ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    1004 I'm sorry ขอโทษทีพอดีไม่ปกติ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 55


    บทนำ

         “ ที่นี่ที่ไหน ”
     

         ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีแม้แต่สิ่งใดอยู่ในนั้นมีเพียงตัวฉันที่ยืนอยู่ในความมืดนั้นตามลำพัง
     

         “ฝันงั้นหรอ บ้าที่สุดเลยฉันจำได้ว่าเมื่อวานฉันฝันว่ากำลังเดทกับหนุ่มนิรนามสุดหล่อนะคืนนี้ฉันว่าจะฝันต่อจากเมื่อวานซะหน่อยทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้นะ” ฉันได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองคนเดียวแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะตอนนี้ฉันมีปัญหาใหญ่ยิ่งกว่าไปหาหนุ่มหล่อนิรนามคนนั้นนัน้ก็คือฉันจะตื่นจากความฝันนี้ยังไงละเนี้ย
     

         “ลงเอย”
     

         เสียเวลานะเนี้ยถ้าฉันตื่นสายขึ้นมาจะทำยังไงนี้ฉันต้องตื่นไปทำหน้าที่ของการ์ดยูนิเวอร์ตั้งแต่ตีห้านะไอ้หน้าที่เนี้ยมันสำคัญอย่างยิงต่อชีวิตฉันนะถ้าฉันลงไปรายงานตัวกับหัวหน้าหน่วยสายนะ
     

         “ลงเอย”
     

          ไม่อยากจะคิดเลยว่าฉันต้องเจออะไรบ้างยิ่งคิดถึงหน้ากอลิล่าวัยทองหัวหน้าหน่วยของฉันยิ่งอยากเป็นลมคราวที่แล้วฉันไปรายงานตัวสายแค่ห้าวินาทีกอลิล่าวัยทองนั้นก็สั่งทำโทษให้ไปขัดเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้ของอาจารย์ใหญ่หัวล้านที่แทบจะจับนิดเดียวเศษเหล็กนั้นก็หลุดติดมือออกมาเป็นชิ้นๆนั้นยังไม่เท่าไรฉันยังพอรับได้ที่ที่รับไม่ได้ก็คือทำไมถึงต้องให้ฉันไปซื้อตุ๊กตาอัดเสียงจอมเวทย์เทโคปองได้รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มันนิยมกันในเด็กช่วยวัยที่สี่ถึงสิบสองขวบกันเล่ารู้ไหมว่าฉันอายขนาดไหนฉันอายุสิบเจ็ดแล้วนะ
     

         “ลงเอย”
     

          มันก็เหมือนกับไปศูนย์อนามัยแล้วคุณพ่อไม่ยืนปัตรไอดีการ์ดให้พนักงานพยาบาลแต่กลับยื่นใบเกิดให้แทนไงเล่นแล้วพอถึงคิวรักษาพยาบาลแก่กลับเรียกฉันเด็กหญิง ลงเอย พิทักธิ์คุณ แทนที่จะเป็น นางสาวลงเอย พิทักธิ์คุณ แล้วคิดดูนะคนทั้งอนามัยหันมามองนั้นยังไม่ค่อยน่าอาจจะมาอายตอนที่ไอ้เด็กปากหมามันดันตะโกนขึ้นมาว่า นี้ป้าแก่ขนาดนี้แล้วยังใช้เด็กหญิงอยู่อีกหรอเนี้ย หลังจากนั้นยัยพยาบาลหน้าแกก็มาพาตัวฉันไปที่แผนกกุมารเวชที่มีแต่เด็กต่ำกว่าสิบขวบวิ่งกันไปมาเหล่าผู้ปกครองหันมามองฉันกันเป็นตาเดียวแล้วฉันไปซุบชิบกันแล้วพากันหลบสายตาฉัน นั้นแหละเป็นความรู้สึกตอนที่ฉันเอาไอ้ตุ๊กตานั้นไปจ่ายเงินแล้วพนักงานหันมามองหน้าสายตาประมาณว่าด่าฉันเป็นเด็กโข่งนะสิรู้ไหมว่ามันน่าอับอายแค่ไหน
     

           “ลงเอย!!
     

           “เฮ้ย ตกใจหมดใครเรียกชื่อฉัน” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะการลำลึกความหลังของฉันมันดังมากจนฉันรู้สึกได้ว่าพื้นดินว่างเปล่าที่ฉันยืนอยู่กำลังสั่นไหวเพราะเสียง ๆ นั้น
     

          ฉันพยายามมองหาต้นตอของเสียงนั้นแต่ก็ไม่พบ พบเพียงแต่ความมืดที่ปกคลุมอยู่ทั่วด้าน ” ใครนะ อยู่ตรงไหน แล้วเรียกฉันทำไม” ฉันลองตะโกนถามออกไปเพื่อหวังว่าจะได้คำตอบกลับคืนมาจากเสียงปริศนา
     

         เงาเล็กๆ เงาหนึ่งโผล่ออกมาจากความมืดอย่างช้า ๆ “ข้าเองข้าเป็นคนเรียกเจ้ามาที่นี้เอง “
     

         ตัวอะไรนั้นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาทันทีที่เห็นเจ้าของเงาเล็ก ๆ นั้นเจ้าของเงานั้นมีส่วนสูงประมาณฝ่ามือผู้ใหญ่รูปร่างคล้ายคนแต่มีปีกสีแดงสีเดียวกับผมและดวงตาของมันอยู่สองคู่ที่สำคัญเจ้าปีกนั้นมันเรืองแสงสีขาวสว่างออกมาได้ด้วย หน้าตาไอ้เจ้าตัวนั้นน่ารักเหมือนเด็กผู้ชายเจ้าตัวนั้นถือหนังสืออะไรไม่รู้เล่มใหญ่ๆแต่งตัวคล้ายนักบวชละมั้ง

           “เออคือจะว่าไงดีละพอดีฉันไม่ค่อยจะถูกกับสัตว์หรอกนะ”แต่ว่าไอ้ตัวนี้มันพันธุ์ไหนกันแน่เนี้ยสัตว์พันธุ์ใหม่ที่นักวิจัยหัวฟูตัดต่อพันธุ์กรรมลดขนาดเซลล์มาใหม่หรอไงฉันว่านะเจ้าตัวนี้ต้องเกิดมาจากการผสมเนื้อเยื้อของนกกับตัวอะไรซักอย่างที่คล้ายกับมนุษย์แน่ๆ ซิมแพนซีหรอใช่เลยต้องเป็นซิมแพนซีแน่ ดูไปดูมาไอ้ตัวนั้นมันก็น่ารักเหมือนกันนะเนี้ยดูคล้ายกับเทวดาน้อยยังไงไม่รู้
     

           “ข้าไม่ใช่สัตว์นะข้าชื่อซิกเจ้ากล้าดียังไงมาหาว่าข้าเป็นสัตว์นะ”
     

             ไม่สิเทวดาต้องสีขาวบริสุทธ์แต่ไอ้เจ้าตัวนี้มันสีแดงเกือบทั้งตัวเลยนี่เทวดาพันธุ์ใหม่เออแต่ว่านะฉันนี้งมงายซะมัดเทวดาที่ไหนกันสมัยนี้มันมีที่ไหนถ้าเป็นเทวดาหุ่นเหล็กก็ว่าไปอย่างนี่มันยุควิทยาการนะสมัยนี่มันมีแต่วิทยาศาสตร์แล้วไสยศาสตร์อะไรนั้นนะงมงายชะมัด
     

            “เจ้านี้มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะข้ามีปัญหาใหญ่กว่านั้นจะให้เจ้าช่วย”
     

             แต่ก็นั้นแหละเพราะอย่างนี้สมัยนี้ถึงไม่มีคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ขนาดถึงกับว่าไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงเลยเพราะไม่มีพระเจ้าหรือเทพองค์ไหนเลยไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจผู้คนจึงกลายเป็นคนป่าเถื่อนไปเกือบจะหมด จะว่าสมัยนี้มันปลาใหญ่กินปลาเล็กก็ได้นะผู้อ่อนแอย่อมไม่มีที่อยู่การแบ่งระดับกันอย่างเห็นได้ชัดจากระดับการศึกษาการศึกษาจึงมีความสำคัญมากในยุคนี้ยิ่งในเมืองนี้การศึกษายิ่งสำคัญมาเพราะเมืองที่ฉันอาศัยอยู่นี้ถูกเรียกว่าสถาบันแห่งการศึกษาขนาดใหญ่หรือเมืองแห่งการศึกษากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นของพื้นที่ในเมืองนี้คือสถาบันการศึกษาต่างๆวิทยาการของเมืองนี้ล้ำหน้ามากกว่าเมืองอื่นเท่าตัวและจำก้าวหน้าขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เกินกว่าที่จะคาดเดาได้นักวิจัยที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ล้วนแล้วแต่เป็นมือหนึ่งของประเทศทั้งนั้น
     

             “ตอนนี้พวกเขากำลังจะออกมาแล้วพลังที่ข้าสะกดพวกเขาไว้เสื่อมคลายมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยพวกชาวเมืองได้เหล่าวิญญาณผู้สูงศักดิ์กำลังโกรธพวกเขาจะกลับมาแก้แค้นวิทยาศาสตร์ที่กักขังพวกเขาไว้”
     

              มันจึงเป็นเหตุที่จะหาคนธรรมดาอย่างฉันได้ยากมากๆในเมืองแห่งนี้เพราะวิทยาการไงเล่านักวิจัยที่นี้สามารถสร้างได้ทุกอย่างแม้แต่อวัยวะเทียมจึงไม่แปลกที่เดียวนี้จะเดินไปที่ไหนก็เจอแต่กันดั้มทุกวันฉันไม่เข้าใจเลยการเอาเศษเหล็กมาแบกไว้บนร่างกายของตัวเองมันเท่ตรงไหน
     

            “สงครามกำลังจะเกิดที่เมืองนี้เจ้าต้องช่วยเหล่าผู้คนที่หันหลังให้แก่พระเจ้ามีเจ้าเท่านั้นที่ช่วยผู้คนเหล่านั้นได้”
     

             นั้นไม่เท่าไรไม่เท่แล้วยังทำตัวทุเรศอีกนี้สิปัญหาไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นแล้วชอบรังแกชาวบ้านไอ้พวกนั้นมันน่าจะมาทำเป็นปลากระป๋อง แต่ทำไมต้องเป็นปลากระป๋องด้วยละปลาทูน่าใส่กระป๋องก็ดีนะอืมจะว่าไปมันก็อันเดียวกันนี้ว่าไม่สิปลากระป๋องไม่จำเป็นต้องเป็นปลาทูน่าปลาซาดีนก็ได้นี้
     

           “ลงเอย...เจ้าช่วยข้าและเหล่าผู้คนเหล่านั้นได้หรือไม่ข้าจะไม่บังคับเจ้าหรอกนะแต่มีแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถช่วยข้าได้”
     

            แล้วนี้ฉันจะมาเถียงกับตัวเองเรื่องปลากระป๋องทำไมเนี้ยมันจะปลาซาดีนหรือปลาทูน่าฉันก็กินหมดและแต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะเมื่อไรฉันจะตื่นซักทีเนี้ยฉันไม่อยากไปตามล่าหาเวทย์เทโคปองแล้วนะ เอิ่ม...ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่างไปละเนี้ย
     

             “ลงเอยเจ้าอย่าคิดนานได้ไหมผู้คนเหล่านั้นช่างน่าสงสารเจ้าไม่เห็นใจพวกเขาที่ไม่รู้เรื่องสงครามของเมืองนี้แต่กลับต้องมารับเคราะห์หรือไงเจ้าตอบข้ามาสิ ลองเอยเจ้าจะช่วยข้าและเหล่าชาวเมืองหรือไม่!
     

            “ทำไมเจ้าตัวจิ๋วชอบตะโกนใส่ฉันจังนะ อ๊ะรู้แล้วฉันลืมไอ้ตัวจิ๋วไปนี้เองว่าแต่จะให้ฉันช่วยอะไรละทำไมต้องทำหน้าเครียดอย่างนั้นด้วยถ้ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายฉันช่วยก็ได้นะถึงฉันจะเป็นคนไม่ชอบเรื่องยุ่งยากก็เหอะแต่ถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วยว่าแต่เจ้าตัวจิ๋วจะให้ฉันช่วยอะไรละ” ฉันยิ้มให้เจ้าตัวจิ๋วเล็กน้อยแต่ดูท่าฉันคงทำอะไรผิดไปมั้งนะเจ้าตัวจิ๋วนั้นทำท่าอย่างกะจะกระโดดมางับหัวฉันงั้นแหละ
     

           “นี้เจ้าลืมข้างั้นหรออย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้ฟังข้าเลยใช่ไหม”
     

           “เออคือว่าขอโทษนะแหะ ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไม่ฟังหรอกนะแต่พอดี เออ แค่เผลอคิดอะไรเพลิน ๆ จนลืมเจ้าตัวจิ๋ซนะขอโทษด้วยนะเรื่องแค่นี้เองไม่โกรธกันนะ”
     

            เจ้าตัวจิ๋วเขม่งตากลมโตสีแดงจนแทบทะลักออกจากเป้านั้นน่ากลัวสุดๆแล้วใช่ไหม “นี้เจ้ากำลังจะทำให้ข้าโกรธแล้วนะ ในสายตาเจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำกับข้าอย่างนี้มาก่อนเลยนะ@#!~!

            แล้วฉันจะปลอบเจ้าตัวจิ๋วนี้ยังไงละเนี้ยแต่จะว่าไปไอ้ตัวจิ๋วนี้มันก็คล้ายๆฉันเหมือนกันนะเนี้ยทั้งสีตาสีผมเคล้าโครงหน้าเหมือนกับฉันมากฉันมีตาสีแดงเข้มและผมสีเดียวกันใบหน้าคมหรือว่า...ฉันเนี้ยบ้าชะมัดมันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงเพราะฉันนะไม่เหมือนคนอื่นอยู่แล้ว
     

             “ฮึกเข้าใจแล้วถ้าเจ้าไม่สนใจข้า ๆ ก็จะไปข้าไม่สนใจเจ้าแล้วแล้วเจ้าจะเสียใจที่เมินข้า”
     

            “เดียวซิฉันไม่ได้เมินนะ”เจ้าตัวจิ๋วนี้มันขี้งอนชะมัด”โอเคฉันขอโทษเรามาเริ่มกันใหม่ดีไหมฉันสัญญาว่าจะไม่เมินเจ้าตัวจิ๋วอีก”มั้งนะ
     

           “ก็ได้ในเมื่อเจ้าสำนึกผิดข้าก็พร้อมที่จะให้อภัยเจ้าแต่เวลานี้ข้าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วถ้าเจ้าเมินข้าอีกข้าจะเออ...ข้าจะข้าจะทำอะไรดีละ”อะไรของเจ้าตัวจิ๋วนั้นอีกละเนี้ยนี้มันเลยตีห้ามาหรือยังเนี้ยฮึยทำไมข้าผัดถึงยังไม่มีปลุกฉันซักทีละ”ข้ารู้แล้วถ้าเจ้าเมินข้าอีกข้าจะร้องไห้ร้องให้ดังลั่นสุดเสียงข้าเลย”อืมฉันควรจะกลัวใช่ไหม
     

        “ก็บอกว่าไม่เมินแล้วไงแล้วเวลาเหลือไม่มากแล้วไม่ใช่เหรอ”
     

        “เพราะเจ้านั้นแหละข้าไม่น่ามาเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้เลยนั้นเป็นเพราะเจ้าคนเดียวถ้าหากว่าเจ้าไม่เมินข้าก็คงไม่เป็นอย่างนี้!@#$%%^&
     

         “เพราะฉันงั้นหรอ”ฉันถามอย่างเอือมๆ”ช่างเถอะเวลาเหลือไม่มากแล้วไม่ใช่หรอตกลงเจ้าตัวจิ๋วต้องกาให้ฉันช่วยอะไรละ”
     

           พอพูดถึงเรื่องเวลาเจ้าตัวจิ๋วท่าทางพึ่งจะคิดได้ว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำมากกว่าการมานั้งทะเลาะกับฉัน”ข้าไม่มีเวลาแล้วข้าจะพูดแบบย่อๆแล้วกันหวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจตอนนี้ที่เมืองนี้กำลังจะมีอันตรายสงครามกำลังจะเกิดขึ้นเทวทูตกำลังจะลงโทษพวกเจ้า เจ็ดแกนกลางเหล่าเทวทูตผู้สูงศักดิ์เริ่มเลื่อนไหวเหล่าดวงวิญญาณผู้อาฆาตแค้นจะใช้ผู้เคราะห์ร้ายที่หันหลังให้พระเจ้าเป็นเครื่องสังเวยแด่พระเจ้าหากได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ของพวกมันั้นคือกับดักของพวกมันเจ้าต้องช่วยเหลือผู้คนเหล่านั้นพลังนี้คือแสงที่ปกป้องทุกคนได้แสงที่ยิ่งใหญ่กว่าแสงใดแสงแห่งการให้อภัยข้าจะอยู่ในที่ที่ข้ามองเห็นเจ้าได้เสมอข้าจะได้ยินเสียงเจ้าเสมอและเจ้าก็จะได้ยินเสียงข้าเช่นกันเมื่อเจ้าคิดทรยศแสงที่ข้าให้เจ้าไว้จะทำลายตัวเจ้าเองจงอย่าเชื่อวิญญาณเหล่านั้น”
     

          ทันทีที่เจ้าตัวจิ๋วพูดจบก็มีแสงสว่างจ้าจนน่าแสบตาพุ่งเข้ามาทางฉันบ้าเอยเจ้าตัวจิ๋วพูดอะไรฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะฉันงงไป หมดแล้ว”เดียวก่อนสิอย่าพึ่งไปเจ้าตัวจิ๋ว”

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×