ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เหตุผลและเริ่มต้น (แก้ไขเล็กน้อยค่ะ)
ตกลงเจ้ารู้จักคนที่ชื่อเวนดี้การ์รึเปล่า
“บอกตามตรงเลยน่ะคนที่ชื่อเวนดี้การ์มีเป็นสิบแล้วที่เจ้าบอกมามันเป็นเวนดี้การ์ไหนกันล่ะ”
ข้าไม่รู้ เพราะข้าทำข้อมูลหายไปแล้ว
หายไปแล้ว! แล้วเจ้าเลยมาถามข้าเนี่ยข้าจะไปรู้จักไหม หา!
อ้อ...ข้าลืมบอกไปตอนนี้ข้ามาช่วยเจ้าเสือสีทองส่งสาร(จดหมายนั่นแหละ)อยู่
งั้นเจ้าพาไปหาทุกคนเลยแล้วกัน
“งั้นข้าถามเจ้าหน่อยถ้าพาไปเจอแล้วเจ้าจะรู้ไหมว่าใครเป็นผู้รับสารตัวจริง”
...
“หึ...ไม่รู้ล่ะสิ งั้นเจ้าบอกสิ่งที่เจ้าพอจะรู้มา”
เป็นผู้หญิงเผ่านางไม้ อายุประมาณ 16-17 ปี ผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวซีด ตาสีเขียว
“อ๊ะ! ข้ารู้แล้วนางนั่นเอง”
เจ้ารู้จักรึ
“นางเป็นลูกสาวของเถ้าแก่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งไล่ข้าออกเมื่อเช้านี้เองแหละ”
เสียงอึกทึกดังออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวร้านใหญ่ ผู้คนต่างคุยกันเสียงดังทำให้รู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่เผ่านางไม้แต่เป็นเผ่าต่างๆที่เข้ามาแวะพัก
เมื่อข้าเดินเข้าไปในร้านทุกอย่างในร้านต่างเงียบกริบทุกคนมองมาที่ข้าราวกับว่ามองตัวประหลาด เอ๋...ไม่ใช่สิมองมาที่มาร์เอลต่างหาก
“นั่นมันสัตว์เทพเมฆาไม่ใช่รึ”
“นั่นคนขององค์กรส่งสารแห่งสามภพนี่นา”
“ร่างเสือขนสีทอง...ไม่จริงน่าอย่าบอกน่ะว่าเจ้านั่นเลือก...คนไม่ได้เรื่องพันนั้น”
เสียงซุบซิบดังจากทั่วทุกทิศทางจนเริ่มฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ที่แน่ๆเลยคือเจ้าพวกนี้มันกำลังนินทาข้านี่หวา!
“เจ้ากลับมาทำอะไรที่นี่ซินเซร์ ข้าจำได้ว่าข้าไล่เจ้าออกไปแล้วน่ะ”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นเบื้องหน้าข้า อ่า...สงสัยว่าข้าจะคิดเพลินไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าเถ้า-แก่มายืนตรงหน้าข้าตั้งแต่เมื่อไร
ข้าว่าเจ้ามันทึ่มเองต่างหาก
“ทึ่มบ้านเจ้าน่ะสิ”
ข้าหันไปค้อนขวับใส่มัน และสิ่งที่ข้าเห็นคือมุมปากที่วาดขึ้นเหมือนรอยยิ้มอย่างกำลังมีของเล่นสนุกๆให้มันได้เห็น พลันบรรยากาศรอบๆตัวข้าเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
“ซินเซร์...เจ้ากล้ามากนักน่ะที่มาเหยียบร้านข้า แล้วยังหาว่าข้าทึ่มอีกเจ้ามัน...สมควรตาย!”
เฮือก...ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าเสือบ้ามันถึงได้ยิ้มอย่างสนุกสนานปานนั้น ก็ในเมื่อสิ่งที่มันกำลังรอดูอยู่นั้นคือความหายนะของข้าน่ะสิ!
“ดะ เดี๋ยวก่อนเถ้าแก่ข้าไม่ได้เจตนะ...ว๊ากกกกก!”
เปรี้ยง! เสียงไม้(แขน)ฟาดเข้ามาที่ตัวข้าเต็มๆไม่มีออมแรงนั้นทำเอาข้ากระเด็นออกนอกร้าน ส่วนเจ้าเสือ...มันกระโดดขึ้นไปนอนบนโต๊ะอาหารพลางมองข้าอย่างสบายอารมณ์
ดะ...เดี๋ยวสิข้ามาช่วยมันส่งจดหมายนี่หว่า แล้วทำไมมันถึงกำลังมองข้าเหมือนมองของเล่นอย่างนั้นล่ะแถมยังไม่คิดจะช่วยข้าอีก
และเพราะข้ามัวแต่มองเจ้าเสือทำให้เถ้าแก่ที่เดินมาถึงตัวข้า(ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้)วาดแขนที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้ขึ้นสูงตีใส่จนข้ากระเด็นอีกรอบ ข้าลุกขึ้นยืนด้วยความจุกก่อนจะร่ายเวทลมสั้นๆสร้างเด็กผู้ชายสองคนพร้อมดาบไม้ที่อยู่ในมือ
“ทำไงก็ได้ให้เถ้าแก่สลบไปที”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับแล้วกระโจนออกไปขวางเถ้าแก่ที่คิดจะทำร้ายข้า สองฝ่ายพลัดกันลุกพลัดกันรับได้อย่างสู้สีจนกระทั่งเถ้าแก่เริ่มเห็นว่าตัวเองอาจจะหมดแรงจึงร่ายเวทเป็นภาษาเผ่าต้นไม้ สร้างต้นไม้ที่เหมือนกับตัวเองออกมาอีกต้นหนึ่ง
ข้ารีบร่ายเวทสร้างหอกขึ้นมาทันทีแล้วร่วมวงต่อสู้ด้วย
เฮ้ๆๆ...อย่างมองเหมือนข้าจะไปเป็นตัวถ่วงอย่างงั้นสิเห็นอย่างนี้ข้าก็เก่งใช่ย่อยนา ไม่อยากจะโม้อะไรหรอกน่ะแต่เมื่อก่อนข้ามีอาชีพเป็นนักผจญภัยเลยเชียวนา(นี่ไม่ได้โม้แล้วน่ะ)
ข้ากระโจนเข้าใส่เถ้าแก่ที่ข้าเคยทำงานด้วย วาดหอกออกเป็นวงกลมก่อนจะหาจังหวะแทงใส่อย่างรวดเร็ว เถ้าแก่ถอยหลังออกไปตั้งหลักก่อนจะกระโจนใส่ข้าอีกครั้งข้าหมอบหลบแขนที่กำลังจะฟาดหน้าข้าไปอย่างฉิวเฉียดพลันข้านึกบางอย่างออกก่อนจะหมอบตั้งท่ากระโจนเข้าหาเถ้าแก่อย่างรวดเร็วแทงหอกออกไป...
“หึ...เจ้าดูถูกข้ามากไปแล้ว!”
เถ้าแก่ยิ้มเยาะราวกับเตรียมตัวกุมชัยชนะเต็มที่ ข้ายิ้มพลางแทงหอกเข้าใส่เถ้าแก่หลบหอกข้าก่อนจะวาดแขนใส่ข้าเต็มแรง
“เสร็จข้าล่ะ!”
ขณะที่โดนฟาดข้าใช้หลังหอกแทงใส่เถ้าแก่อย่างแรง! เถ้าแก่สลบไปพร้อมกับข้าที่ถูกฟาดกระเด็นไปกระแทกต้นไม้ ร่างแยกอีกร่างสลายกลายเป็นกิ่งไม้เล็กๆไปทันที ข้าคลายเวทลมพลางเดินเข้าไปใกล้ๆเถ้าแก่
“ข้าขอโทษ ข้ามีความจำเป็นจริงๆ”
ข้าก้มหัวลวกๆก่อนจะหันไปต่อว่าเจ้าเสือขนสีทอง
“เจ้าเสือเนรคุณ ข้าอุตส่าห์ช่วยเจ้าแต่เจ้ากลับไม่ช่วยข้าเนี่ยน่ะเจ้าบ้า!”
แล้วข้ามีเหตุผลอะไรที่ต้องช่วยเจ้าล่ะ
“จะ...เจ้าเสือเนรคุณข้าไม่น่าไปช่วยเจ้าเลยเจ้าบ้า ทำไมโชคชะตาถึงโหดร้ายกับข้านักที่ต้องมาเจอกับเจ้าเสือไม่รู้จักบุญคุณอย่างเจ้า @ %@$_(*^@+&$$#@^^$^ %#$&&^$%**%@!^()--++*!$%*&)+(&$#( % $@*_ () # (*$(%# *%$*t^ &*(+% ^*”
ข้าไม่อยากขัดจังหวะเจ้านักหรอกน่ะ แต่...คิก ทุกคนมองเจ้าแปลกๆน่ะ ฮ่าๆๆๆ
ข้าหยุดต่อว่าโชคชะตาของข้าที่ทำให้มาเจอกับเจ้าเสือพลางมองรอบตัว ทุกคนมองข้าด้วยสายตาแปลกประหลาดก่อนจะมีหนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“เฮ้...พวกเจ้าว่าเจ้านั้นมันสติไม่ดีกันรึเปล่า”
“ข้าว่าน่าจะใช่น่ะ”
“เอ่อ...ข้าเปล่าน่ะ! ข้าปกติดีทุกอย่าง”
คิก ใครเค้าจะเชื่อเจ้า
“มันก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่รึไงกันเจ้าบ้า!”
ข้าหันไปตวาดใส่เจ้าเสือ แต่ทว่า...ไม่ใช่เจ้าเสือ! ตรงหน้าข้ากลับกลายเป็นนัก-ผจญภัยหน้าโหด! ข้าได้แต่ยิ้มแห้งหันรีหันขวางมองหาเจ้าเสือก่อนจะขอโทษแล้ววิ่งสุดชีวิตตามเจ้าเสือที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปไกลแล้ว
“นี่เจ้าเสือแล้วเจ้าให้จดหมายกับเวนดี้การ์รึเปล่า”
ข้าหาตัวนางไม่เจอ
“หาไม่เจอ? หมายความว่าไง”
นางอาจไม่ได้อยู่ที่นั่นแต่แรก เพราะข้าไม่ได้กลิ่นเหมือนมีผู้หญิงเลย
“เจ้าบ้ารึเปล่า ผู้หญิงเยอะแยะแต่เจ้ากลับไม่ได้กลิ่น อ๊ะ! ไม่สิเจ้ารู้ได้ไงว่าไม่มีกลิ่นนาง เอ๊ะ! หรือว่าเจ้าเป็นหมา”
เจ้าบ้า! ข้าเป็นเสือเฟ้ยเสือน่ะเจ้ารู้จักไหมและข้าก็ไม่ได้เป็นหมาด้วย
“โอเค หมาก็หมาเอ๊ย! ไม่ใช่เสือก็เสือ”
เจ้าจะหาเรื่องข้าใช่ไหม
“อ๊ะ! ข้าเปล่าน้า~”
เหอะ!
“เออใช่...แล้วตกลงเจ้ามาทำอะไรบนหลังคาบ้านเถ้าแก่กัน”
ข้าขึ้นไปยืนอย่างทุลักทุเลอยู่ที่ขอบหลังคา ในขณะที่เจ้าเสือกระโดดขึ้นไปยืนอย่างสบายอารมณ์
เจ้าไม่ถามข้าสักเรื่องมันจะตายไหม
“อะไรกันข้าแค่อยากรู้เอง”
ข้าทำปากจู๋แก้มป่องอย่างน้อยใจ
“ใช่ซี่ ยังไงข้าก็เป็นแค่เด็กตาดำๆ...”
ได้ข่าวว่าเจ้าตาสีฟ้าน่ะ
ข้ารีบแก้ใหม่ทันที
“ตาฟ้าๆคนหนึ่งที่หลงผิดเมตตาดี (เหรอ) ไปช่วยเสือบางตัวที่นอนจมกองเลือด (จริงนิดๆ) แล้วถูกตามล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย (เริ่มใส่สี) แถมยังต้องเหนื่อยฟรี (เริ่มใส่ไข่) คอยช่วยเสือบางตัวทำงานงกๆๆ อ่า...ทำไมน้าฟ้าถึงไม่เห็นใจข้าบาง ข้าน่ะวันๆทำแต่ความดีไม่เคยคิดชั่ว มีเมตตากรุณา (รู้สึกว่าหลังๆจะไม่เกี่ยวน่ะ) คอยช่วยเหลือคนทุกข์ยาก ทำไมน่ะ ทำไม... ทำไม...”
...
“ฮึก...โชคชะตาช่างไม่เห็นใจข้า~”
เงียบ! เถ้าแก่ของเจ้าออกมาแล้ว
ข้าหยุดต่อว่าโชคชะตา แล้วมองตามที่เจ้าเสือพูด อ่ะ! ใช่จริงๆด้วยเถ้าแก่ที่ข้าทำให้สลบไปเมื่อตอนบ่ายเดินออกมาจากร้านพร้อมกับคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง และคนตรงกลางนั่นมันเวนดี้การ์นี่นา! เถ้าแก่คิดจะพานางไปไหนกันแถม...ยังไปกับคนแปลกๆนั่นอีก
“นี่ๆๆ เจ้าเสือ”
ฮึ่ย เจ้ามีอะไรยุ่งยากจริง
“ข้าแค่จะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นแหละคือเวนดี้การ์”
เจ้าว่าไงน่ะ แต่...เมื่อกลางวันข้าแน่ใจแน่ๆว่าข้าไม่ได้กลิ่นนาง
“เดี๋ยวก่อน! คนพวกนั้น...”
ข้าหรี่ข้าเหมือนนึกอะไรออก
“ใช่แล้ว คนพวกนั้นเมื่อตอนเช้ามันตามล่าเจ้านี่น่า!”
ข้าว่าเรื่องนี้มันชักแปลกๆแล้วสิ
“อืม พวกเรารีบตามไปเถอะ”
เจ้าเสือกระโดดจากหลังคาลงสู่พื้นอย่างเงียบกริบข้ากระโดดตามไปติดๆแต่ทว่า...ขากางเกงข้าติดอยู่กับตะปูทำให้จากที่ควรลงพื้นดีๆกลับเปลี่ยนเป็นหัวข้าเตรียมโม่งพื้น! ราวกลับภาพสโลวข้าที่ตกใจเผลอถีบกำแพงทำให้ข้าหัวที่ควรโม่งพื้นเปลี่ยนทางตกลงไปในถังขยะแทน...โครม!
หือ นั่นเจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ อยากลงไปอาบขยะงั้นรึ
“บ้า ใครอยากลงไปในถังขยะกันเล่า”
เจ้าเสือไม่ฟังที่ข้าพูดมันเดินตามเถ้าแก่ไปอย่างเงียบเชียบ ข้ารีบลุกมาปัดตามเนื้อตัวที่เลอะไปด้วย เอ่อ...ขยะ ก่อนจะรีบตามมันไป
เดินตามได้ซักพักรอบข้างเริ่มเปลี่ยนจากบ้านเรือนเป็นต้นไม้ใหญ่กลุ่มคนด้านหน้ายังเดินต่อไปอย่างไม่ลดละจนไปหยุดหน้าผา เอ๋...นี่มันหน้าผาท้ายหมู่บ้านนี่หว่าเถ้าแก่มาทำอะไรตรงนี้กันแน่
“อ่า...ตามข้อตกลงถ้าท่านถูกใจลูกสาวข้าท่านก็จะสู่ขอนาง”
“ท่านพ่อ! ไหนท่านว่ามีธุระกับข้าไงแล้วนี่มันหมายความว่าอะไร สู่ขออะไรกันข้าไม่แต่ง!”
“เจ้าน่ะเงียบไปเลย ข้าตกลงกับคน...ท่านเค้าแล้วเจ้าไม่มีสิทธิ์พูด”
เถ้าแก่ถลึงตามองลูกสาวหรือก็คือเวนดี้การ์ ท่านที่เถ้าแก่พูดถึงก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“ไม่เป็นไรหรอกเถ้าแก่... ข้าตกลงเงินที่เหลือข้าจะให้ลูกน้องนำมาในวันรุ่งขึ้นแล้วข้าก็จะมารับเจ้าด้วยเจ้าสาวของข้า”
ท่านยิ้มมุมปากนิดๆก่อนจะเดินเข้าไปหาเวนดี้การ์ นางมองคนตรงหน้าอย่างระแวง
“ข้าไม่ใช่เจ้าสาวของเจ้า ข้อตกลงอะไรนั่นข้าก็ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย”
“เจ้าว่าอะไรน่ะ! ข้าตกลงกับพ่อของเจ้าแล้วและพ่อของเจ้าก็รับเงินจากข้าไปแล้วด้วย”
“เป็นความจริงหรือท่านพ่อ ท่านขายข้างั้นรีท่านพ่อ ท่านเห็นข้าเป็นตัวสิ่งของที่ซื้อขายด้วยเงินงั้นรึ”
สองพ่อลูกต่างเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ให้ใครจนเสียงทะเลาะเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ก็เพราะท่านพ่อ...ท่านพ่อไปเล่นพนันไม่มีเงินจ่ายหนี้ท่านแม่ถึง... ถึงโดนเอาตัวไป!”
เพี๊ยะ! เวนดี้การ์หน้าหันไปตามแรงที่ถูกผู้ที่ตัวเองเรียกว่าพ่อตบหน้า นางหันหน้ามาช้าๆด้วยใบหน้าที่นองน้ำตา
“เวนดี้การ์”
“ท่านพ่อ ท่านไม่เคยนึกถึงจิตใจข้าเลยสักครั้ง”
ขณะนางพูดนางค่อยๆเดินถอยหลังไปที่ละก้าว
“ข้าก็เป็นคน มีชีวิต มีจิตใจ ข้าไม่ใช่เครื่องจักรที่ไม่มีอารมณ์เป็นของตัวเอง ข้าอยากเป็นตัวของข้าเอง แต่ท่าน...ท่านอยากให้ข้าเป็นเครื่องจักรคอยทำตามทุกอย่างที่ท่านต้องการ ทั้งๆที่... ทั้งๆที่ข้าไม่ต้องการมันเลย! ไม่ต้องการสักนิดเดียว!”
เวนดี้การ์เดินถอยหลังไปเรื่อยจนถึงขอบหน้าผาในที่สุด
“มาร์เอล ข้าว่าเรื่องชักไม่ค่อยดีแล้วสิ”
นางกำลังคิดฆ่าตัวตาย!
“เวนดี้การ์! ถอยห่างจากหน้าผาเดี๋ยวนี้”
“ในเมื่อท่านต้องการให้ข้าเป็นเครื่องจักร... งั้นข้าขอตายเสียดีกว่า”
“เวนดี้การ์!”
เวนดี้การ์ทิ้งตัวลงไปตามหน้าผา ข้าที่นัดแนะกับมาร์เอลแล้วว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ข้ารีบแหว่งตัวเองไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตัวข้าพุ่งไปตรงกับที่เวนดี้การ์ร่วงข้าใช้เวทย์ลมเสริมความเร็วไปอีกขั้น ข้าจับเวนดี้การ์ที่กำลังร่วงได้อย่างเฉียดฉิว
“จะ...เจ้า มาช่วยข้าทำไม”
“อืม...เพราะข้าเป็นคนดีน่ะสิ”
แหวะ เลิกหลงตัวเองเหอะ ข้าได้ยินแล้วจะอ้วก
ข้าดึงตัวเวนดี้การ์ขึ้นมา รอบตัวข้าตอนนี้มีคนชุดดำล้อมไว้หมดมาร์เอลขู่อยู่กลางวง
“ต้องขอบใจที่ช่วยเวนดี้การ์แต่ข้าต้องขอนางคืน”
“อืม...เอาไงดีล่ะมาร์เอล”
หึๆๆ เจ้าก็ใช่ย่อยเล่นซักนิดซักหน่อยคงไม่ว่ากันน่ะ
“ตามใจเจ้า”
มาร์เอลคำรามอย่างชอบใจก็จะกระโจนเข้าไปตะลุมบอนกับคนชุดดำ ที่นี้ก็เหลือแค่เถ้าแก่ เวนดี้การ์ ผู้ชายคนนั้นกับข้าแล้วสิน่ะ
“ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปกับเจ้าพวกนั้น”
เวนดี้การ์ดึงชายเสื้อพร้อมกับหลบหลังข้า แต่ขอโทษเถอะข้ามันเป็นพวกเห็นแก่ตัวเสียด้วย
“อ่า...เอาไงดีล่ะข้าก็ไม่ใช่พวกฮีโร่ด้วยเจ้าติดหนี้ชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่งไว้เคลียร์ที่หลัง แต่เจ้าขอความช่วยเหลือข้าเจ้ามีอะไรตอบแทนล่ะ”
“ข้า...ข้ามีมุกแฟรี่อยู่เม็ดหนึ่งหากท่านช่วยข้า ข้าจะยกมันให้ท่าน”
นางว่าแล้วหยิบสร้อยคอออกมา ที่จี้มีมุกกลมๆสีเขียวใสงดงามเกินบรรยาย
ว้าวๆๆๆ! นั่นมันมุกแฟรี่ภูตนี่หว่า หายากเสียด้วย
“ตกลงข้าจะช่วยเจ้า”
ข้าว่าพลางเริ่มร่ายเวทระดับกลางบทหนึ่งสั้นๆออกมา
“I summon the Wind Spirit Come to a call for me”
แสงสีเขียวจางเปล่งออกาตรงหน้าข้า ร่างเพรียวระหงปรากฏอยู่ตรงหน้าผมสีฟ้ายาวตรงถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปไข่สวย จมูกโด่งรับกับปากสีชมพูอ่อนเป็นธรรมชาติ ตาที่ปิดสนิทลืมขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตกระพริบถี่ๆ นางใส่เดรสสายเดี่ยวสีขาวสบายตัว
“อ้าว สายัณห์สวัสซินเซร์”
เสียงหวานเอ่ยเนิบๆช้าๆไพเราะราวกระดิ่งเงิน
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันช่วยข้าที”
“โธ่! เดี๋ยวนี้เจ้าเรียกข้ามาใช้งานอย่างเดียวงั้นรึ ฮึก...เจ้ามันใจร้าย”
มาแล้ว! มุกร้องไห้ของเทพธิดาลม
“พอเถอะ เจ้าร้องไห้ไปก็ไม่ประโยชน์อะไรหรอกฟาลี่”
ข้าลืมแนะนำ ฟาลี่คือเทพธิดาแห่งลมหรือก็คือธิดาลมนั่นแหละ ก็ตามชื่อนางเป็นเผ่าลม นางสามารถใช้ลมได้อย่างอิสระและเป็นเผ่าเดียวที่สามารถบินได้โดยไม่ต้องพึ่งปีกไม่ต้องร่ายเวทใดๆทั้งสิ้น
“เชอะ ข้าเกลียดเจ้าจังเลยซินเซร์”
ฟาลี่ทำปากจู๋ พูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากมาย
“ฟาลี่กางโดมป้องกัน”
ฟาลี่ประกบมือเข้าด้วยกันก่อนจะกางออกช้าๆ กลางฝ่ามือมีแสงสีเขียวจาง เมื่อฟาลี่กางแขนออกจนสุดแสงสีเขียวก็กลายเป็นโดมเล็กๆปกคลุมตัวเวนดี้การ์
“ข้าบอกให้เจ้าคืนเวนดี้การ์มา”
“อ่า...คงไม่ได้ข้ารับปาก (พร้อมของกำนัล) จากนางมาแล้วเสียด้วยและข้าก็เป็นพวกพูดคำไหนคำนั้น”
“จะ...เจ้า!”
“ใจเย็นก่อนท่านแครนเดล ข้าจะลองพูดกับนางดู”
โอ้... ที่แท้ชายคนนั้นคือแครนเดลเองรึ แครนเดล เวปปาร์สิน่ะ ตระกูลเวป-ปาร์น่ะเป็นตระกูลที่ถือว่ารวยมว๊ากกกกก ฉากหน้าทำเป็นผู้ค้าอัญมณีรายใหญ่แต่ที่จริงลับหลังทำงานผิดกฎหมายทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นค้าทาส ค้าเด็ก ลักลอบขุดอัญมณีเถื่อน หรือแม้กระทั่งขโมยของสำคัญๆของชนชั้นสูงและราชวงศ์ไปขายทอดตลาดมืด และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน
แต่...เถ้าแก่ไปรู้จักคนชั่วๆอย่างนี้ได้ไงกัน
“ซินเซร์ ข้าขอคุยกับนาง”
ข้าเลิกคิ้วหันไปทางเวนดี้การ์ นางเม้มปากแน่นราวกับกำลังตัดสินก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ข้าให้เวลา 5 นาที”
ข้าว่าพลางเดินหลีกทางให้ เถ้าแก่เดินเข้าไปใกล้เวนดี้การ์เอื้อมมือขึ้นจะสัมผัสใบหน้าของนาง
“อ่ะๆๆ เถ้าแก่อย่าคิดจะแตะต้องโดมป้องกันจะดีกว่าน่ะ เถ้าแก่อาจจะมีแผลจนถึงแขนขาดได้เลยล่ะ!”
มือที่กำลังเอื้อมไปแตะชะงัก เถ้าแก่ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยถามเวนดี้การ์
“ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมแต่งงาน”
“เพราะข้าไม่ได้รักเขา”
“งั้นถ้านี่เป็นคำขอร้องของพ่อล่ะ”
“ข้าก็จะไม่เชื่อท่าน ไม่ฟังท่านเพราะข้าไม่ใช้เครื่องจักรที่จะทำตามคำสั่งของใคร”
“เวนดี้การ์ ข้าเพียงแต่จะหาคนดีๆมีฐานะให้เจ้าเท่านั้นเพราะข้าไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำรอยเดิมเหมือนที่แม่เจ้าไปคว้าพ่อค้าจนๆอย่างข้าเป็นคู่ชีวิตทำให้ครอบครัวเราต้องพังพินาศเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า”
“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าไง”
เวนดี้การ์มองเถ้าแก่อย่างไม่เข้าใจ ดวงตาสับสนเมื่อจะได้รับฟังความจริงบางอย่างจากพ่อตัวเอง เถ้าแก่ถอนหายใจอีกรั้งก่อนจะเปิดปากเล่าบางอย่างที่ผ่านมานานแสนนานมาแล้ว
“เมื่อ 13 ปีก่อนที่แม่เจ้าถูกพาตัวไปด้วยเหตุผลบางอย่าง”
“เหตุผล? เหตุผลอะไรมิใช่เพราะท่านพ่อหรอกรึ”
“เหตุผลนั้นอาจเกี่ยวถึงข้าด้วย นั่นเป็นเพราะ...สัญญาของข้ากับตระกูลของแม่เจ้า
ที่จริงตอนที่ข้ากับแม่เจ้าตกลงจะแต่งงานกันทางตระกูลของทางนั้นค้านหัวชนฝาไม่ว่าอย่างไรข้ากับแม่เจ้าแต่งงานกันไม่ได้ เรื่องราวนี้ยาวนานเกือบ 2 ปี ตระกูลแม่เจ้าพยายามที่จะให้แม่เจ้าแต่งงานกับคนที่มีฐานะเท่าเทียมกันแต่ทุกครั้งที่จัดงานแต่งงานก็ล่มไม่เป็นท่าทุกครั้งไป จนทางตระกูลเริ่มกังวลเรื่องลูกหลานที่จะสืบทอด”
“เอ่อ...ขอข้าขัดจังหวะสักนิด ทำไมถึงไม่ให้คนอื่นมาสืบทอดแทนแม่ของเวนดี้-การ์ล่ะ”
“ในรุ่นของแม่เวนดี้การ์เพราะเป็นนางลูกคนเดียวของตระกูลในตอนนั้นที่เป็นทายาทได้ แต่นางเป็นหญิงมิอาจสืบทอดสมบัติของตระกูลได้”
อย่างงี้นี่เองแสดงว่านางต้องให้กำเนิดลูกชายเท่านั้น เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนแล้วทำไมนางถึงได้แต่งงานกับเถ้าแก่ล่ะ
“แล้วทำไมนางถึงได้แต่งงานกับท่านล่ะ”
“เพราะสัญญาไง ข้าได้ทำสัญญาตกลงกับทางตระกูลไว้ถ้าข้าสามารถมีลูกชายได้ข้าก็จะได้รับการยอมรับจากตระกูลของนาง”
“แล้วที่ข้าเกิดมาล่ะ”
“เราสองคนลุ้นอยากให้เจ้าเกิดมาเป็นลูกชายแต่เจ้าเกิดมาเป็นหญิง ขอสัญญาจึงเป็นโมฆะ แม่เจ้าไม่ยอมแพ้แต่ไม่ว่าจะท้องสักกี่ครั้งแม่เจ้าก็แท้งทุกครั้ง
เราสองคนจึงได้แกล้งบอกทางตระกูลไปว่าเด็กที่เกิดมาเป็นชาย แต่เจ้าเป็นโรคร้ายแรง ข้ากับแม่เจ้าบอกเรื่องนี้กับทางตระกูลว่าเด็กที่เกิดมาเป็นโรคซึ่งเรื่องก็เป็นเรื่องจริง ทางตระกูลยอมเชื่อแม่เจ้าคอยส่งเงินเป็นค่ารักษาเป็นระยะๆ เกือบ 5 ปีได้จนทางตระกูลเริ่มเอะใจสงสัยได้ส่งคนมาคอยตามดูจนในที่สุดทางนั้นก็รู้และโกรธมาก”
“เดี๋ยวๆๆ งั้นที่บอกว่าเรื่องที่แม่เวนดี้การ์ถูกพาไปเมื่อ 13 ปีก่อนล่ะนั่นมันหมายความว่าไง”
“ข้ากับแม่ของเวนดี้การ์หนีมาหลบที่นี่น่ะสิ แต่หลังจากหลบมา 8 ปีทางตระกูลก็หาเจอและพาแม่เจ้ากลับไป”
“งั้นท่านโกหกข้าทำไม”
เวนดี้การ์หน้าซีดพลางถามซ้ำไปซ้ำมาว่า ‘ทำไม’
“เพราะงั้นข้าไม่อยากให้ประวัติมันซ้ำรอยเดิม เลยอยากให้เจ้าแต่งงานกับคนดีมีฐานะ”
ข้าฟังแล้วทำหน้าพะอืดพะอมแล้วเฉลยเรื่องแครนเดล “ข้าว่าท่านคงเข้าใจผิดท่านแครนเดลน่ะรึเป็นคนดี เฮอะ! งั้นข้าจะเฉลยให้ฟังน่ะ”
ข้าว่าพลางชี้นิ้วไปที่แครนเดล “ทำธุรกิจค้าอัญมณีเป็นฉากหน้าเท่านั้นแหละส่วนเบื้องหลังน่ะเป็นค้าทาส ค้าเด็ก ค้าผู้หญิง ลักลอบขุดอัญมณีเถื่อนทำทุกอย่างเพื่อเงินทั้งนั้นแหละแล้วอย่างนี้เจ้ายังบอกว่ามันเป็นคนดีอีกรึเถ้าแก่”
เถ้าแก่อึ้งไปพักใหญ่ส่วนแครนเดลตอนนี้หน้าแดงอมเขียวไปหมดแล้วที่ถูกเผยความลับ (ชั่ว) ที่อุตส่าห์ปิดบังมา
“ท่าทางเจ้าจะรู้มากไปน่ะ งั้นข้าว่าพวกเจ้าอย่าอยู่เลยดีกว่าหน่วยสังหารจัดการ!”
สิ้นเสียงแครนเดล เงาดำมากมายออกมาจากที่ซ่อนไม่ได้มามือเปล่านะออกมาเป็นมีดบินพุ่งตรงมาทางพวกข้าด้วย ฟาลี่วาดมือเพียงนิดเดียวมีดบินที่พุ่งมาทางข้าก็ร่วงลงพื้นอย่างง่ายดาย ข้าหันไปมองทางเถ้าแก่ด้วยความเป็นห่วงแต่เมื่อหันกลับไปเห็นเจ้าเสือขนสีทองปัดมีดที่มาทางขวาและซ้ายพร้อมกันที่เดียวแล้วรับมีดที่เหลือด้วยปาก
“เจ้ามันจอมอึดจริงๆ”
“นี่ๆซินเซร์ข้าอยากไปเล่นกับพวกทางนู้นได้ไหม”
ข้าหันไปมองฟาลี่บอกตามใจ ฟาลี่รีบเอ่อ...เหาะ?ไปอย่างเร็วแล้วไปเล่นกับคนชุดดำส่วนหนึ่ง ข้าหันกลับไปมองแครนเดลที่ยืนอยู่กับคนชุดดำอีก 5-6 คนก่อนจะร่ายเวทสร้างหอกออกมาแล้วเดินเข้าไปหาแครนเดล ชายชุดดำกระโจนเข้าใส่ข้าแต่แค่เบี่ยงหลบเพียงเล็กน้อยข้าก็สามารถหลบได้อย่างง่ายดายก่อนจะหันหลังกลับไปฟาดหอกใส่ที่ต้นคอ แล้วเบี่ยงหลบอีกคนที่พุ่งมาด้านหลังใช้หอกกันมีดสั้นที่พุ่งมาทางขวาแล้วใช้มือรับมีดบินอีกสองเล่นที่มาทางซ้ายก่อนจะปามีดบินคืนไป มีดบินพุ่งตรงเข้าเป้าอย่างเงียบกริบที่จุดตายของคนชุดดำสองคนแล้วใช้แรงพลักคนที่พุ่งมีดสั้นมาก่อนจะกลับหลังฟาดหอกเข้าใส่กระโดดหลบมีดบินที่พุ่งเข้ามาใช้กลังหอกฟาดอีกคนที่อยู่ด้านหลังสลบไป แล้วแทงหอกออกไปข้างหน้าทะลุเข้าที่ท้องของคนถือมีดสั้นข้าร่ายเวทลมเคลื่อนที่ฉับพลันก่อนจะหายไปอยู่หลังคนชุดดำคนสุดท้ายพร้อมฟาดหอกเข้าที่ต้นคอ
ข้าก้มตัวตีมือเบาๆไปที่ข้างกางเกงก่อนจะหยิบถุงออกมาสองถุงเก็บใส่กระเป๋าแล้วใช้เวทเคลื่อนที่ฉับพลันไปที่คนอื่นๆทำแบบๆเดียวกันเดะ
เฮ้ๆๆ อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นสิข้าไม่ได้ขโมยน่ะแค่เรียกร้อง ‘ค่าทำขวัญ’ ที่ทำให้ข้าตกใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง
“จะ...จะ...เจ้าเป็นใครกัน”
ข้าหันไปตามเสียง แครนเดลยืนด้วยขาสั่นๆก็นั้นสิน่ะลูกน้องโดนจัดการเรียบขนาดนี้ก็คงจะกลัวสิน่ะ
“ข้า? ข้าก็ซินเซร์ซาโซเรซัสไง”
เจ้าเสือขนทองคำรามใส่ข้าอย่างไม่พอใจ แต่แครนเดลได้ยินก็ตาเหลือกสลบไปแล้ว
เจ้าก็ไม่เลวเหมือนกันนะ ซินเซร์
ข้าหันไปมองเจ้าเสือแวบหนึ่งก่อนจะเดินไปหาเถ้าแก่กับเวนดี้การ์ที่ตอนนี้คาดว่าคงคุยกันรู้เรื่องแล้ว
“ฟาลี่ปลดโดมป้องกัน”
ฟาลี่สะบัดมือทีหนึ่งแสงสีเขียวจางที่แผ่บางๆหดเล็กลงและหายไปในที่สุด หลังโดมคุ้มกันก็หายไปเวนดี้การ์วิ่งเข้าไปกอดเถ้าแก่พลางร้องขอโทษขอโพยที่ตัวเองได้ว่าพ่อตัวเองไป นางหันมาขอขอบคุณข้าก่อนจะถอดสร้อยคอออกมาแล้วยื่นให้
“ยังต้องขอบคุณเจ้าด้วย”
ข้ายิ้มให้ก่อนจะหันไปหาเจ้าเสือเกือบลืมแนะว่าจุดประสงค์ที่จริงคืออะไร มาร์เอลสะบัดหางทีหนึ่งจดหมายบางๆสีเขียวอ่อนพาดลายเขี้ยวสีดำปรากฏออกมา มันลอยไปหาเวนดี้การ์
บอกนางให้เอ่ยชื่อรับ แล้วผลึกจะหลุดออกไปเอง
“เอ่ยชื่อรับสาร” เวนดี้การ์ยกจดหมายขึ้นมาแล้วเอ่ยชื่อตัวเองลายเขี้ยวสีดำส่องประกายวาบก่อนจะหายไปนางคลี่กระดาษออกแล้วอ่าน หลังอ่านจบทั้งนางและเถ้าแก่ทำหน้าตะลึงสุดขีดก่อนที่ใบหน้าของเถ้าแก่จะมีรอยยิ้มและใบหน้าของเวนดี้การ์มีน้ำตาสองสายไหลอาบแก้ม
“ขอบคุณพวกเจ้ามาจริงๆ และข้าขอโทษเจ้าด้วยซินเซร์”
ข้ายิ้ม หัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นนี่น่ะรึงานของผู้ส่งสาร
“มาร์เอล”
หืม...
“ข้าจะเป็นผู้ส่งสาร”
แนะนำตัวละคร
ชื่อ: ซินเซร์ซาร์โซเรซัส
อายุ: 987 ปี
เผ่า: ???
เชื้อสาย: ???
ดินแดน: เทพ
อาวุธ: ปืนเวทและหอกเวท
ท่าไม้ตาย: ???
ตำแหน่ง: ผู้ส่งสาร
นิสัย: เอาแน่เอานอนไม่ได้ออกจะทึ่มเสียด้วยซ้ำ แต่บางครั้งก็ฉลาดมากจนบางคน (ตัว) ถึงกับตกใจเลยทีเดียว มีความสามารถหลายอย่างและอีกหลายอย่างยังคงเป็นความลับ
คู่หู: มาร์เอลเมโกมัส
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น