศัยแก่ทหารใหม่แต่เช้านะขอรับ” วินเซนต์เอ่ยขึ้นอย่างจำเป็นแม้ว่าไม่อยากให้บทสนทนานี้จบลงก็ตาม
“ได้โปรดเข้าบรรทมเถิดขอรับ”
“ข้ายอมแพ้เจ้า จริงๆ” ชายแก่เอ่ยแกมหัวเราะ “ข้าจะเข้านอนเดี๋ยวนี้หละ”
ชายแก่สบัดชายเสื้อที่ยาวลากพื้นและเดินหายเข้าไปในพระราชวังโดยมีชายหนุ่มเดินตามเขาไม่ห่าง เมื่อทั้งสองหายลับไประเบียงแห่งนี้ก็กลับอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้งหนึ่ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น