ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บการบ้าน

    ลำดับตอนที่ #2 : อารยธรรมฝรั่งเศส2(ศิลปะ)

    • อัปเดตล่าสุด 15 ส.ค. 55


    ศิลปะบาโรก

                    คำว่า  บาโรก  เป็นภาษาฝรั่งเศส  หมายถึงสิ่งที่ผิดแผกไปจากแบบแผน  บาโรกมาจากภาษาอิตาลีคำว่า  บารอกโก (Barocco)  หมายถึง  หอยมุกที่ขรุขระไม่สมบูรณ์แบบ

                    ต้นกำเนิดศิลปะบาโรกอยู่ที่ประเทศอิตาลี ช่วงปลายของยุคเรอเนสซองส์ จากนั้นจึงแพร่หลายไปทั่วยุโรปจนถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 18  ผลนั้นมาจากการปฏิรูปศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่มีการแยกนิกายโปรเตสแตนท์ออกมา  ส่งผลให้ศาสนจักรต้องเรียกความศรัทธาจากผู้นับถือกลับคืน ด้วยการสร้างงานศิลปกรรมทางศาสนาให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม หรูหราฟุ่มเฟือยกว่าเดิม  ลักษณะของศิลปะบาโรกจึงเน้นการตกแต่งวิจิตรอลังการ หรูหราเกินพอดี

                    ในประเทศฝรั่งเศสต้นศตวรรษที่ 17 งานศิลปกรรมยังคงได้รับอิทธิพลจากศิลปะเรอเนสซองส์แบบอิตาลี  ต่อมาจึงเป็นอิทธิพลของศิลปะบาโรก กลุ่มพระเยซูอิตที่ถูกส่งไปศึกษาศิลปะที่อิตาลีมีบทบาทอย่างมากในการนำศิลปะแบบบาโรกมาสร้างงานศิลปกรรมทางศาสนา และเริ่มแพร่หลายไปยังงานศิลปกรรมทั่วไป  ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นช่วงเวลาที่ศิลปะบาโรกรุ่งเรืองสูงสุด และได้พัฒนามาเป็นบาโรกแบบฝรั่งเศสเต็มรูปแบบ

    งานศิลปกรรมศิลปะบาโรก

    1.   สถาปัตยกรรม

    สถาปัตยกรรมบาโรกสืบต่อมาจากสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์ แต่มีการเพิ่มรายละเอียดเข้าไปอีกคือ  ใช้เส้นโค้งและเส้นคดแสดงความเคลื่อนไหว  โครงสร้างสถาปัตยกรรมมีทั้งส่วนที่ยื่นและหดทำให้เกิดมิติและแสงเงา  รูปแบบสถาปัตยกรรมบาโรกแบบฝรั่งเศสนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นความหรูหรา ไม่ใช่เพื่อการศาสนาเหมือนอิตาลีอีกต่อไป

    พระราชวังแวร์ซายส์  (Versailles)

    พระราชวังแวร์ซายส์สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1668 ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  บนพื้นที่ป่านอกกรุงปารีส ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทรงโปรดมาล่าสัตว์และมีปราสาทหลังเล็กๆตั้งอยู่  และในปีค.ศ. 1682พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็โปรดให้ย้ายที่ประทับจากพระราชวังลูฟ สู่พระราชวังแวร์ซายส์

    เหตุผลที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดให้สร้างพระราชวังแห่งนี้นั่นเพราะ ทรงไม่ไว้พระทัยชาวปารีสหลังจากเหตุการณ์กบฏลาฟรงด์ที่ทำให้พระองค์ต้องหลบหนีออกจากพระราชวังลูฟที่ปารีสและใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก อีกทั้งพระองค์ต้องการให้แวร์ซายส์เป็นศูนย์กลางปกครองแทนปารีส  เป็นสิ่งแสดงพระราชอำนาจของพระองค์  นอกจากนี้การที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงให้บรรดาขุนนางย้ายเข้ามาอยู่ในแวร์ซายส์เพราะพระองค์ประสงค์จะจำกัดอำนาจเหล่าขุนนาง  ดังนั้นแวร์ซายส์จึงกลายเป็นเมืองๆหนึ่งบนพื้นที่กว่า 37,000 ไร่ รวบรวมเอาสถานที่สำคัญทางราชการทั้งหมดไว้ในพระราชวังแห่งนี้

    พระเจ้าหลุยส์ทรงจ้างสถาปนิกสามคนเพื่อออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ให้ยิ่งใหญ่กว่าปราสาท Vaux-le-Vicomte ซึ่งเป็นปราสาทของรัฐมนตรีคลังนิกอลาร์  ฟูเกต์ (Nicolas  Fouquet) หลังจากที่ขุนนางผู้นี้เชิญพระองค์ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองที่ปราสาท  พระเจ้าหลุยส์ไม่พอพระทัยที่ปราสาทของฟูเกต์ดูยิ่งใหญ่ บวกกับเหตุฉ้อราชบังหลวงของขุนนางผู้นี้ พระเจ้าหลุยส์จึงทรงตัดสินโทษจำคุกฟูเกต์  การใช้ปราสาท Vaux-le-Vicomte เป็นแบบของพระราชวังแวร์ซายส์แน่นอนว่าสถาปนิกทั้งสามที่พระเจ้าหลุยส์ทรงจ้างเป็นคนๆเดียวกับที่ออกแบบปราสาทของฟูเกต์  ได้แก่  หลุยส์ เลอ โว (Louis le Vau)  ชาร์ล เลอ เบริง (Charles le Brun)  และ  อังเดร เลอ โนทร (André le Nôtre)

    หลุยส์ เลอ โว  คือ สถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ หลังจากเสียชีวิต ฌุลส์-อาร์ดูแอ็ง-มองซาต์ (Jules-Hardouin-Mansart) จึงเข้ามารับช่วงต่อ และกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายน์  ภายในพระราชวังมีการตกแต่งอย่างหรูหรา โดยเฉพาะท้องพระโรงหรือห้องกระจก (Galerie des Glaces) ผู้ออกแบบคือ ฌุลส์-อาร์ดูแอ็ง-มองซาต์  ส่วนผู้ที่รับผิดชอบในการตกแต่งคือ ชาร์ล เลอ เบริง เขาได้วาดภาพจิตรกรรมบนเพดานประกอบคำบรรยายจากบทประพันธ์ของบัวโลกับราซีน เพื่อสรรเสริญพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14   ส่วนการออกแบบพระราชอุทยานเป็นฝีมือของอังเดร เลอ โนทร  โดยจัดสวนเป็นทรงเรขาคณิต มีน้ำพุ สระน้ำ และประติมากรรมประดับ

    พระราชวังแวร์ซายส์แสดงถึงพระราชอำนาจของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  และเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวมของงานศิลปะ เป็นที่ผลิตศิลปินฝีมือดี ทว่าความยิ่งใหญ่ของแวร์ซายส์มาจากการขูดรีดภาษีประชาชน ผู้ใช้ชีวิตอย่างลำบากยากแค้น หลังจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 สิ้นพระชนม์ เศรษฐกิจในประเทศยิ่งย่ำแย่ ประชาชนอดอยาก เป็นการปูทางไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1789


    สถาปนิกที่มีชื่อเสียง

    1.  หลุยส์ เลอ โว (Louis le Vau)   ตระกูลของเขาเป็นตระกูลสถาปนิกชื่อดังของฝรั่งเศส  เลอ โว รับจ้างออกแบบปราสาทและคฤหาสน์ให้พวกขุนนาง ต่อมาเข้ารับตำแหน่งสถาปนิกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  เลอ โว เป็นคนออกแบบ Collège des Quatres-Nations  ควบคุมการก่อสร้างตำหนักบางหลังในพระราชวังลูฟ ผลงานสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตคือ การออกแบบพระราชวังแวร์ซายส์

    2.  ฌุลส์-อาร์ดูแอ็ง-มองซาต์ (Jules-Hardouin-Mansart)  เขาเป็นสถาปนิกที่ได้รับการยกย่องในเรื่องของฝีมือ  ด้วยอายุเพียง 31 ปี เขาได้รับแต่งตั้งเป็นสถาปนิกรับผิดชอบการก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ต่อจากเลอ โว  นอกจากนี้มองซาต์ยังออกแบบและควบคุมการก่อสร้างสถานที่สำคัญหลายแห่ง  เช่น  Les Invalides ตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14  เพื่อใช้เป็นสถานที่บำบัดรักษาและพำนักของทหารผู้บาดเจ็บและทุพลภาพ 

     

    2.   จิตรกรรม

                    จิตรกรรมแบบบาโรกพัฒนามาจากแบบเรอเนสซองส์เช่นเดียวกับสถาปัตยกรรม  แต่มีการเน้นความขัดแย้งระหว่างแสงเงาเพื่อดึงดูดความสนใจ  เน้นภาพบุคคลเด่นชัดมากกว่าจะให้ดูกลมกลืนกับฉาก 

    จิตรกรที่มีชื่อเสียง

                    1.   ชาร์ล เลอ เบริง (Charles le Brun)  เขาเป็นจิตรกรศิลปะบาโรก  เมื่อเขารับราชการเป็นจิตรกรประจำราชสำนักพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทำให้เขาได้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการศิลปะ ผลงานของเขากลายเป็นต้นแบบในสมัยนั้น  เลอ เบริงได้รับหน้าที่ตกแต่งพระราชวังแวร์ซายส์  เป็นผู้บริหารและนักออกแบบของโรงงานผลิตพรม และตำแหน่งสำคัญเกี่ยวกับงานทางศิลปะอีกมาก

                    2.    นิกอลาร์  ปูสแซ็ง  (Nicolas  Poussin)  เขาได้รับยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวงการจิตรกรรมฝรั่งเศส  ผลงานของเขามีอิทธิพลต่อจิตรกรรมแนวคลาสสิกในฝรั่งเศส  การวาดภาพของปูสแซ็งเน้นที่ความสมจริง ต้องแสดงออกถึงเหตุผลและเป็นเอกภาพตามแนวจิตรกรรมกรีกโรมัน  ผลงานที่โด่งดังของเขา เช่น  Sept Scarements , Kingdom of  Flora  เป็นต้น

                    3.    โคลด  ลอแร็ง  (Claude  Lorraine)  เป็นจิตรกรแนวคลาสสิกเช่นเดียวกับปูสแซ็ง แต่ลอแร็งมีความสามารถโดดเด่นด้านการวาดภาพทิวทัศน์ จนได้รับยกย่องให้เป็นจิตรกรภาพทิวทัศน์ผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส  ผลงานชิ้นเอกของเขา เช่น  Port de mer au soleil couchant  และ Port au soleil levant  เป็นต้น

     

    3.  ประติมากรรม

                    ประติมากรรมบาโรกเน้นความวิจิตรอลังการ ท่วงท่าที่พลิ้วไหว  เครื่องแต่งกายมีรอยจีบพับมากเกินจริง

    ประติมากรที่มีชื่อเสียง

    1.   ปิแยร์  ปูเกต์  (Pierre  Puquet)  เขาได้รับยกย่องให้เป็น “อัจฉริยะศิลปินบาโรกของฝรั่งเศส”  เขาเดินทางไปศึกษาศิลปะที่อิตาลีและช่วยงานศิลปินอยู่ที่นั้น แล้วจึงกลับมาทำงานในฝรั่งเศส  ผลงานชิ้นเยี่ยมของเขา เช่น  Milon de Crotone เป็นต้น

                    2.  ฟรองซัว  จิราดง  (François  Girardon)  เป็นผู้ช่วยของชาร์ล เลอ เบริง ในการตกแต่งพระราชวังแวร์ซายส์  ผลงานของเขาที่ประดับในพระราชวังแห่งนี้คือ  Groupe d'Apollon servi par les Nymphes  และกลุ่มประติมากรรมที่สร้างชื่อให้จิราดง คือ  L'enlèvement de Proserpine par Pluto

    .......................................................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×